คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 01WWNis : Started from the bottom
เพลงไม่เกี่ยวอะไรนะคะ อยากแปะไว้ให้ฟังเล่น . .
What We Need is _ _ _ _
Chapter01 : Started from the bottom
#whatNielWinkneed
คลื่นความกดดันปนเปกับความตื่นเต้นคืบคลานอยู่ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง ผมอยู่กึ่งกลางระหว่างผู้รอดและผู้ตกรอบ เรื่องน่ายินดีถูกบั่นทอนตามเท้าที่ก้าวขึ้นเวที ก่อนหมดลงเมื่อทะเลแห่งความผิดหวังปรากฏเต็มสายตา
เป็นผมที่ยืนอยู่บนนั้น มองพวกเขาอย่างสงบ
เวทียกสูงทำให้ผมไม่เห็นแววตาของทุกคนด้านล่าง หากความรู้สึกกลับบอกชัดว่าไม่มีใครสักคนอิจฉา พวกเขาเพียงจมอยู่กับแผลบอบช้ำในตัวเอง
ความรู้สึกผิดค่อยๆ แทรกซึม เมื่อเห็นสายตาอันอบอุ่นหนึ่งเดียวส่งมาจากรุ่นพี่ค่ายเดียวกัน
ผมยิ้มฝืดเฝื่อนตอบกลับไป
เงยหน้ามองรางวัลที่ห้าสิบเจ็บชีวิตด้านหลังผมได้รับกันไปแล้ว แต่ผมกำลังจะได้รางวัลสูงสุด หรือไม่คนข้างผมคงได้มันแทน
“เด็กฝึกที่ได้อันดับหนึ่งคือ.. ค่ายมารู เด็กฝึกพัคจีฮุน”
ราวกับทุกอย่างถูกปล่อยพร้อมลมหายใจหนักหน่วง ผมโค้งตัวและกล่าวขอบคุณ ประคองสติแล้วตอบคำถามต่อไป ความรู้สึกดีใจควรมีมากกว่านี้ มันถูกกลืนหายไปตามหยดน้ำที่ไหลกลับสู่ดวงตา ผมสูดแรงกดดันกลับเข้าไปอีกครั้ง ปกปิดเอาไว้ด้วยสีหน้าเดิม
ผมกลั้นบางอย่างในลำคอด้วยอมยิ้มเล็กๆ และวิงค์ให้กล้องตามที่คุณโบอาต้องการ
ตอนรอบคัดเกรดผมเคยสงสัยว่าที่นั่งอันสวยงามคล้ายบัลลังก์ เมื่อได้อยู่บนนั้นจะรู้สึกดีขนาดไหน จนมาถึงวันที่ผมได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ห่างไกลจากภาพด้านล่างจนมองเห็นไม่ชัดเจน ต่างกับครั้งแรกที่มองขึ้นมา ผมเห็นมันและลึกลงไปในใจร้องอยากได้มาครอบครอง
ด้านล่างเป็นทะเลแห่งความผิดหวังที่ผมรอดมาได้ เพื่อโดนรางวัลชิ้นใหญ่กดทับบ่าจนหนักอึ้ง
ผมได้คำตอบว่ามันไม่ได้รู้สึกดี แต่ผมยังคงต้องการมัน
ผู้ครองอันดับสองและสามอย่างแซมกับจีซองฮยองกำลังคุยกันอย่างออกรส ถึงจะห่างกันจนต้องชะโงกหน้าออกมา สองคนนี้ยังทำตัวสบายเหมือนนั่งติดกัน มีบ้างที่ชวนผมคุย แต่ส่วนใหญ่เป็นคนฟังมากกว่า
“ฉันโคตรตกใจ นึกถึงหน้าน้องสาวตอนมันบอกว่าถ้าตกรอบจะเลี้ยงเนื้อย่าง” จีซองฮยองพูดไปขำไป
“ผมยังโดนค่ายขู่เลยครับ ไม่รู้พูดจริงพูดเล่น แต่ผมงี้กลัวสุดใจ” แซมตอบแล้วหัวเราะตาม
“เอาจริงๆ ฉันพนันกับแดเนียลไว้ด้วย” คนอยู่อันดับสามพยักเพยิดไปแถวล่างฝั่งตรงข้าม ผมมองตามจึงเห็นฮยองหัวสายไหม... ตอนนี้ไม่ใช่แล้วสิ เขานั่งคุยอยู่กับซองอูฮยอง ท่าทางจะเป็นเรื่องตลก ดูจากดวงตาหยี่เป็นรูปจันทร์เสี้ยวกับรอยย่นบนใบหน้า
“ฉันมั่นใจร้อยเต็มสิบว่ายังไงเด็กนั่นต้องติดท็อปสาม” จีซองฮยองพูดต่อ มือก็ชี้ประกอบตามคำเล่า
“แต่ฮยองติดท็อปสามเองนี่ครับ” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายตอบ ส่วนแซมหันไปคุยกับคนด้านล่างซึ่งผมมองไม่เห็นว่าเป็นใคร
“ใช่น่ะสิ ฉันเลยแพ้พนัน ต้องพาแดเนียลไปซื้อเครื่องบรรณาการให้แมว” ผมเอียงคออย่างไม่เข้าใจศัพท์อลังการของจีซองฮยอง หรือจะจัดพิธีบูชาแมวกันนะ?
“ทั้งอาหารแมว ทรายแมว นี่ยังไม่รวมกองทัพของเล่น และจุดพีคคือฉันจ่ายเองหมด” ผมพยักหน้าหลังคลายข้อสงสัย
“แดเนียลฮยองคงรักแมวมากนะครับ” จีซองฮยองพ่นลมหายใจเสียงดังทันทีที่ผมพูดจบ สายตาอาฆาตถูกส่งไปหาบุคคลต้นเรื่อง จริงจังเสียจนผมเสียวสันหลังแทน แต่พลังความโอเวอร์คงส่งไปไม่ถึง เห็นยังนั่งยิ้มตาหยี่อยู่เหมือนเดิม
“ไม่รู้ว่ารักมากมั้ย” ผมนิ่งฟังน้ำเสียงที่จู่ๆ ก็สลดขึ้นมา
“แต่รักมากกว่าฮยองในค่ายทุกคนแน่ๆ” จีซองฮยองพูดเสร็จก็หัวเราะออกมายกใหญ่ จนผมตามอารมณ์เขาไม่ทัน
ผมเหลือบมองคนโดนนินทา ระยะที่ค่อนข้างห่างและอยู่คนละชั้น แดเนียลฮยองคงไม่มีทางได้ยิน แต่หากภาพที่ฮยองหัวเคยชมพูเงยหน้าสบตากับผมไม่ใช่การเข้าใจผิด เขากำลังมองผมจากที่นั่งอันดับห้า
วินาทีถัดมายืนยันว่าผมไม่ได้ตาฝาด แดเนียลฮยองขยิบตาและยิ้มให้ผม มันแตกต่างจากที่ผมทำต่อหน้ากล้องเมื่อครู่ รอยยิ้มฟันกระต่ายของเขา ผมเคยเห็นแต่ไม่เคยได้รับมัน
อีกเสี้ยววิที่ผมรับรู้ถึงความอุ่นวาบในก้อนบริเวณหน้าอก เข้าใจเลยว่าทำไมใครต่อใครต่างหลงรักรอยยิ้มของคนคนนี้ และต่อจากนี้ผมกลายเป็นหนึ่งในนั้น
มุมปากทั้งสองด้านของผมยกสูงขึ้น ไม่มากไปกว่าตอนยืนบนแท่นด้านล่างกับแซม แต่กลับรู้สึกดีมากถึงมากที่สุดในรอบวัน
ส่งตอบรอยยิ้มฟันกระต่ายของฮยองหัวเคยชมพู
“เข้ารอบพร้อมคว้าที่หนึ่ง เราต้องเลี้ยงฮยองแล้วล่ะ” ฮยอบฮยองพูดขณะที่เรากำลังเดินกลับจากตึกค่ายมารูไปยังหอพัก พวกเราเพิ่งกลับจากสตูดิโออัดรายการ แวะรายงานประธานที่ค่ายแล้วค่อยพากันกลับ
“ผมจะเลี้ยงต่อเมื่อได้เข้ารอบครบสามคนครับ” ผมตอบอย่างไม่จริงจังนัก เหตุผมที่แท้จริงมันอยู่ที่ในเงินในกระเป๋าต่างหาก
“ไม่มีฮยองกับจงยอนอยู่ด้วย คงเหงาแย่เลยสิ” ผมหันไปมองคนพูด ทั้งที่ตัวเองตกรอบกลับไม่มีอาการเสียใจแม้แต่น้อย ตั้งแต่กลับยังชวนผมคุยไม่หยุดด้วยซ้ำ
ควอนฮยอบฮยองเป็นคนใจดีมาแต่ไหนแต่ไร มักคิดแง่บวกตลอด ผมคิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เจอเขาหลังออกจากค่ายใหญ่มาอยู่ค่ายมารู คนอย่างฮยอบฮยองคอยสร้างกำลังใจและแรงผลักดันให้คนอื่นอยู่เสมอ
“ผมหาเพื่อนได้ครับ แต่หาฮยองใจดีแบบฮยองน่ะ.. โคตรยากเลย” ฮยอบฮยองหลุดขำหลังผมตอบ อารมณ์ดีเสียจนถ้ามีแฟนคลับมาทักตอนนี้คงคิดกันไปว่าผมตกรอบ คนข้างตัวยิ้มเยอะกว่าผมอีก
“หาไม่ยากหรอก ถ้าเจอก็สนิทกันไว้นะคุณวิงค์บอย” ผมเผลอเบ้ปากแม้รู้ดีว่าล้อชื่อผมเล่น นึกถึงสเตจนายานาอันเป็นที่มาของชื่อวิงค์บอย ต่อท้ายอย่างกับเป็นนามสกุล
การเต้นพร้อมโฟกัสกล้องไปด้วยไม่ลำบากเท่าดึงดูดความสนใจให้ตัวเองเด่นกว่าเด็กฝึกหนึ่งร้อยชีวิตบนสเตจใหญ่มากๆ แถมท่าเต้นและชุดก็เหมือนกันหมด ผมงัดทุกกลวิธีมาใช้ยังกลัวจะไม่ได้ผล เรียกได้ว่าต้องทำซ้ำไปซ้ำมาแล้วหวังลมๆ แล้งๆ ว่ามันจะเข้าตาทีมตัดต่อบ้าง
ผลจากความพยายามจนเสื้อเชิ้ตสีขาวชุ่มเหงื่อ เครื่องสำอางละลายหายไปหมด ผมก็ได้ชื่อวิงค์บอยพร้อมกระแสตอบรับที่ดี แต่พอนึกว่ากว่าจะได้มาผมขยิบตาไปกี่ร้อยรอบ ความเหนื่อยเลยกัดกินความรู้สึกดีเสียหมดเกลี้ยง
“คนอื่นเรียกผมเฉยๆ นะครับ พอเป็นฮยองเรียกผมขนลุกเลย ฮยองก็เห็นว่าอัดเสร็จผมตาแดงแค่ไหน”
คราวนี้ฮยอบฮยองระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ ไม่แปลกใจที่เขาจะเห็นเป็นเรื่องตลก สภาพผมตอนนั้นโคตรแย่ ทั้งยังบ่นให้ฮยอบฮยองฟังตลอดทาง สุดท้ายเลยเลี้ยงไอติมผมเป็นค่าหุบปาก
ถือเป็นเรื่องดีๆ ผมอยากบ่นให้ฟังสักพันรอบ
ผมเดินด้วยความเงียบมาพักหนึ่ง มองเห็นหอในระยะสายตา ทว่ายังเดินไปไม่ได้เพราะรอฮยอบฮยองก้มหน้าก้มตาพิมพ์โทรศัพท์ตอบข้อความด้วยใบหน้าตึงเครียด มีไม่กี่เรื่องที่จะทำให้ฮยองผู้คิดบวกเสมอคนนี้ยิ้มไม่ออก
“จีฮุนนี่ นายกลับหอไปก่อนนะ พอดีประธานเรียกตัวด่วน” ฮยอบฮยองพูดทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากเครื่องมือสื่อสาร มันส่งเสียงแจ้งเตือนไม่หยุด
“ครับ? แต่เรารายงานไปแล้วนี่” ผมอดถามไม่ได้ ไม่ใช่ด้วยสงสัยว่าไปทำไม ผมอยากรู้สาเหตุของคิ้วขมวดมุ่นของคนข้างตัวมากกว่า
“สงสัยจะเรื่องด่วน ฮยองไปก่อนนะ” พูดจบก็วิ่งกลับไปทางเดิม รีบจนผมไม่ทันได้ค้าน
ผมคิดเอาเองว่าคงไม่มีอะไร ในเมื่อก่อนหน้านี้ หลังจากเกิดเรื่องจงยอนฮยอง ประธานย้ำเพียงว่าเข้ารอบให้ได้และอย่าอันดับตก ผมเดาว่าฮยอบฮยองที่เข้าไปก่อนคงได้รับประโยคเดียวกัน มันไม่มีเหตุผลให้ประธานสั่งพวกเราทั้งสองกันคนละอย่าง
ทีแรกผมคิดว่าจะได้ออกจากรายการกลางคัน จากแผนเดบิวท์ของค่ายต้องการให้พวกเรามีกระแสและฐานแฟนคลับ จึงส่งมาที่นี่เพื่อทำช่องทางให้ง่ายและสะดวกขึ้น จงยอนฮยองถูกวางเป็นตัวหลัก ขณะที่ผมกับฮยอบฮยองเป็นตัวพ่วง
ผมไม่อยากรับตำแหน่งตัวพ่วง ด้วยเคยถอดใจกับฟานทาจิโอ้และเอสเอ็ม ครั้งนั้นเคยเป็นหนึ่งในตัวเลือกเดบิวท์ เกือบคว้าได้รางวัลแต่สุดท้ายถูกผลักมาตำแหน่งเดิม
ทะเลแห่งความรู้สึกผิดหวัง หมดกำลังใจ และท้อแท้นั้นผมคุ้นชินดี สนิทเหมือนคนในครอบครัวเพราะเคยอยู่กับมันมานาน ตำแหน่งของผมตอนนี้ต่างหากเป็นคนแปลกหน้า
ฮยอบฮยองก่อกองไฟให้ผมอีกครั้ง อาจเป็นความใจดีอย่างจริงใจของอีกฝ่าย ทำให้ผมเปิดรับเขามากกว่าใคร ทั้งเป็นคนบอกประธานและชักชวนผมเข้ารายการ เป็นคนผลักดันให้ผมมีความต้องการอยากเดบิวท์อีกครั้งหนึ่ง
คลื่นในทะเลไม่เคยปรานีใคร ทั้งรุนแรงและไร้ทิศทาง พัดเอาความฝันของผมหายไป แต่ตัวผมยังคงลอยน้ำอยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้างเหมือนเดิม
ผมคงหาคนใจดีแบบนี้ที่ไหนไม่ได้อีก..
รอยยิ้มของใครบางคนวาบเข้ามาในความคิด เขาคนนั้นปัดเป่าความกดดันของผมหายไปในพริบตา ใช้เวลาน้อยกว่าฮยอบฮยองด้วยซ้ำ
ผมสะบัดหัวไล่ความคิดประหลาด มองแผ่นหลังของฮยอบฮยองจนลับสายตา ฮยองคนใจดีคนนี้ยังอยู่ ผมไม่ต้องไปหาเพิ่มหรอก
ฮยองหัวเคยชมพู รอยยิ้มฟันกระต่าย คนที่ให้ความรู้สึกคล้ายฮยอบฮยอง
คังแดเนียลคนนั้นน่ะ ไม่จำเป็นหรอก
TALK01,,*
เอากงๆ นี่เป็นสาเหตุที่กลับมาแต่งฟิคเลยนะ อยากแต่งคู่นี้มากแต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันตีขึ้นมา ดบบ.กับอั้นจุนเลยได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาด้วย 555555 ยังคงคอนเซ็ปเรือผีลอยอากาศ เอาชื่อเนียลวิงค์มาจากแม่เกากลายเป็น #whatNielWinkneed แวะมาคุยกันได้ในทวิตเตอร์นะคะ
**WWNis คงได้ลงถี่กว่าสองเรื่องก่อนเพราะเรามีสต็อกไว้(แอบล่องเรือมาเนิ่นนาน)**
***ไม่ใช่ฟิคเครียด แค่ติดบ่วงรายการนี้ก็เก้วกาดพอแล้ว ;___ ;***
****ความจริงไม่ใช่แดนฮุนหรือเนียลวิงค์อะไรทั้งนั้น ยินดีต้อนรับสู่ออลฮุน----****
อยากมีคนคุยด้วย >> DOT.F
แปะแท็กอีกรอบ >> #whatNielWinkneed
^+++^
ความคิดเห็น