คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #116 : คิงส์ อาเธอร์(อันนี้น้อยๆก่อน)
ไอแวนโฮ โรบินฮูด กษัตริย์ริชาร์ดใจสิงห์ กษัตริย์อาเธอร์ และบรรดาอัศวินโต๊ะกลมทั้งหลาย เรื่องราวเหล่านี้บ้างก็เชื่อว่าเป็นนิทานปรัมปราหรือเรื่องเล่าขานจากปากต่อปากโดยไม่มีตัวตนที่แท้จริง ในขณะเดียวกันก็ยังมีผู้คนอีกมากหลายพากันเชื่อ
ตรงกันข้ามซะนี่ และพยายามหาหลักฐานหักล้างให้กลายเป็นเรื่องจริงเต็มร้อยจนได้
พระศพของกษัตริย์อาเธอร์ฝังอยู่ที่ลานหน้าวิหารกลาสตันบิวรี่นั่นเอง โดยฝังลึกถึง 16 ฟุต เพื่อป้องกันชาวแซกซอนศัตรูคู่แค้นของพระองค์ขุดศพไปทำลาย
วณิพกผู้นั้นระบุสถานที่ของสุสานอย่างชัดเจน ถึงขนาดว่า - อยู่ระหว่างกลางของพีระมิดสองแห่งกษัตริย์เฮนรี่ทรงเลื่อมใสความเก่งกล้าสามารถของกษัตริย์อาเธอร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ว่ามีความยิ่งใหญ่ไม่ด้อยไปกว่าจูเลียส ซีซาร์ เพราะทรงรบชนะ ไอร์แลนด์ สกอตแลนด์ สแกนดิเนเวีย ฝรั่งเศส และกำลังบุกกรุงโรมอยู่พอดีตอนที่มอร์เดรดก่อการกบฎ อีกทั้งกษัตริย์เฮนรี่เองก็เคยได้ยินเรื่องของสุสานกษัตริย์อาเธอร์มาบ้างแล้ว พระองค์จึงรีบแจ้วข่าวดีนี้ให้เจ้าอาวาสแห่งวิหารกลาสตันบิวทรี่ทราบทันที แต่โชคร้ายที่เจ้าอาวาสไม่ยินดียินร้ายกับข่าวนี้เอาซะเลย เพราะตอนนั้นผู้คนศรัทธาวัดกลาสตันบิวรี่เยอะอยู่แล้ว ปีหนึ่งๆได้รับเงินบริจาคจาก
สาธุชนมากมายจนเกินพอ ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องสุสานกษัตริย์อาเธอร์มาช่วยโปรโมตให้วัดโด่งดังยิ่งขึ้นไปอีก ประกอบกับเมื่อได้ยินว่าสุสานตั้งอยู่ระหว่างพีระมิดทั้งสองแห่งก็ถอดใจ อะไรกันวุ้ย... มันช่างเป็นเรื่องที่เหลวไหลสิ้นดี วิหารกลาสตันบิวรี่มีพีระมิดกันเมื่อไรเล่ากษัตริย์เฮนรี่จึงทรงพระแห้วไปตามระเบียบ ไม่สามารถบีบบังคับเจ้าอาวาสได้เพราะตอนนั้นศาสนจักรมีอำนาจเหนือพระราชาอยู่เป็นอันมาก
กาลเงลาผ่านเลยไปอีก 30 ปี วันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1184 ได้เกิดไฟไหม้ใหญ่ ทำให้วิหารกลาสตันบิวรี่วอดวายเหลือเพียงซากดำเป็นตอตะโก
กษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ทรงรับเป็นองค์อุปถัมถ์บูรณะฟื้นฟูวิหารจนใช้การได้ดังเดิมโดยใช้เวลาถึง 7 ปี ในช่วงนั้นเองให้บังเอิญมีพระรูปหนึ่งมรณะภาพ และแจ้งความประสงค์ไว้ก่อนหน้าว่าขอให้ฝังศพของท่านที่ลานหน้าวิหารระหว่างไม้กางเขนสองอัน ซึ่งตั้งเทินอยู่บนฐานหินอีกทีหนึ่ง
ชะรอยพระที่ช่วยกันขุดหลุมศพคงนึกถึงเรื่องเล่าขานเก่าแก่เกี่ยวกับสุสานกษัตริย์อาเธอร์ขึ้นมาได้ จนเร่งขุดหลุมจนถึงความลึก 7 ฟุต ซึ่งผู้ขุดต้องเย็นสันหลังวาบในทันทีเมื่อปลายจอบกระทบถูกแผ่นหิน พวกพระช่วยกันแงะขึ้นมาดูก็พบว่า ด้านหลังสลักเป็นรูปไม้กางเขนจารึกข้อความภาษาลาตินเอาไว้ว่า " HIE JACETSEPULTUS INCLYTUS REX ARTORIUS IN INSULA AVALONIE " ( ณ ที่นี้คือสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์อาเธอร์ผู้เรืองนามแห่งเกาะอวาลอน )
ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ อาวุธประจำตัวของกษัตริย์อาเธอร์ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า ไม่น่าจะเสียบอยู่ในหินรอให้อาเธอร์มากระชากออกได้แต่เพียงผู้เดียว เรื่องราวแฝงอิทธิฤทธิ์ที่เพี้ยนไปได้ไกลถึงขนาดนี้คงเกิดจากการแปลภาษาละตินเป็นภาษาอังกฤษผิดพลาดซะมากกว่า SAXO ในภาษาละตินแปลว่า หิน ซึ่งไกล้เคียงกับคำว่า SAXON ชนเผ่าที่รุกรานอังกฤษในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 - 6 เป็นอันมากจึงเป็นไปได้มากว่า อาเธอร์ฆ่าคู่ต่อสู้ที่เป็นชาวแซกซอนแล้วแย่งดาบมาเป็นของตัวเอง ส่วน จอฟฟรีย์ แห่งมอนมัธ เรียกดาบศักดิ์สิทธิ์นี้ว่า " คาลิเบิร์น " ( CALIBURN ) ตามชื่อแม่น้ำคาลี ใกล้เมืองสเตอร์มินสเตอร์ ในแค้วนดอร์เซ็ตซึ่งช่างตีดาบเหล็กเผาไฟจนแดงเล่มนี้เสร็จแล้วได้นำไปจุ่มลงในแม่น้ำที่ว่านี้เองทุกวันนี้
ประวัติของอาเธอร์ที่น่าจะมีเค้าความจริงแฝงอยู่จึงแตกต่างไปจากหนังฮอลลีวู้ดหรือหลักฐานต่างๆในอดีตที่บันทึกเป็น ภาษาละติน เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะนักประวัติศาสตร์เชื่อว่าอาเธอร์ไม่ได้เป็นกษัตริย์ แต่เป็นเพียง " อาร์ตูริอุส " นายทหารเอกหรือแม่ทัพของกษัตริย์อูเธอร์เพนดรากอนเกิดเมื่อปีค.ศ.470จากครอบครัวเชื้อสายอังกฤษ/โรมันช่วงที่กองทหารโรมันถอดทัพออกจากการยึดครองเกาะอังกฤษนานร่วมสี่ศตวรรษเพื่อเร่งกลับมาตุภูมิไปป้องกันกรุงโรมจากการรุกรานของพวกอารยชน ( BARBARIAN ) อาเธอร์จึงมิได้เป็นอัศวินสวมชุดเกราะเหล็กอันงามสง่า เพราะมีชีวิตอยู่ก่อนยุคกลางที่ชุดเกราะเหล็กกำลังเฟื่อง อีกทั้งไม่ได้ขี่ม้าขาวตัวใหญ่น่าเกรงขามหรือถือดาบยาวเป็นอาวุธอีกด้วยม้าประจำตัวก็คือม้าโรมันตัวจ้อยและถือดาบสั้นแบบดาบโรมันอย่างที่เห็นในหนังฝรั่งทั่วไป
ความคิดเห็น