[SF – SEUNGYOON x JINWOO] Happy Valentine’s day - [SF – SEUNGYOON x JINWOO] Happy Valentine’s day นิยาย [SF – SEUNGYOON x JINWOO] Happy Valentine’s day : Dek-D.com - Writer

    [SF – SEUNGYOON x JINWOO] Happy Valentine’s day

    โดย Sunsky21

    เพราะความใกล้ชิดกันมานานของการเป็นเด็กฝึกหัด เพราะความสนิทกันทำให้ซึงยุนและจินอูข้ามก้าวเส้นบางๆ ที่กั้นอยู่ แต่ต้องฝืนเก็บไว้ จนวาเลนไทน์มาถึง ความรู้สึกของทั้งคู่ไม่อาจเก็บไว้ได้อีก .. .

    ผู้เข้าชมรวม

    632

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    632

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    7
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ก.พ. 57 / 21:05 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    ฟิคเรื่องนี้เกิดจาก “ความฟิน” โดยส่วนตัวของไรท์เตอร์นะคะ

     

    ไม่ได้เกิดจากเรื่องจริงหรืออะไรทั้งนั้นนะคะ

     

    ไรท์เตอร์เพียงแค่ดัดแปลงเรื่องจริงนิดหน่อยให้ฟิคเรื่องนี้สามารถเดินเรื่องได้อย่างสนุกสนาน

     

    ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคนะคะ ^^ 

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “พวกพี่ๆ ครับ วาเลนไทน์ปีนี้เราไปพักผ่อนบ้านพี่จินอูอีก ดีไหมครับ ?”

       

      อยู่ดีๆ น้องเล็กของวงก็ตะโกนขึ้นมา มือบางวางหนังสือที่อ่านอยู่ลงบนตัก แววตาของตี๋เล็กทอประกายแห่งความหวังขึ้นมา เรียกความสนใจของผม พี่ซึงฮุนและพี่มินโฮที่กำลังนั่งเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตายขึ้นมามองแทฮยอนกันเป็นตาเดียว

       

      “นายกำลังวางแผนให้พวกเราไปติดเกาะวันวาเลนไทน์หรือไง ? เที่ยวเล่นอยู่ในเมืองไม่ชอบหรอ ? วาเลนไทน์ทั้งทีนะ คิดยังไงอยากไปติดเกาะ ?”

       

      ผมแย้งขึ้นมาเพราะไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของแทฮยอน อะไรของเขานะ อยู่ดีๆ ก็อยากไปฉลองวันแห่งความรักที่เกาะห่างไกลอย่างนั้น

       

      “โหว ... พี่ซึงยุนอย่าพูดอย่างนั้นสิ ใครบอกว่าผมจะพาพวกพี่ๆ ไปติดเกาะล่ะ ?” แทฮยอนย่นจมูกใส่ ส่งผลใส่คิ้วของเจ้าเด็กนี่ตกลงไปอีก “ผมจะพาพวกพี่ๆ ไปฉลองวันวาเลนไทน์ที่นั้นต่างหาก คิดดูนะพี่ซึงยุน วันแห่งความรักทั้งที หนีความวุ่นวายของชุมชนเมืองไปแสวงหาความสุขสงบสุข และความรักของเกาะอิมจา โรแมนติกสุดๆ”

       

      แทฮยอนทำท่าเพ้อฝัน มือไม้ของเจ้าเด็กผมแสกกลางยกขึ้นไปมากลางอากาศ แล้วอยู่ๆ พี่มินโฮก็ลุกขึ้นทำท่าตื้นเต้นไปอีกคน

       

      “งั้นตอนกลางวัน เราตกปลากันอีกดีไหม ?”

       

      “ตะ ตะ ตกปลาอะไรกันเล่า พี่มินโฮ !

       

      แทฮยอนคว้าหมอนอิงที่อยู่บนโซฟาตัวยาวที่ผมนั่งอยู่ขึ้นมา ก่อนกระหน่ำฟาดไม่หยั่งใส่พี่มินโฮจนพอใจ แทฮยอนวิ่งหนีเข้าห้องของตัวเองทันทีที่ตีพี่มินโฮจนพอใจแล้ว ปล่อยให้พี่มินโฮยืนลูบส่วนที่โดนฟาดและทำหน้างุนงง ไม่ต่างจากผมเลยครับ ผมก็งงว่าทำไมเจ้าหมอนั้นถึงได้เขินขนาดนั้น

       

      “อะไรของแทฮยอนนะ ?”

       

      “มิโนซัง นายนี่มันซื่อบื้อจริงๆ นะ” พี่ซึงฮุนที่เงียบอยู่นานเหมือนจะรู้เหตุผลที่แทฮยอนเข้าจนต้องหนีเข้าห้องตัวเองไป “นายจะพูดเรื่องตกปลาขึ้นมาทำไม ? นายจำไม่ได้หรอ ครั้งที่แล้วที่ไปเที่ยวเกาะอิมจาบ้านพี่จินอู ที่พวกเราตกปลากันน่ะ เบ็ดของนายกับเบ็ดของแทฮยอนเกี่ยวกันน่ะ นายจำไม่ได้จริงๆ หรอ ?”

       

      “จริงด้วยสิ อ่า ... ทำไมฉันถึงจำเรื่องนี้ไม่ได้นะ ?”

       

      พี่มินโฮแทบจะทึ้งหัวตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องของแทฮยอนอย่างถือวิสาสะ ได้ยินแค่เสียงโวยวายของแทฮยอน ก่อนที่ประตูห้องส่วนตัวนั้นจะถูกปิดประตูลง

       

      “ซึงยุน ยังไงนายก็ไปบอกพี่จินอูแล้วกันนะว่าเราจะไปพักผ่อนที่เกาะอิมจา เห็นว่านายกับพี่จินอูอยู่ห้องเดียวกัน น่าจะพูดคุยกันรู้เรื่อง อย่าลืมล่ะ”

       

      พี่ซึงฮุนปล่อยจอยเกมลงทันที ก่อนจะเดินออกจากหอพักไป อะไรของพวกเขานะ ... ฉลองวาเลนไทน์ในเมืองสนุกสนานดีๆ ไม่ชอบ ชอบไปลำบากลำบนกันอยู่เกาะหรือยังไง ? ถึงผมจะเป็นลีดเดอร์ แต่ยังไงก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ที่พร้อมใจกันลงความเห็นว่าจะไปเกาะอิมจาบ้านพี่จินอู ผมก็เถียงอะไรอีกไม่ได้

       

      ผมก้าวเท้าฉับๆ เข้ามาในห้องนอนที่ผมกับพี่จินอูพักด้วยกัน ก็เห็นพี่จินอูนอนหลับอย่างสบาย หูทั้งสองข้างยังคงมีหูฟังขนาดเล็กคาไว้อยู่ คงจะนอนฟังเพลงจนหลับไปเลยน่ะสิ พี่ตัวเล็ก !

       

      ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปนั่งลงที่พื้นห้องข้างเตียงที่พี่จินอูนอนอยู่ ระดับสายตาของผมกับระดับหน้าของพี่จินอูเลยอยู่ในระนาบเดียวกัน ผมแอบลอบสังเกตหน้าของพี่จินอูชัดๆ อยู่ด้วยกันมานาน ต่างคนต่างยุ่งอยู่กับงาน ทำให้ผมไม่มีเวลาสังเกตใบหน้าขาวของพี่ใหญ่ตัวเล็กที่อาศัยอยู่ห้องเดียวกันมานาน

       

      ผิวหน้าขาวใสราวกับผิวเด็ก ดวงหน้าเรียวเล็กรับกับเส้นผ้าหน้าม้าที่ปรกลงมาปกปิดหน้าผาก ดวงตาสุกใสกลมโตเวลานี้ถูกปิดด้วยเปลือกตาบาง จมูกเล็กแต่โด่งสวยกับเรียวปากน่าจุ๊บนั้น แทบจะทำให้ผมคลั่งอยากเอาเรียวปากของผมไปลองสัมผัสดูสักครั้ง

       

      ราวกับถูกมนต์สะกด ผมค่อยๆ ยื่นหน้าของผมเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยนั้นใกล้เข้าไปอีก แต่พอผมดึงสติกลับมาได้ก็ต้องชะงัก ก่อนขยับตัวลงมานั่งลงที่พื้นห้องเหมือนเดิม

       

      ผมเอื้อมมือไปดึงหูฟังที่ปิดหูของพี่จินอูออก ฟังเพลงดังขนาดนี้ เดี๋ยวก็ได้หูหนวกกันก่อนพอดี พี่จินอูที่รู้สึกตัวจึงค่อยๆ รู้สึกตัว เปลือกตาบางเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาใสราวกับตาของลูกกวาง

       

      “อ้าว ... ซึงยุน เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” พี่จินอูขยับตัวขึ้นนั่งหลังพิงกับหัวเตียงอย่างสบาย “แล้วมีอะไรหรือเปล่า ? ทำไมไม่ไปอยู่กับน้องๆ ที่ห้องนั่งเล่น ?”

       

      “อ่อ ... พอดีพี่มินโฮเข้าไปเล่นกับแทฮยอนในห้องแล้วน่ะ ส่วนพี่ซึงฮุนออกไปข้างนอก ผมเลยเข้ามาในห้องนี่แหละ” ผมขยับตัวขึ้นนั่งบนเตียงนอนของผมที่อยู่ข้างๆ กัน “พี่จินอู วาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ แทฮยอน พี่มินโฮ พี่ซึงฮุนตกลงกันว่าจะไปพักผ่อนที่บ้านพี่ พี่จะโอเคไหม ?”

       

      พี่จินอูหันขวับมามองผม ส่งสายตาคู่สวยมาหาผม ทำให้ผมแอบใจเต้นย่างรุนแรง ผมได้แต่บอกตัวเองว่าข่มอาการเขินเอาไว้ อย่าเผลอไผลไปกับใบหน้าน่ารักนั้น

       

      “แล้วซึงยุนล่ะ ? ซึงยุนไม่อยากไปเกาะอิมจา บ้านของพี่อีกหรอ ?”

       

      “ก็อยากนะ ... เพียงแต่คิดว่าวาเลนไทน์ทั้งที ทำไมถึงไม่เที่ยวเล่นในเมือง น่าจะมีอะไรน่าสนใจเยอะแยะ”

       

      “งั้นพี่ตามใจซึงยุนดีไหม ? ไม่ต้องไปที่เกาะอิมจา ซึงยุนจะได้มีความสุข”

       

      “ไม่ได้นะพี่จินอู ถึงผมจะอยากอยู่ที่นี่ แต่สำหรับสมาชิกที่เหลือเขาตั้งความหวังเอาไว้แล้วว่าเขาจะไป ยังไงก็ต้องไป ผมเป็นลีดเดอร์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำตามความคิดตัวเองอย่างเดียว ผมก็ต้องฟังความคิดเห็นและเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกอยู่แล้ว” ผมเถียงพี่จินอูออกไป “เออ ... คือ ผมก็อยากจะบอกเอาไว้ ถึงพี่กับผมไม่อยากไป แต่พวกเราก็เป็นเสียงส่วนน้อยอยู่แล้ว สามต่อสอง ยังไงก็แพ้อยู่ดี”

       

      ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ พี่จินอูเหมือนจะเอาเข้าใจ รีบลุกขึ้นจากเตียงนอนก่อนเดินออกไปจากห้อง แต่พี่จินอูก็ต้องชะงัก ก่อนหันหน้าสวยๆ นั้นมาส่งยิ้มสดใสให้ผม

       

      “เข้าใจแล้วแหละ งั้นเดี๋ยวพี่โทรบอกพ่อก่อนนะว่าวาเลนไทน์นี่ พวกเราจะไปที่เกาะกัน”

       

      พี่จินอูเดินออกจากห้องไปแล้ว ผมว่าพี่จินอูต้องออกไปโทรหาพ่อที่ระเบียงของหอพักแน่ๆ เพราะผมได้ยินเสียงประตูบานเลื่อนดังเข้ามาในห้องนอน ผมล้มตัวลงนอนกับที่นอน ก่อนยกมือขึ้นมากุมที่อกข้างซ้ายเบาๆ สิ่งที่อยู่ภายในอกกำลังเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาเต้นจนแตกอยู่นอกอก ให้ตายเถอะ ทำไมผมถึงรู้สึกดีเวลาที่อยู่ใกล้ๆ กับพี่ใหญ่ตัวเล็กนั้นด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

       

      ผมสะบัดความคิดนั้นทิ้งไป ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง ขอเวลาพักผ่อนก่อนตื่นขึ้นมาพบกับเรื่องงานและเรื่องความรู้สึกของตัวเองต่อแล้วกัน ...

       

       

      13 กุมภาพันธ์ ก่อนวันวาเลนไทน์เพียงหนึ่งวัน รถรับส่งจากบริษัทมาจอดรอเราที่หน้าหอพัก เพื่อจะพาเราไปส่งที่ท่าเรือ แน่นอนว่าพวกเราทั้งห้าคนต้องนั่งเรือข้ามฟากไปที่เกาะอิมจา วันนี้พี่ซึงฮุน พี่มินโฮ และแทฮยอนดูเหมือนจะสดใสเป็นพิเศษ ทั้งสามคนพากันยกกระเป๋าเดินทางใบเล็กขึ้นรถด้วยความร่าเริง

       

      มีเพียงผมเท่านั้นที่ยังคงทำหน้าเหนื่อยใจ ใจหนึ่งก็อยากไป อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากไป แต่ถ้าผมปล่อยให้สมาชิกในวงไปกันเอง และผมเที่ยวเล่นอยู่ในเมืองเพียงคนเดียว ก็เหมือนผมไม่มีความรับผิดชอบ และเห็นแก่ตัวเกินไป อีกอย่าง ผมก็คงจะเหงาเหมือนกันถ้าผมยังอยู่ที่นี่คนเดียว

       

      “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ซึงยุน ?”

       

      พี่จินอูถามผมทันทีที่เห็นหน้าผมเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

       

      “ปะ เปล่า ... ขึ้นรถกันเถอะพี่จินอู”

       

      ผมเผลอโอบไหล่คนตัวเล็กก่อนจะส่งให้พี่จินอูขึ้นรถไปก่อน พอผมขึ้นมานั่งบนรถได้ก็เหมือนผมมานั่งข้างพี่จินอู เลยถูกพวกลิง (?) ทั้งสามที่ขึ้นรถมาก่อนแซวอย่างเลี่ยงไม่ได้

       

      “อะไรกันเนี้ย พี่จินอูกับซึงยุน เราไม่ได้มาดูพวกนายออกเดตกันนะ ทำอะไรน่ะเกรงใจพวกผมบ้างก็ดีนะครับ”

       

      พี่มินโฮแซวขึ้นมาเป็นคนแรก ทำเอาพี่จินอูที่นั่งเงียบอยู่หน้าแดงขึ้นมาอัตโนมัติ

       

      “อะไรกัน เดตอะไร ? เรากำลังไปพักผ่อนกันนะ ไม่ใช่เดตเหมือนที่พวกนายเข้าใจสักหน่อย”

       

      “แล้วทำไมนายถึงได้โอบไหล่พี่จินอูแบบนั้นล่ะ ? อย่าคิดว่าอยู่นอกรถแล้วพวกเราจะไม่เห็นนะ ซึงยุน”

       

      พี่ซึงฮุนก็อีกคน เริ่มแซวแบบลามปามเหมือนพี่มินโฮแล้วนะ

       

      “พวกนายอยากโดนฉันด่าสักรอบใช่ไหม ?”

       

      “อะไรกัน สองมาตรฐานสุดๆ อ่ะ จะด่าพวกเรา แต่ไม่รวมพี่จินอู ใจร้ายไปไหมเนี้ย ?”

       

      แทฮยอนทำเหวี่ยงใส่ ก่อนจะทิ้งตัวไปนั่งพิงเบาะที่อยู่ด้านหลัง พี่มินโฮเห็นน้องเล็กแทฮยอนทำหน้างอนก็ไปสนใจแทฮยอนทันที

       

      “นายใจร้ายสุดๆ กล้าทำแทฮยอนนี่เหวี่ยงได้นะ”

       

      พี่ซึงฮุนสมทบ ก่อนที่ทุกคนจะเงียบ และหลับกันไปในที่สุด เลยเพียงผมที่ยังนั่งฟังเพลงอย่างสบายๆ แต่เมื่อรู้สึกหนักๆ ที่หัวไหล่ก็ต้องชำเลืองไปดู เห็นเพียงแค่กลุ่มผมนุ่มสลวยของพี่จินอูเท่านั้น พี่จินอูคงหลับสนิท พอรถเลี้ยวนิดเข้าโค้งหน่อย เลยเอียงลงมาพิงเข้าที่หัวไหล่กว้างของผม  

       

      กลิ่นแชมพูอ่อนๆ กระทบกับจมูกของผม หัวทุยๆ นั้นเหมือนจะไหลลงไปกองล้มพับที่พื้นรถเสียให้ได้ ผมเลยเอื้อมมือขยับให้หัวของพี่จินอูวางบนไหล่ของผม พอให้พี่ใหญ่ตัวเล็กนอนพิงได้อย่างสบาย

       

      แปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรเลย กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่มีพี่จินอูอยู่ข้างๆ แบบนี้

       

      ทันทีที่รถจอดเทียบท่าเรือ ผมก็ทยอยปลุกสมาชิกทุกคนให้ตื่น เพื่อขึ้นเรือข้ามฟากไปที่เกาะอิมจา บ้านเกิดของพี่จินอูที่พวกเราเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ดูเหมือนกับว่าพวกเราก็ตื่นเต้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะ พี่มินโฮ ...

       

      “คย๊า ! ดูนั้นๆ เกาะอิมจาอยู่ลางๆ นั้นไง พี่ซึงฮุนพี่เห็นไหม ? เกาะอิมจา เกาะอิมจา”

       

      สองแรปเปอร์สวมวิญญาณเด็กน้อยทันที ทั้งสองคนโวกเวกโวยวายด้วยความตื่นเต้น ผมรู้สึกหนวกหูคู่หูแรปเปอร์สติออบซอ เลยเลี่ยงตัวมาอีกฟากหนึ่งของเรือ ที่ค่อนข้างเงียบกว่าตรงนั้นเยอะ

       

      สายลมเย็นบวกกับกลิ่นไอทะเลลอยเข้ามาสัมผัสกับตัวผม จนผมเผลอรับตารับสัมผัสนั้นก่อนจะค่อยๆ เคลิ้มเพื่อวิ่งเข้าสู่ห้วงความฝัน

       

      “ซึงยุนอา” เสียงนุ่มๆ ของพี่ใหญ่ตัวเล็กเรียกให้ผมค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความขัดใจ แต่ก็ไม่สามารถด่าออกไปได้ เพราะพี่จินอูอายุมากกว่าผม “นายไม่สนุกตื่นเต้นเลยที่มา ฉันเป็นห่วงเลยมาดูน่ะ”

       

      “ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก” ผมยืดตัวขึ้นนั่งสบายๆ “พี่จินอู พี่คิดเอาไว้หรือยังว่าพี่กลับมาคราวนี้ ถ้าพี่เจอผู้หญิงคนนั้น พี่จะทำยังไง ? จะบอกรักผู้หญิงคนนั้นไหม ?”

       

      คำถามที่ผมไม่น่าถามออกไปหลุดออกมาจากปากผมจนได้ คำถามที่ควรจะยินดีที่ถามออกไป เพราะอย่างน้อย ผู้หญิงคนนั้นที่เคยเป็นเพื่อนพี่จินอูตั้งแต่เด็กก็คงจะรอพี่จินอูเหมือนกัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าคำถามที่ผมถามพี่จินอูนั้นเป็นคำถามที่ทิ่มแทงใจผม เหมือนกับเข็มเล่มเล็กๆ นับร้อยนับพันเล่มกำลังทิ่มแทงหัวใจของผมจนพรุนไปหมด

       

      แต่ผมก็ต้องเก็บงำไว้ และทำได้แค่ยิ้มรอคำตอบจากปากพี่จินอู

       

      “หมายถึงชึลบีหรอ ? อ่า ... ก็ตั้งใจว่าจะให้ดอกไม้เธอหน่อยน่ะ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่งเลย เธอต้องชอบมากแน่ๆ ผู้หญิงกับดอกไม้เข้ากันดีออกเนาะ อีกอย่างเป็นเพื่อนกันมานาน ยังไม่เคยให้อะไรเธอเลย” พี่จินอูพูดไปยิ้มไป มีความสุขมากใช่ไหมที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้น ทำไมไม่ใส่ใจในความรู้สึกของผมบ้างนะว่าระหว่างที่พี่กำลังพูด ผมจะรู้สึกยังไง ? “จริงสิ ... นี่ก็ใกล้ถึงแล้ว เราไปเก็บของเตรียมลงเรือกันเถอะ”

       

      พี่จินอูเดินนำไปก่อน ผมจึงลุกขึ้นเดินตามหลังไปแบบอึนๆ จะโทษว่าเป็นความผิดของพี่จินอูที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ถูก เพราะผมเองที่เป็นคนเริ่มเปิดประเด็นเรื่องผู้หญิงคนนั้นก่อน

       

      พวกเราทั้งห้าคนพากันขนกระเป๋าของตัวเองลงจากเรือข้ามฟาก คุณพ่อของพี่จินอูมารอรับเราอยู่แล้ว พวกเราทั้งหมดจึงเข้าไปทำความเคารพอย่างสุภาพเหมือนอย่างเคย ก่อนจะพากันเดินกลับบ้านเพื่อไปพักผ่อนหลังจากเดินทางกันมาหลายชั่วโมง

       

       

      หลังจากทานอาหารเย็นกัน พี่จินอูก็ขนเอาอุปกรณ์พวกสี กระดาษ กรรไกร ออกมาเหมือนเด็กๆ ที่กำลังจะเริ่มเรียนศิลปะยังไงยังงั้น

       

      “พี่จินอู พี่ขนเอาของพวกนี้มาทำไมเยอะแยะ ?” แทฮยอนที่นั่งเล่นกับพี่มินโฮหันมาถามเมื่อเห็นพี่จินอูหอบหิ้วของเหมือนเด็กๆ ออกมาที่ห้องนั่งเล่น “พี่จินอูจะเอาวาดรูปเล่นหรอ ?”

       

      “ไม่ใช่สักหน่อย พี่จะเอามาทำการ์ดวันวาเลนไทน์ให้คนสำคัญต่างหาก”

       

      “ห๊า ! คนสำคัญองพี่จินอู” พี่มินโฮตื่นตูม “ใครกันนะคนสำคัญคนนั้นน่ะ อยากเห็นจัง”

       

      “เดี๋ยวนายก็รู้เองแหละน๊า ... พวกนายไม่สนใจทำการ์ดให้คนที่ตัวเองรักบ้างหรอ ?”

       

      “สนใจสิครับ”

       

      พี่ซึงฮุน พี่มินโฮ และแทฮยอนตะโกนเสียงดั่งลั่น ก่อนพากันกุลีกุจอไปช่วยพี่จินอูถืออุปกรณ์เหมือนเด็กๆ ผมรู้สึกอึดอัดกับคำพูดของพี่จินอูที่บอกว่าจะทำการ์ดให้คนสำคัญ หึ ! ไม่บอกก็รู้ว่าคนสำคัญคนนั้นเป็นใคร ผมจึงขอเลี่ยงออกมาด้วยการคว้ากีต้าร์ตัวโปรดเตรียมเดินออกไปนอกบ้าน

       

      “ซึงยุน นั้นนายกำลังจะไปไหน ?”

       

      “ไปเรื่อยๆ แถวนี้แหละพี่ซึงฮุน ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็กลับมาหรอก”

       

      ผมตอบพี่ซึงฮุนเสียงเหนื่อยๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาจากตัวบ้าน มุ่งหน้าไปที่ท่าเรือ ยามดึกอย่างนี้ ท่าเรือไม่มีผู้คน มีเพียงเสียงคลื่นที่กระทบกับฝั่ง แสงดาวพราวระยิบ สายลมพัดแรงกว่าเมื่อตอนกลางวัน ทำให้ผมหน้าม้าที่ปรกหน้าผากผมอยู่ปลิวไปตามแรงลม

       

      ผมทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นไม้แข็งๆ ก่อนคว้าเอากีต้าร์ตัวโปรดที่ผมหอบหิ้วมาจากโซลออกมาเล่นเบาๆ ปล่อยใจไปกับสายลมยามค่ำและรับฟังเสียงของคลื่นกระทบฝั่ง เผื่อความรู้สึกของผมมันจะจางหายไปบ้าง ความรู้สึกที่มันบ่งบอกว่าผมรู้สึกอย่างไรกับพี่จินอู

       

      “พี่ซึงยุน” เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้ผมต้องหันไป ก็พบกับแทฮยอนยืนอยู่ข้างหลังผม “มาเล่นกีต้าร์คนเดียว ไม่ชวนอย่างนี้ ไม่เหงาแย่หรอ ? อยากได้คนร้องเพลงเป็นเพื่อนไหม ?”

       

      แทฮยอนเดินมานั่งลงข้างๆ ผม ผมส่งยิ้มให้บางๆ ก่อนที่มือของผมจะเริ่มเล่นกีต้าร์อีกครั้ง ก่อนส่งให้แทฮยอนเป็นคนร้อง แต่กลับมีเพียงเสียงคลื่นเท่านั้นที่ขับร้องออกมา

       

      “ทำไมนายไม่ร้อง ? ฉันส่งให้นายแล้วนะ”

       

      “พี่ซึงยุนชอบพี่จินอูใช่ไหม ?”

       

      ดวงตาเล็กของน้องเล็กของวงจ้องเข้ามาในตาของผมราวกับจะเค้นเอาความจริง เจอคำถามที่ตอบยากและไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ ผมก็ทำได้แค่อึกอักพูดอะไรไม่ออก ตอบอะไรไม่ได้สิครับ

       

      “ทะ ทะ ทำไมนายมาถามเรื่องแบบนี้ ?”

       

      “เพราะความรู้สึกพี่มันฟ้องไงล่ะ” แทฮยอนพูดขึ้น “เมื่อไหร่พี่จะรู้ใจตัวเองสักทีว่ามีคนที่ชอบอยู่ในใจอยู่แล้ว พี่ซึงยุน”

       

      “นายพูดแบบนี้หมายความว่าไง ?”

       

      “เรื่องความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนนะ พี่ลองคิดดูเอาเองแล้วกันว่าพี่โอบกอดใครแล้วมีความสุข พี่เป็นห่วงใครอยู่หรือเปล่า พี่อยู่ใกล้ใครแล้วหัวใจพองโต พี่อยากดูแลใครมากที่สุด หรือว่าพี่รู้สึกไม่ดีเวลาที่เขาคนนั้นพูดถึงคนอื่น” แทฮยอนว่าเป็นชุด “พวกผมทำได้แค่เฝ้าดูอาการของพี่เท่านั้นนะ ทั้งพี่ซึงฮุน พี่มินโฮ และผมทำได้แค่เฝ้าดูว่าพี่จะทำอย่างไรกับหัวใจของตัวเอง จะยอมลุยเข้าไปเพื่อเสี่ยงกับความรักที่พี่มีและรับกับผลที่ตามมาได้แม้ว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกับใจ หรือจะยอมอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร เพื่อให้หัวใจของพี่เจ็บตลอดเวลา แม้ว่าจะมีโอกาสที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ออกมาดีอย่างนั้นหรอ ?”

       

      “แทฮยอน นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร พี่ไม่เข้าใจ ?”

       

      “เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เข้าใจหรอกนะพี่ซึงยุน” แทฮยอนยืดตัวขึ้นยืน “คิดดูเอาเองแล้วกันนะว่าพี่รู้สึกดีหรือว่าหัวใจเต้นแรงมากแค่ไหนที่อยู่ข้างๆ พี่จินอู แล้วก็รู้สึกเสียใจมากไหมที่พี่จินอูพูดหรืออยู่กับใครคนอื่น ผมมาพูดได้แค่นี้จริงๆ นอกนั้นก็อยู่ที่หัวใจของพี่แล้วล่ะว่าพี่จะจัดการกับมันยังไง ผมไปนอนก่อนนะ พี่ก็อย่าเข้าบ้านดึกล่ะ เดี๋ยวเจอน้ำค้างกับลมแรงๆ จะไม่สบายรับวาเลนไทน์เอาได้นะ ฝันดีพี่ซึงยุน”

       

      แทฮยอนหมุนตัวเดินเข้าบ้านไป ผมคิดถึงเรื่องราวที่แทฮยอนพูดอีกครั้ง

       

      ก็จริงของแทฮยอน ผมควรจะจัดการกับหัวใจของผมได้แล้ว ไม่ใช่เก็บงำให้เจ็บปวดอย่างนี้ ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย อ่า ... ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ดีใจที่ได้บอกไป

       

      “ซึงยุน นายต้องทำได้สิ”

       

      ผมตะโกนออกไปเหมือนคนบ้า ประสานไปกับเสียงคลื่นและลมที่พัดแรง ทำให้เสียงตะโกนของผมเบาลงได้บ้าง ไม่เป็นการรบกวนชาวบ้านชาวช่องที่ป่านนี้คงจะนอนหลับพักผ่อนกันหมดเกาะแล้ว

       

       

      เช้าวันวาเลนไทน์ที่แสนสดใสของพี่มินโฮ พี่ซึงฮุน และแทฮยอน ทั้งสามคนออกไปเดินเล่นอยู่ท่าเรือกันตั้งแต่เช้า ทิ้งให้ผมกับพี่จินอูอยู่กับโน้ตที่แปะเอาไว้ว่าจะออกไปวิ่งเล่นและอยากได้ของสดมาทำอาหารเย็นนี้ เหลือแค่ผมกับพี่จินอูสองคน คงอยากจะให้ผมไปซื้อของกับพี่จินอูใช่ไหมเนี้ย ?

       

      ร้ายนักนะ พวกพี่น้องลิง !

       

      “ซึงยุนไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะ อยู่บ้านก็ได้ ให้พี่ไปคนเดียวก็ได้”

       

      พี่จินอูว่าตาแป๋ว

       

      “ใครบอกไม่อยากไปล่ะ อยากไปจะแย่” ผมตอบพร้อมกับลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่บ้าง “ป่ะ ไปกันเถอะ”

       

      ผมคว้าแขนพี่จินอูเดินออกมานอกบ้านด้วยหัวใจพองโต อ่า ... จะได้ไปซื้อของกับพี่จินอูสองคนนี่ เป็นอะไรที่มีความสุขจัง สงสัยต้องทำเป็นงอแงเลือกซื้อของนานๆ สัหน่อยแล้ว จะได้อยู่กับพี่ใหญ่ตาแป๋วคนนี้ทั้งวัน

       

      “ซึงยุน เป็นอะไรหรือเปล่า ? ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”

       

      “เปล่านี่นา ... เอ่อ ! จริงสิพี่จินอู ถ้าให้พี่เลือกระหว่างช็อกโกแลตกับดอกไม้สำหรับวาเลนไทน์ พี่อยากได้อะไรมากกว่ากันหรอ ?”

       

      “ถามแปลกๆ นะวันนี้” พี่จินอูมองผมงงๆ “ถ้าให้เลือกหรอ ? ไม่ขอเอาอะไรสักอย่างได้ไหม ? เปลี่ยนจากช็อกโกแลตที่กินแล้วอ้วนเป็นอ้อมกอดของคนที่รัก แล้วก็เปลี่ยนจากดอกไม้เป็นคำบอกรักของคนสำคัญก็พอแล้ว”

       

      พี่จินอูตอบยิ้มๆ พลางก้มหน้างุดซ่อนอาการเขิน โอ้ย ! ทำอย่างนี้พี่ใหญ่ตาโตที่อยู่ข้างตัวยิ่งน่ารักน่าทะนุถนอมเป็นที่สุดเลย

       

      “พูดอะไรเลี่ยนๆ อย่างนี้ออกมาได้ยังไงนะ ฮ่าๆ”

       

      ผมเผลอยกมือขึ้นลูบหัวพี่จินอูเบาๆ จนพี่จินอูมองตาเขียว ผมจึงรีบเอามือออกก่อนจะมาเกาท้ายทอยแก้เก้อ

       

      “จินอู”

       

      “อ้าว ! ชึลบี”

       

      ทำไมเวลาตัวเอกของเรื่องกำลังคุยกันหรือมีโมเมนท์น่ารักๆ ชอบมีตัวร้าย ตัวอิจฉา หรือมือที่สามเข้ามาแทรกอยู่เรื่อยเลยนะ ซึงยุนไม่เข้าใจ

       

      “มาซื้อของหรอ ? แล้วนี่มากันสองคนใช่ไหม ? ให้ฉันช่วยเลือกซื้อไหม ?”

       

      ผู้หญิงที่ชื่อชึลบีคนนี้แหละครับที่พี่จินอูเคยบอกว่าอยากให้ดอกไม้เธอวันนี้ ผมควรจะทำยังไงดี ? ตอนนี้เหมือนผมกำลังเป็นก้างชิ้นโตขวางคอพี่จินอูกับชึลบีเลยแหละ

       

      “ก็มากันสองคนน่ะสิ เห็นว่ามีคนอื่นมาด้วยหรือไง ? แล้วก็มาตลาดขนาดนี้แล้ว มาเล่นสกีน้ำแข็งมั้งครับ”

       

      ผมตอบกระแทกแดกดันออกไปจนชึลบีหน้าเสีย พี่จินอูหน้าซีดก่อนจะตีเข้าที่ไหล่ข้างขวาผม แต่มือพี่จินอูเล็กจะตาย ตีแค่นี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บอะไรเลย

       

      รวมถึงตอนนี้ผมโกรธผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าจนผมไม่ได้สนใจความเจ็บที่เกิดขึ้นนี่เลย

       

      “ซึงยุน นายเกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี้ย ชึลบีเป็นเพื่อนฉันนะ !” พี่จินอูตะโกนว่าผม ทำไมพี่จินอูต้องเข้าข้างเพื่อนเก่าคนนี้ด้วย ทำไมไม่แคร์ความรู้สึกผมบ้างเนี้ย ? “มานี่ซึงยุน ตามฉันมา !

       

      พี่จินอูลากผมออกมาจากจุดๆ นั้น ผมอยากจะขัดขืน แต่ร่างกายผมแข็งราวกับหินก้อนหนึ่งที่จะถูกใครยกไปวางตรงไหนก็ได้

       

      “พี่จะต่อว่าอะไรผมก็ว่ามาเลยสิ !” น้ำตาผมเอ่อไปทั่วดวงตาของผม แต่ผมต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้ ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา โดยเฉพาะกับพี่จินอู ผมต้องฝืนเก็บทั้งน้ำตาและความเจ็บปวดที่พี่จินอูหยิบยื่นให้ “เอาสิ จะว่า จะด่า หรือจะตีผมก็เอาเลยสิ ผมทำไม่ดีกับผู้หญิงของพี่ ผมทำผิดร้ายแรงแค่ไหน พี่ก็จัดการแทนผู้หญิงคนนั้นเลยสิ !

       

      คำพูดที่เจ็บปวดของผมที่ระบายออกมา ไม่อาจกั้นน้ำตาของผมได้อีก พี่จินอูมีสีหน้าตกใจที่อยู่ดีๆ ผมก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเหตุผล เพราะที่ผ่านผมเป็นลีดเดอร์ที่เข้มแข็งมาตลอด น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไม่อาจจะหลั่งไหลออกมาให้สมาชิกคนอื่นๆ เห็น

       

      แต่วันนี้ มันกลับไหลออกมาเพราะความเจ็บปวดและทรมานเพราะความรักที่ผมมีให้กับพี่จินอู

       

      เป็นรักต้องห้าม และดูท่าทางจะไม่มีวันเป็นจริง

       

      “ซึงยุน ...”

       

      พี่จินอูล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะดึงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมา มือเล็กที่กำผ้าเช็ดหน้าแน่นนั้นยกขึ้นจะเช็ดน้ำตาให้ผม แต่ไม่ทันตั้งตัวทั้งผมและพี่จินอู ผมคว้ามือนั้นของพี่จินอูดึงคนตัวเล็กกว่าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของผมทันที

       

      ผมซุกหน้าที่เปลื้อนคราบน้ำตาลงที่ไหล่เล็กของคนในอ้อมกอด คนตัวเล็กตัวสั่นด้วยความตกใจจนผมรู้สึกได้

       

      “ผมรู้ว่าพี่ต้องลำบากใจแน่ๆ ถ้าคำๆ นี้มันหลุดออกให้พี่ได้ยิน แต่ยังไงผมก็อยากจะให้พี่ได้รับรู้เอาไว้ เพราะผมไม่อยากอึดอัดกับความรู้สึกนี้อีกแล้ว ผมไม่แคร์ผลลัพธ์ที่จะออกมาด้วยว่าจะถูกหรือผิด ผมไม่แคร์ด้วยว่าถ้าพี่ได้ยินแล้วจะออกห่างผมหรือจะไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนก็ได้ พี่จะย้ายออกจากห้องหรือจะให้ผมออกห่างพี่ก็ได้ถ้าพี่ลำบากใจ แต่ถ้าผมไม่ได้บอกพี่ มีหวังผมต้องอึดอัดตายแน่ๆ” ผมกระชับอ้อมกอดมากขึ้น “ผมชอบพี่นะพี่จินอู ชอบมานานแล้วด้วย”

       

      พี่จินอูที่ร่างกายเคยสั่นเทา ตอนนี้นิ่งเงียบ ไม่ไหวติงกับความรู้สึกที่ผมบอกไป ผมตกใจกับอาการของคนตัวเล็ก ทำไมไม่ทุบตีหรือต่อว่าผมล่ะ ? เงียบทำไม ?

       

      หรือคำตอบที่พี่ให้ จะเป็นผลลัพธ์ด้านลบ ?

       

      เข้าใจแล้ว ...

       

      ผมค่อยๆ คลายอ้อมแขนออก อยากจะมองหน้าพี่จินอูแต่หัวใจผมมันบีบรัดด้วยความเจ็บปวดมากเกินไปจนต้องหันหลังวิ่งออกมา ผมวิ่งออกมาโดยไม่หันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้นอยู่ตรงนั้น

       

      มันคงถึงเวลาที่ต้องทำใจแล้วจริงๆ ใช่ไหม ? ซึงยุน

       

      เพราะคำตอบที่ได้ คือความเงียบ เท่ากับการปฏิเสธทางอ้อม ...

       

       

      ท้องฟ้าเริ่มทาสีดำอีกครั้ง มีเพียงแสงของดวงดาวเท่านั้นที่พราวระยับตัดกับความมืดมิดของท้องฟ้ากว้าง น้ำทะเลเริ่มหนุนสูงขึ้น ลมพัดรุนแรงไม่ต่างจากเมื่อวาน วันนี้เป็นวันแห่งความรัก เป็นวันแห่งความสุขของใครหลายๆ คน

       

      แต่มันไม่ใช่สำหรับผม ไม่ใช่สำหรับคังซึงยุนคนนี้ซะแล้วสิ ...

       

      ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาที่ตัวละครในละครหรือซีรี่ย์ดังๆ เวลาอกหักจะต้องฟูมฟาย ร้องไห้ หรือไม่ก็ซึมเศร้านั่งเหงา หรือไม่ก็ทำหน้าละห้อย

       

      เพราะตอนนี้ผมก็เป็น ...

       

      ผมกรีดนิ้วลงบนสายกีต้าร์ตัวโปรดจนมันเกิดเป็นเสียงเพลงขึ้นมา ผมเคยเล่นกีต้าร์ตัวนี้เป็นเพลงแห่งความสุขที่เวลาใครได้ยินแล้วก็ต้องหันมาฟังจนจบ เพราะเนื้อหาและความหมายของเพลงที่สนุกสนาน แต่เวลานี้ ทำไมผมถึงได้หันมาเล่นเพลงเศร้านักล่ะ ? เพลงเศร้า ที่ตอนนี้ผมสามารถฟังมันได้แค่คนเดียว และคงไม่มีใครอยากจะฟังกับผม

       

      “ซึงยุนอา ทำไมเล่นเพลงเศร้าจังเลยล่ะ ?”  เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังผม เสียงที่ทำให้หัวใจของผมหยุดเต้นไปชั่วขณะ เพราะผมไม่คิดว่าคนคนนี้จะกลับมาหลังจากที่ผมทำเรื่องแย่ๆ เอาไว้กับเขา “วันนี้วันวาเลนไทน์นะ เล่นเพลงที่ฟังแล้วมีความสุขมากกว่านี้ไม่ได้หรอ ?”

       

      คนตัวเล็กเดินมานั่งลงข้างๆ ผม ก่อนที่เขาจะหันหน้ามาส่งสายตาสวยให้กับผม

       

      “พี่จินอู ทำไมออกมาล่ะ ? ทำไมไม่อยู่ในบ้าน มันดึกแล้วนะ ออกมารับอากาศเย็นๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก”

       

      “ก็ซึงยุนไม่อยู่ในบ้าน บ้านเลยไม่น่าอยู่ ออกมานั่งเล่นกับซึงยุนดีกว่า อาจจะได้ร้องเพลงด้วยก็ได้” พี่จินอูยิ้มจนเห็นฟันสวยที่เรียงกันเป็นระเบียบ รอยยิ้มที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกแล้ว รอยยิ้มที่ผมอยากเก็บเอาไว้ดูคนเดียว แม้จะเห็นแก่ตัวเกินไป แต่ถ้าพี่จินอูยิ้มแบบนี้ให้ใคร ผมก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน “อีกอย่าง พี่ยังไม่ได้ให้สิ่งนี้กับซึงยุนเลย”

       

      มือเล็กยื่นซองกระดาษบางๆ ให้ผม ผมทำหน้าสงสัย แต่ก็รับมันมาเปิดอยู่ดี

       

      “นี่มัน ...”

       

      ซองกระดาษนั้นมีการ์ดแผ่นเล็กๆ อยู่ข้างใน การ์ดที่ทำเอง ลงสีเอง วาดเขียนเองเหมือนกับการ์ดของเด็กประถมที่ทำส่งคุณครู แต่มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสายตาผมกวาดไปเห็นคำว่า ‘Love Kang Seungyoon’ ตัวใหญ่ๆ อยู่ข้างใน

       

      “มันอาจจะดูเด็กไปหน่อย แต่พี่ก็ตั้งใจทำให้คนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของพี่เลยนะ”

       

      พี่จินอูพูดไปเขินไป โอ้ย ! น่ารักซะไม่มีแหละ

       

      “พี่จินอู ...” ผมไม่รอช้ารีบคว้าตัวคนตัวเล็กเข้ามากอดทันที เมื่อรู้ว่าเคมีหัวใจของผมกับพี่จินอูตรงกัน “ขอบคุณนะ ขอบคุณพี่จริงๆ”

       

      “ไม่อยากได้คำขอบคุณอ่า” พี่จินอูกอดผมตอบจนผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง “ไม่รู้ว่าซึงยุนยังจำของขวัญวันวาเลนไทน์ที่พี่อยากได้อยู่รึเปล่านะ ? ถ้าจำไม่ได้นี้พี่จะโกรธมากเลย”

       

      ผมรู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กยิ้มกว้าง ผมจึงกระชับอ้อมกอดของผมให้แน่นขึ้น

       

      “ก็กำลังให้อยู่นี่ไง” ผมกระซิบแผ่วเบาใกล้ๆ หูของพี่จินอู “ผมรักพี่นะครับ ผมรักพี่ที่สุดเลย”

       

      “พี่ก็รักนายนะ ซึงยุน” คนตัวเล็กกระซิบบ้าง “Happy Valentine’s day” ...

       



      โอ้วเย้ !! ในที่สุดฟิคสั้นแสนยาวเรื่องนี้ก็จบสักที 55555555

      กว่าจะจบไป ไรท์แต่งตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์แน๊ะ

      พอดีฉลองเดือนแห่งความรักสักหน่อยเลยแต่งออกมาได้หวานเลี่ยนนิดนึง

      ดราม่านิด เลี่ยนหน่อย คงไม่ว่าอะไรไรท์เนาะ ^^

      อยากติชมฟิคเรื่องนี้ก็ติชมได้เลยที่ @Pear_BJ21 ในทวิตเตอร์ได้เหมือนเดิมค่า ><

      PS. ฟิคเรื่องหน้าไรท์ตั้งใจแต่งคู่เอเลี่ยน "ท็อปบม" น๊า

      แต่คงอีกนาน เพราะไรท์ต้องฝึกงาน แต่พยายามจะเจียดเวลามาแต่งนะ

      รักรีดเดอร์ทุกคนนะคะ จุ๊บ ^^

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×