ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF SEUNGYOON x JINWOO] Destiny 

    ลำดับตอนที่ #1 : Destiny - 1/3 - EMPTY

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 57


                            

     

                                            คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหมครับ ?

     

                                                    คุณเชื่อในโชคชะตาไหมครับ ?

     

                                                    คุณเชื่อในเรื่องบังเอิญที่ทำให้คนสองคนมาเจอกัน และรักกันในที่สุดไหมครับ ?

     

                                                    ใช่ครับ ... ผมก็ไม่เคยเชื่อในเรื่องไร้สาระพวกนี้เหมือนกัน

     

                                   

     

                                                    ผมนั่งเกากีต้าร์คู่ใจไปเรื่อยๆ แม้จะไม่เป็นเพลง แต่ผมก็ไม่สนใจกับเสียงกีต้าร์นี้หรอกครับ ไม่แคร์ด้วยว่าเสียงกีต้าร์ที่ผมกำลังดีดไปดีดมาไม่เป็นเพลงอยู่นี้จะไปกระทบกับโสตประสาทใครก็ตาม จะรำคาญหรือไม่ ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ เพราะผมอยากจะปล่อยให้หัวใจของผมมันลอยออกไป ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี

     

                                   

     

                                                    ที่ผมนั่งซมเป็นหมาหงอย ไม่ใช่เพราะผมอกหักรักคุดเหมือนที่ใครๆ เข้าเป็นกันนะครับ แต่มันเป็นเพราะว่าผม ... ไม่เคยรู้จักความรักเลยน่ะสิครับ

     

                                   

     

                                                    เพราะเมื่อมีความรักได้ครั้งหนึ่ง ผมก็ไม่สามารถรักษามันเอาไว้ได้ ปล่อยให้มันหลุดมือไปอย่างไม่สนใจใยดี กว่าจะรู้ตัวว่านั้นคือความรักจริงๆ เขาคนนั้นก็โดนใครอีกคนคว้าตัวไปดูแลแทน

     

                                   

     

                                                    “เฮ้ ! ซึงยุนน้องรัก อะไรวะเนี้ย ? ทำหน้าเป็นหมาหน้าบวมโดนยาเบื่ออีกแล้วนะแกเนี้ย”

     

                                                    พี่ซึงฮุนเดินมานั่งข้างๆ พร้อมทั้งยกมือหนาๆ นั้นมาตีพลั่กๆ ที่ไหล่ของผม เป็นธรรมดาของพี่ซึงฮุนเขาน่ะครับที่จะพกพาเอาความฮาและเกรียนไว้เต็มกระเป๋า เพื่อที่จะทำให้น้องชายอย่างผมที่วันๆ อยู่กับกีต้าร์กับความเศร้าและความเจ็บปวดที่ผมไม่สามารถสลัดมันออกไปได้สักที

     

                                                    “พี่ซึงฮุน ผมคิดถึงแทฮยอน”

     

                                                    เอ่ยชื่อของคนๆ นี้ออกไปทีไร น้ำตาของผมก็พลอยจะเอ่อล้นออกมาจากดวงตาทุกที

     

                                                    ใช่ครับ ... แทฮยอนคือคนที่คอยตามเอาใจผม ตามใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของผม แม้ช่วงเวลานั้นผมจะไม่เข้าใจความรู้สึกและท่าทางที่แทฮยอนกระทำกับผม แต่ตอนนี้ผมเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วครับ และมันก็สายเกินไปที่จะกลับไปแก้ไขเรื่องราวนั้น

     

                                   

     

                                                    เพราะป่านนี้ แทฮยอนคงจะมีความสุขกับพี่มินโฮ คนที่พร้อมจะดูแลเอาใจใส่ลูกแมวตัวเล็กอย่างแทฮยอนอยู่ก็เป็นได้ ปล่อยให้ไอ้หัวเห็ดอย่างผมอมทุกข์อย่างนี้ต่อไป ...

     

                                   

     

                                                    “คิดเรื่องนี้อีกแล้วนะ ซึงยุน” พี่ซึงฮุนคงเบื่อแล้วที่จะฟังเรื่องราวน้ำเน่าแบบนี้ เพราะนี้ก็เกือบสองปีแล้วที่ผมกับแทฮยอนไม่ได้ติดต่อกัน ราวกับว่าต่างคนต่างตายไปจากกันแล้วแหละ ผมยังคงจมกับอดีต ในขณะที่แทฮยอนคงมีความสุขมากๆ ที่ไม่ต้องคอยตามตื้อ คอยตามใจ คอยรังควานเรียกร้องให้ผมหันไปรัก พี่มินโฮคงดูแลแทฮยอนอย่างดีแล้วแหละตอนนี้ “เมื่อไหร่นายจะปีนขึ้นมาจากขุมนรกนั้นสักทีไอ้น้องรัก ? พี่เริ่มเหนื่อยกับการดูแลนายแล้วนะ เลิกทำตัวเป็นคนแบกโลกเถอะ ซึงยุนอา ...”

     

                                                    “หึ ... มีแต่คนบอกอย่างนี้ ในขณะที่ผมก็ทำไม่ได้สักที”

     

                                                    ผมยังคงตาลอยดีดกีต้าร์ไม่เป็นเพลงเหมือนเดิม พี่ซึงฮุนทำได้เพียงแค่ส่ายหัวเอือมๆ กับท่าทางแสนเศร้าของผม แม้แต่พี่ชายของผมยังเอือมระอา แล้วใครล่ะครับ จะมาใส่ใจผมได้อีก

     

                                   

     

                                                    สงสัยผมคงต้องไปหาหมอแล้วรักษาตัวเองด่วนเลย

     

                                   

     

                                                    “ซึงฮุน ... มาอยู่นี้นี่เอง ตามหาตัวตั้งนาน”

     

                                                    เสียงสดใสของใครบางคนดังขึ้น ผมกับพี่ซึงฮุนหันไปตามเสียงเรียกน่ารักๆ นั้นแทบจะทันที เจ้าของเสียงนั้นตัวเล็กชะมัด หน้าสดใสราวกับใบหน้าของเด็กน้อย ดวงตากลมโตราวกับดวงตาของลูกกวาง เรียกได้ว่าน่ารักเลยแหละครับ

     

                                   

     

                                                    ผมเลิกสนใจ สลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นก่อนจะก้มหน้าก้มตาดีดกีต้าร์ที่ฟังไม่ได้ศัพท์อีกเหมือนเดิม ก็ผมไม่มีสมาธิที่จะมาเล่นเป็นเพลงบรรเลงให้ใครฟังนี่นา

     

                                   

     

                                                    “จินอู ตามหาฉันหรอ ? มีเรื่องอะไรล่ะ ?”

     

                                                    “เปล่าๆ แค่ไม่อยากอยากอยู่คนเดียวอ่ะ เหงา” พี่คนตัวเล็กที่ชื่อจินอูอะไรนั้นระบายรอยยิ้มให้พี่ซึงฮุนอย่างน่ารัก แฟนพี่ซึงฮุนหรือไงนะ ? ไปหาจากไหนกันเนี้ย ? หน้าสวยหวานจัง เหมือนแทฮยอน หว่า ... แล้วผมจะคิดถึงแทฮยอนทำไมอีกนะ นี่สินะที่ใครเขาบอกให้ผมลืมแทฮยอนซะผมก็ลืมไม่ได้ ถ้าผมยอมรับความเอาใจใส่ของแทฮยอนตั้งแต่วันนั้น ผมก็คงไม่ต้องมานั่งเสียใจอย่างวันนี้หรอก “แล้วนี้ใครหรอ ? ตัดผมน่ารักจังเลย”

     

                                                    นั้นคือคำชมใช่ไหมครับ ?

     

                                                    “อ่อ ... คังซึงยุนน่ะ น้องชายเราเอง อายุห่างกันแค่สองปี เจ้านี้มันบ้ากีต้าร์ วันๆ ไม่ทำอะไรหรอก นั่งอยู่แต่กับกีต้าร์ แล้วก็ทรงผมเห็ดๆ เนี้ย มันตัดปิดเหม่งเรืองแสงของมันน่ะ ดูแล้วตลกชะมัด สู้พี่มันก็ไม่ได้ หล่อ ดูดี ตาเล็ก ขาเรียว” พี่ซึงฮุนเอามือนั้นมาเปิดทรงผมของผมขึ้นจนเห็นหน้าผากกว้างๆ ของผม พี่ซึงฮุนนะพี่ซึงฮุน ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่น้องกันนะ จะทุ่มกีต้าร์ตัวโปรดนี่ใส่หัวให้แตกไปเลย “เอ่อ ... ซึงยุน นี่คิมจินอูนะ เพื่อนพี่เอง”

     

                                                    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ซึงยุน”

     

                                                    คุณพี่ตากวางยิ้มกว้างให้ผม แต่ผมทำเป็นเฉยเมยใส่จนพี่ซึงฮุนต้องตีไหล่ผมซะจนผมเจ็บราวกับกระดูกจะร้าว มือพี่ซึงฮุนนี่รุนแรงชะมัด

     

                                                    “อ่า ... ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

     

                                                    ผมพูดส่งๆ แล้วไม่สนใจ แต่นั้นไม่ทำให้พี่จินอูหุบยิ้มนั้นได้เลย

     

                                                    “น่ารักจังเลย ซึงฮุน น้องชายนายชอบเล่นกีต้าร์หรอ ?”

     

                                                    “วันๆ นอกจากจะกีต้าร์กับสเก็ตบอร์ดแล้ว ยังไม่เห็นมันจับอะไรเลยอ่ะ” พี่ซึงฮุนตอบพี่จินอูมาดกวนตามสไตล์ “เอ่อ ... เราไปกินเค้กกันไหม ? เห็นว่านายเหงานี่จินอู”

     

                                                    พอพูดถึงของหวาน พี่จินอูก็ร่าเริงเหมือนเด็กน้อยที่กำลังดีใจที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะพาไปเที่ยวหรือซื้อของเล่นให้ใหม่ พี่ซึงฮุนไปหากิ๊กแบบนี้มาจากไหนนะ ? อายุก็มากแล้วแต่เหมือนเด็กน้อยชะมัด

     

                                   

     

                                                    แอบอมอิ้มตามด้วยเลย

     

                                   

     

                                                    อะไรนะ ? นี่ผมแอบยิ้มกับพี่จินอูงั้นหรอ ?

     

                                                    “ไปสิ ๆ เราอยากกินเค้ก” เด็กน้อยจริงๆ เลย เมื่ออาการดีใจถูกแปรเปลี่ยนเป็นท่าทางดีใจแทนด้วยการกระโดดโลดเต้นและปรบมือวิ่งวนไปรอบๆ ทำเอาผมต้องกลั้นหัวเราะเลยแหละครับ “ซึงยุนอา ... ไปด้วยกันนะ”

     

                                   

     

                                                    “ห๊า ... พี่ชวนผมหรอ ?” ขอสตั้นสามวินาที แต่คำตอบของพี่จินอูมีเพียงใบหน้าที่ระบายรอยยิ้มและพยักหน้างึกงัก “เอ่อ ... ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้าง”

     

                                                    “ก้างอะไรกัน ? ฉันกับจินอูไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เราเป็นเพื่อนกัน จริงไหม ? จินอู”

     

                                                    “นั้นสิๆ พี่กับซึงฮุนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง ซึงยุนคิดว่าพี่กับซึงฮุนเป็นอะไรกันงั้นหรอ ?”

     

                                                    ใบหน้าสดใสบ้องแบ๊วนั้นยื่นเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ทำให้ผมเห็นสายตากลมโตราวกับลูกกวางที่ฉายแววความสงสัยมาทางผมชัดเจนมากขึ้น ใบหน้าทั้งหน้าที่สดใส ผิวขาวดูเนียนนุ่มนั้นพลอยทำให้ผมเกือบเคลิ้มไป ถ้าไม่ติดว่าพี่ซึงฮุนแจกมะกอกลงหัวผมลูกใหญ่ ผมอาจจะจ้องใบหน้าของพี่จินอูที่เหมือนเด็กน้อยนั้นอีกนานแน่ๆ

     

                                   

     

                                                    โป๊ก !

     

                                   

     

                                                    “ซึงยุน ! นายจ้องจินอูนานเกินไปแล้วนะ ถ้าพวกนายเป็นปลากัด ฉันว่าจินอูคงท้องไปหลายรอบแล้ว”

     

                                                    ผมลูบหัวตัวเองปลอยๆ เจ็บชะมัด ถ้าไม่ติดว่ากำลังดราม่าเรื่องแทฮยอนอยู่นะ ซึงยุนไอ้เด็กหัวเห็ดคนนี้แหละจะเหวี่ยงใส่พี่เอง

     

                                   

     

                                                    จะว่าไป ทำไมช่วงเวลาที่จดจ้องใบหน้าน่ารักของพี่จินอู ... ผมถึงไม่คิดถึงแทฮยอนเลยล่ะ ? ทั้งๆ ที่ปกติ เวลาผมอยู่กับคนอื่น หรือกำลังให้ความสนใจกับสิ่งอื่น ภาพของแทฮยอนก็จะลอยเข้ามากระทบกับโสตประสาทของผมเสมอ แต่กับพี่จินอู ไม่มีเลย ... ราวกับว่าพี่จินอูสามารถลบล้างความทรงจำของแทฮยอนออกไปได้จนหมดสิ้น ไม่มีแม้เงาอันเลือนราง

     

                                   

     

                                                    ไร้สาระสิ้นดี ... ซึงยุน นายมันเพี้ยนไปแล้ว !

     

                                   

     

                                                    “เจ็บชะมัด พี่ซึงฮุนบ้า ! เคยรักน้องตัวเองบ้างไหมเนี้ย ? อยู่กับพี่ทีไรเจ็บตัวตลอดเลย”

     

                                                    “ก็เพราะรักไงถึงได้ทำร้ายร่างกาย” พูดจบ พี่ซึงฮุนคนเกรียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลูกใหญ่ “สรุป ... ไปด้วยกันทั้งสามคนนี่แหละ จะได้ไม่ต้องเกี่ยงกัน โอเค ตกลงตามนี้"

     

                                   

     

                                                    และคำพูดนั้นของพี่ซึงฮุน ทำให้ผมมานั่งหน้าหงิกบอกรสชาติของเค้กว่าไม่อร่อยจนเจ้าของร้านที่หันมามองทีไรก็อยากจะผลักไสไล่ส่งผมออกจากร้านทุกที

     

                                                    แม้โต๊ะตัวเล็กๆ นี่จะมีเก้าอี้รองรับสำหรับลูกค้าสี่คน แต่ที่นั่งข้างๆ ผมกลับเป็นกีต้าร์ในกระเป๋าหนังสีดำสนิทเป็นเงามันจากการดูแลรักษาเป็นอย่างดีของผม และตรงกันข้างของผมก็เป็นพี่จินอู สงสัยใช่ไหมล่ะครับว่าทำไมถึงเป็นพี่จินอู เพราะรายนี้งอแงบอกว่าอยากนั่งริมกระจกมองรถผ่านไปผ่านมา ในขณะที่นิสัยของผมเป็นคนที่ชอบนั่งริมกระจกอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะอยากมองรถราอะไรนั้นหรอกครับ

     

                                   

     

                                                    แต่เป็นเพราะ แทฮยอนอาจจะเดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้บ้าง ... ผมจะได้มองเห็นแทฮยอนได้อย่างชัดเจน

     

                                   

     

                                                    ผมเขี่ยก้อนเค้กในจานไปมาจนแตกออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ สายตาเหม่อลอยออกไปนอกผนังกระจกใสของร้าน มองโลกภายนอกโดนหวังจะได้เจอแทฮยอนสักครั้ง

     

                                                    “ซึงยุนอา ... เค้กไม่อร่อยหรอ ? ไม่เห็นกินเลย แถมเค้กของซึงยุนยังแตกละเอียดด้วยอ่า”

     

                                                    “อ่า ... ปะ ป่าวครับ แค่ไม่ค่อยหิวเท่าไร”

     

                                                    ผมสะดุ้งตกใจกับคำถามของพี่จินอู เมื่อไหร่กันนะที่พี่ชายตาสวยคนนี้จะเลิกทำตัวสงสัยปนน่ารักอย่างนี้สักที

     

                                   

     

                                                    ยิ่งทำตัวน่ารัก ก็ยิ่งทำให้ผมคิดถึงแทฮยอน

     

                                                    แม้ผมจะรู้ตัวว่ายิ่งคิดถึงแทฮยอนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้หัวใจของผมบีบรัดเอาความเจ็บปวดเอาไว้ ไม่มีวันที่จะตัดเชือกที่พันธนาการนี้ออกไปได้ ยิ่งคนหน้าสวยอยู่ใกล้ผมมากเท่าไหร่ ภาพเลือนลางของแทฮยอนก็จะมาซ้อนทับทันที

     

                                                   

     

                                                    “อย่างนั้นหรอ ? น่าเสียดายเค้กเนาะ ...” พี่จินอูทำหน้ามุ่ยลง “งั้นให้พี่กินได้ไหม ?”

     

                                                    “เห้ย ! จินอู กินไหวหรอ ? ตัวเล็กๆ แค่นี้กินอะไรเยอะแยะ”

     

                                                    พี่ซึงฮุนที่นั่งกินเค้กอย่างไม่สนใจอะไรถึงกลับเหวอเมื่อพี่จินอูคว้าเอาจานเค้กของผมไปกินต่อหน้าต่อตา ส่วนพี่จินอูเมื่อได้จานเค้กของผมไปก็เก็บกินอย่างรวดเร็วเหมือนเด็กน้อย ทำเอาผมเผลอยิ้มจนหน้ากลมๆ ของผมดูบวมขึ้นไปอีก

     

                                                    “ไหวสิ แค่นี้สบายมากเลย”

     

                                   

     

                                                    ตั้งแต่รู้จักกับพี่จินอู ผมยิ้มไปกี่รอบแล้วเนี้ย ?

     

                                                    ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่พี่จินอูกลับทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาหลายรอบแล้วนะ

     

                                                    แปลก ... เพราะไม่มีใครสามารถทำได้มาก่อน

     

                                   

     

                                                    “เออ ... ขอโทษที่นะจินอู พอดีมีธุระด่วนน่ะ ฝากซึงยุนด้วยนะ ซึงยุน อย่าดื้อกับพี่จินอูเขาล่ะ”

     

                                                    หลังจากที่พี่ซึงฮุนเอาโทรศัพท์มือถือมาดูข้อความที่เพิ่งเข้ามา ก็รีบควักเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งออกไปเลย ไม่เหลียวหันกลับมาดูน้องชายกับเพื่อนหน้าตาน่ารักของพี่แกเลย

     

                                                    “จะรีบอะไรขนาดนั้นนะ ?” คำสบถของผมไม่ทำให้พี่จินอูกลัวหรือเกิดปฏิกิริยาใดๆ ยังคงนั่งคาบช้อนอันเล็กและทำตาแป๋วเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งคิดได้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้น “พี่จินอู กินเสร็จยังครับ ? ไปกันเถอะ นี่เย็นมากแล้ว”

     

                                                    “อ่า ... ก็ได้ๆ”

     

                                                    แม้จะตอบแบบนั้น แต่ปากเล็กๆ นั้นก็ไม่หยุดเคี้ยวเค้กเนื้อนุ่มที่เกือบจะกลายเป็นผุยผงเพราะฝีมือของผม ผมหยิบเอาเงินที่พี่ซึงฮุนเพิ่งจะทิ้งไว้ให้ไปจ่ายที่แคชเชียร์ ก่อนกลับมาสะพายกีต้าร์ตัวเขื่องขึ้นหลังแล้วค่อยๆ ก้าวออกมาจากร้าน ลืมไปเลยว่ายังมีใครอีกคนที่นั่งละเมียดเค้กอยู่ที่โต๊ะ

     

                                   

     

                                                    “คังซึงยุน รอเค้าด้วย !

     

                                   

     

                                                    ตามถนนที่ทอดยาวของสวนสาธารณะ ช่วงเวลาเย็นๆ อย่างนี้ มีผู้คนออกมาเดินเล่นบ้าง ออกกำลังกายบ้าง พ่อแม่พาลูกน้อยออกมาเล่นพักผ่อน กลุ่มเพื่อนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ต่างหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นด้วยความสุขหลังจากที่เรียนหนักมาตลอดทั้งวัน คิดถึงช่วงเวลาหนึ่งที่ผมไถสเก็ตบอร์ดไป ในขณะที่แทฮยอนวิ่งตามบอกให้ผมหยุดเล่นสเก็ตบอร์ดได้แล้ว เพราะมันอันตราย ...

     

                                                   

     

                                                    ผมหยุดเดินกะทันหัน

     

                                                    คิดถึงอีกแล้ว ...

     

                                   

     

                                                    โป๊ก !

     

                                                    “โอ้ย !

     

                                                    แรงกระทบอย่างรุนแรงทำให้ผมหันไปมองเจ้าของเสียงแสนเจ็บปวดที่ตอนนี้นั่งจุ้มปุ๊กจับกบลูบหน้าผากตัวเองปลอยๆ อยู่บนพื้น สงสัยตอนที่ผมหยุดเดินเมื่อกี้แน่เลยที่ทำให้หน้าผากของคนตัวเล็กที่ก้าวขาสั้นพยายามไล่ตามผมให้ทันไม่ทันสังเกตว่าผมหยุดเดิน จนทำให้พี่จินอูชนเข้ากับกีต้าร์ของผมอย่างแรง อ่า ... ผมขอโทษนะครับพี่จินอู

     

                                                    “พี่จินอู ! ลุกขึ้นมาก่อนครับ เจ็บมากหรือเปล่า ? ขอโทษนะครับ”

     

                                                    ผมพยุงร่างเล็กๆ ของพี่จินอูขึ้นมาอย่างง่ายดาย ตัวเล็กชะมัด สูงเลยไหล่ผมขึ้นมานิดเดียวเอง ผมยังคงพยุงทั้งกีต้าร์ตัวยักษ์กับพี่จินอูตัวจิ๋วนี่ไปที่ม้านั่งไม้ที่อยู่ใต้ร่มไม้

     

                                                    “พี่ไม่เป็นอะไรแล้วแหละ”

     

                                                    “ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ทำไมมือต้องลูกเหม่ง เอ๊ย ! หน้าผากอย่างนั้นล่ะ ? มานี่ มาให้ผมดูเลยนะ”

     

                                                    ผมดึงข้อมือของพี่จินอูออกก่อนใช้มืออีกข้างปัดปลอยผมที่ปรกหน้าผากพี่จินอูออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นรอยแดงบางๆ ที่หน้าผากขาวใสของพี่จินอู ตอนโดนคงจะเจ็บน่าดูเลยสินะ พี่จินอู

     

                                   

     

                                                    ดวงตากลมโตของพี่จินอูเหลือบขึ้นมาสบเข้าที่ดวงตาของผมเมื่อไรไม่รู้ กว่าผมจะรู้ตัวว่าพี่จินอูจ้องตาผมอยู่ก็เกือบทำผมลืมหายใจไปเลยเหมือนกัน

     

                                                    ต่างคนต่างมองตากัน พี่จินอูเหมือนกำลังพยายามมองหาอะไรบางอย่างในดวงตาของผม ส่วนผม มองเขาไปที่ดวงตาของพี่จินอูเพราะอยากรู้ว่าพี่จินอูอยากรู้อะไรเกี่ยวกับตัวผม ทำไมถึงได้จดจ้องถึงขนาดนั้น ?

     

                                   

     

                                                    “นายกำลังเก็บอะไรบางอย่างไว้ใช่ไหม ?”

     

                                                   

     

                                    รู้แล้วหรอ ? ว่าผมเก็บความทรงจำที่แสนเจ็บปวดไว้ในอดีต อดีตที่ใครหลายคนอยากจะให้ผมปีนเพื่อหนีมันขึ้นมา อดีตที่ผมยังคงฝังร่างของตัวเองโดยไม่หวังให้ใครขุดคุ้ยเอาตัวผมขึ้นมาจากอดีตที่แสนเลวร้ายนั้น

     

                                    ผมไม่โทษใคร ผมโทษตัวเอง ... ที่ไม่คว้าเอาไว้โดยปล่อยให้มันหลุดมือไปในวันที่สายเกินแก้

     

                                   

     

                                    “สิ่งที่นายกำลังเก็บเอาไว้ มันยากเกินแก้ไขคนเดียวใช่ไหม ?”

     

                                   

     

                                    ใช่ครับ มันยากมากเลยด้วย ...

     

                                    ยากจนผมคิดเอาไว้ว่าจะไม่แก้ไขมันแล้ว ปล่อยให้มันทำร้ายหัวใจของผมคนเดียวก็พอ

     

                                    โทษฐานเดียวคือ ผมไม่เห็นคุณค่าของความรักที่แทฮยอนมีให้ผมแต่แรก

     

                                    กว่าจะรู้ตัว ... แทฮยอนก็มีใครคนใหม่ที่พร้อมจะดูแลแทน โดยไม่ต้องวิ่งไล่ตามผมอีกแล้ว

     

                                   

     

                                    “ให้พี่เป็นคนช่วยแก้ไขมันได้ไหม ? แม้มันจะยากลำบากแค่ไหน พี่ก็พร้อมจะทำ ให้โอกาสพี่ได้ไหม ? พี่ไม่อยากเห็นแววตาเศร้าๆ ของนายอีกแล้ว คังซึงยุน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×