ปลายปีพ.ศ. 2507 นักเขียนหนุ่มวัย 33 ปี นาม ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ เจ้าของนามปากกา ‘พนมเทียน’ ได้รับการว่าจ้างจากสำนักพิมพ์ผ่านฟ้าวิทยา ให้เขียนนิยายเกี่ยวกับการเดินป่า ขนาดพ็อกเก็ตบุ๊คความยาวไม่เกิน 8 เล่มจบ พนมเทียนเริ่มต้นเขียนนิยาย ‘ขนาดสั้น’ เรื่องนี้เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2507 และไปเขียนจบบริบูรณ์ในวันที่ 22 มิถุนายน 2533 ใช้เวลาไปเพียง 25 ปี 7 เดือน 3วัน!
ความยาวจากเริ่มแรกถูกกำหนดไว้ เพียง8เล่มพ็อกเก็ตบุ๊คแบบบาง ไปสิ้นสุดเอาที่จำนวน 18,063 หน้า รวมเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คขนาดมาตรฐานหนา 400 กว่าหน้าได้ถึง 48 เล่ม!
นี่ คือนิยายไทยที่ถูกกล่าวขานกันว่า เป็นนิยายที่ยาวที่สุดในโลก นิยายที่สร้างปรากฏการณ์มากมายให้กับวงการวรรณกรรมของไทย นิยายที่ได้รับการยกย่องให้เป็นตำนานจากทุกๆ สังคม
นิยายที่ชื่อ เพชรพระอุมา
หลายคนที่ยังไม่เคยอ่าน อาจจะระย่อกับความยาวเหยียดของนิยาย อย่าว่าแต่จะอ่านให้จบ แค่เอามาเรียงตอนให้ต่อกันก็เหนื่อยแล้ว คุณอาจจะไม่ถูกโฉลกกับนิยายเรื่องยาว ไม่ชอบอ่านอะไรนานๆ ไม่ชอบตัวหนังสือเต็มพรืดยาวเหยียด ผมแนะนำอย่างนี้ครับ ลองอ่านเล่ม 1 แค่เล่มเดียว ไม่ต้องซื้อก็ได้ ยืนอ่านในร้านนั่นแหละ ผมกล้าพูดว่า แค่บทแรกของเรื่องก็สามารถดึงคุณเข้าสู่วังวนของ เพชรพระอุมา ได้ไม่ยาก สำนวนการเขียนไม่มีความยอกย้อนพิสดาร แต่อ่านง่าย เห็นภาพ ไม่เยิ่นเย้อ และมีเสน่ห์ดึงดูดให้คุณอดพลิกอ่านหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งตรงจุดนี้พนมเทียนสารภาพว่า มันเป็นความตั้งใจของเขาเอง เจตนาจะทิ้งความอยากรู้อยากเห็นไว้ตอนจะจบบทเสมอ เพื่อให้นักอ่าน (สมัยนั้นที่นิยายยังออกเป็นราย 10 วันอยู่) ต้องตั้งตารอคอยตอนต่อไป ไม่เบื่อหน่ายจนเลิกอ่านไปซะก่อน ไม่ว่ามันจะยาวกี่พันกี่หมื่นหน้าก็ตาม ถือว่าเป็นความพิเศษอย่างหนึ่งของเพชรพระอุมาที่หาได้ยากจากนิยายเรื่องไหน
จริงๆ แล้วความยาวของเรื่องและระยะเวลาที่ใช้เขียนนั้น เป็นเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งของความพิเศษของนิยายเรื่องนี้ สำหรับผมแล้ว จุดเด่นที่ทำให้เพชรพระอุมากลายเป็นตำนานคือความครบรส เพชรพระอุมา ไม่ได้เป็นนิยายเดินป่า ไม่ได้มีแค่การยิงสัตว์ ล่องไพร หลงป่า แล้วก็จบแค่นั้น ผมไม่สามารถตัดสินได้ว่า เพชรพระอุมาเป็นนิยายแนวไหน เพราะสิ่งที่คุณจะได้สัมผัสใน เพชรพระอุมา มีตั้งแต่ เรื่องรักรันทดของชายหญิงต่างวรรณะ, ฉากพ่อแง่แม่งอนระหว่างคู่พระนางที่ละครหลังข่าวยังอาย, ฉากต่อสู้มากมาย ตั้งแต่ต่อสู้มือเปล่า การตะลุมบอนระหว่างคนกับปีศาจ, มหาสงครามระหว่างกองพันทหารม้ากับกองโจรที่รบกันด้วยดาบและหอก รวมไปถึงสงครามจิตวิทยา หักเหลี่ยมเฉือนคมด้วยวาจาและเล่ห์เพทุบาย, คุณธรรมน้ำมิตรของลูกผู้ชาย, ฉากผีชวนขนหัวลุก, มุกตลกทะลึ่งโลนขำตกเก้าอี้, ตำนานข้างกองไฟที่เล่าสืบต่อกันมา, มนตราอาคมทั้งที่มีอยู่จริงและที่เป็นอภินิหาร, คัมภีร์ปืนล่าสัตว์นานาชนิด, ฉากไล่ล่า ‘อะไร’ หลายอย่าง ตั้งแต่เสือโคร่งกินคน ช้างผีสิง งูเหลือมขนาดสิบคนโอบ ยันไปถึง ผีกองกอย ผีโขมด พญานาค และไดโนเสาร์! คุณจะเอารสอะไร เพชรพระอุมามีให้ครบ
แต่ถึงแม้เรื่องราวจะดูพิสดารพันลึก หลายสิ่งหลายอย่างที่ปรากฏในนิยายดูเหมือนเรื่องโม้จนโอเวอร์ น่าแปลกที่ไม่มีใครอ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้น ความสามารถทางวรรณศิลป์อันลึกล้ำของพนมเทียนนั้นเข้าขั้นเทพ เทคนิคการเขียนที่สมจริง ละเอียดลออจนคนอ่านรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในนั้น ทำให้เราหลงเชื่อทุกอย่างที่เขาเขียน แยกไม่ออกเลยว่าเรื่องไหนสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือเรื่องไหนเป็นเพียง จินตนาการ เพราะมันมีเหตุผล ที่มาที่ไป อธิบายได้ราวกับมันเคยเกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเอง พนมเทียนเข้าใจถึงช่องว่างระหว่างวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ และใช้จุดนี้หลอกล่อให้เราคล้อยตามอย่างไม่รู้ตัว อย่างเมื่อคณะเดินป่าต้องไล่ล่างูเหลือมยักษ์ยาวหลายร้อยเมตร กินควายทั้งตัวได้ในคำเดียว อ่านแล้วเราไม่สามารถเถียงได้เลยว่ามันไม่มีอยู่จริง เพราะแต่ก่อนตอนที่ป่าไม้ยังอุดมสมบูรณ์ มันอาจมีอยู่จริงๆ ก็ได้ เพราะงูเป็นสัตว์ที่อายุยืนมาก หรือมันอาจเป็นเรื่องโม้แหลกของพนมเทียนก็ได้ เราไม่มีทางรู้เลย รู้ได้แค่อย่างเดียวว่ามันสนุกสมจริงเหลือเกิน สาเหตุอีกอย่างคือ พนมเทียนไม่เขียนอะไรที่ตัวเองไม่รู้จริง เขาเป็นนักเดินป่าตัวกลั่น เคยทำนิตยสารปืน เคยสำรวจดงลึกแล้วไปเจอเมืองโบราณที่ยังไม่ถูกค้นพบ เคยประสบอาถรรพ์ของป่าลึกมากับตัวเองมากมาย เพราะฉะนั้นฉากการเดินป่าล่าสัตว์ของเขา จึงดูน่าเชื่อถือและเกิดขึ้นได้จริง
หรือฉากรักรัญจวนชวนเคลิบ เคลิ้ม ความรักอันยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลาของรพินทร์และดาริน ความโหยหาโศกเศร้าปานจะขาดใจเมื่อต้องห่าง พนมเทียนก็สามารถกุมหัวใจคนอ่านไว้ได้อย่างหมดสิ้น เพราะตัวเขาเองนั้นก็เป็นนักรักตัวยง มีประสบการณ์โชกโชนเช่นกัน
เรื่อง ราวความรักระหว่างรพินทร์ พรานป่าต่ำศักดิ์แต่ผ่านการศึกษามาแล้วจาก 3 ประเทศ กับ ม.ร.ว หญิง ดาริน หญิงสาวสูงศักดิ์ ที่มากไปด้วยเสน่ห์และน้ำใจ เป็นสิ่งที่ใครได้ลองสัมผัสแล้ว ยากนักที่จะไม่ตราตรึงใจ และเป็นจุดที่พนมเทียนตั้งใจจะกลั่นแกล้งคนดูอย่างสนุกสนาน เขาปรุงรสความรักของตัวเอกทั้งสองให้คนอ่านถวิลหาอยากรู้แบบสุดๆ ว่าสุดท้ายแล้วจะลงเอยกันได้อย่างไร โดยเฉพาะนักอ่านที่เป็นคุณผู้หญิง ร้อยทั้งร้อยจะตกหลุม แต่นักอ่านที่เป็นชายชาตรี พนมเทียนก็วางบ่วงดักไว้เช่นกัน คุณธรรมน้ำมิตรที่เต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมเฉือนคมของรพินทร์ และ แงซาย สองจอมพรานผู้ยิ่งใหญ่ ที่ดูเหมือนจะเป็นทั้งคู่ปรับและคู่คิด มีทั้งคำพูดเด็ดๆ แผนการอันแยบยลทั้งเหนือเมฆและใต้ดิน แต่สุดท้ายแล้วก็แสดงให้เห็นถึงน้ำใจของลูกผู้ชายที่สมควรเอาเป็นเยี่ยง อย่าง เรียกได้ว่าในแง่ของความสนุกสนานของเรื่องราวแล้ว พนมเทียนมีให้ทั้งนิยายรักชวนหลงใหลถูกใจสาวๆ และนิยายเท่ๆ สนุกตื่นเต้น ถูกใจลูกผู้ชาย รวมไว้ภายในเรื่องเดียวกัน ซึ่งผมอยากจะถามคุณพนมเทียนจริงๆ ว่าท่านทำได้อย่างไรครับ ยิ่งมาได้รู้ความจริงที่น่าตกใจอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือพนมเทียนเขียนเพชรพระอุมาโดยไม่ได้วางโครงเรื่องไว้ก่อน พูดง่ายๆ คือขณะที่เขียนออกมาวางขายแต่ละเล่มทั้งคนเขียนและคนอ่านก็ยังไม่รู้ว่าเล่ม หน้าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องลุ้นไปพร้อมๆ กันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว นี่เป็นวิธีการเขียนที่อันตรายมาก คนเขียนมีสิทธิ์ออกทะเลจนไม่สามารถนำพาเรื่องราวให้จบลงอย่างเรียบร้อยได้ แต่พนมเทียนทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย สามารถขมวดเรื่องจนจบ ปมปัญหาต่างๆ รายละเอียดปลีกย่อยก็เก็บได้เรียบร้อยไม่ขาดตกบกพร่อง
อ่านมาถึงตรง นี้แล้วหลายคนอาจจะติงว่า ผมชม เพชรพระอุมา ออกนอกหน้าไปไหม เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ เพชรพระอุมา ฉบับพิมพ์ล่าสุด ครั้งที่ 4 โดยสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม ได้มีการเชิญบุคคลที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากทุกวงการ มาเขียนคำนิยมและความประทับใจที่มีต่อนิยายเรื่องนี้ 1 คนต่อ 1 เล่ม 48 เล่ม 48บุคลากรชั้นนำของประเทศจากหลากหลายสาขา ไม่ได้มีผมคนเดียวครับ ที่คิดว่าเพชรพระอุมาควรค่าแก่การยกย่อง และอาจจะถึงขั้นบาปที่ชีวิตนี้ไม่ได้ลองอ่าน ถ้าใครยังไม่เคยอ่าน ลองดูเถอะครับ ไม่เสียเวลาอะไรมากมาย เดินไปร้านหนังสือ หยิบเล่ม 1 ขึ้นมาพลิกดู
ยินดีต้อนรับสู่โลกของ เพชรพระอุมา ครับ.
เรื่อง: ตวัน ชวลิตธำรง
อ้างอิงจาก www.petchprauma.com
ที่มา..www.happeningnow.net
ความคิดเห็น