Addisol Ep1 - Addisol Ep1 นิยาย Addisol Ep1 : Dek-D.com - Writer

    Addisol Ep1

    Problem ปัญหา (เรื่องราวไม่สนุก ไม่ว่างอย่าอ่าน เตือนแล้วนะครับ)

    ผู้เข้าชมรวม

    39

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    39

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ม.ค. 58 / 15:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องราวของเด็กม.ปลายคนหนึ่งที่เขาไปอยู่ในโลก addisol เขาจะรอดจากโลกนี้หรือไม่ ก็อ่านดูละกัน
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

           ชีวิตของผมนั้นก็เหมือนๆคนปกติทั่วไป เป็นนักเรียนม.ปลายที่เรียนอยู่ในโรงเรียนที่สอนแต่วิชาสายวิทย์อย่างเดียว ตกเย็นก็เรียนพิเศษเตรียมสอบเข้ามหาลัย แต่ว่าวันนี้ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆตั้งแต่เช้าเลย รู้สึกว่ามันจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีแหงๆ ผมก็คิดมาก กังวล จนลืมดูไปเลยว่ามีรถพุ่งเข้ามาขณะเดินข้ามถนน

            ผมตื่นขึ้นมาในที่แห่งหนึ่ง ลุกขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกมึนๆหัวเล็กน้อย ผมได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งจึงเดินเข้าไปหา แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยถามอะไรเลยก็มีเสียงประกาศดังขึ้น ขอให้ผู้ที่มาใหม่มารวมกันที่ประตูด้านทิศตะวันออก เรามีอาหาร ปัจจัยทั้งห้าเตรียมไว้ให้ท่านเรียบร้อย ดังนั้นกรุณาเดินมาอย่างสงบไม่ต้องรีบ เพราะทางเรามีของเพียงพอที่จะให้ทุกคนพอผมฟังประกาศจบผมก็เดินไปตามคนอื่น ระหว่างทางเดินไปที่ประตูนั่น ผมก็คิดว่าผมคงได้ตายไปแล้วชัวร์ๆหลังจากที่โดนชนซึ่งนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมนึกขึ้นได้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่า ถ้าตายไปแล้วทำไมต้องกินอาหารด้วย จากที่ผมรู้ๆมาคือว่าคนตายนี่เขาไม่ต้องกินก็อยู่ได้ไม่ใช่หรือไง แถมยังงงกับปัจจัยทั้งห้าอีกปกติมันมีสี่เองไม่ใช่หรือ คำถามต่างๆนานาเกิดขึ้นมากมาย เดินคิดไปคิดมาก็ไปถึงหน้าประตูดังกล่าว ประตูนี้ใหญ่มาก มีผู้รอต่อคิวเยอะแยะ แทบจะมองไม่ให้เลยว่าหัวแถวอยู่ตรงไหน แต่ก็น่าจะอยู่ที่ประตูนั่นแหละ ผมก็อยู่เกือบท้ายๆนู่นอ่ะ ระหว่างรอคิวผมมัวแต่คิดเรื่องที่ยังสงสัยจนลืมสังเกตสิ่งรอบตัวไปเลย ระหว่างทางผมถูกขนาบด้วยทะเลทรายทั้งสองข้าง แต่แปลกที่ผมไม่รู้สึกร้อนเลย ก็นะที่นี่แปลกจนผมไม่คิดว่าจะมีอะไรแปลกๆละ ระหว่างรอคิวผมก็พูดคุยกับคนแถวๆนั้น พวกเขาดูท่าทางเป็นมิตรและที่สำคัญผมรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับนักศึกษาที่กำลังต่อปริญญาเอกเลย พวกเขาไม่พูดถึงเรื่องที่มาที่นี่ได้ยังไง พวกเขาพูดแต่เรื่องปัญหาต่างๆ บางคนก็คิดคำถามออกมาแปลกๆ แต่คนฟังกลับสนใจที่จะหาคำตอบนั้นจนกว่าจะคิดได้ คิวของผมก็มาถึงเสียที ผมรับปัจจัยต่างๆพร้อมกับโฉนดที่ดินและกระดาษที่มีตัวหนังสือสีดำพิมพ์ไว้ ผมไม่ได้สนใจกระดาษนั่นเลย พอได้มาก็ขยำแล้วโยนทิ้งไป หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ตรงไปยังที่อยู่ตามโฉนด พอเดินไปได้สักพักหัวผมก็ตื้อ อยู่ๆก็มึนเอามากๆ ทันใดนั้นกระดาษที่ผมโยนทิ้งไปก็ปลิวมาแปะที่หน้าผม ผมจึงคลี่กระดาษเจ้าปัญหานี้ออก อ่านสิ่งที่อยู่ข้างในแล้วก็พบว่ามีข้อความดังนี้ ที่นี่คือโลกของ addisol เป็นโลกที่ถูกสร้างมาพร้อมกับกฎที่ว่า ทุกคนจะต้องคิดคำถามหรือตอบคำถามทุกวัน เปรียบเสมือนเป็นการให้อาหารสมองของคุณ หากไม่ทำตามร่างกายของคุณจะเริ่มต้านพลังของ addisol ไม่ได้ จะรู้สึกทรมานเจียนตาย’ ” พอผมอ่านจบก็เจอคำถามในกระดาษใบนั้น มันเขียนว่า วันนี้คุณมีคำถามแล้วหรือยัง พออ่านจบผมก็หายมึนหัวไปอย่างปลิดทิ้งเลยเพราะหัวของผมกำลังโลดแล่นไปกับการตั้งคำถาม  ในที่สุดผมก็คิดคำถามออก ผมลองถามตัวเองว่า ถ้าเราไม่ได้อยู่บนโลก(addisol)นี้ ตอนนี้เราจะทำอะไรอยู่นะ คำถามนี้ทำให้ผมย้อนคิดถึงโลกที่ผมเคยอยู่ วันหนึ่งผมเคยมีความสุขกับการที่ได้มองสิ่งสวยงามรอบตัว วันหนึ่งผมเคยมีความสุขกับการที่ได้ทำกิจกรรมทุกอย่างบนโลกใบเดิมที่ผมเคยอยู่ ถึงแม้ว่าก็มีหลายๆอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากกลับไปอยู่เหมือนกัน แต่การอยู่กับความจริงมันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ พอหลังจากการตั้งคำถามจบลง ผมก็มุ่งหน้าไปตามทาง จนพบเมืองๆหนึ่ง เมืองแห่งนี้คล้ายกับเมืองที่ผมเคยอยู่แต่สิ่งที่ประหลาดคือผู้คนคุยกันมากเกินไปนีสิ ปกติโลกเดิมผมจะเห็นผู้คนเดินสวนไปมาเหมือนกับรถที่วิ่งอยู่บนถนน แม้ว่าบางครั้งจะมีเสียงแตรส่งเสียงบ้างก็ตาม แต่ผู้คนที่ไม่รู้จักกันคงไม่หยุดยืนคุยกันหรอกมั้ง ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก บางทีผมอาจจะเริ่มชินกับความแปลกที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้ ผมอยากได้จักรยานสักคันไว้ใช้เพราะตอนนี้ขาผมล้าไปหมดแล้ว ตัวผมตอนนี้มีเงินที่ได้จากผู้เฝ้าประตู เพียงพอแค่ไปซื้อบ้านได้เท่านั้น แต่ผมก็ตัดสินใจมุ่งไปร้านจักรยานเพราะว่าผมขี้เกียจเดิน ผมคิดว่าถ้าไม่พอซื้อบ้านจริงๆ คงไปขอผ่อนกับคนขายบ้านแทน เมื่อไปถึงร้านจักรยาน ผมก็เดินเข้าไปในร้านเล็กๆ หน้าร้านมีป้ายเขียนไว้ว่า จักรยาน เช่าหรือขาย ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนชายจะเอายังไง จะให้เช่าหรือจะขาย แต่ทันทีที่ผมเปิดประตูร้าน เสียงต่ำๆทุ้มๆก็ลอยมาพร้อมกับคำพูดว่า สวัสดีครับ ที่นี่เรามีจักรยานมากมาย ขอเชิญแวะชมก่อนได้ครับผมเดินดูไปรอบๆ แล้วก็ตัดสินใจซื้อจักรยานสีดำคันหนึ่ง ผมถามว่าจักรยานคันนี้ราคาเท่าไหร่ คนขายก็ตอบกลับมาว่า หากจักรยานคันนี้ไม่มีโซ่ คุณจะทำอย่างไร ผมยืนงงสักพักหนึ่ง แม้ว่าจะมีคนหลายคนที่ชอบตอบคำถามด้วยคำถาม แต่ส่วนใหญ่เวลาถามกลับก็น่าจะเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนทนาเดิมสิ ผมจึงคิดจะตอบว่าให้เอาเชือกมาทำเป็นรูๆคล้ายโซ่จักรยานแทนโช่ที่มีหายไปแม้ว่าผมไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้จริงไหม แต่ผมก็คิดว่าน่าจะใช้แทนได้เหมือนกัน หลังจากนั้นผมก็คิดต่อว่าผมพึ่งมาใหม่ อย่าพึ่งอวดความรู้ที่มีอยู่น้อยนิดเพราะคนขายคนมีระดับสติปัญญามากกว่าผมอยู่พอควร ผมเลยตอบคนขายกลับไปว่า ก็นำโซ่ข้างๆของคันอื่นที่คล้ายๆกันมาใส่แทนครับคนขายทำหน้างงเล็กน้อยและผิดหวังอยู่หน่อยๆ แต่คำตอบนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร เขาจึงตอกลับมาว่า อ่ะนี่ เอาไปได้เลย ผมนี่ตกใจเลย เพียงแค่ตอบคำถามแค่นี้ก็ได้จักรยานเลยหรอ ผมจึงตัดสินใจที่จะถามสิ่งที่ผมสงสัยตั้งแต่เข้ามาไปว่า ที่นี่คือที่ไหนกันแน่คนขายจักรยานจึงถอนหายใจ แล้วก็ตอบกลับมาว่า เธอพึ่งมาใหม่สินะ ที่นี่คือ Addisol ที่ที่ผู้คนจะใช้การตอบคำถามหรือตั้งคำถามในการดำเนินชีวิตประจำ เธอคงได้เจอเหตุการณ์ที่ประตูแล้วสินะ หากเธอไม่คิดอะไรเลยเธอจะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ คิดนี่ไม่ใช่แค่คิดจะทำอะไรนะ แต่ต้องคิดแบบการตั้งปัญหาหรือตอบปัญหาเท่านั้นผมงงกับที่เขาพูดอย่างที่สุดจะงงได้อีก ผมจึงถามต่อว่า ถ้าผมไม่ถามก็ต้องตายใช่ไหม แล้วผมสามารถถามคำถามหลายๆคำถามในหนึ่งวันได้ใช่ไหม เผื่ออีกวันผมอาจจะไม่มีโอกาสได้ถาม ได้สิ มันจะคล้ายเธอซื้อเวลานั่นแหละแทนที่จะเป็นเงิน ก็จ่ายเป็นคำถามหรือตอบคำถามแทน ถ้ายิ่งจ่ายมาก ยิ่งอยู่ได้นาน แต่มันจะมีจุดอิ่มตัวอยู่นะ เมื่อถึงจุดนั้นเธอจะไม่อยากถามหรือไม่อยากตอบเองคนขายตอบ พอผมถามเสร็จก็กล่าวขอบคุณและคว้าจักรยานของผมแล้วมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของผมทันที

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×