ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Buffet Pot Mayhem บุฟเฟ่ต์หม้อไฟ

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 (charidarus)

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 50


    หากดวงตาข้า มีเพื่อมองชาดดารา
    ลมหายใจของข้า จักไม่มีวันดับสิ้นด้วยศัตรูก่อนที่จะถึงทิวาราตรีที่สมมาตรปรารถนาแน่นอน

     

    อีกด้านหนึ่งระหว่างไวท์กับชาริที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามตรอกแคบๆ ที่เคยคับคั่งแต่ตอนนี้ดูร้างยิ่งกว่าป้าช้าในหนังผีฝรั่งด้วยไอ

    ควันอะไรบางอย่างจางๆ ที่ลอยละล่องอ่อยเอื่อยไปทั่วบริเวณ ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศรอบตัว เช่นเดียวกับบท

    สนทนาลมหายใจของชายหญิงที่ได้แต่ระแวงระวังไม่มีอารมณ์จะคุย
    “คุณไวท์ เลิกเดินตามติดจี้หลังฉันได้ไหม เวลานี้ฉันไม่มีใจจะเล่นกับคุณหรอกนะ” ชาริเสียงเฮี๊ยบราวกับคุณครูไหวใจร้าย

    ที่กำลังจะเอาไม้เรียวตีเด็ก อาการที่เธอจรดสายตามองบุรุษเบื้องหลังทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดยืนแล้วขมวดคิ้วเข้มมองเธอ
    “อะไรนะ”
    “แน๊ะ ยังจะมาอะไรนะ อีก ตามบทแบบนิยายรักโบๆ ต้องตอบประมาณแบบว่า ก็ผมอยากใกล้ชิดคุณ แหมคุณน่ารัก บลาๆๆ

    ทำนองนี้สิ วุ้ว ไม่ใจเล๊ยพี่ไวท์เนี๊ย อ๊าก” ชาริสติแตกไปอีกแล้วหลังจากเก็กได้ไม่นาน ไวท์ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ

    แกมขยาดกับสาวน้อยที่ดูจะไม่ค่อยปกตินัก เขาเลยเดินเลี่ยงออกมาให้ห่างจากเธอ แต่ไม่วายทำปากขมุบขมิบพึมพำเมื่อ

    เห็นชาริหน้ายับยุ่งขณะที่ก้มลงจับชายกระโปรงสีขาวยาวรุ่ยร่ายของตัวเอง
    “ปั๊ดติโถ๊ะ ถ้าไม่เพราะหวังว่าอยากสวยที่สุดในมีทล่ะก็ ไอ้กระโปรงชีฟองบ้าบอ ฉันไม่มีทางใส่แกมาบดบังความจริงหรอก ชิ

    มันน่านัก กรี๊ดๆๆๆ ทำไมตูต้องมาอยู่ที่นี่เวลานี้ด้วยนะ”
    “เอาน่าๆ ใจเย็นๆ ก่อนชาริ แล้วไหนรถหนูล่ะ นี่เราเดินมาตั้งไกลแล้วนะ พี่ยังมองไม่เห็นอะไรเลย” ไวท์พยายามจะพูดจาดีๆ

    หวังให้สติสตังสาวน้อยกลับมา เธอกราดสายตาเกรี้ยวกราดไปหาทันที
    “บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกหนูง่ะ เค้าเป็นสาวแล้วนะเข้าใจมั้ย เป็นสาวสวยสะพรั่งแสนน่ารักสุดเซ็กซี่ เออ..ตอนนี้ยังไม่เซ็กซี่ก็ได้

    โอ้ย ไอ้กระโปรงบ้าเอ้ย รุงรังว้อย” เธอกลับไปสนใจกระโปรงตัวเองอีกรอบ อาการที่ส้นสูงกระทบพื้นถนนดังแกร๊กๆ

    เหมือนกำลังเต้นรำจังหวะลาตินแถมถกกระโปรงเห็นขาอ่อนวับๆแวมๆ มันชวนให้ชายหนุ่มที่ยืนมองอย่างเหวอๆ ต้องถอย

    กรูดออกไปอีกช่วงตัว
    มันก็น่าดูอยู่ แต่ถ้ามันเป็นชาริ อย่าไปดูจะดีที่สุด
    “เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่ก็ได้ เอาแบบไหนลายไหนสีไหน ให้หมด แถมแว่นกับหู ให้ด้วย แต่ตอนนี้รีบไปที่รถก่อนได้มั้ย ก่อนที่พวก

    ซอมบี้จะตามเรามาทันนะ ชาริ อย่าพึ่งบ้า กลับมาก่อนๆ”
    ดูเหมือนชาริจะไม่ได้ยินคำว่า “แถมแว่นกับหู” หญิงสาวเลยเบ้หน้าแล้วหันมาจับทรงผมตัวเองที่วันนี้ดัดเป็นลอนให้เข้าที่

    เข้าทางแทน ก่อนจะปรายตามองเหมือนไม่ใส่ใจ
    “รู้แล้วๆ น่า พี่ไวท์เนี่ยทำไมขี้บ่นอย่างนี้ฮะ เออใช่เนาะ ก็อย่างว่า แก่แล้วก็ขี้บ่นเป็นธรรมดา เป็นตาลุงหื่น โอ้ย ทำไมเค้า

    ต้องจับให้เรามาอยู่ด้วยกันนะ วัยรุ่นไม่เข้าใจจริงจริ๊ง” เธอยังพูดแพล่มไปเรื่อยอย่างไม่มีสาระ จากที่จับผมเปลี่ยนมาจับเสื้อ

    ลูกไม้สีครีมที่ชีพยายามจะแอ๊บแบ๊วให้ดูเป็นสาวแสนเรียบร้อยใจดี ไวท์เริ่มจะเซ็ง ลงไปนั่งกับพื้นแทน ชาริหันมองนิดนึง

    อย่างจะรู้ตัว
    “อ๊ะๆ เข้าใจละๆ จะเรียกลูซี่เดี๋ยวนี้แหละน่า” เธอสะบัดหน้าไปมาสองสามครั้งอย่างจะตั้งสติ แล้วออกไปยืนที่กลางถนน ก่อน

    จะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ขยับคอเสื้อเล็กน้อย แล้วทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด
    “ลูซี่~~~~~~~~~~+++++!!!!!!!!!!”
    “เพล้ง!!!!!!!!”
    “โครม!!!!!!!!”
    “อือ...~~~อา....~~~~ ครืดๆ...”
    เสียงร้อยแปดสิบแปดเดซิเบลที่เธอตะโกนออกไปมีผลให้กระจกห้างร้านสองข้างทางแตกกระจายไม่มีชิ้นดี ตามมาด้วยฝูง

    ซอมบี้ที่ได้ยินเสียงของเธอ กำลังเดินมาจากสองข้างของถนน ไวท์ที่เกือบหูแตกกลิ้งหลุนๆ ไปตอนไหนไม่รู้รีบไปฉุดแขนชา

    ริสติแตกที่สภาพตอนนี้ก็ใกล้เคียงกับซอมบี้ไปแล้ว
    “แหกปากทำไมเนี่ย จะเรียกพวกมันมาฆ่าเราเรอะ”
    “ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้”
    “เอ้ย พี่ไม่อยากตายนะว้อย”
    “ตายแต่ตัว หัวใจเราจะคงอยู่ด้วยกันตลอดไป”
    “ชารี๊... อย่าพึ่งบ้าได้มั้ย เฮ้ย ซอมบี้มันมาถึงนี่แล้ว หลบเร็ว!” ไวท์กระชากแขนหญิงสาวให้เข้าไปในร้านที่อยู่ข้างทาง พวก

    เขาเดินฝ่าเศษซากกระจกที่แตกกระจายเข้าไปด้านใน ร่องรอยการต่อสู้และคราบเลือดที่น่าสะอิดสะเอียน บ่งบอกให้รู้ว่าที่นี่

    ต้องพึ่งจะเกิดการต่อสู้ขึ้นแน่นอน
    “พี่ซา..เดี๋ยว..ดูนั่น” ชาริยื้อแขนที่ถูกฉุดเอาไว้ ทำให้ไวท์เกือบจะล้ม ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปยังผนังด้านที่ชาริหันไป

    สัญลักษณ์แปลกๆ ที่ถูกเขียนติดผนังด้วยเลือดสดๆ ที่ยังไหลเยิ้มตามทาง ทำให้เขาแทบอาเจียน
    “อะไร..กันนี่..ใครทำได้ขนาดนี้” เขาแทบเรียงคำพูดไม่ถูก สภาพศพที่ถูกกรีดด้วยของมีคมทั้งร่างเปลือยเปล่าจนเหวอะหวะ

    ดูไม่ออกว่าเป็นเพศไหนกำลังคว่ำหน้าอยู่บนตู้กระจกที่คงจะแตกละเอียดด้วยเสียงของชารินั่นเอง อาการตะลึงค้างของหญิง

    สาวทำให้ไวท์เกิดความเป็นห่วงขึ้นมาทันควัน
    “ชาริ..เป็นอะไรหรือเปล่า นี่อย่าไปมองมันนะ หันมา เดี๋ยวฝันร้ายหรอกคืนนี้น่ะ ฉี่เหลืองไม่รู้ด้วยนะเอ้า” ดูจะเป็นคำปลอบที่

    ไม่ค่อนเข้าท่านัก แต่คนอย่างเขาคิดได้เท่านี้จริงๆ ชาริที่ยืนนิ่งค่อยๆ ตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัดจนไวท์เริ่มจะประสาท

    เสียตาม
    “คะ..ใคร..ใครทำได้..ขะ..ขนาดนี้”
    “เราควรจะโทรแจ้งตำรวจ พี่จะ.. อ้าวเฮ้ย” ชายหนุ่มที่ควักล้วงเอามือถือขึ้นมากลับต้องตกใจเมื่อหญิงสาววิ่งถลาไปจนถึง

    ซากศพนั่น
    “โหดร้าย..โหดร้าย..มาก..ฮึก..ฮึก..” มือเล็กๆ สั่นเทาค่อยๆ เอื้อมไปเบื้องหน้า ไวท์ทำท่าจะเข้าไปขวาง แต่ทว่า..
    “ใครทำกับเค้กบลูเบอร์รี้ได้โหดร้ายอย่างนี้ เค้กสตรอเบอร์รี่นี่ด้วย ไหนจะบราวนี่อีก ต้องมาถูกเลือดสาด ฮือๆๆ อย่างนี้ก็กิน

    ไม่ได้แล้วใช่มั้ย..ใช่ม้าย...กรี๊ดดดดดด” เธอกรีดร้องด้วยเสียงโหยหวนหลังจากไปคว้าเอาบรรดาซากเค้กที่อยู่ใต้ศพนั่นจน

    ไวท์หงายหลังลงไปอีกรอบ อะไรบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อหล่นออกโดนที่ไม่ทันรู้ตัว
    “ครืด...คราด...อึด..ดึด...” เสียงครวญครางของร่างไร้ชีวิตที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้ว พวกมัน

    เหมือนจะรู้ว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ในร้านนั้น เลยกรูกันเข้ามาเต็มร้าน กวัดแกว่งมือไปมาราวกับจะฉุดคร่าวิญญาณ ชาริหัน

    ควับไปทันที สายตาของสาวน้อยแปรเปลี่ยนไป
    “พวกแก บังอาจทำร้ายน้องขนมเค้กของฉัน ฉันจะฆ่าพวกแกไม่ให้เหลือซาก”
    “วี๊ดดดดดดดด ตูมมมมมม โครมมมมมมมมมมม”
    เสียงกึกก้องกัมปนาทของหน้าร้านที่พังครืนลงมาพร้อมกับซอมบี้ที่กระเด็นไปตัวละทิศตัวละทางทำให้ชายหนุ่มตกตะลึง ไม่

    นานนักหลังจากฝุ่นควันจางหายไป เขาก็ต้องตกตะลึงยิ่งกว่า..
    ภาพของหญิงสาวผมยาวที่ยืนจังก้าอยู่หน้าแสงไฟจ้าที่ส่องเข้ามาในร้านจนเขาแสบตาไปหมด เมื่อกระพริบตามองดูดีๆ แล้ว

    จึงเห็นชัดว่าเป็นไฟหน้ารถ เสียงคลื่นยนต์ร้องฮื่มๆ เหมือนเสียงของความสาแก่ใจ
    “มาช้าจังเลยนะ ลูซี่ ไม่รอให้ฉันตายไปก่อนเลยล่ะแล้วค่อยมาเก็บศพ”
    “เนี่ยนะ ลูซี่” ไวท์ลุกขึ้นแล้วไปยืนข้างหญิงสาวที่หันมายิ้มกริ่มนิดๆ ชาริตอนนี้ดูชักจะไม่เหมือนชาริแล้ว และนั่นทำให้ไวท์

    เริ่มจะรู้สึกไม่น่าไว้วางใจ
    “ไปกันเถอะพี่ไวท์ อนาคตที่สดใสรอเราอยู่”


    แจ๊สแดงบุกฝ่าฝูงซอมบี้ออกจากมาตรอกนั่นอย่างไม่มีปรานี ไม่น่าเชื่อว่ารถกระป๋องคันเล็กๆ อย่างที่สาวสวยนิยมใช้จะ

    สมบุกสมบันได้ขนาดนั้น ซาซาที่นั่งหน้าข้างคนขับได้แต่ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว ทุกครั้งที่หญิงสาวชนกระแทกซอม

    บี้อย่างแรงจนมันกระเด็น เธอก็จะกรีดเสียงหัวเราะที่เหมือนแม่มดเข้าไปทุกที
    “ซัมแวอายบีล๊องงงงงงง~~~~~เย้~~~~~~”
    หญิงสาวตะโกนร้องเพลงสุดโปรดจากวงร็อคเถื่อนๆ ที่ตนคลั่งไคล้ เครื่องเสียงชั้นเยี่ยมในรถนั่น ทำให้ไวท์แทบอาเจียน
    ชาริตอนนี้ น่ากลัวยิ่งกว่าซอมบี้อีกเป็นร้อยเท่าตัว
    “ไม่เอาละ ได้แต่ขับชน ไม่ใจเลย” อยู่ๆ เธอก็เบรกแรงจนหน้าแทบทิ่ม ทันทีที่หญิงสาวจอดรถ พวกซอมบี้ก็กรูกันเข้ามารุม

    ล้อม ชาริหันไปบอกชายหนุ่มข้างกาย ดวงตาเป็นประกายแวววับ และถ้าไวท์ไม่ได้คิดไปเอง เขาว่าเขาเห็นอะไรแดงๆ วาบๆ

    ในดวงตาของเธอแน่นอน

    “เรามาหาอะไรสนุกๆ ทำกันดีกว่าเนอะพี่ หึ..หึ..”


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×