ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic : หัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #6 : แจ้งเกิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 139
      0
      21 พ.ค. 48

    อ่ะค่ะ เราคงไม่ให้ฟาโรห์แจ้งเกิดแบบเฟรินหรอกนะ ที่จริงรู้สึกว่าบรรยายการแจ้งเกิดน้อยไปหน่อยแต่คงไม่เป็นไรมั้ง(ยังไงก็ได้เกิด55) มีแนะนำอาจารย์ประจำป้อมด้วยล่ะ เป็นอาจารย์ที่เราว่าโดนสุดๆแล้วนะคนเนี่ยะ

    เอ่อที่ลูธิเอนมาเมนท์อ่ะ คือเราพิมพ์ผิดนั่นแหละตั้งใจจะพิมพ์\'เก็ง\'อ่ะค่ะ ตอนนี้เรากลับไปแก้แล้วนะ^_^

                                    ...................................................................................................................



    ประตูค่อยๆแง้มเข้าไปช้าๆ ภาพบรรยากาศในห้องนั่งเล่นเด็กปีหนึ่งของป้อมอัศวินคึกคักเหมือนตลาดสดที่เขาเคยเดินผ่านบ่อยๆ (ช่างเป็นเจ้าชายที่มีชีวิตอนาจยังไงก็ไม่รู้แฮะ -_-)



    “รุ่นพี่บอกว่าเดี๋ยวอาจารย์ที่ปรึกษาของป้อมจะมาทำความรู้จักกับพวกเรา”



    “อาจารย์ชื่ออะไรเหรอ”



    “เฮ้ยๆนั่นไง ใช่คนนั้นเปล่า”เด็กคนหนึ่งชี้มือไปที่กลุ่มรุ่นพี่และมีชายวัยกลางคนยืนอยู่ตรงกลาง



        ผู้ชายคนนั้นใส่แว่นหนา ท่าทางเป็นคนใจดีมีอารมณ์ขันเพราะใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา ผมของเขาปลิวเล็กน้อยตามแรงลมที่เกิดจากบานประตูปิดลง เสียงจอแจเมื่อครู่ก็หายไปทันที ทุกคนต่างนั่งกันอย่างสงบเสงี่ยมตีหน้าใสซื่อ



    “เงียบทำไมล่ะคุยกันต่อเถอะ ฉันเองก็อยากฟังเรื่องสนุกของเด็กๆเหมือนกันนะ”อาจารย์เดินมานั่งลงข้างๆเขาที่อยู่ริมสุดของโซฟาอย่างไม่ถือตัว



    “หือม์”อาจารย์ขยับแว่นเล็กน้อย



    “หือม์”ฟาโรห์ทำหน้างงๆ



    “นาย….”อาจารย์ขยับแว่นอีกรอบแล้วจ้องเขาชัดๆอีกที



    ”ล้างหน้าไม่สะอาดนะ”



    เสียงหัวเราะกระหึ่มขึ้นมาจนเขาหน้าแดงเพราะความอาย รีบลูบหน้าตัวเองแล้วหันไปสะกิดรานดอฟให้ช่วยดูอีกที รานดอฟเพ่งแล้วก็ส่ายหน้าไม่เห็นว่ามีอะไรติดอยู่



    “ฉันล้อเล่นน่ะ โจ๊กยามเช้า”อาจารย์ยิ้มอย่างมีความสุข



    “นายใช่ฟาโรห์ วาเนบลีรึเปล่า”อาจารย์รอฟังคำตอบอย่างใจเย็นแต่แววตาดูจะสนใจเขาอยู่ไม่น้อย



    “ครับ”ฟาโรห์ตอบไปทั้งๆที่ยังสงสัยว่าอาจารย์รู้ได้ยังไง



    ป้าบ!



    อาจารย์ตอบเข้าที่หลังของเขาเต็มๆจนเขายืดตัวด้วยความเจ็บทำหน้าไม่ถูก



    นี่เขาทำอะไรผิดรึไง หรือว่า…เจ้าชายเฟรเดอริคไปใส่ร้ายเขาให้อาจารย์ฟัง



    “ดีใจจริงๆที่นายมาอยู่ป้อมอัศวิน”แววตาอาจารย์วาววาบขึ้นมาทันที



    นี่คือวิธีแสดงความดีใจของอาจารย์เหรอฮะ ถ้าเป็นงั้นจริงๆผมคงไม่ดีใจด้วยหรอกนะTT_TT



    “รู้รึเปล่าว่าแม่นายเป็นรุ่นน้องคนโปรดของฉันเลยนะ ฉันล่ะรักแม่นายที่สุดในป้อมทีเดียว(รองจากโรเวน55)”



    แต่แม่ผมคงไม่ชอบอาจารย์หรอกใช่ไหมฮะ แม่บอกว่าคบกับพ่อตั้งแต่ปีสองแล้วนี่นา ระ…หรือว่า ไม่นะอาจารย์คงไม่ใช่แฟนเก่าแม่ตอนปีหนึ่งใช่ไหม ก็ปีหนึ่งแม่ยังเป็นผู้ชายอยู่นี่ฮะ!



    “เหรอฮะ”ฟาโรห์ตอบอย่างสับสนในใจ



    “ใช่สิ”



    “แต่อาจารย์ฮะ ผมไม่ได้หน้าเหมือนแม่ซะหน่อยทำไมถึงรู้ล่ะฮะ”



    “ก็หน้านายเหมือนพ่อยังกับแกะ อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ว่าพ่อแม่นายเรียนมาด้วยกัน”



    เออ…นั่นสิ เขานี่โง่ชะมัดดันถามไปได้



        อาจารย์ลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจต่อหน้าเด็กๆ(อ่ะนะ อาจารย์ไม่รักษาหน้าตัวเองเลยอ่ะ)แล้วก็เดินไปนั่งบนพนักพิงของโซฟาที่อยู่อีกฟาก รุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วยืนกระดาษสีขาวให้อาจารย์แผ่นหนึ่ง



    “อืม เก่งเหมือนพ่อเลยนะเรา เมื่อก่อนพ่อนายก็สอบเข้าได้เป็นที่หนึ่งของป้อม”



    อาจารย์อ่านต่อสักพักจนจบก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ไอริสอย่างสนใจ



    “ไอริส เจนโดรลิน เธอคือหนึ่งในผู้ที่ประวัติศาสตร์ป้อมอัศวินต้องจารึกไว้ ห้องหัวหน้าป้อมของเราไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะชิงมากอดกันได้ง่ายๆ”



    “ส่วนคนอื่นๆฉันต้องขอชมเชยด้วยใจจริงที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคจนได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก โดยเฉพาะที่ป้อมอัศวินแห่งนี้”อาจารย์ปรบมือให้ แล้วทุกคนก็ร่วมกันปรบมือแสดงความยินดีกับตัวเองและเพื่อนๆ



    “อาจารย์ฮะ”เด็กคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม



    “ว่าไง”อาจารย์ตอบอย่างกันเอง



    “ผมยังไม่ทราบชื่ออาจารย์เลยฮะ”อาจารย์ฟังคำถามแล้วก็ยิ้มพร้อมกับขยับแว่นเล็กน้อย



    “ลูคัส ซาโดเรีย”



                                              ………………………………………………



    “ไอริส”รานดอฟเรียกไว้ ไอริสหันมามองรานดอฟที่กวักมือเรียกเธออยู่ริมระเบียงสวนหย่อม



    ไอริสเดินเข้าไปใกล้ๆก็เห็นฟาโรห์นั่งอยู่ที่ราวจับของระเบียง ส่วนรานดอฟยืนอยู่กับยูริค



    “มีอะไรรึเปล่ารานดอฟถึงต้องเรียกฉันเดินมานี่  อ้อ…หรือว่าบางคนอยู่สุขสบายจนลืมว่าการเดินน่ะเค้าทำกันยังไง”ไอริสแกล้งมองไปที่ฟาโรห์



    “ไม่ใช่ยังงั้น เธออย่าไปหาเรื่องฟาโรห์เลยน่า”รานดอฟเดินมากระซิบข้างตัวไอริส



    ”ถ้าเธอรู้จักหมอนี่มากกว่านี้แล้วจะรู้ว่ามันน่าคบขนาดไหน”



    “ไม่รู้สิ ฉันไม่ค่อยถูกกับผู้ชายเจ้าสำอาง”เธอลอยหน้าลอยตาพูด



    “พวกผู้หญิงก็มักจะมองโลกในแง่ร้าย โดยเฉพาะคนจากอเมซอนอย่างเธอคงแทบไม่เคยเห็นหัวผู้ชายอยู่ในสายตา”ฟาโรห์พูดลอยๆ



    “ปากร้าย”



    “เธอว่าฉันก่อนนะแม่คุณ”ฟาโรห์ยิ้มทะเล้น



    หล่อแฮะ….ไอริสเผลอไปนิด เอ๊ยไม่ใช่ กวนต่างหากล่ะ



    “คืองี้นะ ฉันอยากรู้เรื่องตารางเรียนของรุ่นพี่ปีสาม เธอพอจะหาให้ได้รึเปล่า”รานดอฟเข้าประเด็น



    “นายจะเอาไปทำอะไร”ไอริสงง



    “แหม ฉันก็อยากมีเส้นมีสายกับเขาบ้างไม่ได้เหรอ”



    “งั้นนายสนใจตารางสอนของอาจารย์ลูคัสด้วยไหมล่ะ”



    “ฉันไม่เล่นของสูงขนาดนั้นหรอก”รานดอฟหัวเราะฟาโรห์ที่ทำหน้าขยาดตอนไอริสเสนอตารางสอน



    “เดี๋ยวเดินไปด้วยกันไหมฮะ”ยูริคเสนอ ภาคบ่ายเป็นวิชาทักษะการยิงธนูที่จะเรียนกลางลานฝึกนอกโรงเรียน



    “เจ้าชายยูริค ไอริสน่ะเขารังเกียจคนเจ้าสำอางอย่างนายนะรู้รึเปล่า”



    “คำว่าเจ้าสำอางไม่ได้ขึ้นอยู่กับยศศักดิ์หรอกนะ มันอยู่ที่การกระทำของคนคนนั้นต่างหากล่ะ”



    “แล้วตรงไหนของฉันที่มันเจ้าสำอางไม่ทราบ”



    “ดูเอาเองสิ”



    “เธอ”



    ฟาโรห์ลุกพรวดส่วนไอริสวิ่งออกไปข้างนอกแล้วแต่เธอยังยักคิ้วยั่วเขาอยู่



                                    …………………………………………………..



    “รุ่นพี่ชื่ออะไรเหรอฮะ”



    “รุ่นพี่ร้อนเปล่าฮะ หิวน้ำไหม”



    “รุ่นพี่จะอยู่ช่วยอาจารย์จนจบเทอมรึเปล่าครับ”



    พาทริซเซียได้แต่ยิ้มให้รุ่นน้อง นี่ถ้าไม่กลัวจะถูกมองว่าเป็นยัยโหดเธอคงจับพวกนี้โยนออกไปนานแล้ว ร้อนก็ร้อนยังจะมายืนบังลมอยู่ได้



    “พาทริซเซีย”เสียงของฟาโรห์เรียกความสนใจของหนุ่มๆไปหมด



    ไอ้นี่มันบังอาจเรียกชื่อรุ่นพี่กันตรงๆเลยเรอะ สายตาทั้งสามคู่มองไปที่ต้นเสียงอย่างไม่พอใจ



        ฟาโรห์ชะงักนิดหน่อย นี่เขาทำอะไรผิดอีกแล้วใช่ไหม-_-“ เขามองเพื่อนร่วมห้องทั้งสามคนอย่างแปลกใจ แล้วเดินแหวกไปหาพาทริซเซียที่นั่งอยู่บนแคร่ใต้ต้นไม้ ข้างแคร่มีแผงแขวนคันธนูและกระบอกใส่ลูกธนูอีกมากมายซ้อนกันในตระกร้าทรงสูง



    “ไม่มีเรียนเหรอ”



    “อืม วันนี้ฉันจะมาเป็นครูพิเศษร่วมกับอาจารย์เจมาร์ค”



    “จริงน่ะเหรอ งั้นฝากตัวด้วยนะครับคุณครู”ฟาโรห์อมยิ้ม



    “ฝากตัวอะไรกันฝีมือของนายดีกว่าฉันซะอีกนะฟาโรห์”



    อึ้งกิมกี่หมีแพนด้า



    ผู้ชายสามคนเมื่อกี้รู้สึกอิจฉาฟาโรห์ขึ้นมาตะหงิดๆ เมื่อเช้ามันดูซี้กับอาจารย์ลูคัส พอตอนบ่ายก็ชิงตัดหน้าคุยกับรุ่นพี่คนสวยซะอีกแหนะแถมยังคุยเป็นกันเองไม่ต้องเรียกว่ารุ่นพี่ด้วย



    “อาจารย์สวัสดีค่ะ”พาทริซเซียยืนขึ้นหลังจากที่คุยกันจนเสียงออดดังไปแล้ว



    ฟาโรห์หันไปเห็นผู้ชายอ้วนๆวัยประมาณสี่สิบกว่าใส่หมวกบานๆเดินมาใต้ต้นไม้ ชุดที่เขาใส่ดูยังไงก็เหมือนนายพรานมากกว่าอาจารย์ของโรงเรียนอันดับหนึ่งของเอเดน



    “ของเรียบร้อยใช่มั๊ยแม่หนู”อาจารย์จับเครายาวๆของตัวเอง สายตาก็สำรวจของไปด้วย



    “ค่ะ”



    “ดีมาก เอ้าทุกคนฟังทางนี้หน่อย”นักเรียนทยอยกันเดินเข้ามาใต้ต้นไม้เพื่อฟังคำสั่งอาจารย์



    “วิชานี้เราจะเรียนเกี่ยวกับพื้นฐานการยิงธนูกัน ฉันชื่อเจมาร์ค เดี๋ยวทุกคนมาหยิบคันธนูและกระบอกลูกธนูตรงนี้นะ”



        พออาจารย์พูดจบต่างคนก็ต่างไปยืนเลือกคันธนูกันใหญ่ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีบางคนก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกจนถูกเพื่อนว่าเอา บางคนขี้เกียจเข้าไปมุงก็ยืนเกาหัวทำใจอยู่นอกวง เสียงเอะอะแย่งธนูสภาพดีก็มีบ้างเหมือนกัน รานดอฟดึงตัวเขาไว้เมื่อเขากำลังจะก้าวขา



    “ไม่ต้อง ทางนู้นเลย”รานดอฟชี้ไปที่เจ้าชายยูริค



    “เฮ้ย”ฟาโรห์เพ่งมองไปกลางแดดเปรี้ยง ตาเขาอาจจะพร่ามัว



    เจ้าชายยูริคชูคันธนูสามคันกับกระบอกลูกธนูอีกสามกระบอก ทำท่าทำทางให้เขาสองคนเดินไปสมทบ



    “บ้าน่า หมอนั่นมันไวเกินไปรึเปล่าวะรานดอฟ”



    “แกรู้จักคำว่าคมในฝักรึเปล่า”รานดอฟยิ้มนิดๆ

    … … … … …



    “รุ่นพี่ครับ เอ่อ ผมยังยิงไม่ได้เลยฮะ”



    ชายคนหนึ่งส่งสายตาออดอ้อนพาทริซเซียที่ต้องทำงานหนักเพราะอาจารย์เจมาร์คไปนอนแอ้งแม้งหลับกลางวันอยู่บนแคร่



    “เอ่อ ง้างยังงี้นะ”พาทริซเซียจับมือเด็กคนนั้นง้างธนู เขาเห็นนะว่าหมอนั่นมันแอบยิ้มด้วย



    “ฉันช่วยสอนไหม”คำพูดของฟาโรห์ทำให้เพื่อนๆที่ยืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานเพื่อยิงเป้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลหันมากันเป็นแถว



    “นายคิดว่าตัวเองแน่ขนาดนั้นเลยเหรอ”หนึ่งในสามของผู้ชายกลุ่มที่คุยกับพาทริซเซียพูดขึ้น



    “จะเป็นครูก็ต้องเจ๋งสิใช่ม๊ะ”อีกคนเสริม



    “ถ้านายทำให้พวกฉันทึ่งในฝีมือได้มันค่อยเหมาะสมกับการข้ามขั้นหน่อย”คนสุดท้ายท้า



    “งั้นเตรียมตัวทึ่งได้เลย”ฟาโรห์รู้สึกเสียหน้าที่โดนดูถูก เขาทำท่าจะคว้าลูกธนูจากด้านหลังเตรียมพร้อมไว้



    “อย่าดีแต่โม้ล่ะ เจ้าชายแห่งคาโนวาล”



    “แล้วนายจะรู้ว่าเจ้าชายแห่งคาโนวาลไม่ได้มีดีแค่ฐานะ”ฟาโรห์ง้างธนูขึ้น



    “ฟาโรห์”พาทริซเซียห้าม แววตาเธอเหมือนจะตำหนิเขาว่าไม่ควรใจร้อน



    แต่เขาเอ่ยปากไปแล้วดังนั้นจึงถอยไม่ได้ ยิ่งเมื่อมีศักดิ์ศรีของคาโนวาลรวมอยู่ในพนันครั้งนี้ ศักดิ์ศรีที่ท่านพ่อรักยิ่งกว่าชีวิต



    ฟ้าว!



    ลูกธนูพุ่งไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็วทันทีที่ถูกปล่อยจากคันศร คนอื่นๆพากันยืนเงียบจ้องลูกธนูอย่างใจจดใจจ่อรอลุ้นผลที่จะออกมา



    ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก! ปึ้ก!



    ธนูทั้งห้าดอกปักเรียงกันบนแป้นรับทั้งห้าแป้น  ตรงจุดสีแดงกลางเป้าเป๊ะๆ



    โอ้โห………………..



    เสียงอุทานด้วยความตะลึงของเพื่อนร่วมชั้นดังมาจากทั่วทิศรอบตัวเขา ฟาโรห์รู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่คล่องเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นจากการยิงธนูเมื่อครู่ก็เป็นได้ ปกติเขาจะแม่นการยิงธนูทีละสามดอกคราวนี้ถือว่าโชคเข้าข้างด้วยถึงทำให้การยิงธนูห้าดอกแม่นราวมืออาชีพ



    “อ๊าย…………….”สาวๆกลุ่มหนึ่งกรี๊ดให้กำลังใจ



    “เจ้าชายฟาโรห์ เท่ห์มากค่ะ”



    “สุดยอดเลย”เสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกน



    “ยินดีด้วยฟาโรห์”พาทริซเซียยิ้มให้เมื่อเห็นว่าเขานำความสำเร็จมาสู่ตัวเองด้วยความสง่าภาคภูมิ



    “เฮ้ ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยะว่าแกแม่นธนูมากกว่าดาบซะอีก”รานดอฟกระโดดกอดคอฟาโรห์อย่างปลื้มสุดๆ เสียงหัวเราะของสองหนุ่มดังลั่น



    ส่วนไอ้เจ้าสามคนที่เอ่ยปากท้านั่นอึ้งซะยิ่งกว่าอึ้ง แล้วหันมามองกันเองประมาณว่าจะไม่เข้าใกล้เจ้าชายคนนี้อีกถ้าไม่จำเป็น!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×