ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC:YG WIN] WIN IN HOGWARTS (JunHyuk,BJIN)

    ลำดับตอนที่ #21 : - ตอนที่ 20 - คิดมาก

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 59


    #JUNDONG

    แง้ อย่าเพิ่งเบื่อเก๊านะ ช่วงนี้อาจจะหวานๆ เรื่อยๆหน่อยนะคะ ยังไม่กล้าดราม่า ๕๕๕๕๕ 



    คาบวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์

     

    เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใดพี่เอย =_=;

    ใครๆก็ว่าเป็นวิชาที่น่าเบื่อที่สุด ช่ายยยยเลย

     

    แต่อาจจะยกเว้นไว้คนหนึ่งนั่นก็คือ คิมดงฮยอก

     

    วันนี้สลิธีรินมีเรียนรวมกับกริฟฟินดอร์ซึ่งวิชาที่พวกเราจะเรียนร่วมกันก็คือวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ที่ศาสตราจารย์บินส์เป็นคนสอน อันที่จริงเขาเป็นผี =_=;; ;  หลายคนบอกว่าเขาตายในหน้าที่ สอนจนตายอ่ะ คิดดู

    แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ใครจะสอนหรือศาสตราจารย์จะมีชีวิตอยู่หรือไม่หรอก

     

    แต่ประเด็นมันอยู่ที่วันนี้จะได้เรียนร่วมกับคิมดงฮยอกต่างหาก J

     

    ผมเลยแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า ทิ้งไอ้เพื่อนเวรๆที่คอยแต่จ้องจะด่าดงฮยอกทุกครั้งที่เจอหน้าไว้ก่อนจะออกจากหอมาแต่เช้าแล้วมานั่งอยู่ในห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ก่อนเวลาเรียนอยู่นี่ไง ฮิฮะ

    หนังสือประจำวิชาเล่มหนาที่ผมหยิบติดมือมาด้วยอันที่จริงคือมันจะเป็นหมอนชั้นดีสำหรับผมในวิชาที่กำลังจะเริ่มขึ้นนี้ ใครๆในฮอกวอตส์ก็ต่างรู้กันว่าถ้าใจไม่กล้าแกร่งพอก็หลับแน่นอน เช่นผมเป็นต้น =_=;;  แต่ก็อยากจะลองเปิดดูสักนิด อะไรกันนะที่ทำให้คนตัวเล็กนั่นสนใจที่จะเรียนรู้นัก

     

    กฎข้อปฏิบัติของมนุษย์หมาป่า ค.ศ. 1637

    โอ้ไม่ .. นี่ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ เปลี่ยนๆ

     

    การลุกฮือของอัลฟลิกผู้กระตือรือร้น

     

    อัลฟลิก.. ใครคืออัลฟลิกวะ แล้วจะกระตือรือร้นทำไม =_=;;;

     

    ผมถอนหายใจก่อนจะปิดหนังสือเรียนลงดังเดิม

    “โอ๊ะ!! จุนเน่  มาเช้าจัง”  เสียงของคนที่ผมอุตส่าห์แหกขี้ตามาเฝ้ารอดังขึ้นดังมาจากประตูทางเข้าห้องเรียนที่อยู่ด้านหลัง แถมเรียกผมด้วยล่ะ นั่นทำให้ผมลอบยิ้มออกมาเล็กๆโดยที่สมองยังไม่ทันสั่งการเฉยเลย .. เอาล่ะจุนฮเว ขรึมเข้าไว้ อย่างที่เคยเป็น นึง สอง ซั่ม

     

    อรุณสวัสดิ์ผมหันไปตอบกลับแบบเรียบๆ และก็พบเข้ากับแบมแบม ที่ยืนอยู่ข้างๆ .. กับไอ้ยูคยอมที่ยืนอยู่ข้างหลังดงฮยอก =_=!! นั่น !! ดูมันส่งสายตามาหาผมดิ อธิบายไม่ถูกอะรู้แต่ทำให้ตีนกระตุกได้ ทำแบบนี้จัดประลองเวทย์กันเลยดีกว่ามา

     

    ผมส่งสายตาไม่เป็นมิตรกลับไปให้ยูคยอม แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนเข้าใจผิด..

    “เป็นอะไรเนี้ย จุนเน่ ทำไมอารมณ์เสียแต่เช้าเลย” ดงฮยอกทำหน้ามุ่ยส่งมาทางผม .. เดี๋ยวๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้นายรู้สึกแบบนั้นสักหน่อย

    “งี้แหละ คนมันบ้าอะนะ ไปหาที่นั่งกันเถอะ” ไอ้เด็กยักยูคตอบ =_= !!!! อีกทั้งเจ้าตัวก็พยักหน้าคล้อยตามอีก

     

    บ้าเอ้ยไอ้ยูคยอม มาบอกชอบเขาแล้ว นกก็นกแล้ว ยังจะมาวอแวต่ออีกเรอะ น่ามคานจริง!!

     

    แล้วนายก็หัดดื้อกับคนอื่นนอกจากฉันเป็นสักทีดิวะดงฮยอก !!

     

    ผมกรอกตาเป็นสระอิหนึ่งทีก่อนสายตาจะเหลือบไปมองแบมแบมที่ยืนมองหน้าผมอยู่ที่เดิม ผมจึงส่งสายตาเบื่อๆไปทางยูคยอม หวังเพียงแค่ว่าแบมแบมจะพอเข้าใจความรู้สึกเบื่อไอ้หมอนี่ของผม

     

    ดงฮยอกวันนี้นั่งกลางๆกันนะ ได้มั้ย?ดูเหมือนว่าแบมแบมจะยิ่งกว่าเข้าใจแหะ.. เพราะที่ที่ผมนั่งอยู่คือนั่งติดริมหน้าต่างและอยู่ช่วงกลางๆเกือบหลังสุดของห้อง แบมแบมชี้มาที่โต๊ะว่างตัวหน้าถัดจากที่ผมนั่งและขอร้องอ้อนวอนดงฮยอกให้มานั่งที่ตรงนี้

    “เอ๊ะ ทำไมอ่ะ..” ดงฮยอกที่มองตามมือแบมแบมมาเบื่อเห็นว่ามือของแบมแบมมาหยุดอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าผมก็ทำหน้าเจื่อนและถามหาเหตุผลจากแบมแบมทันที

     

    ทำไมงั้นเหรอ ??

     

    ฉันสิควรจะถามว่าทำไมอ่ะคิมดงฮยอก!!

     

    เริ่มจะนอยด์แล้วนะเนี่ย รู้สึกหน้าสั่นๆเลย ให้ตายเหอะ อุตส่าห์ตื่นเช้าเพื่อมารอเจอแล้วก็เพื่อจะจองที่ที่จะได้มองหน้าของนายที่ชอบนั่งหน้าสุดของห้องได้สะดวก(และแอบหลับได้สะดวกด้วย)

    เอ่อ............ ก็วันนี้เพลียๆอยู่นิดหน่อยน่ะ ว่าจะเรียนสักครึ่งคาบแล้วก็หลับ.. แหะๆ

    .... เอางั้นเหรอผมเห็นสายตาของดงฮยอกเหลือบมองมาทางผมเป็นระยะๆ ไม่แน่ใจว่ากลัวตัวเองจะเสียการเรียนหรือกลัวว่าจะต้องมานั่งในบริเวณที่ใกล้ๆผม..

    “ดงฮยอกนั่งหน้ากับฉันก็ได้นะ” ยูคยอมพูดขึ้น  และไวเท่าความคิด

    “ไม่ได้” ผมตอบออกไปทันที

     

    “เฮ้ เด็กสลิธีรินอย่างนายมีสิทธิ์อะไรมา....”

    “โอเค ! เอ่อ.. แบมแบมไม่ค่อยสบาย วันนี้ฉันจะนั่งกลางๆแล้วกัน ขอบใจมากนะยูค” ดงฮยอกพูดแทรกขึ้น ดูเหมือนเจ้าตัวจะรับรู้ได้ว่าถ้าปล่อยให้ไอ้ยูคนี่พูดจบอาจจะเกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างผมกับมันเป็นแน่

    จากนั้นก็เลยเดินมาที่โต๊ะตัวว่างข้างหน้าผมพร้อมกับแบมแบม.. แต่อีกฝ่ายไม่ยอมหันมามองหน้าผมเลยสักนิดเดียว = =;;;  นั่นทำให้ผมยังไม่ได้รู้สึกดีขึ้นสักนิดเลยถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยอมมานั่งข้างหน้าผมโดยดีก็เถอะ

     

    แบมแบมที่เดินตามมาเหลือบมองมาทางผมพร้อมกับแอบชูสองนิ้วแล้วขยับปากเป็นคำว่า สู้ๆ มาให้

    ผมจึงพยักหน้าตอบ และเอาขาขึ้นมาพาดยาวบนพื้นที่ว่างที่เหลือบนเก้าอี้ของผม.. คือมันเป็นโต๊ะเก้าอี้สำหรับสองคน นั่งเรียนด้วยกัน และผมเอาขาขึ้นมาพาดเพราะไม่ต้องการที่จะนั่งกับใครทั้งนั้นแหละ เผื่อไอ้ยูคมันจิตวิปริตเดินมานั่งข้างผมขึ้นมาก็คงจะไม่ดีด้วยแน่ๆ =_=;; (และแน่นอนว่ามันไม่ทำนะ เดินไปนู่นล่ะ.. นั่งโต๊ะข้างหน้าดงฮยอก) แล้วนักเรียนคนอื่นๆก็เดินมาเข้าชั้นเรียนแล้วด้วย

     

    .

    .

    .

    การเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์เริ่มขึ้นมาได้ประมาณ20นาที

    แบมแบมกับดงฮยอกก็ยังคงก้มหน้าก้มตากับหนังสือเรียน ใจจดใจจ่อกับสิ่งที่อาจารย์สอน

     

    ส่วนไอ้ยูค.. หลับไปแล้วตามระเบียบ

    และผมที่ยังคงไม่ยอมหลับสักทีก็อาจจะเป็นเพราะระยะที่ได้จ้องมองแผ่นหลังของคนตัวเล็กมันอยู่แค่ตรงหน้านี่เอง

    ตอนนี้เจ้าตัวเอาแต่ตั้งใจเรียนและไม่ยอมมองหน้าผมเลยสักนิดเดียวเลยก็เถอะ ถึงปกติจะติวด้วยกันแต่เวลาที่ผมเผลอไปจ้องหน้าเขานานเข้าหน่อยก็มักจะโดนตีเรียกสติให้กลับมาเรียนตามเดิมโดยที่เจ้าตัวแทบจะไม่เอะใจเลยด้วยซ้ำ..

     

    แต่การได้ทำแบบนี้ จ้องมองหลังคนตัวเล็กตรงนี้ มันทำให้ผมนึกย้อนไปตอนที่เราเจอกันในช่วงแรกๆ

    ผมแกล้งเขาสารพัด ..ให้ตายเถอะ! ไม่เคยทำให้ดงฮยอกเป็นสุขเลยมั้งแทบทุกครั้งที่เจอหน้ากันอ่ะ

    ไม่รู้ว่าตอนนี้ด้วยรึเปล่า .. ที่ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ใกล้ๆกับผมแล้วมีความสุขบ้างมั้ย ก็ได้แต่หวังว่าไม่ใช่แค่ผมฝ่ายเดียวที่จะชอบไปวอแวเล็กน้อยกับเขา อยากให้เขาติวให้ไม่ใช่แค่เพราะว่าดงฮยอกเก่ง สอนอะไรที่ยากๆให้เข้าใจง่ายได้เสมอ

     แต่แค่รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วรู้สึกมีความสุข

     

    และคิดว่าไอ้ยูคก็คงคิดแบบผมด้วยเช่นกันถึงได้ยังคงยุ่งอยู่กับดงฮยอกแบบนี้

     

    แอบรู้สึกพอใจทุกครั้งที่นึกถึงตอนที่เราสัญญากันไว้ว่าจะไม่มีใครจนกว่าเราจะอยู่ปี4 หรืออายุ16กัน

    สัญญาบ้าบอที่ผมหน้ามืดคิดขึ้นมาเองแบบงงๆกับตัวเองเหมือนกันแต่ดีใจชะมัดที่ออกฝ่ายก็ตอบรับมัน ถึงแม้จะตอบรับมันอย่างงงๆก็เหอะ แต่อย่างน้อยผมก็กันมดกันยุงที่ชอบมาวอแวได้บ้างสัก3ปีแหละน่า

    ก็เนี้ย ชอบทำตัวน่าเอ็นดูไปเรื่อย เห็นใครมองก็แอบหงุดหงิดหน่อยๆเหมือนกัน  แต่ด้วยหน้าของผมเองที่ออกไปทางหาเรื่องคนรอบข้างเยอะไปหน่อยก็คงส่งผลดีให้มีคนมาวอแวน้อยหน่อยมั้ง เหลือแต่ไอ้ยูคนี่แหละที่ยังวอแวไม่เลิกเนี่ย

     

    “ศาสตราจารย์บินส์ !” เสียงหนึ่งดังขึ้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เด็กนักเรียนที่หลับอยู่ตื่นขึ้น

    “อ้าว เซอร์นิโคลัส” ศาสตราจารย์บินละจากการสอนอันแสนน่าเบื่อหันไปหาผีตนใหม่ผู้มาเยือนนั่นก็คือ นิกหัวเกือบขาดที่น่าจะทะลุเข้ามาในห้องเรียนเมื่อนาทีก่อน ทำให้การเรียนการสอนหยุดชะงักไป เอาเถอะถึงสอนต่อผมก็ไม่ได้สนใจที่จะเรียนหรอก

    “นี่ผมมารบกวนการสอนอัน...เอ่อ... อันน่าอัศจรรย์นี้อยู่รึเปล่า !  เอ่อ.. ว้าว มีเด็กที่ดูกระตือรือร้นด้วยนะ” นิกหัวเกือบขาดมองสำรวจไปรอบๆห้องแล้วจึงชี้มาทางดงฮยอก ผม และแบมแบมซึ่งเป็นนักเรียนเพียง3คนที่ยังคงตื่นอยู่

    “โอ้ ไม่หรอก.. ว่าแต่มีอะไรงั้นหรือ..”

     

    ผีทั้งสองท่านยืนคุยกันอยู่หน้าชั้นเรียนก่อนที่จะพากันทะลุกำแพงห้องออกไปที่ไหนก็ไม่ทราบ ทิ้งให้นักเรียน(บางคน)ที่ยังสนใจเรียนอยู่อย่างดงฮยอกถึงกับนั่งงงและยกมือข้างนึงขึ้นมาเกาหัวแกร่กๆ อย่างไม่เข้าใจนัก

     

    ฉันว่าฉันนอนก่อนแล้วกันนะแบมแบมหันไปบอกดงฮยอก ก่อนจะหันหน้ามาทางผมแล้วยักคิ้วให้น้อยๆ

     

    หะ..?

     

     อ๋อ.. โอเค

     

    “อือ.. ได้ เดี๋ยวจะเลคเชอร์ไว้นะ ถ้ายังไงไว้ถามฉันที่หอก้ได้เนอะ”

    “ขอบใจมากนะดงดง” แบมแบมยิ้มให้ดงฮยอกก่อนที่จะก้มหน้าฟุบลงไป

    ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ และมีเพียงเสียงกรนอ่อนๆมาจากที่ไหนสักทีในห้อง

    “ดงฮยอก” ผมเรียกคนตัวเล็กข้างหน้าที่ตอนนี้ก็ยังคงสนใจการเรียนมากกว่าผมอยู่ดีแม้ว่าจะอาจารย์จะทะลุกำแพงหายตัวไปแล้วก็เถอะ

    “...” ไม่ตอบ

    “ดงฮยอก..” ผมเรียกอีกครั้ง

    “ฮื่อ” รอบนี้ตอบ แต่ก็ยังคงไม่ยอมหันหน้ามาคุยด้วยกันดีๆ

     

    ผมจึงใช้มือข้างนึงเอื้อมไปลูบหัวคนที่นั่งข้างหน้านั่นทำให้เจ้าตัวเงยหน้าจากบทเรียนและยอมหันหน้ามาทางผมสักที

      “มีอะไร..” พูดแต่ไม่ยอมสบตาด้วย

    “นายนั่นแหละเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมมองหน้า”



    50% ------------------




    สิ้นเสียงคำถามดงฮยอกเงียบไปเหมือนว่าจะคิดอะไรอยู่ ผมก็ยังคงยีหัวคนตรงหน้าเล่นอยู่แบบนั้น อีกฝ่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ

    “ฉันพูดได้เหรอ” ถามแล้วก้มหน้างุดกว่าเดิม

    “อื้อ มีอะไรก็พูดสิ แล้วก็หันมาคุยกันดีๆดิ๊” ก็พอจะเดาๆได้อ่ะนะครับ ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดเรื่องอะไรอยู่แต่ทำเป็นไม่รู้ไปก่อนละกัน แล้วค่อยคุยกันเคลียๆดีกว่า


    ในที่สุดดงฮยอกยอมหันหน้ามาคุยกับผมแต่โดยดีแม้ว่าจะยังไม่ยอมสบตากับผมก็ตาม


    “จุนเน่เอามือออกก่อน..ได้มั้ยง่ะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลูบผมหน้าม้าของคนตัวเล็กสองสามทีแล้วจึงค่อยเอามือกลับมาไว้กับตัว


    “อ่ะว่ามา”

    “อือออ ก็คือแบบว่า เอาจริงๆนะ..” พูดพลางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาทีละนิด

    “..  อ่า”
    “งือออ ก็เมื่อเช้าก่อนเข้าคาบตอนนายเห็นฉันอ่า นายดูอารมณ์ไม่ดีเลย รู้มั้ยว่ามันอึดอัด ไม่รู้จะทำไงอ่ะ แล้วก็แบบว่า.. เอ่อ นายก็น่าจะรู้ตัวป่ะว่าหน้าโหดอ่ะ ทำแบบนี้ฉันก็ใจเสียไง (._.) ไม่รู้ว่าตัวเองทำไรผิดอ่ะ เล่นมาตึงใส่กันแต่เช้า”  พูดรัวในครั้งเดียวจบ รู้สึกพอใจที่อีกฝ่ายพูดมาตรงๆนะ แต่ว่าถ้าเจ้าตัวคิดมากเรื่องนี้ ทำไมไม่เอาที่ผมเล่นหัวไปคิดด้วยวะ คนไรวะจะตึงใส่โมโหใส่แล้วเล่นหัว เป็นไบโพล่าเหรอ บ้า! ก็ไม่ได้เป็นไง ที่ทำเพราะเอ็นดูเว้ย แล้วก็ไม่ได้โมโหไรด้วย มีไอบ้ายูคนั่นแหละที่กวนใส่แต่มันดันยืนหลังนายไงดงฮยอก นายเลยเข้าใจฉันผิดเลย บ้าเอ้ย !!


    “เฮ้ย จะไปโมโหนายได้ไง” ผมตอบพลางพยายามปรับสีหน้าตัวเองให้ดูเป็นมิตรขึ้นมานิดนึง -,.-

    “ก็นายชักสีหน้ามาทางฉันอ่ะ”

    “คือฉันทำใส่ไอ้ยูคต่างหาก ไม่คิดมากแล้วนะ เคป่าว” ผมถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด ก่อนจะเอียงคอแล้วส่งยิ้มเป็นมิตรให้เล็กน้อย นั่นทำให้อีกฝ่ายชะงักไปแปปนึงก่อนจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา

    “ละ..แล้วไปทำใส่ยูคทำไม แล้วนี่ยิ้มอะไรอ่ะ ปลอมจัง”



    ป้าบ!! เหมือนโดนคาถาสตูเปฟายลั่นใสหน้า



    ตอบงี้แสดงว่าไม่คิดมากแล้วใช่มั้ยวะดงฮยอก



    “ก็มันกวนตีนอ่ะ แต่ช่างเหอะ” ผมหุบยิ้มแทบจะทันทีแล้วจึงปรับสีหน้าเป็นปกติ


    “เอาเป็นว่า ไม่คิดจะทำใส่นายแน่ๆ”

    “จริงนะ?”

    “จริงสิ!! ตราบใดที่นายไม่กวนฉันเหมือนที่ยูคมันทำอะนะ”

    “วู้! ใครจะกล้า แค่นายทำหน้านิ่งๆคนเขาก็กลัวกันหมดแล้ว!!” 

    “เฮ้ย นี่เคลียเสร็จแล้วก้กลับมาพูดมากเลยนะ อยากลองโดนตึงใส่สักทีมะ”

    “แว้กก ม่ายยอาวว ~ ”


    ในที่สุดดงฮยอกก็กลับมาร่าเริง ผมจึงเอื้อมมือทั้งสองข้างไปยีหัวแรงๆด้วยความมันเขี้ยว


    “อ๊ากกกก ผมฉันนน จุนเน่ !!”

    “ชู่! เพื่อนๆหลับกันอยู่นะ เบาๆหน่อย” ผมบอกดงฮยอก อันที่จริงใครจะตื่นก็ช่างแม่งเหอะแต่ไอ้ยูคจะตื่นมาขัดขวางความสุขของผมตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด ! =_= 

    “อุ่ย แหะๆ =v=;; ”


    หลังจากนั้นผมกับดงฮยอกจึงเปลี่ยนมานั่งคุยเล่นกันปกติ แต่แค่แปปเดียวเจ้าตัวก็ถามถึงเนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ ซึ่งแน่นอนผมก็ต้องยอมรับไปแต่โดยดีว่าไม่ได้สนใจมันเลยสักนิดเดียวตั้งแต่ได้เรียนมา นั่นทำให้เจ้าตัวเกิดอาการวิญญาณเด็กเรียนเข้าสิง =_=;; จัดการติวให้ผมเดี๋ยวนั้นทันที เวรเอ้ย!! 



    เออ



    แน่นอนว่ายังไงมันก็ต้องดีกว่าตึงกันต่อไปจนจบคาบแล้วก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยแหละวะ 



    เนอะ




    ช่วงพักเที่ยง



    ผมบอกดงฮยอกให้ปลุกแบมแบมแล้วพวกเราสามคนก็ย่องออกจากห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ไปเงียบๆโดยที่ปล่อยให้คนที่เหลือหลับต่อไป



    พวกเราทั้งสามเดินเข้าห้องโถงใหญ่เพื่อที่จะไปรับประทานอาหารเที่ยง ผมเดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะบ้านกริฟฟินดอร์เพื่อที่จะไปทักทายพี่ฮันบินกับพี่จินฮวานที่นั่งกันอยู่แค่สองคนแล้วดูเหมือนพี่จินฮวานจะหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาโบกนิดสะบัดหน่อยสอนอะไรสักอย่างให้พี่ฮันบินอยู่


    “ไงพี่” ผมทัก

    “อ้าว ไอ้จุนเน่ ดงฮยอก แบมแบม เลิกเรียนแล้วเรอะ” 

    “ใช่เลิกแล้ว พี่อย่ามาเรียกผมว่าจุนเน่หน่า”

    “ทำแม๊ะ เก็บไว้ให้ใครเรียกล่ะ”


    ผมทำลอยหน้าลอยตาก่อนจะถามหาพี่บ๊อบบี้


    “พี่เหยินไปไหนอ่ะ”

    “ไอ้คิมบับไปนู่นนนน ไปแอ๊วเด็กฮัฟเฟิ้ลพัฟอยู่นู่นแหน่ะ” พี่ฮันบินยื่นปากไปทางโต๊ะของบ้านฮัพเฟิ้ลพัฟ ก็เห็นว่าพี่บ๊อบบี้กำลังทำหน้ายิ้มโง่ๆ อ้อนใครสักคนที่หน้าหล่อแบบหวานๆและดูเหมือนจะสอนโบกนิดสะบัดหน่อยอะไรอยู่เหมือนกันกับที่พี่จินฮวานกำลังสอนพี่ฮันบินเป๊ะ หึ กระแดะจริงๆ พี่จินฮวานก็สอนให้ได้ป่ะ แม่งถ่อไปถึงนู่น



    ผมนั่งลงเก้าอี้กับพวกบ้านกริฟฟินดอร์ แม้ว่าจะมีเด็กบ้านนี้เดินไปเดินมามองหน้าผมมากมายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาหรอกแล้วผมก็ไม่ได้แคร์อะไรด้วย ก็แค่จะมานั่งกับดงฮยอกเฉยๆ



    พวกเรานั่งคุยกันสัพเพเหระ จนคนดูเหมือนว่าจะมีคนเดินเข้ามาที่ห้องโถงนี้มากมายแล้วพี่บ๊อบบี้จึงยอมเดินกลับมาที่โต๊ะสักทีพร้อมกับยิ้มฟันยื่นจนตาปิดไปหมดไม่รู้ว่าเดินมองทางเห็นได้ไง =_= 

    “มีความสุขจุงเบย~” พี่บ๊อบบี้หย่อนก้นลงพร้อมกับส่งยิ้มไปให้คนรอบตัวทุกคนทั้งเพื่อนตัวเอง ทั้งคนที่เดินผ่านไปมา ทุกคนต่างมองกันว่าไอ้เหยินนี้เป็นไรและยิ้มให้ทำไม=_= แต่เจ้าตัวก็ดูจะไม่ได้สนใจนัก เอาแต่ลองโบกไม้กายสิทธิ์ไปมาอย่างร่าเริง


    “เอ้า ยังนั่งอยู่อีก กลับโต๊ะบ้านตัวเองได้แล้วจุนเน่” ดงฮยอกทักขึ้นหลังจากที่เห็นพี่บ๊อบบี้กลับมานั่งที่โต๊ะของบ้านกริฟฟินดอร์อย่างอารมณ์ดี



    “หู้ว อย่าไล่ดิ~ ขอนั่งอีกแปปก็ไม่ได้”

    “ให้อีกหนึ่งนาทีละกัน คนเริ่มมากันเยอะแล้ว เดี๋ยวเพื่อนนายมาเห็นก็เลิกคบหรอก” ดงฮยอกหมายถึงเพื่อนๆของผมที่มักจะกัดจิกเจ้าตัวเขาบ่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้พอใจนักหรอกที่มากัดดงฮยอกแบบนั้นอ่ะ

    “ช่างหัวมันดิ ใครจะไปสน-3- ” 


    ผมนั่งเล่นต่ออีกนิดหน่อยเมื่อพบว่าครบหนึ่งนาทีแล้วก็ไม่อยากจะขัดใจคนตัวเล็กนี่ เลยยอมเดินกลับไปที่โต๊ะบ้านสลิธีรินของตัวเองแต่โดยดีโดยที่ไม่ลืมเอื้อมมือไปยีหัวดงฮยอกเล่นสักหน่อย




    ยอมรับว่าสภาพไม่ต่างจากพี่บ๊อบบี้เท่าไหร่




    เพราะผมก็เดินยิ้มออกมาจากโต๊ะนั้นเหมือนกัน



    :)


     

    #วินอินฮอกวอตส์ฟิค

    --------


    บ้าจริง 

    ฟิคเรื่องนี้มันเรื่อยๆไปจนแก่เกินไปแล้ว!!





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×