คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [NAMSONG] Violet # 5
แสงอาทิตย์ที่ส่องแสงแรงกล้าเล็ดลอดผ่านม่านหน้าต่างของห้องพักฝั่งทิศตะวันออกเข้ามาแยงเข้าที่เปลือกตาของคนที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นเพื่อรับมือกับวันใหม่ แทฮยอนมองไปรอบๆ ตัวก็พบกับความว่างเปล่า คังซึงยูน เพื่อนรักของเขาคงจะกลับไปแล้ว หลังจากที่เมื่อคืนอยู่คอยปลอบใจคนงี่เง่าอย่างเขาตลอดทั้งคืน
แทฮยอนยันตัวของเขาให้ลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนที่ท้องของเขาจะเริ่มประท้วงว่าหิว ร่างบางจึงต้องตามใจท้องของตัวเองด้วยการเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาอะไรกิน
“อะไรกันเนี้ย ?”
แทฮยอนคว้าโน้ตที่ติดไว้กับตู้เย็นมาอ่านในระยะที่สายตาของเขาจะเห็นตัวหนังสือที่เขียนไว้อย่างเป็นระเบียบได้อย่างชัดเจน ...
ตื่นมานายคงจะหิว ฉันเตรียมข้าวต้มไว้ให้นายแล้ว อยู่ในตู้เย็น เวลาจะกินก็เอาออกมาอุ่นนะ
เป็นห่วงนายเสมอนะ ‘เพื่อนรัก’
คังซึงยูน
“ขอบใจมากนะ คังซึงยูน”
“มินโฮ วันนี้ว่าง เราไปกินไอศกรีมกันเถอะ”
“พี่จินอู อยากกินอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้นะ พี่อายุเท่าไหร่แล้ว ชอบกินของหวานๆ เป็นเด็กๆ อยู่เรื่อยเลย”
มินโฮหันไปแขวะคนที่อายุมากกว่าแต่หน้าตา นิสัย และการกระทำที่ไม่เคยโตตามอายุอย่างคิมจินอู ที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนลูกหมาตัวเล็กพันแข้งพันขาเขาเพื่อออดอ้อนให้เจ้าเด็กตัวโตพาไปกินไอศกรีมสมใจอยาก
“ที่นายไม่พาฉันไปกินไอศกรีมเพราะกลัวคิดถึงเจ้าเด็กคิ้วตกผมแสกกลางคนนั้นใช่ไหมล่ะ ?” จินอูยกยิ้มอย่างมีชัย โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดแกล้งเล่นๆ ของเขาจะทำให้คนฟังเขินจนหน้าแดงระเรื่อ เพราะจินอูรู้อยู่แล้วว่ามินโฮคิดถึงเด็กคิ้วตกที่ชื่อแทฮยอนเสมอทุกลมหายใจ แม้บางครั้งจินอูจะรู้สึกสงสารแทฮยอนมากแค่ไหนที่โดนเจ้ารุ่นน้องร่างหมีของเขาทำร้ายจิตใจ แต่เมื่อเขายอมเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความเชื่อใจระหว่างมินโฮกับแทฮยอนแล้ว จินอูจึงไม่มีทางเลือกยอมเป็นเครื่องมือต่อไปโดยหวังว่าสักวันหนึ่งมินโฮจะเลิกทำแบบนี้กับคนที่รักมินโฮมากที่สุด “เอ๊ะ ? หรือเป็นเพราะว่านายไม่อยากพาใครไปกินไอศกรีมอีกนอกจากแทฮยอน ?”
คำพูดทิ่มแทงใจดำของมินโฮอย่างรุนแรงจนคนร่างหมีนั่งไม่ติดที่ ลุกพรวดขึ้นมาสวมเสื้อโค้ตก่อนเดินนำไปที่ประตูห้อง
“ฉันจะไปรอที่รถ ตามฉันลงไปแล้วกัน อยากกินร้านไหนก็ค่อยลงไปบอกที่รถ โอเคไหม ?”
“อีซึงฮุน ...” เสียงของจินอูลากยาวและเสียงดังพร้อมๆ กับคนตัวเล็กที่วิ่งลุ่นๆ เข้ามาภายในร้านไอศกรีมที่ซึงฮุนทำอยู่เพื่อช่วย ‘คุณน้า’ เขาในวันที่ซึงฮุนไม่มีเรียนหรือช่วงที่ว่าง เพราะซึงฮุนเติบโตขึ้นมาได้เพราะคุณน้าของเขาเลี้ยงดูเขามา “คิดถึงซึงฮุนจังเลย”
ไม่พูดเปล่า จินอูก็กระโดดขี่คอซึงฮุนเอาไว้ มือเล็กเกาะเกี่ยวที่ไหล่ของคนตัวสูงแน่น โชคดีที่ซึงฮุนตั้งหลักได้ทัน ไม่งั้นเขาคงล้มลงไปนอนกับพื้นพร้อมๆ กับเปื้อนไอศกรีมที่เตรียมไปเสิร์ฟให้ลูกค้าแน่ๆ
“คะ คะ คิมจินอู ! พี่กลับมาจากเมืองนอกตั้งแต่เมื่อไรกันเชียว ?”
ซึงฮุนพยายามแกะมือที่แน่นเหนียวเป็นตุ๊กแกของจินอูออก กว่าจินอูจะยอมปล่อยตัวคนร่างสูงก็เล่นเอาซึงฮุนเหนื่อยได้เหมือนกัน
“ฉันกลับมาได้สักพักแล้วแหละ ไม่เจอกันแค่ปีเดียวเองนายหล่อขึ้นตั้งเยอะแยะเลยนะซึงฮุน หน้าก็ใสกิ๊งเลย เจ้าสิงโตหน้ามันของฉันหายไปไหนแล้วนะ ?”
“ใครใช้ให้นายพูดอย่างนี้ต่อหน้าลูกค้าของฉันกันเนี้ย ?” ซึงฮุนก้มหน้างุดเขิน อาจจะใช่ที่เมื่อก่อนเขาเป็นอย่างที่จินอูบอก ไม่มีสเน่ห์เอาซะเลย แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้วนะ ตอนนี้ซึงฮุนหล่อเหลาเอาการ สาวๆ เห็นเป็นต้องเหลียวหลังมามองเชียวแหละ “ไอศกรีมลูกค้าละลายหมดแล้ว เพราะนายคนเดียวเลย ยังไงก็ไปหาที่นั่งก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปคุยด้วย ... จริงสิ นายมาคนเดียวหรอ ? จินอู”
“เปล่าๆ มากับรุ่นน้องที่เรียนด้วยกันตอนอยู่ที่โน่นน่ะ” พูดจบ เสียงกระดิ่งที่ผูกติดกับประตูร้านก็ส่งเสียงดังเบาๆ บ่งบอกว่ามีผู้เข้ามาใหม่ “นั้นไง พูดถึงปุ๊บก็มาโน่นปั๊บเลย”
ซึงฮุนหันไปมอง ‘ลูกค้า’ ที่เป็นถือรุ่นน้องของจินอู เพื่อนของเขา ก็เห็นเป็นชายหนุ่มร่างหนาที่สวมเสื้อโค้ตสีน้ำตาลอ่อน บนใบหน้ามีแว่นตาสีดำสนิทปกปิดดวงตาเอาไว้
“ยังไงก็ไปหาที่นั่งกันก่อนแล้วกัน” ซึงฮุนว่าพลางถือถาดไอศกรีมไปเสิร์ฟลูกค้าอีกฝั่งหนึ่งของร้าน “ถ้าเป็นไปได้ บอกให้รุ่นน้องของนายถอดแว่นตากันแดดนั้นออกด้วยก็ดีนะ คิมจินอู”
ซึงฮุนเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อนำเอาไอศกรีมที่เกือบจะละลายแล้วไปเสิร์ฟลูกค้า พร้อมๆ กับจังหวะที่ซึงยูนเดินออกมาที่หน้าร้านหลังจากหายไปล้างถ้วยไอศกรีมอยู่หลังร้านนานสองนาน
“เสียงดังอะไรกันพี่ซึงฮุน เสียงนี่ดังไปถึงหลังร้านเลย”
“เปล่าๆ พอดีเพื่อนพี่กลับมาจากต่างประเทศมาน่ะ ยังไงนายก็ไปรับออเดอร์โต๊ะทางโน่นหน่อยก็แล้วกัน”
ซึงฮุนชี้ไปที่โต๊ะที่จินอูกับมินโฮนั่งอยู่ ซึงยูนมองตามเรียวนิ้วของพี่ชายไปก็พบกับคนคนตัวเล็กกับคนร่างหนาก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ หยิบเอาเมนู กระดาษ และปากกาเดินมุ่งไปที่โต๊ะของจินอูและมินโฮ
“มินโฮ นายจะแกล้งแทฮยอนไปอีกนานแค่ไหนกัน ฉันสงสารเจ้าเด็กคนนั้นจริงๆ นะ ยิ่งเมื่อวานยิ่งเห็นน้ำตาของเด็กคนนั้นแล้วฉันยิ่งเจ็บปวดหัวใจแทน”
สองเท้าของซึงยูนหยุดเดินโดยอัตโนมัติ มือที่ถือบรรดาข้าวของอยู่สั่นเทาขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจของซึงยูนเต้นสะท้านกับคำพูดของจินอู ก่อนที่จะตัดสินใจหลบซ่อนตัวเองเข้ากับซอกระหว่างตู้เย็นและผนังใกล้ๆ กับโต๊ะตัวนั้นเพื่อซุ่มฟังบทสนทนาต่อไป
แม้ไม่ใช่เรื่องของเขา แต่ถ้าเป็นเรื่องของแทฮยอน ซึงยูนก็จะไม่ปล่อยเอาไว้แน่ !
“พี่ถามฉันมาไม่รู้กี่รอบแล้วนะ พี่จินอู ฉันยืนยันว่าฉันจะทำต่อไปเรื่อยๆ เพื่อพิสูจน์ความเชื่อใจของแทฮยอน จนกว่าฉันจะแน่ใจว่าแทฮยอนจะยังเชื่อใจฉันอยู่”
“แต่เมื่อวานนี้ ตอนที่เด็กแทฮยอนนั้นร้องไห้ต่อหน้าพวกเรา ฉันว่านั้นมันก็เพียงพอแล้วนะมินโฮ”
“พี่จะแน่ใจได้ไงว่าเพียงพอแล้ว ?”
“ซงมินโฮ !”
ไม่ใช่เสียงของจินอูที่สบถชื่อคนผิวคล้ำออกมาเสียงดัง แต่กลับเป็นซึงยูนที่พุ่งออกมาจากซอกที่หลบอยู่มาพร้อมกับหมัดลุ่นๆ ก่อนจะปะทะลงบนใบหน้าคมคายของคนที่นั่งอยู่ มินโฮหันไปตามแรงลูกหมัดนั้น สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายเกินไปที่จะเริ่มต่อบทสนทนาเรื่องแทฮยอนระหว่างมินโฮและจินอู
“หยุดนะ !”
จินอูเข้ามาห้ามทัพระหว่างซึงยูนและมินโฮ ก่อนที่จะมีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นให้เลวร้ายมากไปกว่านี้ จังหวะเดียวกันที่ซึงฮุนวิ่งเข้ามาดูสถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น ! ... ซึงยูน จินอู”
“ซงมินโฮ นายคือซงมินโฮจริงๆ ใช่ไหม ?” มือของซึงยูนกำเข้าหากันจนแน่ เส้นเลือดปุดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายจะทำอะไรนัมแทฮยอน แต่คำพูดที่นายพูดเมื่อกี้ ฉันรับมันไม่ได้จริงๆ นายถามว่าที่นายทำมันเพียงพอแล้วหรอสำหรับแทฮยอน ฉันตอบให้แทนก็ได้นะว่า มันเกินเพียงพอแล้ว ซงมินโฮ !”
“แล้วนายเป็นใครถึงได้มาตอบแทนแทฮยอนอย่างนี้ ?”
มินโฮยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ซึมออกที่มุมปากช้าๆ รับรู้ได้ถึงความเจ็บแสบทันทีที่ปากแผลสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศและยิ่งมือของเขาที่จำเป็นต้องเช็ดเลือดที่ซึมออกมาเพื่อไม่ให้เลือดเข้าไปในปากของเขา
เขาเกลียดรสชาติและกลิ่นคาวของเลือดที่สุด !
“ฉันเป็นเพื่อนของแทฮยอนยังไงล่ะ นัมแทฮยอนเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุดไง !” คำว่าเพื่อนเหมือนกับมีดเล่มเล็กๆ นับพันเล่มกรีดเข้าที่หัวใจของซึงยุนช้าๆ พอให้เขาทรมาน “ฟังนะซงมินโฮ ! เมื่อวานแทฮยอนมีสภาพไม่ต่างจากคนบ้า ฉันชวนพูดชวนคุยแทฮยอนก็ไม่ค่อยตอบ จนฉันได้รู้ความจริงว่าเพราะอะไรแทฮยอนถึงได้มีสภาพแบบนั้น มันเป็นเพราะนาย เป็นเพราะนายคนเดียวเลย ซงมินโฮ !”
มินโฮดวงตาเบิกกว้างทันที เขาไม่รู้เลยว่าการพิสูจน์ความเชื่อใจของเขาจะยิ่งบั่นทอนกำลังใจและความเชื่อใจของแทฮยอน ร่างกายของมินโฮแข็งราวกับถูกแช่แข็งด้วยคำสาปทันที
“ซึงยูน นายพูดอะไรน่ะ ?”
ดูเหมือนซึงฮุนที่ไม่เข้าใจเรื่องราวก็ยังคงไม่เข้าใจต่อไป ส่วนจินอู เวลานี้ จินอูทำหน้าที่เงียบและรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
“เรื่องดอกไวโอเล็ตนั้นมันโกหกทั้งเพสินะ หึ ! นายมันน่ารังเกียจจริงๆ ซงมินโฮ ให้ความหวังคนอื่นแล้วตัวเองมาทำลายมันเองอย่างนั้นหรอ ? โดยเฉพาะเรื่องดอกไวโลเล็ตอะไรนั้น นายกุเรื่องขึ้นมาเพื่อผูกแทฮยอนไว้แล้วลอบทำร้ายแทฮยอนทีหลังใช่ไหม ? น่ารังเกียจที่สุดในโลกเลย มินโฮ !”
ซึงยูนเหลืออดจนอดทนไม่ไหวต้องสบถก่นด่ามินโฮออกมาท่ามกลางความตกใจของทั้งจินอูและซึงฮุน
มินโฮที่ตกใจกับคำพูดของซึงยูนก็ถึงขั้นเอ๋อรับประทาน ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ก่อนที่จะดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วลุกพรวดขึ้นก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกไปจากร้านเพื่อไปสงบอารมณ์ของตัวเอง
“มินโฮ !”
จินอูกำลังจะวิ่งตามมินโฮไป แต่ซึงฮุนกลับห้ามไว้ก่อน
“จินอู ฉันว่านายอยู่ระงับอารมณ์ของซึงยูนดีกว่านะ นายเป็นคนที่อารมณ์เย็นที่สุดในเวลานี้ ฉันฝากนายหยุดอารมณ์หมาบ้าของซึงยูนด้วย ส่วนทางนั้นฉันจัดการเอง”
ซึงฮุนฝากฝังซึงยูนไว้กับจินอูก่อนจะวิ่งตามคนตัวโตที่อารมณ์รุนแรงไม่แพ้กันออกไปนอกตัวร้าน ซึงยูนพยายามระงับอารมณ์ร้ายของตัวเองด้วยวิธีเดิมๆ คือนั่งลงที่โต๊ะก่อนก้มหน้าฟุบลงบนแขนทั้งข้างที่ถูกยกลงมาวางบนโต๊ะแล้ว ส่วนจินอู คงจะปลอบอะไรคนร่างโปร่งที่ปิดกั้นตัวเองในเวลานี้ไม่ได้ ทำได้แค่นั่งมองให้ซึงยูนระงับอารมณ์โกรธของตัวเองก่อน รอให้ซึงยูนอารมณ์เย็นขึ้นมาบ้างแล้วจะว่ากันอีกทีว่าจะเอายังไงต่อไป
Merry X'mas
ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันนะคะ อยากบอกว่ารักรีดเดอร์ทุกคนเลย :))
ความคิดเห็น