คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 บทนำ
ตอนที่ 1
ใน ยุคโบราณ...มนุษย์ได้สร้างอารยธรรมต่างๆขึ้น อารยธรรมที่บ่งบอกถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธ์ ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆที่พวกเขาเห็นเป็นฝีมือของผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ และพวกเขาก็เรียกผู้ที่กระทำปรากฏการณ์ธรรมชาติว่า ‘เทพเจ้า’ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมีพิธีกรรมต่างๆเจ้าเพื่อเป็นการยกย่องสรรเสริญเทพเจ้า และพวกเขาก็เชื่อว่าเทพเจ้าเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของมนุษย์...
กาล เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนอารยธรรมหลายอารยธรรมต้องสูญสิ้นลง แต่ความเชื่อเรื่องเทพเจ้านั้นก็ยังคงฝังหยั่งรากลึกอยุ่ในทุกอณูของจิตใจมนุษย์ อีกทั้งซากปรักหักพังตามสถานที่ต่างๆก็ยังเป็นตัวบ่งบอกถึงความเชื่อเรื่อง เทพเจ้าได้เป็นอย่างดี...
และ ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าก็ยังคงมีอยู่จวบจนปัจจุบันหรือที่เรียกกันว่ายุค โลกาวิวัฒน์...ยุคที่เต็มไปด้วยความเจริญด้านเทคโนโลยี การแพทย์ วิทยาศาสตร์ และด้วยความที่ต้องใช้เวลากับการค้น คว้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ไม่ค่อยได้มีการทำพิธีกรรมในการบูชาเทพเจ้า ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงให้ความเคารพเหล่าเทพ แต่ไม่ใช่ในฐานะการกำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์ พวกเขาเคารพเทพเจ้าในฐานะที่เหล่าเทพเป็นพึ่งทางใจ...
มนุษย์หารู้ไม่ว่า...เทพเจ้ามีตัวตนจริง...และอีกไม่นานโลกมนุษย์ก็จะกลายเป็นสมรภูมิสำหรับเหล่าเทพเจ้าและอสูรกายจะรบราฆ่าฟันกัน!!
ณ บ้านหลังหนึ่งใจกลางกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ
ชาย หนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของผมสีทอง มีใบหน้าคมสันแบบวัยรุ่นระดับมหาวิทยาลัย อีกทั้งดวงตาสีฟ้าที่รับกับใบหน้าคมสันหล่อเหลาได้เป็นอย่างดีกำลังเริง สวาทอยู่กับหญิงสาวสวยคนหนึ่งอย่างเมามันบนเตียง ในจังหวะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มนั่นเองเสียงโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ‘โอลิมปัส แบล็กเบอร์รี่’ ก็ ดังขึ้น ทำเอาบทพิศสาสของหนุ่มสาวทั้งสองถึงแตกกระเจิง ชายหนุ่มรีบควานหาโทรศัพท์แถวหัวเตียงก่อนจะดูชื่อผู้ที่โทร.เข้ามา เมื่อเขาเห็นชื่อผู้ที่โทร.เข้ามาดวงตาสีฟ้าคู่คมก็เบิกโพลงจนลูกตาแทบถลน ออกนอกเบ้า ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มซีดและมีหยาดเหงื่อผุดตามใบหน้าเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ก่อนจะรีบกดปุ่มรับสายทันที
“ว...ว่าไงครับท่านพ่อ” เขากรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเจอเสียงดุดันของคนที่อยู่ในสายสวนกลับมา
“นี่!! ยามาโตะ!! งานที่พ่อให้แกไปทำน่ะ ทำไมยังไม่มาส่งอีก นี่มันเลยกำหนดส่งมาตั้งสามร้อยปีแล้วนะ!! ไอ้ลูกบ้า!!” เสียงของที่อยุ่ในสายทำเอา ‘อิชิดะ ยามาโตะ’ ถึงกับสะดุ้งเฮือกเพราะนึกขึ้นได้ว่า ‘ซุส’ ราชาแห่งเหล่าเทพเจ้ากรีกและเป็นบิดาของเขาสั่งให้เขาตระเวนสำรวจท้องฟ้า ทุกๆหนึ่งร้อยปีว่ามีเรื่องอะไรผิดปกติหรือไม่ ซึ่งเขาก็ได้ทำการสำรวจแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอย่างใด จึงลงบนโลกมนุษย์เพื่อหาความสำราญกับผู้หญิงชั่วครู่ แต่ไม่คิดเลยว่าไอ้ชั่วครู่ของเขามันผ่านมาถึงสามร้อยปีแล้ว!!
“ทำไม แกยังไม่มาส่งอีก ไปมุดหัวอยู่ไหนห๊ะ!! อ๋อ...นี่อย่าบอกนะว่าตอนนี้อยู่กับผู้หญิง นี่แกจะทำอะไรให้ชาวบ้านเค้าเดือดร้อนอีกแล้วใช่มั้ย นี่แกเคยนับบ้างไหมว่าพวกผู้หญิงพวกนั้นน่ะต้องทนแบกความรับผิดชอบเลี้ยงดู ลูกของเขากับแกมีกี่รายแล้ว เคยนับบ้างไหม!! ไอ้คำว่า ‘ความรับผิดชอบลูกเมีย’ น่ะ มีบ้างมั้ย!! ไอ้ลูกบ้า!! ไอ้ลูกชั่ว!! ไอ้ลูกเห็นแก่ตัว!!” ยามาโตะรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหูทันทีเมื่อซุสเริ่มบ่นเขาเรื่องผู้หญิงอีก แล้ว ไม่รู้จะบ่นไปทำไมก็รู้อยู่ว่าเขาเจ้าชู้และเป็นพวกเบื่อง่าย พอได้แล้วก็เขี่ยทิ้ง อย่าว่าแต่สนใจพวกผู้หญิงพวกนั้นเลย ขนาดบุตรธิดาของเขาที่เกิดกับผู้หญิงพวกนั้น เขายังไม่เคยคิดจะเหลียวแลเลยสักครั้ง
หญิงสาวผู้มีความเหมาะสมที่จะเป็นชายาออกหน้าออกตาของเขามีแค่คนเดียวเท่านั้น...'ยางามิ ฮิคาริ'...ธิดาของ 'อะโฟรไดท์' ผู้เป็นเทพบนเขาโอลิมปัสเช่นเดียวกันกับเขา
“อ่า...งานเสร็จแล้วครับพ่อ เดี๋ยวผมจะเอาไปส่งเดี๋ยวนี้แหละ” ว่าแล้วยามาโตะก็ตัดสายทิ้ง สร้างความไม่พอใจให้กับซุสเป็นอย่างมาก
ยา มาโตะเลิกผ้าห่มขึ้นก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมาสะบัด แล้วจัดการสวมใส่ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลแล้วหยิบเอกสารภายในขึ้นมาอ่านดูครู่ หนึ่งจึงเก็บลงซองเอกสารตามเดิม เขา หันกลับไปมองหญิงสาวที่มีเพียงผ้าห่มผืนบางปกปิดผิวกายและกำลังนั่งร้องไห้ ให้กับพรหมจารีที่เสียไป เธอรุ้ดีว่ายามาโตะต้องการแค่คู่นอนชั่วคราว แต่ถึงกระนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่อยากจะเรียกร้องให้เขารับผิดชอบ
“ยามาโตะ...” เธอเรียกชื่อชายคนรักเสียงสะอึกสะอื้น
“อะไร” ชายหนุ่มขานรับด้วยเสียงเย็นชา พลางเหลือบมองร่างบางที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชาอย่างไม่แยแสความรู้สึกของคนฟังว่าจะรู้สึกอย่างไร
“ถ้า คิดจะเรียกร้องให้ฉันรับผิดชอบล่ะก็...อย่าหวังเลย ฉันเคยถามความสมัครใจของเธอแล้วว่าจะยอมนอนกับฉันหรือเปล่า แล้วก็เป็นเธอที่อยากจะสานต่อเองนะ” ยามาโตะเอ่ยอย่างไร้ความรับผิดชอบ พลางจะลุกขึ้นยืนแต่ถูกร่างบางกอดจากทางด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงสะอื้นที่เอ่ยขึ้น
“แล้วถ้าฉันท้องล่ะ ฉันจะทำยังไง...ฉันเพิ่งจบมอหกเองนะ...”
“นั่น มันเรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับฉัน” คำพูดแสนใจดำที่หลุดออกมาจากปากของยามาโตะ ทำเอาหญิงสาวสวยถึงกับอึ้ง น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลรินไม่ขาดสายพร้อมกับกับเสียงสะอื้นดังไม่ขาดเช่น กัน ดูแล้วน่าเวทนายิ่งนัก
“ได้โปรด...ท่าน...อย่าทิ้งฉันไป...” หญิงสาวเอ่ยขอร้องทั้งน้ำตา ถ้าเธอตั้งครรภ์ขึ้นมา...เธอจะรับผิดชอบเลี้ยง ดูลูกอย่างไร เธอยังไม่ปีกกล้าขาแข็งถึงขนาดจะเลี้ยงลูกตามลำพังได้ ยามาโตะแกะมือเธอออกจากตัวเขาก่อนจะหันมาประจันหน้ากับหญิงสาว แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
“เสียใจด้วยนะ...การเลี้ยงบุตรธิดาไม่ใช่หน้าที่ที่ฉันต้องรับผิดชอบ ฉันไปล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตู แล้วออกไปโดยไม่หันกลับมาเหลียวแลหญิงสาวที่เขาเพิ่งจะประทับรอยราคีไว้บน เรือนร่างของเธออีกเลย
อีกมุมหนึ่งของกรุงเอเธนส์
ชาย หนุ่มร่างบางผู้เป็นเจ้าของผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม มีใบหน้าหวานละม้ายคล้ายผู้หญิงมากกว่าจะเป็นชายชาตรี ดวงตาสีน้ำตาลรับกับใบหน้าหวานสวมแว่นตาไร้กรอบกำลังนั่งจ้องเครื่อง คอมพิวเตอร์ยี่ห้อ ‘โอลิมปัส เอแคร์’ อย่างพินิจพิเคราะห์ข้อมูลบางอย่างภายในบ้านพัก ก่อนจะละสายตาเมื่อชายหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายเขากำลังเดินเข้ามา
“เป็น ยังไงบ้างไทจิ วันนี้ต้องใช้อุณหภูมิกับรังสีของดวงอาทิตย์เท่าไรล่ะ” ผู้มาเยือนเอ่ยทักทายพลางถามผู้เป็นบุตรชายที่กำลังนั่งวิเคราะห์ข้อมูล อย่างเคร่งเครียด
“อ้าว...ท่านพ่อ...มาเมื่อไรขอรับ จะมาจากโอลิมปัสทำไมไม่เมล์มาบอกกันก่อน จะได้เตรียมบ้านไว้ต้อนรับ” ‘ยางามิ ไทจิ’ เอ่ยถามผู้มาเยือนซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ‘อะพอลโล’ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และเป็นบิดาของเขานั่นเอง
“ก็ มานานแล้วล่ะ แล้วตกลงวันนี้ต้องใช้อุณหภูมิกับรังสีของดวงอาทิตย์เท่าไรล่ะ” อะพอลโลเอ่ยถามผู้เป็นบุตรชายอีกครั้ง ไทจิหันมามองพ่อก่อนจะหันกลับไปมองจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งแล้วตอบคำถามด้วย เสียงเรียบ
“ก็...วันนี้ ต้องใช้ความร้อนประมาณเกาสิบห้าองศาฟาเรนไฮครับพ่อ” ชายหนุ่มหน้าหวานตอบพลางเหลือบมองนอกหน้าต่างเห็นท้องฟ้าเป็นสีออกฟ้าออกส้ม ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าใกล้รุ่งอรุณแล้ว และเขาจะต้องไปทำหน้าที่ชักดวงอาทิตย์ขึ้นเพื่อให้แสงสว่างแก่โลกในวันใหม่ นั่นเป็นหน้าที่ที่อะพอลโลบิดาของเขาได้มอบหมายให้เขาทำแทน
“โอ๊ะโอ...ผมคงต้องไปทำหน้าที่ก่อนนะครับพ่อ” ไทจิเอ่ยพลางหยิบสายยูเอสบีมาเสียบเชื่อมตัวคอมพิวเตอร์กับไอโฟนยี่ห้อ ‘โอลิมปัส แอปเปิ้ล’ ไว้ด้วยกัน แล้วจัดการดาวน์โหลดข้อมูลรังสีดวงอาทิตย์จากคอมพิวเตอร์ลงไอโฟน พอดาวน์โหลดเสร็จเขาก็ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
ไท จิเดินออกจากตัวบ้านมาที่โรงเก็บรถม้าศึกพระอาทิตย์ที่มีประตูโรงรถปิดไว้ อย่างมิดชิด โดยมีอะพอลโลเดินตามหลังมา ไทจิควานหารีโมทคอนโทรในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบมันออกมา แล้วกดปุ่มเปิด ทันไดนั้นเองประตูโรงรถก็เปิดออกเผยให้เห็นรถม้าศึกพระอาทิตย์ยี่ห้อ ‘โอลิมปัส ลีมูซีน’ รถ คันนี้อะพอลโลได้ซื้อให้ไทจิเป็นของขวัญในวันที่ไทจิเกิดนั่นเอง เพราะรถม้าศึกพระอาทิตย์คันเก่าของอะพอลโลที่ใช้ม้าแทนเครื่องยนตร์ได้ถูกนำ ไปทิ้งเนื่องจากต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัยที่ไม่ว่าทำอะไรจะต้องรวดเร็วไป หมดทุกอย่าง ส่วนรถม้าศึกพระอาทิตย์ลีมูซีนคันนี้ แม้จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนตร์แต่อะพอลโลก็ยังคงตั้งชื่อว่ารถม้าศึกพระ อาทิตย์ตามเดิม ไทจิเข้าไปนั่งในรถ
“เดี๋ยว พอชักพระอาทิตยืขึ้นแล้วก็อย่าลืมไปรายงานซุสบนโอลิมปัสด้วยล่ะ” อะพอลโลเตือน ซึ่งไทจิก็พยักหน้ารับขณะที่กำลังเอาไอโฟนติดตั้งกับพวงมาลัย เพื่อที่ตนจะได้ไม่พลาดเรื่องการให้ความสว่างกับรังสีของดวงอาทิตย์ส่องมา ยังโลกผิดพลาดีอีก ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นอะพอลโลโกรธมากลงโทษให้เขาไปอยู่ในที่ที่ไร้ซึ่งแสงอาทิตย์เป็นเวลา เก้าร้อยปี ทรมาณแทบตาย!!
พอติดตั้งไอโฟนเสร็จ ไทจิก็หันมาล่ำลาบิดา
“ขับ รถระวังๆด้วยล่ะ” อะพอลโลเตือนลูกชายด้วยความเป็นห่วง เขารู้ดีว่ากำลังจะเกิดอุบัติเหตุกับลูกชายในไม่ช้านี้ แต่เขาจะทำอย่างไรได้ล่ะ ถึงแม้ว่าเขาจะมองเห็นอนาคตได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะแก้ไขอนาคตได้ หรอกนะ
“ไม่ ต้องห่วงครับพ่อ ยังไงก็ไม่มีใครทำอะไรผมได้อยู่แล้ว ลองให้มันมีมาสิเดี่ยวแม่เผาเรียบเลย” ไทจิพูดอย่างคะนองปากโดยไม่รู้ว่าบิดานั้นมองเห็นอนาคตอันใกล้ของเขาที่ กำลังจะเกิดขึ้นบนฟากฟ้า
“ไว้ เจอกันบนโอลิมปัสนะครับท่านพ่อ” พอร้ำลาเสร็จ ไทจิก็สตาร์ทรถม้าศึกม้าพระอาทิตย์แล้วขับออกไปด้วยความเร็วหลายล้านปีแสง เพื่อให้ทันก่อนที่ชาวโลกจะต้องใช้แสงสว่างในการดำเนินชีวิต อะพอลโลมองตามลูกชายอย่างเป็นห่วงพลางพูดอย่างเอือมระอากับลูกชาย แม้ว่าไทจิจะไม่ได้ยินก็ตาม
“ไทจิเอ๋ย...อีกไม่กี่นามีข้างหน้า...เจ้ากำลังจะได้พบกับเนื้อคู่ของ เจ้า...และจะทะเลาะกันตั้งแต่แรกพบเลยล่ะ...” สิ้นคำพยากรณ์อะพอลโลก็เดินไปขึ้นรถยี่ห้อโอลิมปัส ลีมูซีนคันสีดำแล้วขับออกไปด้วยความเร็วสูงสามร้อยกิโลเมตรต่อหนึ่งนาที
ทางด้านยามาโตะ เขากำลังขับรถยี่ห้อ ‘โอลิมปัส ฮุนได’ อยู่บนท้องฟ้าพลางมองหมูก่อนเมฆยามเช้าตรู่อย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมแล้วเหลือบมองหน้าจอจีพีเอสก็เห็นว่าอีกไม่ กี่สิบกิโลเมตรก็จะถึงเขาโอลิมปัสที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศกรีซแล้ว เขาหันไปมองซองเอกสารสีน้ำตาลครู่หนึ่งและในขณะที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นมองทาง ข้างหน้าตามเดิมนั่นเอง...
โคร่ม!!!
เสียง บางอย่างพุ่งเข้าชนท้ายรถฮุนไดของยามาโตะ ทำเอาเจ้าตัวเบรกกะทันหันจนรถเสียหลักพุ่งเข้าชนกับก้อนเมฆสีขาว ศีรษะของยามาโตะกระแทกกับพวงมาลัยอย่างแรง โชคดีที่เขาเป็นเทพเจ้าทำให้แรงกระแทกทำอะไรเขาไม่ได้แต่ก็มึนพอสมควร ยามาโตะสะบัดศีรษะให้หายมึนก่อนจะสบถอย่างหัวเสียเป็นภาษากรีกโบราณ
“เฮ้ย!! ไอ้บ้าที่ไหนวะขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ รถฉันเป็นไงมั่งวะเนี่ย!!” ยามาโตะสบถแล้วออกจากรถเพื่อไปดูความเสียหายที่เกิดขึ้นก็พบว่าท้ายรถของตน มีรอยถลอกปอกเปรอะ และมีสีหลุดออกมาทำเอายามาโตะอ้าค้างด้วยความอึ้ง...นี่เขาเพิ่งจะทาสีรถ ใหม่เมื่อวันก่อนเองนะ...นี่ต้องเสียเงินค่าซ่อมอีกแล้วเรอะ!!
“โอ๊ย!! ไอ้หมาตัวไหนมันขับรถชักช้าวะ คนยิ่งรีบๆอยู่ เดี๋ยวไปรายงานท่านซุสที่โอลิมปัสไม่ทันการพอดี รถเป็นอะไรมั้ยวะเนี่ย” เสียงหวานที่สบถเป็นภาษากรีกทำเอายามาโตะชะงักเพราะรู้สึกว่าน้ำเสียงนั่น คุ้นหูมาก เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อประตูรถม้าศึกพระอาทิตย์ลีมูซีนเปิดออกพร้อมกับไทจิที่ สวมแว่นกันแดดก้าวขาออกมาจากรถพลางรีบวิ่งมาดูความเสียหายของรถม้าศึกพระ อาทิตย์แต่รถของไทจิก็ไม่เสียหายอะไร ต่างกับรถของยามาโตะที่เสียหายหนัก
“บ้าเอ๊ย!! พังหมด!! ต้องเสียเงินค่าซ่อมอีกหลายร้อยเหรียญอีกแล้วสิเนี่ย” ไทจิสบถอย่างหัวเสียทั้งที่รถของเขาไม่ได้เสียหายเลย น้ำเสียงคุ้นหูนั่นทำให้ยามาโตะเลิกสนใจความเสียหายของรถพลางหันมาสนใจเจ้า ของเสียงหวานแทน เขารู้สึกคุ้นเสียงหวานนี้มากแต่จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหน
แล้ว ยามาโตะก็หลุดออกจากภวังค์เมื่อคู่กรณีเดินมาเอาเรื่องพลางถอดแว่นกันแดดออก ยามาโตะเองก็ถอดแว่นกันแดดออกเช่นกัน ทำให้ทั้งสองฝ่ายเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของกันและกัน ทำเอาทั้งยามาโตะและไทจิทำหน้าเหวอกันพลางเรียกชื่ออีกฝ่ายขึ้นพร้อมกัน อย่างไม่คาดคิด
“ยามาโตะ!! / ไทจิ!!”
ทั้ง สองฝ่ายต่างตกอยู่ในความอึ้งเงียบไม่คิดว่าจะได้พบกับศัตรูเก่าของตน ทั้งยามาโตะและไทจิต่างนึกย้อนไปในอดีตเมื่อครั้งมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันบน เขาโอลิมปัสจนไทจิถูกลงโทษสั่งห้ามไม่ให้พักในวังบนเขาโอลิมปัสอีกต่อไป ยามาโตะและไทจิจึงไม่ประสงค์จะพบหน้ากันอีก ดังนั้นเวลายามาโตะไปเขาโอลิมปัสทีไรก็ไม่เจอไทจิ ส่วนเวลาไทจิไปเขาโอลิมปัสก็จะไม่เจอยามาโตะเช่นกัน แต่สำหรับวันนี้ที่พบกันในสถานการณ์อย่างนี้จะเรียกว่าอย่างไร ความซวย...หรือพรหมลิขิต...
เมื่อตั้งสติได้ไทจิก็กระแทกเสียงใส่หน้ายามาโตะอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งทะเลาะกันที่โอลิมปัส
“นี่นาย!! ขับรถประสาอะไรชักช้าอยู่ได้ ไม่คิดบ้างเหรอว่าคนที่ขับรถข้างหลังเขาจะเสียเวลามากนะรู้มั้ย!!” ไทจิชักน้ำเสียงไม่พอใจ นั่นทำเอายามาโตะเริ่มฉุนเช่นกันเพราะตั้งแต่ลงมาบนโลกมนุษย์ยังไม่เคยมีใครด่าใส่หน้าเขาแบบนี้มาก่อนเลย
“แล้ว นายล่ะเป็นเทพเจ้าประสาอะไร ขับรถชนคนอื่นจนเค้าเดือดร้อนแบบนี้น่ะ” ยามาโตะเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ทำเอาไทจิฉุนมากขึ้นเขากระชากคอชุดสูทของยามาโตะเข้ามาใกล้พลางพูดิอย่าง พยายามสะกดอารมณ์
“ฉันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน!! และฉันก็กำลังรีบท่านซุสรอฉันอยู่ เพราะฉะนั้นหลีกทาง!” ไทจิออกคำสั่งอย่างไม่สนใจว่ายามาโตะจะทำสีหน้าอย่างไร ส่วนยามาโตะเมื่อได้ยินว่าไทจิกำลังจะไปพบพ่อของเขาก็หัวเราะเยาะเย้ยคิดว่า ไทจิไปก่อเรื่องแล้วกลัวว่าซุสจะจับได้ทีหลังจึงรีบมามอบตัว
“แล้วนายจะไปหาท่านพ่อฉันทำไม อ้อ! หรือว่าก่อเรื่องไปทำผู้หญิงท้องแล้วรับไม่ผิดชอบ แล้วพอสำนึกผิดก็เลยจะมาสารภาพอย่างนั้นสิ” คำพูดนั้นทำเอาไทจิเดือดดาลยิ่งนัก เขาตอบโต้กลับอย่างเจ็บแสบไม่แพ้กัน
“อย่าเอานิสัยเสียๆของนายมาป้ายสีคนอื่นเค้าแบบนี้สิ อ้อ! จริงสิ...ฉันเพิ่งได้ยินมาว่าเมื่อเช้ามืดนายเพิ่งโดนท่านซุสด่าเรื่องไม่ รับผิดชอบลูกเมียมาไม่ใช่เหรอไง แล้วแถมยังจะส่งงานเลทอีกต่างหากเพราะมัวแต่ไปมั่วผู้หญิงอยู่!” คำพูดของไทจิทำเอายามาโตะโกรธจนตัวสั่น เพราะถูกแทงใจดำแต่ก็กลบเกลื่อนท่าทีด้วยการแกะมือไทจิออกจากเสื้อสูทของเขา แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“โอเค...งั้นเรามาคุยเรื่องค่าเสียหายกันดีกว่า”
“ฉันไม่จ่ายค่าเสียหายอะไรทั้งนั้น! เพราะฉันไม่ผิด!” ไทจิเถียง เพราะเขาไม่ได้นำเงินติดตัวมาเลย
“นายผิด! เพราะฉะนั้นนายต้องจ่าย!”
“ฉันไม่ผิด!”
“นายนั่นล่ะผิด!”
“ฉันบอกว่าฉันไม่ผิดโว้ย!!!!!!!!!!!!!!!! ไอ้บ้า!! ฉันไม่คุยกับนายแล้ว!!” ชายหนุ่มหน้าสวยพูดอย่างหัวเสียพลางจะเดินไปขึ้นรถแต่ถูกยามาโตะกระชากแขนจนเกือบจะเซล้ม เขาหันมามองยามาโตะก่อนจะเอ่ย
“นี่นาย!! ปล่อยนะ!!” ไทจิพยายามสะบัดแขนยามาโตะให้หลุด แต่ยามาโตะไม่ยอมปล่อย
“ฉันจะปล่อยก็ต่อเมื่อนายจ่ายค่าเสียหายให้ฉันแล้ว! เพราะฉันไม่ปล่อยฉะนั้นปล่อย!”
"ปล่อย!!"
“ไม่ปล่อย” ยามาโตะเอ่ยพลางยิ้มยียวนอย่างผู้ชนะ
“ได้...ไม่ปล่อยใช่ไหม...ได้!” ว่าแล้วชายหนุ่มหน้าสวยก็ก้มลงกัดมือชายหนุ่มผู้เป็นโอรสแห่งซุส จนเขาร้องโอดโอยต้องสะบัดมือออกด้วยความเจ็บ ไทจิฉวยโอกาสดึงยามาโตะเข้ามาใกล้แล้วยกเขาขึ้นกระแทกกลางเป้ากางเกงจนยามา โตะจุกล้มลงไปกองกับพื้น ยามาโตะเอามือกุมตรงเป้ากางเกงด้วยความเจ็บและจุก สีหน้าของยามาโตะค่อยๆเปลี่ยนจากสีเนื้อเป็นสีเขียวและเปลี่ยนเป็นสีม่วง บ่งบอกถึงอาการจุกได้เป็นอย่างดี ไทจิมองภาพตรงหน้าอย่างสะใจ
“หึ...สมน้ำหน้า!! เล่นกับคนอย่างไทจิมันเจอแบบนี้ไปดีกว่า” ว่าแล้วไทจิก็เดินกลับไปขึ้นม้าศึกพระอาทิตย์ของตนแล้วสตาร์ทรถขับออกไป
ยา มาโตะลืมตาขึ้นก็เห็นว่ารถม้าศึกพระอาทิตย์กำลังแล่นออกไป เขาทั้งโกรธทั้งแค้นทั้งอับอาย พลางพยายามลุกขึ้นแล้ววิ่งตามรถม้าศึกพระอาทิตย์
“หนอย!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” ชายหนุ่มผู้เป็นบุตรแห่งเจ้านภากาศเอ่ยขึ้นเสียงเคียดแค้นพลางถอดรองเท้า หนังของตนออก ก่อนจะก้มลงเก็บแล้วขว้างใส่รถม้าศึกพระอาทิตย์...
เพล้ง!!
เสียงกระจก หลังแตกทำให้ไทจิที่กำลังขับรถอยู่หันไปมองก็พบว่าที่กระจกรถมีรอยแตกและมี รองเท้าหนังเสียบคาอยู่ เขามองถัดออกไปด้านนอกก็เห็นยามาโตะใส่รองเท้าหนังอยู่แค่เดียวกำลังยืนมอง เขาด้วยสายตาเคียดแค้น และปากก็กำลังพึมพำเหมือนสาปแช่งเขาอยู่ ไทจิมองอย่างเสียวสันหลังเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองถนนก้อนเมฆตามเดิม
“โอ๊ย!! ไอ้บ้าเอ๊ย!! คราวหลังอย่าให้เจออีกนะ! เพี๊ยง! ขอให้ชาตินี้มันเป็นหมันไปตลอดชาติเลย เพี๊ยง!” ไทจิด่าสาปแช่งยามาโตะเบาๆ พลางคิดว่าจะไม่ต้องเจอหน้ายามาโตะอีก แต่...
เขาคงไม่คิดหรอกว่ารองเท้าหนังข้างนี้และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเป็นบ่อเกิดของความรักในเวลาต่อมา...
ไทจิขับรถม้าศึกพระอาทิตย์มาจนถึงเขาโอลิมปัสที่ดูภายนอกเป็นอุทยานแห่งชาติ เขาเหยียบเบรกก่อนจะกดปุ่มนำรถลงจอดไว้ข้างตีนเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานา พรรณแล้วออกจารถ เขาเดินตรงไปยังอาคารหลังหนึ่งซึ่งเป็นที่ทำการอุทยานแห่งชาติโอลิมปัสที่ อยู่ข้างเขาโอลิมปัสแล้วเข้าไปในอาคารหลังนั้น
“ผม มาขอพบกับท่านซุสครับ” ไทจิเอ่ยกับพนักงานหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่ทำการอุทยานแห่ง ชาติ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะร่วนแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“ที่ นี่ไม่มีคนชื่อซุสหรอกนะจ๊ะหนู ซุสน่ะเป็นชื่อเทพเจ้านะ ถ้าอยากจะสักการะท่านต้องไปที่วิหารของท่าน แล้วที่นี่ก็เป็นแค่อุทยานแห่งชาติธรรมดาเท่านั้นนะไม่มีวิหารเทพเจ้าหรอก”
“อ๋อ เหรอครับ งั้นถ้าฟังรหัสนี้แล้วคงให้ผมเข้าได้พบสินะ” ไทจิยิ้มให้พนักงานสาวก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้าคือยางามิ ไทจิบุตรแห่งอะพอลโลทีนี้ข้าจะเข้าพบท่านปู่ซุสได้หรือยัง” ชายหนุ่มหน้าสวยพูด เท่านั้นเองพนักงานสาวก็ส่งยิ้มให้แล้วกล่าวว่า
“ที่ แท้บุตรของท่านอะพอลโลนี่เอง ท่านซุสรอพบท่านอยู่ เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวกล่าวเชิญพลางลุกจากเคาน์เตอร์แล้วเดินนำไทจิไปที่ห้องลับใต้ดิน ซึ่งอยู่ใจกลางตัวภูเขา
สองหนุ่มสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูลิฟต์ซึ่งข้างประตูมีเครื่องตรวจรหัส ไทจิยื่นมือไปกดรหัสว่า ‘สภาเทพโอลิมเปียน 2012’ ทัน ใดนั้นเองประตูลิฟต์ก็เปิดออก ไทจิและพนักงานสาวเดินเข้าไปในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงก็มีเครื่องแสกนสายตาโผล่ออกมาจากเพดานค่อยๆเลื่อนลงมา จนเกือบชิดหน้าไทจิ ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปจนถึงระยะที่เลเซอร์ทำการแสกนสายตาได้ เครื่องแสกนทำการตรวจสายตาไทจิโดยอัตโนมัติก่อนจะส่งผลการตรวจไปยังตัว คอมพิวเตอร์ซึ่งติดอยู่ข้างผนังลิฟต์ว่าผู้ที่มาเยือนนั้นเป็นเทพเจ้าหรือ ไม่
“บุตร แห่งอะพอลโล...ท่านสามารถเข้าในสภาโอลิมเปียนได้ค่ะ” สิ้นเสียงประกาศจากจอคอมพิวเตอร์ ปุ่มสำหรับกดให้ลิฟต์เคลื่อนตัวก็โผล่ออกมาจากผนังด้านข้าง
ไท จิไล่สายตาไปตั้งแต่เลขหนึ่งจนถึงเลขเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า และถัดจากตัวเลขเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าไปบนสุดมีปุ่มที่มีอักขระกรี กโบราณสลักไว้ว่า ‘เทพเจ้าโอลิมปัส’ ไทจิรีบกดปุ่มนั้นทันที และทันใดนั้นเองตัวลิฟต์ก็เคลื่อยตัวขึ้นสู่เบื้องบนด้วยความเร็วสูงสามร้อยห้าสิบล้านกิโลเมตรต่อหนึ่งนาที
ตัว ลิฟต์เคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงขึ้นไปยังยอดเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆ เมื่อถึงยอดเขาลิฟต์ก็หยุดเคลื่อนที่ ประตูลิฟต์เปิดออกไทจิเดินออกมาเห็นบรรยากาศของเขาโอลิมปัสที่เต็มไปด้วย อาคารสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ อีกทั้งประชากรที่ประกอบไปด้วยเหล่าเทพเจ้า พวกเลือดผสม**** พวกเซนทอร์******** และพวกแซเทอร์************กำลัง ทำมาหากินของแต่ละคนอย่างสงบสุข เขาโอลิมปัสเป็นอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมน่านฟ้าทั่วทวีปยุโรปตอน ใต้โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่พระราชวังโอลิมเปียนทั้งสิบสองหลังซึ่ง ตั้งอยู่ใจกลางอาณาจักรเขาโอลิมปัส
“รอ ฉันก่อนนะ เดี๋ยวพอฉันคุยกับท่านซุสเสร็จแล้วฉันจะกลับมา” ชายหนุ่มหน้าสวยหันมาสั่งพนักงานสาว ซึ่งเธอก็รับคำไทจิจึงเดินออกไปจากบริเวณนั้น
ณ พระราชวังของอะโฟรไดท์
พระราชวัง ของเทพีแห่งความรักซึ่งทำจากหินอ่อนที่ส่งตรงจากดินแดนแอสการ์ดทั้งหลัง ภายในพระราชวังตกแต่งประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาอัญมณีต่างๆที่ส่งตรง จากนรกใต้พิภพ อีกทั้งตามผนังก็ยังตกแต่งไปด้วยภาพถ่ายของบรรดาเทพและเทพีแห่งโอลิ มปัสทุกองค์ด้วย
“เชิญ เสด็จค่ะ ท่านโพไซดอน” หญิงรับใช้นางหนึ่งของเทพีอะโฟรไดท์เดินนำชายหนุ่มวัยกลางคนที่ดูท่าทาง เหมือนชาวประมงคนหนึ่งมาที่ห้องโถงรับแขกของวัง เขาคนนี้คือ ‘โพไซดอน’ เทพเจ้า แห่งท้องทะเล โพไซดอนนั่งลงบนโซฟาที่ทำจากขนแกะพลางชำเลืองมองเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของผม สีทอง มีใบหน้าหล่อเหลาคมสันละม้ายคล้ายโพไซดอนที่นั่งอยู่ข้างเขามีท่าทีลุกลี้ ลุกลนเหมือนกำลังมองหาใครอยู่
“มองหาใครอยู่เหรอทาเครุ” โพไซดอนเอ่ยถาม ‘ทาเคอิชิ ทาเครุ’ ผู้เป็นโอรสของตน
“ป...เปล่าครับท่านพ่อ” ทาเครุปฏิเสธทั้งที่ท่าทางยังลุกลี้ลุกลน
“เดี๋ยว ฉันไปตามท่านหญิงอะโฟรไดท์ให้นะคะ” สาวใช้บอก โพไซดอนพยักหน้ารับ วันนี้ที่เขามาเยี่ยมอะโฟรไดทืผู้เป็นหลานนั้นก็เพราะว่าเขานำไข่มุกจาก มหาสมุทรที่ลูกสมุนของเขาเพิ่งเก็บได้มามอบให้หลานสาว และอีกจุดประสงค์หนึ่งที่มาก็คือเพื่อจะได้พบฮิคาริหญิงสาวที่ทั้งเขาและ บุตรชายปราถนาจะได้มาเป็นชายา
“สวัสดี ค่ะท่านลุง” เสียงหวานใสดังขึ้นพร้อมกับร่างหญิงสาวสวยในชุดราตรีเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอแม้ไม่ได้แต่งด้วยเครื่องสำอางแต่ก็ดูงดงามมีเสน่ห์และมีพลัง ดึงดูดชวนมอง เธอผู้นี้คือ ‘อะโฟรไดท์’ เทพีแห่งความรัก อะโฟรไดท์เดินเข้ามาแล้วนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับโพไซดอนและทาเครุ
“เอ่อ..งั้นท่านพี่อะโฟรไดท์กับท่านพ่อคุยกันไปก่อนนะ ผมขอไปเดินเล่นเสียหน่อย” ทาเครุขออนุญาตก่อนจะลุกเดินออกไปจากตรงนั้น
ณ อุทยานข้างวังอะโฟรไดท์
เด็ก สาวแรกรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเก็บดอกไม้อยู่ในสวนกันอย่างมีความสุขโดยมี เด็กสาวผู้เป็นเจ้าของผมสีน้ำตาลยาวสยายทั่วแผ่นหลัง ใบหน้าหวานละม้ายคล้ายอะโฟรไดท์แต่ดูมีเสน่ห์และงดงามกว่า อีกทั้งดวงตาสีน้ำตาลรับกับใบหน้าหวานได้เป็นอย่างดี แต่งกายด้วยชุดกระโปรงยาวสีขาวบริสทุธิ์เป็นหัวหน้าในการเก็บดอกไม้โดยที่หู ของเธอก็ฟังเพลงจากหูฟังที่ต่อมาจากเครื่องไอพอตยี่ห้อ ‘โอลิมปัส แอปเปิ้ล’ พลางเก็บดอกไม้ใส่ตะกร้าอย่างสบายอารมณ์
เธอผู้นี้คือ ‘ยางามิ ฮิคาริ’ ธิดาองค์เล็กแห่งอะโฟรไดท์
เธอเดินเก็บดอกไม้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงลำธารสายเล็กๆ ทำเอาเด็กสาวเกิดอยากเล่นน้ำขึ้นมาจึงเอ่ยชวนพวกเพื่อนๆให้ลงเล่นน้ำกัน
“พวก เรามาเล่นน้ำกันดีกว่า เก็บดอกไม้เหนื่อยมาตั้งนานแล้ว พักกันหน่อย” ฮิคาริเอ่ยชวนซึ่งเพื่อนๆของเธอก็เห็นด้วย ทั้งหมดจึงจัดการถอดชุดกระโปรงยาวสีขาวออกจนเหลือแต่ชุดในวันเกิด ก่อนจะลลงเล่นลำธารกันอย่างสนุกสนาน
ทาง ด้านทาเครุ เขาเข้ามาเดินเล่นในอุทยานข้างพระราชวังของอะโฟรไดท์พลางสูดกลิ่นหอม ของดอกไม้นานาชนิดอย่างสดชื่น เขาเดินชมพรรณดอกไม้และด้วยความที่เป็นคนเจ้าชู้ทำให้เขาเกี้ยวพาราสีบรรดา นางกำนัลของอะโฟรไดท์ไปตลอดทาง จนกระทั่งใกล้ถึงลำธารที่ฮิคาริกับเพื่อนๆกำลังเล่นน้ำกัน เขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกลุ่มหนึ่งดังมาจากลำธารจึงตามหาที่มาของเสียงจน กระทั่งถึงลำธารสายเล็ก ก็เห็นฮิคาริและเพื่อนๆที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยกำลังเล่นน้ำกันอยู่ทำเอาเด็ก หนุ่มสนใจจึงย่องเข้าไปแอบต้นไม้ที่ใกล้กับลำธารพลางแอบดูสาวๆด้วยความสนใจ
เด็ก สาวผู้เป็นธิดาแห่งอะโฟรไดท์โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำมานั่งขนโขดหินเผยให้เห็น ความอวบอิ่มเต่งตึงแห่งวัยสาวและรูปร่างขาวนวลสมส่วนชนิดที่ว่าเอวเป็นเอว อีกทั้งผิวขาวนวลเกลี้ยงเกลาไร้มลทินที่เปียกชื้นด้วยน้ำก็น่าเชยชมเสียจนทำ ให้หัวใจของคนที่แอบซู่มอยู่หลังต้นไม้พองโตคับอก
นี่ หรือ...หญิงสาวที่เขาและเทพบุตรทั้งโอลิมปัสหมายปอง เวลาหล่อนนั่งอยู่บนโขดหินแล้วเอาขาลงคลอเคลียกับผิวน้ำดูแล้วหล่อนช่างงด งามเหมือนนางเงือกในเทพนิยายยิ่งนัก
ฮิคาริมีศักดิ์เป็นหลานสาวของเขาเนื่องจากเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของอะโฟรไดท์ซึ่งเป็นแม่ของฮิคาริ
“นี่ค่ะนายหญิง ฉัน ร้อยมงกุฎดอกไม้มาให้ค่ะ” สาวรับใช้คนหนึ่งนำมงกุฎดอกไม้ที่เธอเพิ่งร้อยเสร็จส่งให้ผู้เป็นนายหญิงของ ตน ฮิคาริรับมาสวมที่ศีรษะของตนก่อนจะส่งยิ้มให้สาวใช้แล้วกล่าวขอบคุณอย่าง อ่อนหวาน
“ขอบ คุณจ้ะ” ฮิคาริกล่าวขอบคุณพลางใช้ขาขาวคลอเคลียกับผิวน้ำโดยที่ไม่รุ้เลยว่าตนเอง กำลังถูกทาเครุจับจ้องอย่างหลงใหลอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
ระหว่าง ที่ทาเครุกำลังแอบมองฮิคาริผู้มีศักดิ์เป็นหลานอย่างหลงใหลนั่นเอง หญิงรับใช้คนหนึ่งของฮิคาริก็เดินผ่านมาทางนี้ ทาเครุจึงแอบไปดึงตัวมาแล้วก้มลงเก็บดอกไม้ป่าแล้วสั่งให้สาวใช้นำมันไปให้ ฮิคาริ พร้อมทั้งฝากบอกว่ามีคนให้มาแต่ไม่ต้องบอกว่าคนให้คือเขา สาวใช้ก็ทำตามคำสั่งเธอนำมันไปให้ฮิคาริตรงลำธาร
“ของใครเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อผู้เป็นสาวใช้ยื่นช่อดอกไม้ให้ เธอรับมาด้วยความสงสัยใคร่รู้
“คือ...มี คนเก็บมาฝากนายหญิงค่ะ” สาวใช้ตอบ ทำเอาฮิคาริจะถามต่อว่าใครเป็นคนส่งมาแต่สาวใช้คนนั้นรีบขอตัวแล้วเดินออกไป ทำเอาทาเครุที่แอบมองอยู่ถึงกับดีใจจนเนื้อเต้นที่ฮิคาริรับดอกไม้ของตน และโล่งอกที่สาวใช้ไม่ได้บอกว่าตนเป็นคนส่งดอกไม้ไปให้
“เอา ล่ะเราเล่นน้ำกันต่อดีกว่านะจ๊ะ” เด็กสาวส่งยิ้มให้บรรดานางรับใช้ของตน ก่อนที่ทั้งหมดจะเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานโดยที่ไม่สังเกตเลยว่าทาเครุกำลัง จับจ้องผู้เป็นนายหญิงอย่างหลงใหล พลางยิ้มอย่างเอ็นดูฮิคาริ เขามองเด็กสาวพลางเขยิบเข้าไปใกล้จนเกือบจะชิดริมลำธารทำให้ได้ยลโฉมผู้เป็น หลานสาวก็ยิ่งทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มปั่นป่วนเพราะพิษรักที่ทวีความรุนแรง ขึ้น
เด็ก หนุ่มผู้เป็นบุตรแห่งโพไซดอนจ้องมองผู้มีศักดิ์เป็นหลานเพลินไปหน่อยทำให้ เขาเหยียบใบไม้เกิดเสียงดังกรอบแกรบขึ้น ทำเอาฮิคาริและบรรดานางรับใช้ตกใจรีบคว้าผ้าขนหนูมาพันปกปิดกาย ฮิคาริหันไปคว้ามีดบินซึ่งเป็นอาวุธคู่กายของตนที่วางอยู่ข้างเสื้อผ้า แล้วขว้างมีดพุ่งไปปักลำต้นไม้ใหญ่ที่ทาเครุซุ่มอยู่ ก่อนจะตะโกนถามไปว่า
“นั่นใคร! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียง หวานที่แฝงด้วยความทรงพลังเอ่ยถามออกไป ทำเอาโอรสองค์เล็กแห่งโพไซดอนต้องออกจากที่ซ่อนมาปรากฏกายให้ฮิคาริและบรรดา นางรับใช้เห็น ทาเครุเหลือบมองมีดที่ปักอยู่ตรงลำต้นไม้ที่เขาแอบเมื่อครู่พลางกลืนน้ำลาย ให้กับฝีมือขว้างมีดของฮิคาริที่คนทั้งโอลิมปัสร่ำลือกันว่าเก่งกาจไม่เป็น รองใคร ส่วนนางรับใช้ของฮิคาริพากันวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้น ทิ้งให้ฮิคาริอยู่กับทาเครุเพียงลำพังสองต่อสอง
“ท...ทีเค...” เด็กสาวครางชื่อญาติเสียงแผ่ว ก่อนจะถามเสียงแข็งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ในสภาพมีเพียงผ้าขนหนูพันปกปิดกาย
“นายมาทำอะไรที่นี่...หรือว่ามาแอบดูพวกฉันเล่นน้ำกัน!” ทำเป็นตะโกนเสียงแข็งทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ใครบอกล่ะว่าฉันมาแอบดู” ทาเครุเอ่ยพลางยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะใช้นิ้วเรียวเชยคางมนฮิคาริขึ้นแล้วเดินสำรวจกายร่างบางที่ปกปิดด้วยผ้าขนหนู แต่คิดหรือว่าแค่ผ้าขนหนูนั่นจะสยบเสือผู้หญิงอย่างเขาได้...ไม่มีทาง!
เขา ใช้มือลูบไล้ไปตามเส้นผมของฮิคาริ ก่อนจะเชยชายผมขึ้นมาจูบอย่างหลงใหล ทำเอาฮิคาริที่ไม่เคยต้องมือชายถึงกับใจเต้นรัว เพราะไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายขนาดนี้ยกเว้นไทจิที่มาหาเธอค่อนข้างบ่อย มารดาของเธอเลี้ยงเธอไว้เหมือนไข่ในหิน แทบจะไม่ยอมให้เธอออกจากวังไปเลยด้วยซ้ำ
“ฉันมาดูมาโต้งๆเลยต่างหาก แหม...โชคดีจริงๆเลยที่เกิดมาได้เห็นสัดส่วนของบุตรสาวอะโฟรไดท์เนี่ย” ทาเครุพูดต่อพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเอาฮิคารที่กำลังเคลิ้มถึงกับหลุดออกจากภวังค์พลางหันมารัวกำปั้นเล็กใส่ แผ่นอกเขา หน้าวานแดงก่ำด้วยความอายและโกรธ
“ไอ้บ้า!! ไอ้ลามก!! นี่นายมาแอบดู....” ฮิคาริพูดไม่ทันจบ ทาเครุก็รวบมือเล็กทั้งสองข้างไว้ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว พลางจะรวบฮิคาริเข้ามากอด เด็กสาวขัดขืนแต่เขาไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยนะ!! ไอ้บ้า!! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!! ไอ้โรคจิตมันจะข่มขืนฉันช่วยด้วย!!” ฮิคาริร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครได้ยิน
“หึ...ไม่ มีใครเขาได้ยินหรอกที่รัก เพราะฉะนั้น...เราสองคนมาจุดๆกันเถอะ” ทาเครุทำสายเจ้าเล่ห์ใส่หลานสาวที่กำลังอายและโกรธพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าแถว นี้ไม่มีคน ตะโกนไปก็ลำบากแต่ที่พูดเมื่อครู่เธอแค่ขู่ทาเครุเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีใครอยู่แบบนี้...เห็นทีเธอคงต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ...
“ใช่...ไม่มีใครอยู่...แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะช่วยตัวเองไม่ได้หรอกนะ!!” ว่าแล้วฮิคาริก็กระทืบเท้าทาเครุจนเขาร้องโอดโอย ก่อนจะตามด้วยพลิกร่างคนตัวใหญ่มาพร้อมกับใช้ท่าไม้ตาย ‘เตะผ่าหมาก’ กระแทกกลางเป้ากางเกงทาเครุซ้ำสองทีจนทาเครุงอตัวด้วยความเจ็บ ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนจากสีเนื้อกลายเป็นสีเขียวแล้วเปลี่ยนเป็นสีม่วง บ่งบอกถึงความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี เธออาศัยจังหวะที่เขางอตัวลงมากระโดดเตะก้านคอจนเขาล้มกองกับพื้นสลบไป
เมื่อ เห็นว่าเขาสลบไปแล้ว ฮิคาริก็รีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะหันไปมองร่างทาเครุที่ยังแน่นิ่ง ไม่ไหวติงพลางก้มลงกระซิบที่ข้างหูว่า
“ใช่ ว่าผู้หญิงจะยอมตกเป็นทาสตัณหาของผู้ชายเสมอไปหรอกนะ” ว่าแล้วฮิคาริก็ยิ้มหวานให้ร่างคนตัวใหญ่ที่ยังแน่นิ่ง รอยยิ้มของเด็กสาวช่างมีเสน่ห์ยิ่งนักแต่นั่นเป็นรอยยิ้มที่เคลือบไว้ด้วยยา พิษชนิดร้ายแรงที่ถึงขนาดคร่าชีวิตเทพบุตรได้!
ฮิคาริเดินไปหยิบมีดบินของตนออกจากต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ร่างทาเครุสลบไสลอยู่ตรงนั้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
**** เลือดผสม หมายถึงลูกที่เกิดจากมนุษย์และเทพเจ้า ****
******** เซนทอร์ สัตว์ในเทพนิยายกรีก ที่มีศีรษะเป็นลำตัวและหัวมนุษย์ ส่วนลำตัวของเซนทอร์จะเป็นม้า ********
************ แซเทอร์ สัตว์ในเทพนิยายกรีก มีศีรษะและลำตัวเป็นมนุษย์ ส่วนท่อนล่างเป็นแพะ ************
*************** โอลิมปัสเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศกรีซ(ตามภูมิศาสตร์)
ความคิดเห็น