คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [NAMSONG] Violet # 10
แสงแดดร้อนส่องมายังพื้นหญ้าดูคล้ายพรมนุ่มสีเขียวประกายทอง ใบไม้บนต้นสูงพลิ้วไหวเมื่อสายลมพัดผ่าน แดดที่ส่องกระทบกับต้นไม้ใหญ่ก่อให้เกิดเป็นเงาร่มรื่นที่อีกฟากฝั่งของต้น ร่างของคนตัวโปร่งนั่งบนพื้นหญ้านุ่มอย่างสบาย มือดีดกีต้าร์ไม่เป็นจังหวะ อาจเป็นเพราะเขาไม่มีสมาธิที่จะมานั่งเล่นเครื่องดนตรีได้ตามจังหวะเพลงได้ และในตอนนี้จิตใจของเขาก็ไม่อยู่กับเนื้อเกินไป
“คังซึงยูน”
น้ำเสียงสดใสที่เขาอยากได้ยินมาตลอดดังขึ้นจนเขาต้องตื่นจากภวังค์ ถ้าเขาได้ยินในวันที่มีความสุขเขาคงคิดว่าน้ำเสียงนี้สดใสที่สุดในโลก แต่สำหรับวันนี้ เขาไม่พร้อมที่จะฟังน้ำเสียงของแทฮยอน แม้จะเป็นน้ำเสียงปกติหรือน้ำเสียงสดใสเหมือนลูกแมวตัวน้อย พอมันกระทบเข้ากับโสตประสาท ซึงยูนก็รู้สึกว่ามันบีบเข้าที่หัวใจของเขานัก
“ทะ แทฮยอน” เพราะซึงยูนไม่คิดว่าแทฮยอนจะมาเจอเขาที่นี่ ซึงยูนเลยพูดติดขัดไม่เป็นภาษา “นายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่ ?”
“ก็เพราะข้อความที่นายส่งหาพี่ซึงฮุนไงล่ะ ? โชคร้ายหน่อยนะที่ตอนนั้นฉันอยู่กับพี่ซึงฮุน”
แทฮยอนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ซึงยูนก่อนหลับตาสูดกลิ่นไอของแสงแดดที่เผาใบหญ้าจางๆ สวนของมหาวิทยาลัยนี่ใหญ่พอๆ กับสวนสาธารณะกลางเมืองเลย ถ้ามองจากสวนนี่จะเห็นอาคารเรียนหลายๆ อาคารและหอพักของนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยด้วย
สวนนี่ถ้าเป็นตอนเย็นๆ คงจะมีนักศึกษามาวิ่งเล่น หรือออกกำลังกายกันบ้าง แต่เนื่องจากว่าช่วงเวลาเที่ยงตรงอย่างนี้อากาศค่อนข้างร้อน ทั้งสวนนี้คงจะมีแค่ซึงยูนกับแทฮยอนเท่านั้นที่บ้ามารับไอความร้อนจากดวงอาทิตย์กล้า
ทั้งสองคนยังคงเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดอะไรจนแทฮยอนอึดอัดต้องพูดออกมาเป็นคนแรก
“ซึงยูน ทำไมนายไม่เข้าเรียน ?”
แทฮยอนเหลียวมองหน้าของคนที่เป็นเพื่อนของเขา ตั้งแต่ที่แทฮยอนเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัย ซึงยูนคือคนแรกที่เข้ามาทักทายและเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด และยังชักชวนให้รู้จักกับพี่ซึงฮุนอีก แทฮยอนเลยรักและหวงเพื่อนคนนี้มากเป็นพิเศษเลยล่ะ
เพราะซึงยูนเป็นเหมือนหยาดน้ำค้างสดใสที่หยดลงบนหัวใจราวพื้นดินแห้งแล้งของแทฮยอน
แทฮยอนยอมรับว่าที่ผ่านมา เขาคิดถึงแต่มินโฮมากเกินไปจนไม่คิดจะคบหาใคร ไม่เคยคิดที่จะมีเพื่อน ไม่เคยคิดที่จะมีพี่น้องคนอื่นอีก เขาเคยปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกเพื่อรอคอยคนที่เป็นทั้งอดีตและอนาคตของเขา แต่พอเจอกับซึงยูน แทฮยอนก็เปลี่ยนไปจากคนที่ซึมเศร้าเพ้อถึงมินโฮจนไม่มีใคร เขาก็เข้าใจแล้วว่าถ้าเขาไม่คิดจะพบปะผู้คนใหม่ๆ เอาแต่เฝ้ารอคนคนเดียว ชีวิตของเขาจะไม่เหลือใครจริงๆ แทฮยอนจึงเริ่มจะมีเพื่อนสนิทขึ้นมาจริงๆ จังๆ และช่วงเวลาที่แทฮยอนไปเที่ยว ไปกินข้าว หรือทำงานร่วมกัน แทฮยอนมีความสุขมาก ไม่คิดเลยว่าเพื่อนจะมีความหมายกับเขาได้ขนาดนี้
แต่วันนี้ซึงยูนกลับเป็นเหมือนเขาเมื่อสามปีก่อน จนเขารู้สึกหงุดหงิดไปด้วย
“เรื่องของฉัน”
น้ำเสียงกวนประสาทไม่เหมือนกับซึงยูนคนเดิมที่มักจะพกรอยยิ้มสดใสให้เขากลับแปรเปลี่ยนไป ใบหน้าของคนร่างโปร่งหันหนีไปทางอื่นแทนที่จะหันมาสบตามองหน้ากันเหมือนเมื่อก่อนทำให้แทฮยอนรู้สึกหงุดหงิดจนเผลอเหวี่ยงไปตามประสา
“คังซึงยูน นายเป็นอะไรไป วันนี้นายไม่เหมือนซึงยูนคนเดิมคนที่ฉันรู้จักเลย นายมีปัญหาอะไรทำไมนายไม่บอกฉัน ?!”
“ปัญหาของฉัน ถ้าบอกนายไปมันก็ทำให้นายลำบากใจเปล่าๆ นายไม่ต้องรู้เลยยังดีกว่า !”
ซึงยูนเริ่มระงับอารมณ์ไม่อยู่เหมือนกัน หันมาเผชิญหน้าแทฮยอน หัวใจของคนร่างโปร่งบีบคั้นจนเจ็บปวดเมื่อคิดได้ว่าเผลอตะคอกใส่แทฮยอนเสียงดัง
สถานการณ์ตอนนี้มันเคร่งเครียดเกินไป ซึงยูนเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว ถ้าโดนสะกิดอะไรอะไรนิดหน่อย เปลวเพลิงในกายของซึงยูนก็จะสามารถลุกโชนขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เผาไหม้ทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างได้เป็นจุลย์ ส่วนแทฮยอนก็อารมณ์รุนแรงไม่แพ้กัน ยิ่งมีนิสัยคล้ายแมวเหมียวจอมเหวี่ยงด้วยแล้ว โดนต่อว่านิดหน่อยก็พร้อมที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา
“มันร้ายแรงขนาดที่จะให้ฉันรู้ไม่ได้เลยอย่างนั้นหรอ ?!” แทฮยอนต่อว่า “นายเป็นเพื่อนฉันนะซึงยูน ! ถ้านายไม่บอกปัญหาของนายให้ฉันรู้ แล้วฉันจะช่วยแก้ปัญหาในชีวิตของนายได้หรอ ? เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่ว่าจะชวนกันเที่ยวชวนกันเรียนอย่างเดียวนะ เพื่อนก็ช่วยแก้ปัญหาของกันและกันได้”
“แต่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับนาย !”
คนร่างโปร่งลุกพรวด ก่อนก้าวเท้าไปยืนตากแดดที่ริมน้ำ ปล่อยให้ร่างบางนั่งงุนงงกับคำพูดของผู้เป็นเพื่อนพักใหญ่ๆ ก่อนลุกเดินไปหาเพื่อพูดคุยกันให้รู้เรื่อง
“นาย ... หมายความว่าไง ?”
“ก็หมายความอย่างที่พูด”
ซึงยูนยังคงไม่มองหน้าของแทฮยอน เอาแต่เงยหน้าสบดวงตากับท้องฟ้าและแสงแดดยามเที่ยงที่ส่องอยู่ตรงกลางของศีรษะ
“นายช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหม ? ที่นายพูดฉันยังไม่เข้าใจ เอาให้มันเคลียร์ๆ ไปเลยหน่อยได้ไหม ?”
แทฮยอนยกมือขึ้นจับไหล่ของซึงยูนกระชากให้คนร่างโปร่งหันหน้ามาพูดคุยกันดีๆ แต่ทันทีที่ซึงยูนหันมาแรงกระชาก ซึงยูนก็โผจับร่างแทฮยอนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตกใจจนเบิกตาโต ร่างเล็กทำอะไรไม่ถูกจึงยอมอยู่นิ่งๆ ในอ้อมแขนของซึงยูน
“เพราะฉันชอบนายยังไงล่ะ แทฮยอน ฉันชอบนายมาตลอด แต่ฉันไม่อยากเสียเพื่อนกับนาย ฉันเลยต้องเก็บความรู้สึกนี้ของฉันเอาไว้คนเดียว”
น้ำตาอุ่นๆ เริ่มบดบังดวงตาเล็กของซึงยูนก่อนที่เจ้าตัวจะกลั้นมันไว้ไม่ไหวปล่อยให้ความรู้สึกที่กลั่นออกมาเป็นน้ำอุ่นใสไหลลงมาตามใบหน้าก่อนจะถูกเสื้อของแทฮยอนดูดซับมันไปจนแห้ง
แทฮยอนรีบผลักคนที่เป็นเพื่อนให้ออกห่างตัว
“นายก็รู้ว่าฉันมีพี่มินโฮอยู่แล้ว แล้วนายจะมารู้สึกอย่างนี้กับฉันได้ยังไง ? เราเป็นเพื่อนกันนะซึงยูน”
“ก็เพราะฉันรู้มาตลอดยังไงล่ะว่านายมีคนที่นายรอคอยอยู่แล้ว ! ฉันถึงต้องเก็บงำความรู้สึกเอาไว้อย่างนี้ไง !” ซึงยูนได้ทีก็ระเบิดอารมณ์ใส่บ้าง มือโปร่งยกขึ้นเช็ดน้ำตาเพื่อทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้านัมแทฮยอน “วันก่อนที่นายเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายแล้วบอกว่าไอ้คนที่ชื่อมินโฮมันไม่สนใจนาย นายรู้ไหมว่าฉันเจ็บปวดแทนนายมากแค่ไหน ?”
มือของซึงยูนกำเข้าหากันแน่น
“หมายความว่าไง ?”
“นัมแทฮยอน นายมันซื่อเกินไปแล้วนะ” ซึงยูนสบถ อยากจะตะคอกต่อว่าคนตรงหน้าแรงๆ สักครั้ง แต่พอเห็นแววตาที่แสนใสซื่อและหน้างงงวยกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัด ซึงยูนจึงได้แต่เก็บคำด่าต่างๆ กลืนลงคอไป “ไปซะ รีบๆ ไปหามินโฮซะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจจับเพื่อนดีๆ อย่างนายเป็นแฟนจริงๆ”
ซึงยูนหันหลังให้แทฮยอนเพื่อไม่ให้ตัวเองใจอ่อน ส่วนแทฮยอนแม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดี แต่ก็ยอมวิ่งออกไปอีกทางเพื่อไปหาใครบางคนที่อยู่ในหัวใจของแทฮยอนมาตลอด
โดยที่แทฮยอนเองไม่รู้เลยว่า คนที่เขากำลังไปหาซุ่มมองดูเขามาตั้งแต่เริ่มแรก
ทิ้งไว้เพียงกระถางดอกไวโอเล็ตเล็กๆ ไว้ตรงนั้นเท่านั้น ...
ตอนนี้ #ฟวดซร พาร์ทของนัมซงเดินทางใกล้ถึงตอนจบแล้วนะคะ
นัมซงจบแล้วจะต่อด้วยคู่ต่อไปทันทีเลยนะคะ
อย่าเพิ่งสงสัยนะคะว่าทำไมอาทิตย์นี้อัพ 2 ตอนพร้อมกัน
เพราะตอนที่ 9 สั้นเกินไปค่ะ ไรท์เลยใจดีอัพอีกตอนเลย ^^
ยังไงก็ฝาก #ฟวดซร ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของรีดเดอร์ด้วยนะคะ
อย่าลืมให้กำลังใจไรท์ด้วยน๊าาาาา ไรท์จะได้สู้แต่งฟิคต่อไป
ขอบคุณที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงตอนที่ 10 นะคะ
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ^^
ความคิดเห็น