ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ‡ BLOCKB ‡ SF/OS ∆allcouple∆

    ลำดับตอนที่ #1 : ◇ two makes a couple [bbombxjaehyo]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 106
      1
      20 ต.ค. 57

    © Tenpoints!

    Two Makes a Couple

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

    Title : Two Makes a Couple

    Pairing : B-Bomb x Jaehyo

    Genre : humor/fluff

    Rating : PG-13

    Author : kiwi-ism

    Link to original : 
     

    แจฮโยเกลียดบรรยากาศที่น่าอึดอัดแบบนี้เป็นที่สุด

    บรรยากาศแบบที่ทำให้แจฮโยรู้สึกอึดอัดจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาแบบนี้

    แจฮโยไม่เคยรู้เลยว่าในสถานการณ์แบบนี้ควรจะพูดอะไรออกไปดีและเขากำลังขอให้สิ่งที่กำลังจะพูดออกไปทำให้สถานการณ์ที่่น่าอึดอัดนี่มันดีขึ้นอีกสักนิด

    แต่ก็น่าเสียดายที่มันคงไม่เกิดขึ้น เพราะปัญหาคือแจฮโยได้พบเจอกับสถานการณ์เหล่านี้บ่อยเกิดที่หวังไว้ไปมาก

     

     

    นี่ ไว้วันไหนเราไปเที่ยวที่ร้านเบเกอรี่ด้วยกันไหม?

     

    แจฮโยยิ้มอย่างสุภาพให้กับเพื่อนสาวหน้าตาดีที่ตอนนี้กำลังใช้นิ้วลากขึ้นลงบนเสื้อของเขาและตอนนี้มือบางกำลังเริ่มเลิกแขนเสื้อของเขาขึ้นมานิดๆ

    หลังจากยืนอึ้งอยู่นาน ในที่สุดแจฮโยตัดสินใจที่จะดึงแขนออกมาไว้ข้างตัวอย่างรวดเร็ว พยายามที่จะไม่สนใจมือบางนั่นที่เปลี่ยนเป้าหมายจากแขนมาที่แผ่นอกของเขาแล้ว

     

    “อ่า..ฉันโชคดีจังเนอะที่เธอมาชวนฉัน”

     

    แจโฮยพูดออกมาตามมารยาทระหว่างที่ค่อยๆก้าวถอยออกมาจากหญิงสาวคนนั้น

     

    “ฉันโชคดี.. จริงๆนะที่ได้รับคำชวนจากเธอ แต่ว่าคงจะต้องปฏิเสธความโชคดีนั่นไปอ่ะนะ..”

     

    มือบางที่เลื้อยอยู่ตามลำตัวไม่ได้ออกไปจากร่างกายเขาเลย เพียงแต่ความเคลื่อนไหวนั่นหยุดชะงักลง

    แต่แจฮโยก็กังวลเกินกว่าที่จะจับมือคู่นั้นออกไป

     

    “ทำไมล่ะ?”

     

    เสียงหวานถามพร้อมกับเอียงคออย่างน่ารัก แต่การกระทำนั้นกลับทำให้แจฮโยกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆไม่ลงเลยทีเดียว

     

    “เอ่อ.. คือว่าวันนี้ฉันไม่ว่างน่ะ ขอโทษนะ”

     

    แจฮโยเอ่ยอย่างตะกุกตะกักพลางกรอกตาขึ้นไปมองเพดานอย่างเป็นกังวล

    คิดอยู่ในใจว่าให้ผู้หญิงคนนี้ปล่อยเขาไปสักที

    แต่คำขอที่อยู่ในหัวแจฮโยตอนนี้คงไม่มีผลอะไรเพราะเสียงหวานก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

     

    “ไม่เป็นไร ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปวันนี้เลยนี่”

     

    เธอเอ่ยบอกพร้อมๆกับนิ้วมือที่เริ่มจะทำหน้าที่เดิมอีกครั้ง

     

    “ขอโทษนะ แต่ช่วงนี้ฉันไม่ว่างทุกวันเลยน่ะ”

     

    จมูกสวยย่นขึ้นน้อยๆแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยากจะทำกริยาหยาบคายใส่อีกคน

    แจฮโยกำลังคิดอยู่ในหัวว่าให้ใครสักคนเดินเข้ามาขัดจังหวะบทสนทนาที่คงจะไม่จบง่ายๆนี่สักที

    ไม่เหมือนในครั้งที่แล้ว ในที่สุดในครั้งนี้คำขอของเขาเป็นจริง

     

    แจฮโยก้มมองที่ร่างกายของตัวเองว่ายังมีมือคู่นั้นเลื้อยอยู่มั้ยและก็พบว่าไม่มีภัยอันตรายที่แสนจะน่ากลัวจากมือคู่นั้นแล้ว เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดมินฮยอกก็มาช่วยชีวิตเขาแล้ว

     

    “นี่ฉันมาขัดจังหวะของพวกเธอ2คนรึเปล่า?”

     

    มินฮยอกถามพลางมองสลับไปมาระหว่างคนสองคน

    แน่นอนว่าคำถามนั่นก็แค่ถามไปตามมารยาท ในเมื่อมินฮยอกตั้งใจจะมาแทรกกลางระหว่าง2คนนี้อยู่แล้ว

     

    “ไม่!

     

    “ใช่!

     

    เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันแต่ในคนละคำตอบ แจฮโยและคู่สนทนาจ้องหน้ากันนิดๆก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยบอกมินฮยอกพร้อมส่งยิ้มหวานให้

     

    “ฉันแค่มาขอเพื่อนของเธอไปเดทน่ะ”

     

    มินฮยอกเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แล้วก็เอ่ยถามเพื่อนสนิทโดยหวังว่าจะให้ผู้หญิงคนนี้เลิกตื้อสักที

     

    “นายจะไป?”

     

    มินฮยอกถามพร้อมมองไปที่แจฮโย

     

    “ขอโทษที่ขัดจังหวะละกันแต่ในคาบนี้เขาควรจะต้องไปเจอกับฉันที่ห้องสมุด และตอนนี้เขากำลังไปสายในนัดของฉันอยู่ ขอโทษนะแต่คงต้องพาเขาไปแล้วล่ะ”

     

    มินฮยอกพูดแล้วค่อยเดินไปคล้องคอแจฮโยให้มายืนข้างกัน แล้วลูบไหล่บางเบาๆ พร้อมกับยิ้มส่งไปให้

    จนหญิงสาวคนนั้นได้แต่คิดว่าการกระทำนั้นมันเกินเพื่อนไปรึเปล่า?

     

    เธอมองทั้งคู่อย่างเยาะเย้ยแล้วถามออกมา

     

    “พวกนายสองคนเป็นแฟนกันงั้นเหรอ?”

     

    หลังจากได้ยินประโยคนั้น แจฮโยก็ได้แต่มองไปที่อื่น ต่างกับมินฮยอกที่กำลังมองหน้าเธออย่างท้าทาย ราวกับว่าจะท้าท้ายให้เธอคิดในเรื่องพวกนั้นต่อไปอีกสิ

    ร่างบางของหญิงสาวก็ส่ายหัวมาเบาๆและทำท่าราวกับว่าจะยอมแพ้พร้อมกับหมุนตัวกลับไปแล้วเดินหนีคนทั้งคู่ไปเงียบๆ

     

    ....
    ...
    ..
    .
    .
    .

     

    “เธอบอกว่าเราเป็นแฟนกันอ่ะ!

     

    แจฮโยถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะวิญญาณปีศาจเจ้าชู้ได้ออกไปจากร่างสูงของเพื่อนสนิทแล้ว

    มินฮยอกมองแจฮโยอย่างขำๆแล้วยกแขนออกจากไหล่บางของแจฮโย

     

    “นาย” มินฮยอกพูดขึ้นมา ชี้ไปที่เพื่อนรักที่ตอนนี้ยืนมึนอยู่ข้างๆ “นายควรจะไปช่วยติวฟิสิกส์ให้กับฉันตอนนี้ที่ห้องสมุด”

    หลังจากที่หยุดไปแปปนึงก็พูดออกมาเพิ่มอีกครั้ง “นะะะะ”

    แจฮโยขมวดคิ้วอย่างงงๆเมื่อเกิดการเปลี่ยนกระทันหันจากมินฮยอกเผด็จการกลายเป็นมินฮยอกคนขี้อ้อนไปซะได้

    มินฮยอกเดินออกไปพร้อมกับหันมามองคนที่ยังมึนอยู่น้อยๆแล้วเดินต่อไป

    แจฮโยที่ตอนนี้ไม่สนอะไรทั้งสิ้นก็ได้แต่ปัดทำความสะิอาดเสื้อที่เพิ่งโดนลูบไล้อย่างหนักราวกับไปเจอเชื้ออีโบล่ามา

    หลังจากปัดจนพอใจว่าไร้เชื้อโรคแล้ว แจฮโยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลังจากที่มันสั่นไปเมื่อกี้

     

    ไปติวให้ฉันนายจะไม่เอาหนังสือไปรึไงน่ะ?

     

    ว่าแล้วก็หยุดเดินแล้ววิ่งกลับไปเอาหนังสือเรียนที่ล็อกเกอร์แล้วรีบวิ่งตามคนตัวสูงไปที่ห้องสมุด

     

     

     

    .....
    ....
    ...
    ..
    ..
    ..
    .
    .
    .

     

     

     

     

     

    ที่ห้องสมุด

     

    แจฮโยที่ตอนนี้กำลังนั่งเงียบเล่นเกมในโทรศัพท์อย่าตั้งใจสุดๆหลังจากนั่งมองอีกคนมานานจนเบื่อจนต้องหาอะไรมาเล่นแก้เบื่อระหว่างที่มินฮยอกกำลังหาวิธีแก้โจทย์ฟิสิกส์อยู่อย่างจนปัญญา

     

    “นี่มันเป็นไปไม่ได้หรอกกก” มินฮยอกคำรามออกมาอย่างหงุดหงิดหลังจากใช้เวลาหลายนาทีไปกับการนั่งจ้องโจทย์

    ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย ตอนนี้เขาคงหงุดหงิดจนมีแรงมากพอที่จะหักดินสอคามือได้แล้วมั้งนะ

    “ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันรู้ค่าของทุกอย่างแต่ทำไมพอเอามันไปใส่ในสมการแล้วมันผิด!” พูดจบก็เคาะดินสอไปกับโต๊ะ

    แล้วเงยหน้าไปมองแจฮโยที่ตอนนี้ก็ยังเล่นโทรศัพท์อยู่โดยไม่ได้สนใจอะไรเลย

    เสียงเคาะดินสอกับโต๊ะนั่นหยุดหายไปมีแต่มินฮยอกที่ตอนนี้นั่งจ้องหน้าอีกคนให้มาช่วยสอนโจทย์นี่สักที

     

    ในที่สุดแจฮโยก็วางโทรศัพท์ลงหลังจากที่คิดว่าเพื่อนเขาคงจะหมดความอดทนกับแจฮโยในไม่ช้า

    แจฮโยเงยหน้าขึ้นไปมองอีกคนแล้วเอ่ยถาม “เมื่อกี้ว่าไงนะ?”

    มินฮยอกมองลงไปที่โจทย์นั่นก่อนที่สายตาของมินฮยอกจะมาหยุดที่สายตาของแจฮโยอีกครั้ง

    “สูตรมันไม่เวิร์ค”

    แจฮโยชะโงกคอมาดูโจทย์นั้นชัดๆแต่ก็ยังไม่เห็นว่าความผิดพลาดมันมีมากแค่ไหนจึงแบมือขอให้อีกคนส่งชีทนั่นมาให้

    หลังจากที่ได้ชีทมาอยู่ในมือ แจฮโยก็พลิกชีทนั้นเข้าหาตัวเองเพื่อตรวจดู

    “นายได้ยกกำลังสองมันยัง?” แจฮโยถามพลางใช้ตาไล่มองสมการและสิ่งที่อีกคนเขียนไว้

     

    ตาเรียวเหลือบไปที่เครื่องคิดเลขของตนก่อนจะมาตอบคำถามของอีกคน “ยังเลย” มินฮยอกแบมือขอชีทคืนแล้วแจฮโยก็ยื่นคืนโดยดีแต่ก็ไม่วายกลับไปเล่นโทรศัทพ์(อีกแล้ว)

    มินฮยอกจิ้มไปที่เครื่องคิดเลขแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดคำตอบมันก็ถูกสักที!

    “ทำไมนายถึงเก่งฟิสิกส์ขนาดนี้วะเนี่ย!

     

    “มันก็ไม่ได้ยากหรอก นายก็แค่ต้อง--” แจฮโยหยุดพูดแล้วมองไปที่คนที่เดินเข้ามาขัดจังหวะตอนนี้

    “โอ้วววว สองคนนี้ ทำอะไรสนุกๆกันอยู่รึเปล่านะ?” ทั้งสองมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยกันดี

    ยูควอนยิ้มให้เด็กชายที่โตกว่าเขาทั้งสองระหว่างที่ยกข้อศอกไปท้าวโต๊ะ

     

    “ทำฟิสิกส์มันดูสนุกมากงั้นหรอ?” มินฮยอกบอกยูควอนอย่างเซ็งๆ

     

    ยูควอนหัวเราะน้อยๆ ก่อนที่จะมองไปที่อีกคนนึงที่นิสัยดีกว่า(มั้ง..) หวังว่าจะได้ปฏิกิริยาที่ดูเป็นมิตรกว่า

    ที่ได้รับมาจากมินฮยอก

    “ไม่รู้สิ.. ผมนึกว่าพี่สองคนกำลังสอนหนังสือแบบโรแมนติกกันอยู่ซะอีก ฮ่าๆ” ยูควอนมองแจฮโยอย่างล้อๆ

    พร้อมกับส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้คนทั้งสอง แต่ปฏิกิริยาที่ได้กลับมาก็คือถอนหายใจ และมองไปที่อื่น

     

    “ย่าห์!! ยูควอน!!” เสียงต่ำดังมาจากข้างหลังเมื่อพบว่ายูควอนกำลังรบกวนช่วงเวลาสวีทสองต่อสองอยู่

    “ปล่อยคู่นั้นเค้าไปเถอะน่า นายควรจะใช้เวลาทำรายงานอยู่ไม่ใช่หรอ? นั่นคือสาเหตุที่นายมาที่นี่นะ”

    คนแก่กว่าสองคนนั่งมองเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร

    จีฮุนเดินเข้าไปหายูควอนแล้วตบไหล่อีกคนเบาๆ ให้สัญญาณเป็นเชิงว่าให้ไปกันได้แล้ว

    ทั้งสองคนก็เดินออกไป มินฮยอกก็มองตามไปพร้อมกับสายตาที่สื่อได้ว่าขอบใจมากนะจีฮุนที่กำจัดยูควอนออกไป

     

    “จึฮุนนี่เก่งเนอะ คุมยูควอนให้ทำงานได้ด้วย” มินฮยอกพูดชมขึ้นมาลอยๆหลังจากเด็กสองคนเดินหายไปใน

    ซอกหลืบที่เกิดจากชั้นหนังสือมากมายในห้องสมุด

     

    แจฮโยไม่ได้พูดตอบอะไรไป สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ของโทรศัพท์ ระหว่างที่มือบางกำลังเล่นกับ

    ก้อนกลมๆฟูๆที่ห้อยอยู่ที่โทรศัพท์

    “พวกนั้นก็เรียกเราเป็นแฟนกันอีกแล้วนะ” แจฮโยเอ่ยขึ้นมาเบาๆทั้งที่สายตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอดำสนิทของโทรศัพท์

     

    มินฮยอกเงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆที่กำลังก่อขึ้นในตัวตอนนี้

    “นายเป็นอะไรไป?” มินฮยอกรวบรวมความกล้าถามอีกคนไปเบาๆ

     

    แจฮโยเงยหน้าขึ้นมามองอย่างตกใจนิดๆ แต่แล้วก็ส่ายหน้าเบาๆ “เปล่า ไม่มีอะไร ฉันก็แค่--

    แต่เขาก็กำจัดคำพูดและความรู้สึกเหล่านั้นออกจากหัวไปให้หมดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นอีก

     

    เวลาผ่านไปหลายนาทีแต่สิ่งที่มินฮยอกทำก็ได้แต่นั่งมองหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามที่กำลังหลีกเลี่ยงสายตาของมินฮยอกอยู่

    ในที่สุด มินฮยอกก็หยิบชีทขึ้นมา กลับไปแก้โจทย์ที่เหลือ

    “ฉันเกลียดคำๆนั้น คู่? แฟน? เหอะ..” มินฮยอกพูดขึ้นมาเบาๆทั้งที่ยังแก้โจทย์อยู่

     

    แจฮโยสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัดแล้วรีบเงยหน้ามองอีกคนเพื่อดูว่าอีกคนจะเห็นการกระทำน่าอายของเขาเมื่อกี้มั้ย

    แต่อีกคนก็คงไม่เห็นในเมื่อตั้งใจแก้โจทย์ซะขนาดนั้น ทั้งๆที่ตอนแรกเบื่อแสนจะเบื่อด้วยซ้ำ

     

    แจฮโยกำลังรู้สึกอึดอัด กังวล กลัว ..? มือบางหยิบโทรศัพท์มาหมุนล่นบนโต๊ะ คิดว่าควรจะพูดอะไรออกไปมั้ย..

    ทันใดนั้นก็เอ่ยพูดออกไปเบาๆ “ใช่ ฉันก็เหมือนกัน.. ไม่ชอบเลย” แต่มินฮยอกก็ไม่ได้ตอบอะไรมา

    อาจเป็นเพราะสิ่งที่แจฮโยเอ่ยออกไปมันดูเหมือนเป็นคำโกหก แต่มันก็ถูก ในเมื่อมันเป็นคำโกหกจริงๆนี่

    แต่ก็นะ แจฮโยก็อยากจะพูดอะไรซักอย่างออกไป ไม่งั้นบรรยากาศมันจะต้องน่าอึดอัดกว่าเดิมเป็นแน่

    ความเงียบคงจะทำให้แจฮโยไปเจอกับอีกหลายๆคำถามแสนน่าอึดอัดแน่นอน และแจฮโยก็ไม่อยากจะคิดเกี่ยวกับคำถามเหล่านั้นด้วยซ้ำไป

     

    ความเงียบเข้าปกคลุมคนสองคนอีกครั้ง แจฮโยที่ดูจะรู้สึกอึดอัดมากกว่าอีกคนเยอะกำลังค่อยๆลุกออกจากเก้าอี้

    เพื่อออกไปจากบรรยากาศน่าอึดอัดที่นี่ซะที

    ปกติถ้ามินฮยอกโมโหหรือเงีียบแบบนี้แจฮโยคงไม่รูสึกอะไร แ่ต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้มันถึงน่าอึดอัดนัก

    แจฮโยเกลียดความอึดอัด และแน่นอนถ้าสามารถหนีจากความอึดอัดไปได้แจฮโยจะรีบทำมันทันที

     

    แจฮโยถอยเก้าอี้ไปข้างหลังเงียบๆแล้วค่อยๆลุกออกไปจากเก้าอี้แต่ก็หยุดชะงัก

    จู่ๆมินฮยอกก็ถอนหายใจแล้วปัดชีทฟิสิกส์นั่นออกไปแล้วเงยหน้ามองคนที่อยู่ในท่ากึ่งยืนกึ่งนั่งอยู่ตอนนี้

    “เย็นนี้นายอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?”

     

    “ฮะ? อะไรนะ?” แจฮโยเบิกตากว้างหลังจากได้ยินประโยคที่คิดว่าชาติมินฮยอกคงไม่มีพูดออกมาจากปากของเจ้าตัว

    “เอ่อ..อือ.....ก็ได้ ไปกินข้าวกัน”

     

    “อือ โอเค” มิฮยอกเอื้อมไปหยิบชีทนั่นมาอีกครั้ง แล้วจ้องไปที่แจฮโยอย่างจริงจัง

    “แน่ใจนะว่านายไม่เป็นอะไร?”

     

    แจฮโยพยักหน้ารัวๆ ถ้าใครมาเห็นก็คงบอกเป็นคำเดียวว่าน่ารัก น่าเอ็นดูสุดๆ

    ปากบางเม้มเข้าด้วยกันแล้วพยายามส่งยิ้มที่ดูจริงใจที่สุดไปให้อีกคน “อื้ออ ไม่เป็นไร ไม่เคยเป็นอะไรอยู่แล้ว”

    มินฮยอกครางตอบรับในคอเบาๆแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

     

     

     

    ....

    ...
    ..
    .
    .
    .
    .

     

     

     

    “นี่มันโคตรแย่เลย” ปาร์คคยองบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ฟันกระทบเข้าหากันดังกึกๆ หมอกควันสีขาวที่พ่นออกมาจากปากตอนที่พูดทำให้รู้ได้เลยว่าคืนนี้มันหนาวขนาดไหน

    แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อต้องไปซื้อของอีก ก็ลิสต์ของที่ต้องซื้อมันยาวเฟื้อยซะขนาดนี้...

    ทำไมคยองต้องออกมาคนเดียวงั้นหรอ?

    1.       คยองอยู่หอกับเพื่อนอีกคน

    2.      เพื่อนคนนั้นกับคยองเล่าเป่ายิงฉุบ

    3.      คยองแพ้เลยต้องออกมาคนเดียวท่ามกลางอากาศที่โคตรจะหนาวเลย

     

    ในที่สุดคยองก็ซื้อของในลิสต์เสร็จ เท้าเล็กกำลังก้าวกลับไปที่หอพัก

    มือเล็กถือถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อ ในขณะที่อีกมือยัดเข้าไปในเสื้อโค้ตกันหนาวตัวใหญ่

     

    ลมหนาวพัดผ่านร่างเล็ก “ให้ตายสิ.. ฉันควรจะใส่เสื้อให้หนากว่านี้..”

    คยองหยุดเดินแล้วล้วงกระเป๋าเสื้อดูว่ามีเงินเหลือพอที่จะสามารถขึ้นรถบัสได้รึเปล่า

    “เงินก็ไม่มี เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ยยย” เท้าเล็กเริ่มเดินต่อหลังจากที่ได้พบว่าคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

     

    “ซิโค่ควรจะมาทำงานแบบนี้บ้างนะ ตามจริงครั้งหน้าเขาต้องไปเพราะครั้งนี้ฉันออกมาแล้ว”

    เสียงพึมพำยังดังขึ้นไปตลอดทางที่เดินกลับหอพัก ..

     

    แต่สายตาคนตัวเล็กก็ไปสะดุดกับคนสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันในร้านอาหารร้านนึง

    “นั่นมันคนๆนั้นรึเปล่านะ” พึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วชะเง้อหน้ามองเข้าไป

    “เหมือนคนนั้นมากเลย ใช่ ใช่แน่ๆ!” ว่าแล้วก็รีบเดินกลับหอไปเร็วๆเพื่อไปเล่าให้เพื่อนร่วมห้องฟัง..

     

    ..

    ..

    .
    .

     

    ย้อนเวลากลับไปที่ห้องสมุด ..

     

    มินฮยอกนั่งจิ้มเครื่องคิดเลขอย่างไม่จบไม่สิ้น ปากคาบดินสอเอาำไว้

    หวังว่าจะมีเครื่องอะไรซักอย่างที่ให้คำตอบแก่โจทย์ยากๆพวกนี้

    แต่แล้วก็มีแต่เสียงถอนหายใจ คำตอบที่ได้มันผิดอีกแล้วน่ะสิ

    “ช่างแม่.งละ ฉันตกก็ได้” มินฮยอกถอนหายใจแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสิ้นหวัง

     

    แจฮโนพับหน้าจอแมคบุคของตนลงแล้วมองไปที่เพื่อนสนิทตรงหน้า

    “อยากให้ฉันช่วยดูให้มั้ย?” แจฮโยเสนอออกไป เผื่อมันจะช่วยอีกคนได้บ้าง

     

    มินฮยอกส่ายหัวแล้วเอ่ยบอกอีกคน “ไม่ต้อง นายมีงานต้องพิมพ์นี่ ทำให้เสร็จสิ”

     

    แจฮโยขมวดคิ้วให้กับคำตอบที่ทำให้รู้สึกผิดหวังนั่น ยังไงก็ตามแต่ก็เปิดหน้าจอแล้วพิมพ์งานต่อให้มันเสร็จๆไป

    แจฮโยชอบ ชอบเวลามินฮยอกมาขอให้ช่วย

    อย่างน้อยมันก็ทำให้แจฮโยรู้สึกมีความสำคัญสำหรับมินฮยอกมากกว่าคนอื่นๆ

    สิ่งที่แจฮโยสนใจก็แค่อะไรก็ตามที่ทำให้มินฮยอกมีความสุข

    “แต่มันเป็นสิ่งสำคัญนะที่จะไม่สอบตกน่ะ” เขาบ่นเบาๆ มองหน้าอีกคนที่ง่วนกับการแก้โจทย์ผ่านหน้าจอแมคบุคไป

     

    “นายนี่เป็นคนดีจังเลยนะ” มินฮยอกพูดยิ้มๆ “แต่ฉันแน่ใจว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับฉันแน่ๆ”

    แจฮโยเลิกคิ้วหลังได้ยินคำตอบของอีกคน “โกง?” แจฮโยถาม หน้าตาที่ดูใสซื่อจ้องมองมาที่มินฮยอก

    มินฮยอกมองหน้าอีกคนแบบอึ้งๆ

    “ย่าห์! ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า! ไม่มีวัน-- อืมมโอเค ฉันอาจจะทำมันก็ได้

    แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นนะ ที่ฉันคิดอยู่ไม่ใช่การโกง ฉันทิ้งวิธีแบบนั้นไปตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วน่า”

    แจฮโยฟังอีกคนพูดแล้วยู่หน้าอย่างน่ารัก

    “สรุปนะ ที่ฉันพูดไปทั้งหมดเพราะฉันรู้สึกว่าฉันจะโชคดีสุดๆไปเลยด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง...”

    “ฉันกำลังสงสัยว่ามันคืออะไรสุดๆเลยอะ!!” แจฮโยยู่หน้าอีกครั้ง

     

    “คืืนนี้ว่างมั้ย?” มินฮยอกเปลี่ยนเรื่องแล้วมองหน้าอีกคน

    “ทำไมหรอ?” แจฮโยถาม

    “มาบ้านฉันแล้วช่วยติวให้ได้มั้ยอ่าา” มินฮยอกถามอีกคน

     

    แจฮโยหยุดคิด แต่แล้วก็ส่ายหัวเบาๆพร้อมกับความรู้สึกเสียดายที่อยู่ในใจ

    “วันนี้คงไม่ได้ล่ะ ฉันสัญญากับซิโค่ไว้ว่าจะไปหาเขาน่ะ” มินฮยอกได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา..

    “แต่ฉันบอกเขาก็ได้นะว่าฉันจะไปหาเขาวันอื่นน่ะ” แจฮโยรีบพูดต่อหลังเห็นมินฮยอกถอนหายใจออกมา

     

    มินฮยอกรีบโบกมือปัดอย่างรวดเร็ว “อ่าา ไม่ ไม่เป็นไร ฉันหาทางติวเองก็ได้”

    “นายแน่ใจนะ? ฉันว่าซิโค่คงไม่ว่าอะไร..”

     

    “ไม่ต้อง” มินฮยอกพูดแทรกขึ้นมา พร้อมส่งยิ้มไปหาเพื่อนรัก

    “ซิโค่เป็นเพื่อนสนิทนายนะ มันคงสำคัญกว่าทีจะไปหาเขานะ”

    แจฮโยหลุบตาลงต่ำ จ้องมองไปที่หน้าจออีกครั้ง ตัดสินใจที่จะเลิกเขียนเรียงความนั่นต่อทั้งๆที่มันเกือบจะเสร็จแล้ว

    ก็ในเมื่อมันเหลือเวลาอีกนานกว่าจะส่งจะรีบทำไปทำไมล่ะจริงมั้ย?

    ว่าแล้วก็พับหน้าจอลงแล้วยื่นมือไปขอชีทจากคนตรงข้าม “เอามาให้ฉัน” แจโยพูดแกมบังคับ

     

    มินฮยอกรีบดึงมันกลับมา “ไม่ ฉันทำได้ นายทำของนายไปสิ”

    “นี่ ฉันกำลังเสนอความช่วยเหลือให้นายนะ!

    “แต่นายควรใช้เวลาไปกับรายงานของนายต่างหากเล่า”

    แจฮโยได้ยินแล้วก็ยู่หน้าใส่อีกคน

    “ถ้านายไม่ทำมันให้เสร็จตอนนี้เดี๋ยวก็ส่งไม่ทันหรอก”

    “มินฮยอกอ่าา.. ฉันมีเวลาเยอะแยะเลยไว้ค่อยพิมพ์มันต่อก็ได้อะ”

     

    “นั่นไม่ใช่ประเด็น” อีกคนพูดแทรกขึ้นมา “ประเด็นคือฉันรู้นิสัยนายดี ถ้านายไม่ทำมันให้เสร็จตอนนี้นายจะ

    ไม่มีวันกลับไปทำมันต่ออย่างแน่นอนเลย!

    แจฮโยได้ยินก็ได้แต่เม้มปาก ก็สิ่งที่อีกคนพูดมามันจริงทั้งนั้นเลยนี่

    “แต่ฉันช่วยนายได้ จริงๆนะ”

    “ฉันทำมันได้น่าาา” มินฮยอกพูดกับแจฮโยที่กำลังทำหน้ามุ่ยใส่เขาอยู่

    “หรือไม่ช้าก็เร็วฉันก็หาวิธีแก้มันได้ละน่า”

    แจฮโยพองลมเข้าแก้มแล้วมองไปที่อีกคนอย่างหน่ายๆ

     

     

    .....
    ...
    ..
    ..
    ..
    .
    .
    .

     

    เวลา7:00กริ่งหน้าประตูหอพักของซิโค่ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงยืนรอให้เพื่อนสนิทมาเปิดประตูให้

    เมื่อเปิดประตูออกไปก็เจอแจฮโยที่ท่าทางดูหงุดหงิดยืนอยู่ข้างหน้า

    “เป็นไรล่ะเนี่ย?” ซิโค่ถามเพื่อนสนิท

    “เปล่านี่” แจฮโยพูด แต่มันฟังดูเหมือนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่..

     

    แจฮโยเดินเข้าห้องอพาร์ตเมนท์ด้วยท่าทางเหมือนคนตายอย่างงั้นแหล่ะ ซิโค่เห็นแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรได้

    “นาย เอ่อ.. เอาน้ำอะไรมั้ย?” ซิโค่ลองเสี่ยงถามออกมา

    “แค่น้ำเปล่า” แจฮโยตอบเอื่อยๆ

    แจฮโยเดินลากเท้าไปนั่งบนเก้าอี้หน้า้เคานต์เตอร์ครัวที่ซิโค่กำลังรินน้ำอยู่

    “คยองกลับกี่โมง?” แจฮโยเอ่ยถาม

    ซิโค่ยักไหล่แล้วยื่นแก้วน้ำมาให้อีกคน “เวลาไหนก็เวลานั้นแหล่ะ”

    “นั่นเป็นคำตอบที่เจาะจงมากเลย” คนตัวสูงกว่าประชดแล้วเบ้ปากใส่อีกคน

    “ก็คยองไม่ได้บอกฉันไว้นี่นา”

    “แล้วตอนนี้เขาทำอะไรอยู่?”

    “ช็อปปิ้งมั้ง” แจฮโยจ้องซิโค่ด้วยสายตาที่ว่านายนี่มันเพื่อนประสาอะไรเนี่ย

    “อ้าว แล้วให้ทำไงเล่า”

    “แล้วเขาช็อปอะไรบ้าง?” แจฮโยถาม “เสื้อผ้าไรงี้หรอ?”

    “บางครั้ง แต่บางครั้งก็ของตกแต่งบ้านแปลกๆที่ในที่สุดก็มาห้อยอยู่ตามอพาร์ตเมนท์นี่น่ะสิ”

     

    ซิโค่เลื่อนเก้าอี้มาตรงข้ามแจฮโยแล้วเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมา

    “แล้วววว” ซิโค่เปรยขึ้นมา

    “แล้ว?” แจฮโยถามย้อน

    “คยองเห็นนายเมื่อคืน” ทันทีที่ได้ยินแจฮโยก็ขมวดคิ้วแล้วจ้องซิโค่เสียยกใหญ่

    “ที่ร้านอาหาร” ซิโค่พูดอีก

    แจฮโยตัวแข็งทื่อแล้ววางแก้วน้ำลงเสียงดัง

    “กับผู้ชายคนนึง” ซิโค่พูดจนจบ

     

    แจฮโยเลื่อนแก้วน้ำไปมาอยู่หลายรอบแล้วในที่สุดก็พูดบางอย่างออกมา

    “แล้วไงล่ะ ทำยังกับนายไม่เคยไปกินข้าวกับคยองกันสองคนยังงั้นแหละ”

    “มันไม่เหมือนกันนี่ คยองน่ะบอกว่ามันเป็นร้านอาหารหรูแล้วนายสองคนก็ดู..”

    ซิโค่ลากเสียงยาวแล้วมองตาแจฮโย “ดูใกล้ชิดสนิทสนมมากๆเลย”

    แจฮโยเริ่มกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆอีกรอบ

    “บอกฉันหน่อยดิ แฟนนายหรอ? เดทกันอยู่หรอ?” ซิโค่เลิกคิ้วแล้วยกยิ้มเบาๆ

     

    “ฉันจะไม่พูดถึงมันในตอนนี้” แจฮโยตอบไป

    “แจ--

    “ไม่ ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องนั้น”

    “นายชอบเขา?”

    “คยองบอกนายว่าฉันชอบเขายังงั้นหรอ” แจฮโยหรี่ตามองซิโค่อย่างจับผิด

    “เปล่านะ เปล่าเปล่า!” ซิโค่รีบส่ายหัวรัวๆ “คยองแค่บอกว่าเจอพวกนายอยู่ด้วยกัน”

    “เฮ้อ นั่นแหละ พวกเราออกไปด้วยกันบ่อยๆ” แจฮโยพูดเบามากจนเกือบเหมือนกระซิบ “บางทีฉันคิดว่าฉันอาจชอบเขา”

    “นาย... เป็นเกย์?” ซิโค่ถามอ้าปากค้างอย่างตกใจ

    แจฮโยได้แต่นั่งคอตก “ยังไงก็ตาม อย่าบอกใครละกันนะ” เอ่ยบอกอีกคนเบาๆ

    “ไม่ ไม่บอก ไม่มีวันบอกเลย” แต่แล้วทั้งคู่ก็สะดุ้งหลังจากเสียงเปิดประตูดังขึ้น

     

    “แจฮโยยยย~” คยองเอ่ยทักแล้วรีบวิ่งเข้ามากอดเจ้าตัวอย่างคิดถึง

    “มีแฟนแล้วไม่มีบอกเลยนะ” คยองเอ่ยล้ออีกคน

    “ย่าห์ คยอง อย่าไปยุ่งน่า” ซิโค่ร้องห้ามรูมเมตของตน

    แจฮโยก็ได้แต่นั่งคอตกอยู่ที่เดิม..

     

     

    ....
    ...
    ..
    ..
    ..
    ..
    .
    .
    .

     

     

    วันต่อมา แจฮโยไปเจอมินฮยอกที่ร้านกาแฟ เมื่อไปถึงก็พบว่าอีกคนนั่งอยู่ก่อนกับกองแม็กกาซีนบนโต๊ะ

    “นายอยากดื่มอะไีร” แจฮโยถามคนที่เข้ามานั่งแต่ยังไม่ได้สั่งอะไรเลย

    “ลาเต้ร้อนละกัน ขอบคุณ” มินฮยอกตอบทั้งที่ตายังจ้องอยู่ที่แม็กกาซีนตรงหน้า

    แจฮโยก้าวขาไปสั่งเครื่องดื่มแล้วเดินกลับมาพร้อมกับลาเต้ร้อนในมือ

    “อ้าว แล้วนายไม่กินอะไรหน่อยหรอ?”

     

    “สอบเป็นไงบ้าง” แจฮโยไม่ได้ตอบ แต่เปลี่ยนเรื่องไปอีกเรื่อง

    “แย่มากๆ ตอนแรกๆก็พอทำได้แต่หลังๆมันก็เหมือนเกมทายคำตอบเลยล่ะ”

    “หรอ” แจฮโยดูตกใจที่เป็นอย่างนั้น

    “อะไร? ทำไม?”

    แจฮโยส่ายหัว “เปล่า นายดูผ่อนคลายมากเลย ดุเหมือนทำได้ดีนะ”

     

    มิฮยอกดื่มลาเต้เข้าไปอีกอึก มองไปที่แจฮโยอย่างครุ่นคิดแล้วตัดสินใจเ่อ่ยถามอีกคน

    “นายเป็นไงบ้างแจฮโย?”

     

    “ก็ดี” แจฮโยตอบทันที “ทุกอย่างเพอร์เฟ็คดี” แต่เขาดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเอาซะเลย

    “แต่เสียงนายฟังดูไม่ค่อยดีนะ” มินฮยอกพูดขึ้นมา “หรือมีเรื่องกับซิโค่?”

    แจฮโยไม่ตอบแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อกี้

    “เอาล่ะ คยองพูดอะไรโง่ๆใส่นายงั้นหรอ?”

     

    “โง่?” แจฮโยขมวดคิ้ว “โง่งั้นหรอ?” ย้ำกับตัวเองเหมือนโดนด่ามายังไงยังงั้น

    “มันไม่ใช่เรื่องโง่ๆ” แจฮโยพูดอย่างฉุนๆ แล้วยกมือขึ้นมากอดอกแล้วจ้องหน้ามินฮยอก

     

    มินฮยอกได้แต่อึ้ง และอึ้ง เขาทำให้แจฮโยเป็นอย่างงี้รึเปล่า? เป็นใบ้ไปหลายนาทีจนกว่าจะตามเสียงของตนเองเจอ

    “เอ่อ.. โอเค มีปะญหาอะไรเปล่า?”

    “ไม่มีนี่” อีกคนก็ตอบมาอย่างรวดเร็ว

    “ไม่ มันไม่อะไรแน่ๆ บอกมาเลยนะ”

    “ก็บอกว่าไม่มีไง”

    “ยังไงนายก็ต้องบอก ไม่ช้าก็เร็วนี่แหละ บอกมาซะ” มินฮยอกวางแม็กกาซีนลงแล้วนั่งจ้องอีกคน

     

    แจฮโยเงียบไปพักใหญ่ นาน.. นานจนมินฮยอกใจไม่ดี..

    “ฉัน.. ฉันเป็นอะไรสำหรับนาย? พวกเราเป็นอะไรกัน?” ในที่สุดก็พูดออกมาทั้งที่ก้มหน้างุดอยู่

     

    มินฮยอกเลิกคิ้วอีกรอบ “หมายความว่ายังไง?” แต่แจฮโยไม่ตอบ เขาหวังว่ามินฮยอกจะคิดมันได้เอง..

    “บอกมาเถอะนะ มีอะไรทำให้กังวลใจรึเปล่า?”

     

    “นายเกลียดคำว่าคู่” แจฮโยเริ่มบทสนทนาขึ้นมา

     

    “ใช่ฉันเกลียด” มินฮยอกบอกทั้งที่ยังงงๆอยู่กับสถานการณ์นี้อยูา

    “แต่ฉันเกลียดคำว่าคู่ ไม่ได้แปลว่าฉันไม่ได้คิดว่าเราเดทกันอยู่นี่”

     

    “นายไม่คิดหรอ?” แจฮโยขมวดคิ้วแล้วถามอีกคนเพื่อความแน่ใจ

     

    “ไม่ ฉันแค่มีอคติกับคำว่าคู่ มันเหมือนโดนเรียกเป็นของ1อย่างทั้งที่เราเป็นคน2คน ฉันไม่ชอบนี่”

    มินฮยอกมองหน้าแจฮโยแล้วยิ้มให้ “ฉันอยากให้คนอื่นเรียกฉันว่าแฟนของนายมากกว่าเรียกเราว่าคู่นะ”

     

    “ใช้ แต่-- นาย--” แจฮโยถอนหายใจหน่ายๆ “ดังนั้นฉันเป็นแฟนนาย?”

     

    “อ่าา ไม่อยากเชื่อเลย นายถามมาได้ไงเนี่ย?” มินฮยอกแกล้งทำหน้าผิดหวังใส่อีกคน

     

    “ย่าห์! นายก็มีส่วนผิดนะ นายทำให้ฉันเข้าใจผิดนี่!” แจฮโยรีบเถียงทันที

     

    “ผิดแล้ว นายนั่นแหละที่คิดเองเออเองไปหมดน่ะ” มินฮยอกบอก “แต่ไม่เป็นไร ฉันยกโทษให้”

     

    แจฮโยวางคางลงบนมือของเขา “นายมันชอบทำให้ฉันเข้าใจผิดอยู่เรื่อย”

     

    “แค่ตอนที่ฉันอยากทำเท่านั้นแหละ ฮ๋าๆ” มินฮยอกตอบอย่างขำๆ

     

     

    well, finally they became a couple anyway, right?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×