ลำดับตอนที่ #175
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #175 : รัสปูติน
ชีวประวัติ รัสปูติน
กริกอริ รัสปูติน เกิดในครอบครัวเกษตรกรบ้านนอกของไซบีเรีย
ในตอนเป็นหนุ่ม รัสปูตินมีความกระหายที่จะเป็นแบบเกษตรกรผู้ที่ทำงาน ดื่มเหล้าหนัก และเสเพลเรื่องผู้หญิง
ขนาดอวัยวะเพศอันผิดมนุษย์มนาของเขาเป็นที่ชื่นชอบของเด็กสาวๆ ในหมู่บ้าน
ซึ่งมาดูเขาเปลือยกายว่ายน้ำในสระเช่นเดียวกับพวกเธอ
( บางตำราที่กล่าวถึงรัสปูติน อ้างว่า รัสปูตินมีอวัยวะเพศยาวถึง 13 นิ้ว !!! )
วันหนึ่ง ไอริน่า แดนิลอฟว่า คูบาชอฟว่าภรรยาสาวสวยของนายพลรัสเซียร่วมกับสาวใช้ 6 คน ร่วมกันล่อลวงเด็กหนุ่มรัสปูตินอายุ 16 ปีไปเสียตัว หลังจากเหตุการณ์ครานั้นแล้ว รัสปูตินจึงเริ่มเที่ยวโสเภณีในหมู่บ้านเกิดของเขา
เมื่อถึงอายุ 20 ปี รัสปูตินแต่งงานกับเด็กสาวในท้องถิ่นเดียวกัน ชื่อ ปราสโกเวีย เฟโอ โดรอฟน่า ดูโบรวิน่า และเป็นพ่อของเด็กสี่คน สามคนมีชีวิตอยู่จนเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว เขาก็ยังเที่ยวโสเภณีอยู่
จากการได้ร่วมสนุกทางกามารมณ์กับเด็กสาวนาไซบีเรียสามคน ซึ่งเขามีโอกาสพบขณะไปว่ายน้ำเล่นที่ทะเลสาบนั้นเอง ได้ชักจูงให้รัสปูตินรู้ถึงความหลายหลากในศาสนา ในราว พ.ศ. 2443 เขาก็ได้ร่วมกับนิกายนอกรีตนอกรอยที่เรียกว่า
นิกายคลิสติ กลุ่มศาสนิกชนผู้ยึดถือในนิกายนี้เชื่อว่ามนุษย์มีบาปมาแต่เริ่มแรก
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไถ่บาปในเวลาต่อมา
ดังนั้น
พวกเขาจึงประกอบพิธีอันพิลึกพิลั่นหลายอย่างเกี่ยวกับความวิตถารในทางกามารมณ์และการ
บูชายัญ ผู้คนในบ้านเกิดของรัสปูตินไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมเหล่านี้ จึงขับไล่
รัสปูตินให้ต้องเร่ร่อนไปทั่วชนบทของรัสเซีย เพื่อประกอบการเยียวยารักษาโรค และชักชวนผู้หญิงในแดนเถื่อนให้เข้าร่วมพิธีกรรมอันวิตถารพิธีกรรมเหล่านี้ประกอบด้ว
ยการดื่มเหล้า การร้องเพลง การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง และก็ทำกิจกรรมอย่างว่าเป็นหมู่คณะ ( สวิงกิ้งนั่นเอง ) ในทุกๆ แห่งที่สะดวกไม่ว่าจะเป็นป่า ( โปรดนึกภาพตามว่าสภาพจะเป็นอย่างไร ) ยุ้งข้าว หรือกระท่อมของสาวกคนใดคนหนึ่ง
หลักนิยมของรัสปูตินในการไถ่บาปผ่านการปลดปล่อยทางกามารมณ์นั้น
ทำให้สตรีมากมายที่ศรัทธาในนิกายนี้ต้องบำเรอความสุขให้เขาเสียก่อนเป็นขั้นแรก แม้ว่ารูปโฉมของ “ นักบุญจอมราคะ ” แสนจะสกปรกเลอะเทอะ โรเบิร์ต แมสซี่ นักเขียนอัตชีวประวัติจึงบันทึกไว้ว่า “ การร่วมเพศกับคนบ้านนอกที่ไม่ได้อาบน้ำ หนวดเคราและมือสกปรก ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียวซ่านอย่างใหม่ขึ้น ”
ในปี พ.ศ. 2448 รัสปูตินได้เข้ามาตั้งมั่นอยู่ในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบอร์ก ( เมืองหลวงในขณะนั้น ) รัสปูตินได้บรรเทาอาการโรคโลหิตไหลไม่หยุด ( ฮีโมฟีเลีย ) ของเจ้าชายอเล็กซิสได้ เป็นที่ชื่นชมของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และซารีน่า อเล็กซานดร้า ผู้เป็นพระราชมารดาเป็นอันมาก รัสปูตินจึงอาศัยอิทธิพลของซารีน่าแผ่อิทธิพลและสร้างเรื่องอื้อฉาวทางกามารมณ์จนเป็
นที่กล่าวขวัญในเมืองหลวง มีสตรีสมัยใหม่จำนวนมากมายในนครหลวงที่ตกเป็นทาสกามของรัสปูตินอย่างเต็มใจ บางครั้งสามีของสตรีเหล่านี้กลับเอาไปคุยโวโอ้อวดว่าภรรยาของตน “ เป็นสมบัติของรัสปูติน ผู้มีความสามารถอย่างเหลือเชื่อ ”
เขาจัดตั้งสำนักขึ้นในที่พักแบบห้องชุดของเขา และบรรดาสุภาพสตรีก็จะชุมนุมกันอยู่ที่โต๊ะในห้องอาหารเพื่อรอการเชิญเข้าไปในห้องนอ
นซึ่งเขาเรียกเอาเองว่า
“ ห้องศักดิ์สิทธิอันเป็นที่หวงห้าม ”
ตามธรรมดาแล้วรัสปูตินจะอยู่ในห้องอาหาร แวดล้อมไปด้วย “ สานุศิษย์ ” ที่น่ารักน่าใคร่ บางครั้งคนใดคนหนึ่งในพวกเหล่านี้จะขึ้นไปอยู่บนตักของเขาและเขาจะลูบไล้เส้นผมของเธ
อ พลางกระซิบแผ่วๆ ถึงความเป็นคนถือสากปากถือศีล และความลึกลับของการกลับฟื้นคืนมาใหม่ ต่อจากนั้นเขาก็จะตั้งต้นร้องเพลง ในตอนท้ายสุภาพสตรีก็จะร่วมร้องเพลงด้วย ในไม่ช้าการร้องเพลงก็จะแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลันไปสู่การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งก่อให้เกิดตัณหาหน้ามืดและต้องเข้าไปใน “ ห้องศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่หวงห้าม ”
ในการชุมนุมครั้งหนึ่งที่กรุงเซนต์ปีเตอร์-เบอร์ก รัสปูตินได้โพล่งพรรณนาราวกับตาเห็นถึงการสมสู่ของม้า แล้วเขาก็คว้าสตรีผู้มีชื่อเสียงซึ่งเป็นแขกรับเชิญคนหนึ่งเข้าเต็มแรง และกล่าวว่า “ มาเถอะ นางฟ้าที่รักของฉัน ”
คนที่เต็มใจเป็นคู่ขาในทางกามารมณ์ของรัสปูตินมีอยู่หลายคน แต่มักจะไม่ปรากฏนามอย่างเปิดเผย ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูงหรือผู้มีชื่อเสียง เช่น นักแสดงหญิง ภรรยาทหาร และเมื่อไม่มีใครอื่นที่จะใช้ระงับตัณหาราคะอันมหาศาลของเขาได้แล้วละก็ สาวใช้ในโรงแรมหรือโสเภณีก็ได้ สุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัสปูติน คือ องค์ซารีน่า นั่นเอง สำหรับองค์ซารีน่าแม้จะไม่ถึงกับตกเป็นทาสสวาท แต่ก็มีลายพระหัตถ์อันเพราะพริ้งถึงรัสปูตินให้คำมั่นว่าจะ “...จูบมือของพระคุณเจ้าและแนบศีรษะของลูกกับไหล่อันศักดิ์สิทธิ์ของพระคุณเจ้า...”
ผู้หญิงซึ่งรัสปูตินผู้อดทนมากที่สุดคือ ภรรยาของเขาเอง ปราสโกเวีย ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานกับการนอกใจของเขามาชั่วชีวิตโดยไม่ปริปากบ่น หล่อนเพียงแต่ยักไหล่และพูดอย่างใจกว้างว่า
“เขามีเพียงพอสำหรับคนทั้งหมด ”
ในปีพ.ศ. 2457 พวกชนชั้นสูงที่มีความคิดแบบจารีตนิยมได้ร่วมมือกันลอบฆ่ารัสปูติน คนที่ลอบฆ่าได้เชิญรัสปูตินมาเลี้ยงอาหารในตอนเที่ยงคืน และได้ใส่ยาพิษลงในขนมเค้กและเหล้าองุ่น เมื่อรัสปูตินมีอาการงุนงงมากขึ้นทุกทีเพราะกินยาพิษเข้าไป
เจ้าชายเฟล็กซ์ ยูสซูปอฟ ( เป็นเกย์ ) หนึ่งในฆาตกรก็ฉวยโอกาสนั้นหาประโยชน์ทางกามารมณ์ที่ตนชอบนั้นทันที แล้วยิงซ้ำ 4 นัด รัสปูตินล้มลงแต่ยังไม่ตาย ฆาตกรอีกคนหนึ่งจึงใช้มีดเฉือนอวัยวะเพศของรัสปูติน แล้วโยนไปอีกด้านหนึ่งของห้อง หลังจากนั้นจึงมีการทุบตีรัสปูตินซ้ำลงไป แล้วจับมัดแล้วโยนลงแม่น้ำเนวาอันเยือกเย็น ทำให้รัสปูตินจมน้ำตายไปในที่สุด
สำหรับอวัยวะเพศของรัสปูตินที่ถูกโยนไปนั้น มีเรื่องเล่ากันว่า มีคนรับใช้ผู้ชายได้เก็บ “ สิ่งที่ถูกเหวี่ยงทิ้ง ” ไปให้แก่สาวใช้คนหนึ่ง และปรากฏว่าได้พบตัวสาวใช้ผู้นั้นที่ปารีสในปี พ.ศ. 2511 หล่อนยังเก็บรักษา “ สิ่งที่ดูคล้ายกล้วยหอมซึ่งงอมจัดจนดำไปหมด ” ไว้ในหีบไม้ขัดมัน
กริกอริ รัสปูติน เกิดในครอบครัวเกษตรกรบ้านนอกของไซบีเรีย
ในตอนเป็นหนุ่ม รัสปูตินมีความกระหายที่จะเป็นแบบเกษตรกรผู้ที่ทำงาน ดื่มเหล้าหนัก และเสเพลเรื่องผู้หญิง
ขนาดอวัยวะเพศอันผิดมนุษย์มนาของเขาเป็นที่ชื่นชอบของเด็กสาวๆ ในหมู่บ้าน
ซึ่งมาดูเขาเปลือยกายว่ายน้ำในสระเช่นเดียวกับพวกเธอ
( บางตำราที่กล่าวถึงรัสปูติน อ้างว่า รัสปูตินมีอวัยวะเพศยาวถึง 13 นิ้ว !!! )
วันหนึ่ง ไอริน่า แดนิลอฟว่า คูบาชอฟว่าภรรยาสาวสวยของนายพลรัสเซียร่วมกับสาวใช้ 6 คน ร่วมกันล่อลวงเด็กหนุ่มรัสปูตินอายุ 16 ปีไปเสียตัว หลังจากเหตุการณ์ครานั้นแล้ว รัสปูตินจึงเริ่มเที่ยวโสเภณีในหมู่บ้านเกิดของเขา
เมื่อถึงอายุ 20 ปี รัสปูตินแต่งงานกับเด็กสาวในท้องถิ่นเดียวกัน ชื่อ ปราสโกเวีย เฟโอ โดรอฟน่า ดูโบรวิน่า และเป็นพ่อของเด็กสี่คน สามคนมีชีวิตอยู่จนเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว เขาก็ยังเที่ยวโสเภณีอยู่
จากการได้ร่วมสนุกทางกามารมณ์กับเด็กสาวนาไซบีเรียสามคน ซึ่งเขามีโอกาสพบขณะไปว่ายน้ำเล่นที่ทะเลสาบนั้นเอง ได้ชักจูงให้รัสปูตินรู้ถึงความหลายหลากในศาสนา ในราว พ.ศ. 2443 เขาก็ได้ร่วมกับนิกายนอกรีตนอกรอยที่เรียกว่า
นิกายคลิสติ กลุ่มศาสนิกชนผู้ยึดถือในนิกายนี้เชื่อว่ามนุษย์มีบาปมาแต่เริ่มแรก
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไถ่บาปในเวลาต่อมา
ดังนั้น
พวกเขาจึงประกอบพิธีอันพิลึกพิลั่นหลายอย่างเกี่ยวกับความวิตถารในทางกามารมณ์และการ
บูชายัญ ผู้คนในบ้านเกิดของรัสปูตินไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมเหล่านี้ จึงขับไล่
รัสปูตินให้ต้องเร่ร่อนไปทั่วชนบทของรัสเซีย เพื่อประกอบการเยียวยารักษาโรค และชักชวนผู้หญิงในแดนเถื่อนให้เข้าร่วมพิธีกรรมอันวิตถารพิธีกรรมเหล่านี้ประกอบด้ว
ยการดื่มเหล้า การร้องเพลง การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง และก็ทำกิจกรรมอย่างว่าเป็นหมู่คณะ ( สวิงกิ้งนั่นเอง ) ในทุกๆ แห่งที่สะดวกไม่ว่าจะเป็นป่า ( โปรดนึกภาพตามว่าสภาพจะเป็นอย่างไร ) ยุ้งข้าว หรือกระท่อมของสาวกคนใดคนหนึ่ง
หลักนิยมของรัสปูตินในการไถ่บาปผ่านการปลดปล่อยทางกามารมณ์นั้น
ทำให้สตรีมากมายที่ศรัทธาในนิกายนี้ต้องบำเรอความสุขให้เขาเสียก่อนเป็นขั้นแรก แม้ว่ารูปโฉมของ “ นักบุญจอมราคะ ” แสนจะสกปรกเลอะเทอะ โรเบิร์ต แมสซี่ นักเขียนอัตชีวประวัติจึงบันทึกไว้ว่า “ การร่วมเพศกับคนบ้านนอกที่ไม่ได้อาบน้ำ หนวดเคราและมือสกปรก ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกเสียวซ่านอย่างใหม่ขึ้น ”
ในปี พ.ศ. 2448 รัสปูตินได้เข้ามาตั้งมั่นอยู่ในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบอร์ก ( เมืองหลวงในขณะนั้น ) รัสปูตินได้บรรเทาอาการโรคโลหิตไหลไม่หยุด ( ฮีโมฟีเลีย ) ของเจ้าชายอเล็กซิสได้ เป็นที่ชื่นชมของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และซารีน่า อเล็กซานดร้า ผู้เป็นพระราชมารดาเป็นอันมาก รัสปูตินจึงอาศัยอิทธิพลของซารีน่าแผ่อิทธิพลและสร้างเรื่องอื้อฉาวทางกามารมณ์จนเป็
นที่กล่าวขวัญในเมืองหลวง มีสตรีสมัยใหม่จำนวนมากมายในนครหลวงที่ตกเป็นทาสกามของรัสปูตินอย่างเต็มใจ บางครั้งสามีของสตรีเหล่านี้กลับเอาไปคุยโวโอ้อวดว่าภรรยาของตน “ เป็นสมบัติของรัสปูติน ผู้มีความสามารถอย่างเหลือเชื่อ ”
เขาจัดตั้งสำนักขึ้นในที่พักแบบห้องชุดของเขา และบรรดาสุภาพสตรีก็จะชุมนุมกันอยู่ที่โต๊ะในห้องอาหารเพื่อรอการเชิญเข้าไปในห้องนอ
นซึ่งเขาเรียกเอาเองว่า
“ ห้องศักดิ์สิทธิอันเป็นที่หวงห้าม ”
ตามธรรมดาแล้วรัสปูตินจะอยู่ในห้องอาหาร แวดล้อมไปด้วย “ สานุศิษย์ ” ที่น่ารักน่าใคร่ บางครั้งคนใดคนหนึ่งในพวกเหล่านี้จะขึ้นไปอยู่บนตักของเขาและเขาจะลูบไล้เส้นผมของเธ
อ พลางกระซิบแผ่วๆ ถึงความเป็นคนถือสากปากถือศีล และความลึกลับของการกลับฟื้นคืนมาใหม่ ต่อจากนั้นเขาก็จะตั้งต้นร้องเพลง ในตอนท้ายสุภาพสตรีก็จะร่วมร้องเพลงด้วย ในไม่ช้าการร้องเพลงก็จะแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลันไปสู่การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งก่อให้เกิดตัณหาหน้ามืดและต้องเข้าไปใน “ ห้องศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่หวงห้าม ”
ในการชุมนุมครั้งหนึ่งที่กรุงเซนต์ปีเตอร์-เบอร์ก รัสปูตินได้โพล่งพรรณนาราวกับตาเห็นถึงการสมสู่ของม้า แล้วเขาก็คว้าสตรีผู้มีชื่อเสียงซึ่งเป็นแขกรับเชิญคนหนึ่งเข้าเต็มแรง และกล่าวว่า “ มาเถอะ นางฟ้าที่รักของฉัน ”
คนที่เต็มใจเป็นคู่ขาในทางกามารมณ์ของรัสปูตินมีอยู่หลายคน แต่มักจะไม่ปรากฏนามอย่างเปิดเผย ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูงหรือผู้มีชื่อเสียง เช่น นักแสดงหญิง ภรรยาทหาร และเมื่อไม่มีใครอื่นที่จะใช้ระงับตัณหาราคะอันมหาศาลของเขาได้แล้วละก็ สาวใช้ในโรงแรมหรือโสเภณีก็ได้ สุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัสปูติน คือ องค์ซารีน่า นั่นเอง สำหรับองค์ซารีน่าแม้จะไม่ถึงกับตกเป็นทาสสวาท แต่ก็มีลายพระหัตถ์อันเพราะพริ้งถึงรัสปูตินให้คำมั่นว่าจะ “...จูบมือของพระคุณเจ้าและแนบศีรษะของลูกกับไหล่อันศักดิ์สิทธิ์ของพระคุณเจ้า...”
ผู้หญิงซึ่งรัสปูตินผู้อดทนมากที่สุดคือ ภรรยาของเขาเอง ปราสโกเวีย ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานกับการนอกใจของเขามาชั่วชีวิตโดยไม่ปริปากบ่น หล่อนเพียงแต่ยักไหล่และพูดอย่างใจกว้างว่า
“เขามีเพียงพอสำหรับคนทั้งหมด ”
ในปีพ.ศ. 2457 พวกชนชั้นสูงที่มีความคิดแบบจารีตนิยมได้ร่วมมือกันลอบฆ่ารัสปูติน คนที่ลอบฆ่าได้เชิญรัสปูตินมาเลี้ยงอาหารในตอนเที่ยงคืน และได้ใส่ยาพิษลงในขนมเค้กและเหล้าองุ่น เมื่อรัสปูตินมีอาการงุนงงมากขึ้นทุกทีเพราะกินยาพิษเข้าไป
เจ้าชายเฟล็กซ์ ยูสซูปอฟ ( เป็นเกย์ ) หนึ่งในฆาตกรก็ฉวยโอกาสนั้นหาประโยชน์ทางกามารมณ์ที่ตนชอบนั้นทันที แล้วยิงซ้ำ 4 นัด รัสปูตินล้มลงแต่ยังไม่ตาย ฆาตกรอีกคนหนึ่งจึงใช้มีดเฉือนอวัยวะเพศของรัสปูติน แล้วโยนไปอีกด้านหนึ่งของห้อง หลังจากนั้นจึงมีการทุบตีรัสปูตินซ้ำลงไป แล้วจับมัดแล้วโยนลงแม่น้ำเนวาอันเยือกเย็น ทำให้รัสปูตินจมน้ำตายไปในที่สุด
สำหรับอวัยวะเพศของรัสปูตินที่ถูกโยนไปนั้น มีเรื่องเล่ากันว่า มีคนรับใช้ผู้ชายได้เก็บ “ สิ่งที่ถูกเหวี่ยงทิ้ง ” ไปให้แก่สาวใช้คนหนึ่ง และปรากฏว่าได้พบตัวสาวใช้ผู้นั้นที่ปารีสในปี พ.ศ. 2511 หล่อนยังเก็บรักษา “ สิ่งที่ดูคล้ายกล้วยหอมซึ่งงอมจัดจนดำไปหมด ” ไว้ในหีบไม้ขัดมัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น