คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ (XWA Black)
บทนำ (XWA Black)
เรื่องนี้เกิดขึ้นในอนาคตอีกไม่ใกล้ไม่ไกล...
ท่ามกลางกลุ่มไอควันและเสียงดังอึกทึกจากรอบข้าง ปฏิบัติการบางอย่างกำลังดำเนินไป โดยการสมคบคิดกันของบุคคลกลุ่มหนึ่ง
เนื้อสดๆ ที่ยังชุ่มเลือด ถูกใช้เครื่องมือคีบคว้าจับไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะโยนทิ้งลงไปในน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ ชิ้นแล้วชิ้นเล่าอย่างไม่ปรานี เสียงร้องแหบพร่าโหยหวนดุจสัญญาณวันสิ้นโลกดังขึ้นเป็นพักๆ เช่นกัน
แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีเสียงหัวเราะพูดคุยดังอยู่จากกลุ่มคนที่อยู่รายล้อมต้นกำเนิดของไอน้ำและควันโขมงเหล่านั้น ราวกับเป็นเรื่องอันน่ารื่นรมย์เสียเต็มประดา
"ในที่สุดก็ได้กลับมารวมกันซะทีนะ ...คราวนี้เกือบครบขบวนการ แถมยังมีหลายๆ คนที่นึกไม่ถึงมาด้วย ใช่มั๊ยล่ะ? คุณหิน ต่าย ชาริ"
"ช่าย บรรยากาศเก่าๆ ที่แสนสุขของมีตติ้งนักเขียนกลุ่มเราล่ะ"
"อื้ม ได้มาเห็นเป็นบุญตาซะทีว่าพวกพี่ๆ นี่รั่วกันขนาดไหน ฮะๆๆ"
"เสียนิดเดียวตรงที่ห้องคาราโอเกะมันไม่ค่อยเก็บเสียงนี่แหละ" ชายผู้หนึ่งในกลุ่มหันไปมองอีกฟากหนึ่งของร้านอย่างรำคาญ เสียงโหยหวนแหกคีย์กระเจิดกระเจิงเข้ากับบรรยากาศสุดคลาสสิกในร้านราวผีเน่ากับโลงผุ
"เหอะๆ ช่วยไม่ได้นี่นา ในกรุงเทพเหลือร้านอาหารบุฟเฟ่ต์อีกไม่มากแล้วที่ยังไม่รู้จักพวกเรา" สมาชิกคนหนึ่งยักไหล่ตอบ ก่อนจะวางจานใส่วัตถุดิบที่เพิ่งว่างเปล่าไปหมาดๆ อีกจานลงไปเรียงซ้อนบนกองจานที่สูงใกล้จะพ้นหัวเขาอยู่แล้ว ตามด้วยหยิบดินสอที่วางอยู่ใกล้ๆ มาขีดนับจำนวนเพิ่มลงในกระดาษแผ่นหนึ่ง
"เฮ้! อย่าเชียว!!!" อีกหนึ่งนายหันมาโวยเมื่อเพื่อนหญิงร่างสูงเพรียวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ จับด้ามทัพพีที่เขาลวกเนื้อปลาทิ้งไว้ในหม้อเขย่าๆ ทำท่าเหมือนจะแอบยึดไปกินอย่างเนียนๆ
"ว่าแต่ผมลงตอนใหม่แล้วนะ แล้วพวกคุณล่ะ...เมื่อไหร่จะเลิกดองซะที หืม??" และแล้วก็มีผู้ทะลุกลางปล้องขึ้นมาด้วยคำถามที่เหมือนจะฆ่ากันให้ตายตรงนั้นดีกว่า ความเงียบกริบและบรรยากาศมาคุพลันเข้าครอบงำอย่างกะทันหัน หลายๆ คนเงื้อตะเกียบค้าง บ้างถึงกับปล่อยชิ้นเนื้อที่กำลังคีบขึ้นมาหล่นกลับไปหาชะตากรรมอันแสนสุกในหม้ออีกหน
แต่ก็ดูเหมือนระฆังจะช่วยพวกเขาไว้ให้รอดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดมาได้พอดี เมื่อรายการถ่ายทอดสดฟุตบอลในจอทีวีของร้าน อยู่ๆ ก็ถูกตัดไปเป็นรายการแถลงข่าวแบบรวมการเฉพาะกิจ
"ขออภัยในความไม่สะดวก ขออภัยในความไม่สะดวก"
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ! หรือว่ามันจะปฏิ...?!?" ยังไม่ทันที่จะเกิดความแตกตื่นคาดเดาเหตุการณ์ไปต่างๆ นานา ใบหน้าหวานๆ ที่ดูเคร่งเครียดกว่าปกติของผู้ประกาศข่าวหญิงคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในจอ
"ประกาศ! ข...ขณะนี้...ได้รับรายงานว่ามีบุคคลท่าทางแปลกประหลาดคล้ายผีดิบ และมีตัวประหลาดที่ดุร้ายหลายชนิดปรากฏขึ้นอย่างไม่ทราบที่มาแน่ชัด จากหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพ!"
ทุกคนในร้านนิ่งอึ้ง หันไปมองจอเป็นจุดเดียว
"ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ขณะนี้รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วทุกเขตของกรุงเทพมหานคร ห้ามการชุมนุมทางการเมืองหรือมั่วสุมด้วยประการใดๆ เกินกว่าห้าคน และได้ส่งกำลังทหารไปตามจุดต่างๆ แล้ว คาดว่าสถานการณ์จะเรียบร้อยดี..."
"เฮ้ย! ซอมบี้บุกมันเกี่ยวอะไรกับการเมืองอีกฟะ พวกตาแก่เอ๊ย!!!" ชายคนหนึ่งในกลุ่มโพล่งขึ้นมาอย่างไม่พอใจสุดขีด
ผู้คนโต๊ะอื่นๆ เริ่มทยอยหนีกันแล้ว โดยเช็คบิลบ้างไม่เช็คบิลบ้าง ตอนหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้คงไม่มีใครว่างพอจะมาใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรอกเนอะ?
"โอ้ ทำไมมันต้องมาเกิดอะไรบ้าๆ แบบนี้ตอนเรานัดสุมหัวกันด้วยล่ะเนี่ย" สมาชิกอีกคนกุมขมับ "ดูท่าทางคงได้ตะลุยกันหนักหน่อย"
"ไหวรึเปล่าล่ะ คุณต้น?"
"ผมน่ะพร้อมลุยอยู่แล้ว พวกคุณล่ะ จะรวมพลังรึยัง?" ชายที่ชื่อต้นตอบรับคำท้าทายพลางถลกแขนเสื้อขึ้น
หลังจากทั้งหมดพยักเพยิดตอบรับซึ่งกันและกันแล้ว พวกเขา 7 คนจากที่มากันทั้งหมด 11 ก็ยื่นมือมาประสานกันกลางโต๊ะเหนือหม้อไฟบุฟเฟ่ต์ที่ยังคุกรุ่นไม่ดับสนิทดี
"เรด!"
"คริมสัน!"
"พิงค์"
"เยลโล่ว์"
"บลู!"
"ไวท์!"
"แบล็ค!"
"เมื่อพวกเราทั้งหมดรวมพลังกัน!"
"เราก็คือ..."
"เอ็คคิ-วะ-เรนจา! เอ็กซ์ ดับบลิว เอ เรนเจอร์!!!"
"โอ้ว~วว!!! ไช...โย! ไช...โย! ไช...โย!!!"
แล้วพวกเขาก็นั่งกลับลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจว่าร้านเกือบจะร้างโล่งไปหมดแล้ว จะเพราะข่าวตัวประหลาดบุกหรือเพราะสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อกี๊มากกว่ากันก็ไม่รู้สิ...
"เอ็กซ์เรด!" พวกเขาหันไปหาชายคนหนึ่งในกลุ่ม "รับทราบแล้ว จุดนัดหมายฉุกเฉินที่หนึ่ง จุดที่สอง..." เขาพึมพำพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด "โอเค ถ้าไม่มีใครคัดค้าน เราเอาตามแผนยุทธศาสตร์นี้นะ..."
"ติดต่อไวโอเล็ทที" มีความขลุกขลักเล็กน้อย จากการที่ "เอ็กซ์ไวโอเล็ท" สมาชิกคนหนึ่งขององค์กรไม่ได้มาร่วมงานด้วยเพราะติดธุระไปคุยกับ บก. สำนักพิมพ์มีชื่อแห่งหนึ่งอยู่ "เดี๋ยวผมโทรเอง" แบล็คควักเอามือถือของตนเองขึ้นมากดอย่างรวดเร็ว
"ระหว่างที่เหตุการณ์ยังไม่รุนแรงมาก...หวังว่านะ เราคงต้องแยกกันออกไปเอารถส่วนตัวที่จอดๆ กันไว้คนละที่ก่อน ไม่งั้นคงหนีหรือเคลื่อนย้ายไปไหนไม่สะดวก" ระหว่างนั้นเรดซึ่งกวาดเอาจานชามที่เกะกะลงจากโต๊ะไปแล้วก็ใช้ดินสอขีดเขียนร่างแผนการบนกระดาษแผ่นหนึ่งให้ทุกคนดูอย่างเร่งรีบ พลางบรรยายไปด้วย
"จากนั้น ให้รีบเคลื่อนย้ายกำลังพลขึ้นไปทางเหนือ พิกัดตำแหน่งท้ายสุดที่จะไปเจอกันคือแถวรังสิตก่อนจะคิดแผนขั้นต่อไป มีอะไรให้ติดต่อกันทางมือถือ ถ้าเกิดเหตุมือถือติดต่อไม่ได้ ก็วิธีเดิม โอเค้?"
"รับทราบ" "รับทราบ" "โอ๊ส" "เย่!"
เช่นนั้นพวกเขาก็แตกทีมกันชั่วคราว เริ่มต้นเคลื่อนตัวออกไปจากร้านตามทิศทางต่างๆ
ทีมแรก คือเอ็กซ์คริมสัน เอ็กซ์พิงค์ และต้น
ทีมที่สอง เอ็กซ์บลู ต่าย และหิน
ทีมที่สาม เอ็กซ์ไวท์ เอ็กซ์แบล็ค และชาริ
และทีมที่สี่ เอ็กซ์เรด กับเอ็กซ์เยลโล่ว์
.....
เรามาเริ่มกันที่ทางด้านเรด กับเยลโล่ว์ก่อนดีกว่า แย่หน่อยที่เรดไม่ได้เอารถมา แต่บ้านของเขาก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินกว่าที่จะรีบไปซะตั้งแต่ตอนนี้
หลังจากบุกตะลุยฝ่าดงซอมบี้ไปหลายสิบตน กับพวกสัตว์ประหลาดที่โผล่มาจากไหนไม่ทราบได้อีกฝูงย่อมๆ พวกเขาก็ต้องเบรกกะทันหันแล้วกระโดดหลบเข้าไปข้างมุมตึก เมื่อมีการระเบิดขึ้นตรงป้ายรถเมล์ฟากตรงข้าม
"รอยแบบนั้นมันกระสุนปืนใหญ่ชัดๆ" เรดพูดขึ้นอย่างวิตก เขากับเยลโล่ว์แอบโผล่จากมุมตึกออกไปมอง ก็เห็นเงาของอะไรรางๆ ที่ใหญ่ทะมึน กำลังเคลื่อนส่ายไปมาอย่างน่ากลัวพร้อมกับทำเสียงเอียดอาดเสียดสีระหว่างข้อต่อโลหะ และโลหะกับพื้นถนน
"นั่นมัน...รถถัง!!!"
เมื่อสิ่งนั้นเข้ามาใกล้จนมองเห็นได้ชัดท่ามกลางฝุ่นควันฟุ้งตลบ พวกเขาก็พบว่ามันเป็นรถถังที่ลำกล้องปืนกำลังส่ายไปมา และฝาด้านบนถูกเปิดออก ซอมบี้ไม่ต่ำกว่าห้าตัวกำลังกลุ้มรุมกันอยู่ข้างบน จนกระทั่ง...พลขับถูกลากออกมา และกลิ้งตกจากรถถังลงพื้นไปกับฝูงซอมบี้ทั้งหมดก่อนจะเริ่มงานกินเลี้ยงที่น่าสยดสยอง ปล่อยให้รถถังรุ่นเก๋าที่ไม่มีผู้บังคับแล้วคันนั้นเคลื่อนต่ออย่างอืดอาดเข้ามาหานักเขียนทั้งสอง ซึ่งหันมามองหน้ากันอย่างไม่ต้องนัดหมาย
"เธอกำลังคิดอย่างที่ฉันคิดอยู่รึเปล่า เยลโล่ว์?"
"อืม ฉันกำลังคิดอยู่นะ เรด..."
แล้วทั้งสองก็ออกก้าวลัดเลาะอย่างรวดเร็วแต่ระมัดระวังไปทางรถถังคันนั้น
อีกด้านหนึ่ง
"งื้อ...อุตส่าห์ทำแบ๊วสวยมาได้ตั้งนาน ตอนนี้ต้องมาเปลี่ยนโหมดเป็นนางมารอีกแล้วรึเนี่ย แง๊ หนูม่ายอ๊าว~!!! =[]= ซอมบี้บ้าๆๆๆ ทำไมต้องมาบุกเมืองตอนเน้~" ชาริเริ่มทำท่าจะสติแตกซะแล้ว หลังจากบุกตะลุยไปด้วยกันกับแบล็คและไวท์ได้ครู่ใหญ่ๆ จนใกล้จะถึงที่ที่เธอจอดรถไว้
"โฮ่ แม่ทัพหญิง บัดเดี๋ยวนี้เจ้าขยาดกลัวการรบพุ่งตะลุมบอนกับศัตรูเสียแล้วฤา?" แบล็คพูดขึ้นด้วยภาษาย้อนยุคแปลกๆ แต่หญิงสาวก็รับมุขไปด้วยอีกคนเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ
"หามิได้ ข้าเพียงแต่เสียดายความสงบสุขเพียงช่วงสั้นๆ ที่ข้าได้มีโอกาสเที่ยวเล่นตามสบายเยี่ยงเด็กสาวทั่วๆ ไปบ้างก็เท่านั้น"
แบล็คหันมายิ้มกริ่ม จ้องมองเธอนิ่งด้วยสายตาที่อ่านยากเหมือนปกติ
"ข้าอยากเห็นเจ้าตอนออกศึกนะ" เขายังคงพูดต่อไปด้วยท่วงทำนองและจังหวะของตนเองเหมือนไม่ได้ใส่ใจความโกลาหลรอบข้างแม้แต่น้อยนิด "ข้ารู้ว่าเจ้า...มีทั้งพลังที่มุ่งมั่นจะบุกฝ่าเอาชนะ แล้วก็มีพลังที่จะทนยืนหยัดอยู่ได้จนถึงที่สุด ซึ่งข้าว่า...เป็นความงดงามที่หาดูยากในอีกรูปแบบนึงเลยล่ะ"
ชาริหันไปอีกทางหนึ่งพลางทำจมูกย่นเล็กน้อย
"ชิ"
"น่าเสียดาย สภาพตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่" แบล็คถอนหายใจก่อนจะหยิบเอาซองใส่ของบางอย่างขนาดเหมาะฝ่ามือยื่นให้ไวท์ "ไวท์! คุณรับนี่ไป เผื่อจำเป็น"
"นะ นี่มัน...โมเอะการ์ด!?"
"การ์ดชุดนี้ไม่ใช่ระดับสูงเท่าไหร่ แต่ก็คงพอไหวล่ะน่า คุณเองก็ใช้เป็นแล้วนี่ อ้อ! ระวังตอนใช้การ์ดกับดักเทนทาเคิล สวอร์ม ไว้หน่อยละกัน"
สหายทั้งสองดูจะยังไม่ค่อยเข้าใจดีนัก เพราะฟังดูเหมือนๆ เขากำลังจะแยกตัวออกไปคนเดียวยังไงยังงั้น
"ผมจอดเจ้าชาโด้แฟ็กซ์ไว้ห่างจากนี่ไปอีกประมาณกิโลนึงแน่ะ" แล้วแบล็คก็เฉลยเหตุผล "คุณตามชาริไปเอาลูซี่ตรงนี้ก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวไปเจอกันดาบหน้า"
"โอเค เข้าใจแล้ว" "แล้วเจอกันนะพี่" ทั้งสองตอบรับ ก่อนที่แบล็คจะวิ่งไปอีกทางหนึ่งด้วยอาการเร่งรีบ
ระหว่างทางที่เริ่มตัดเข้าไปสู่ตรอกซอยทางลัด แบล็คเดินก้าวเท้าเร่งเต็มพิกัดในขณะที่มือก็หยิบเอาถุงผ้าอย่างดีบรรจุโมเอะการ์ดคู่กายอีกชุดหนึ่งออกมา ดึงเอาการ์ด 22 ใบออกจากถุงมากุมกระชับไว้ในมืออีกข้างอย่างทะนุถนอมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะเก็บถุงผ้าแล้วเริ่มสับการ์ด
...ชุดการ์ด "สาวน้อยเมเจอร์ อาร์คาน่า" นี้ยังคงพึ่งพาได้เสมอ ตราบใดที่เขายังคงเชื่อมั่น และเปิดใจเชื่อมต่อกับพลังอำนาจเร้นลับของจักรวาลที่แทนด้วยสัญลักษณ์ในการ์ดแต่ละใบ
ถึงเวลานั้นอีกแล้วล่ะ...เวลาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...เวลาที่เขาต้องทำสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำ...
เวลาแห่งชะตากรรม
ข้างหน้าเป็นตรอกเชื่อมแคบๆ มีตัวประหลาดท่าทางไม่น่าไว้ใจขวางอยู่จำนวนหนึ่ง เขาสับการ์ดพอเป็นพิธีแล้ว ก็หลบเข้าที่กำบังก่อนชั้นหนึ่ง แล้วจั่วการ์ดใบหนึ่งออกมาด้วยมือซ้าย มองดูหน้าการ์ดชั่วครู่ ตามด้วยสลับเอาสำรับไปถือมือซ้ายและถือการ์ดใบนั้นยื่นออกไปด้วยมือขวา พร้อมกล่าวประกาศิต:
"ออกมาเถิด เทมเพอรานซ์!!"
และแล้วก็เกิดปา-ฏิ-หาริย์ขึ้นเต็มๆ เมื่อกลุ่มหมอกควันจางๆ เปล่งแสงระยิบระยับดุจประกายดาวพุ่งออกมาจากหน้าการ์ด แล้วก่อรูปเป็นเด็กสาวใส่แว่นคนหนึ่งลอยตัวอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย เธอกำลังถือขวดบรรจุของเหลวไว้ในมือแต่ละข้าง พยายามจะถ่ายเทจากขวดหนึ่งไปผสมกับอีกขวดหนึ่งอยู่ด้วยอาการอ่อนช้อย หากแต่มือทั้งสองนั้นสั่นอยู่เบาๆ แทบสังเกตไม่เห็น
แล้วเธอก็พลาดอย่างไม่น่าพลาด เหมือนประสาทกระตุกหรืออะไรบางอย่าง เมื่อเธอเกิดทำน้ำจำนวนเล็กน้อยหกจากปากขวดหนึ่งในสอง-
"ว้าย!?!"
เธอเกิดสะดุ้งขึ้นทั้งตัว ส่งผลให้ขวดทั้งสองหลุดกระเด็นจากมือง่ายดายเหมือนโกหก เธอโบกสะบัดมือไปมาพยายามจะรับและจับขวดไว้ แต่มันยิ่งทำให้ทุกอย่างหลุดวงโคจรจากการควบคุมได้ยิ่งขึ้น จนในที่สุดเธอก็สะดุดล้ม (กลางอากาศ??) ทำแว่นหลุดร่วงลงมาบนพื้น พร้อมกับขวดทั้งสองปลิวขึ้นไปกระแทกกันแตกกระจายวินาศสันตะโร
ตูม~มมม!!!
ดีที่เขาถอยฉากออกมานอกอาณาเขตทันพร้อมใส่การ์ดเทมเพอรานซ์กลับเข้าไปในสำรับเตรียมสับใหม่อีกหน แต่เสียงและเอฟเฟ็คท์ระเบิดที่เกิดขึ้นก็ดึงดูดความสนใจของพวกสัตว์ประหลาดให้เริ่มย่างสามขุมมาทางนี้เรียบร้อยแล้ว
อา...ทำไมมันเป็นงี้ไปได้ฟะ? สงสัยเพราะเราเพิ่งออกมาจากบรรยากาศเฮฮาหลุดรั่วบ้าๆ บอๆ ในร้านบุฟเฟ่ต์ เลยปรับอารมณ์ไม่ทันแหงเลย
เดี๋ยวสิ ใจเย็นๆ ตั้งสติหน่อย...
เวลาแค่นี้จะทำไงดี?
"ช่วยไม่ได้ แบบนี้ต้องใช้อุปกรณ์เสริมซะแล้ว!"
ว่าแล้วเขาก็ใช้มือข้างที่ว่างอยู่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพาย แล้วหยิบเอาวัตถุสิ่งหนึ่งออกมา มันมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนที่คาดผมแถบเล็กๆ มีหนวดหรือเสาอากาศยื่นออกมา 2 เส้น หากแต่จริงๆ แล้วมันคืออะไรก็ไม่มีใครทราบได้
แบล็คบรรจงสวม "ไอ้นั่น" ลงบนหัวกบาล ยืดอกสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเริ่มกระชับชุดการ์ดในมือออกเดินอีกครั้งอย่างมั่นใจ พร้อมจะไปหาเรื่องกับตัวประหลาดที่เห็นข้างหน้าแล้ว
ความคิดเห็น