ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic : หัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #5 : ก้าวแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 143
      0
      20 พ.ค. 48

    หวัดดีค่ะ^O^  ช่วงนี้เรามาลงบ่อยเพราะเดี๋ยวจะไม่ว่างเป็นอาทิตย์เลย -_-\" กำลังปวดหัวนิดๆเพราะบางอย่างมันผิดจากพอตที่วางไว้แต่แรก(ประมาณว่าเพิ่งมาเปลี่ยนใจตอนพิมพ์)ต้องพยายามโยงกลับ55

                              ....................................................................



    เสียงรุ่นพี่ทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ ข้างตัวเขาในตอนนี้มีเพียงหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่เดินหัวเราะกันคิกคักเหมือนจะชมปราสาทเล่น



    “หนักชะมัด” ฟาโรห์กัดฟันพร้อมยกกระเป๋ายักษ์ขึ้นบันไดทีละสองขั้น



    ก็แม่พวกนางกำนัลทั้งหลายไม่รู้จะห่วงอะไรเขานักหนาถึงได้จัดของมาให้ซะใหญ่โต ขนาดท่านแม่เองยังแซวว่ากระเป๋าเสื้อผ้าของเจ้าชายคาโลในสมัยนั้นยังไม่ใหญ่เท่าของเขาเลย



    “ช่วยไหม”เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง



    ฟาโรห์หันไปดูก็เห็นผู้ชายร่างผอมเพรียว ผิวไม่ขาวมาก ผมสีม่วงอ่อนประกายเงินซอยในทรงกำลังดี(ประมาณพี่วิกF4 โฮะๆ) ตาเป็นสีเงินดูแปลกจากคนอื่น



    เขาเดินคู่มากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแล้วคงรุ่นเดียวกัน เธอคนนั้นมีผมสีน้ำตาลเข้มประกายแดงถักเป็นเปียยาวถึงกลางหลัง ตาสีอิฐจ้องอยู่ที่กระเป๋าเขา



    “เจ้าสำอาง”ผู้หญิงคนนั้นมองเขาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับที่เธอพูดออกมา



    เสียงก็เพราะดีหรอกแต่มารยาทแย่ชะมัด ฟาโรห์ทำเป็นไม่เห็นสายตาของเธอแล้วยกกระเป๋าต่อ



    “ไม่เอาน่าไอริส”ผู้ชายที่มาด้วยกันทำหน้าเชิงขอโทษเขา เขารู้สึกว่าคุ้นๆหน้าเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน



    ฟั่บ!



    แขนของผู้ชายคนนั้นรัดคอเขาทันทีที่กลุ่มสาวๆเดินผ่านขึ้นไปชั้นบนแล้ว เสียงหัวเราะดังขึ้นจากเจ้าของมือที่เกือบจะทำเขาตกบันไดถ้าเขาคว้าราวจับไว้ไม่ทัน



    “รานดอฟ”ฟาโรห์หัวเราะอย่างลำบาก เพราะกระเป๋าเสื้อผ้ามันอาจจะตลบลงมาทับเขาได้ทันทีถ้าเขาเบี่ยงขาที่ยันมันไว้อยู่ในขณะนี้



    “บ้าเอ๊ยปล่อยก่อน ฉันกำลังจะถูกกระเป๋านี่ทับอยู่แล้ว”



    ผู้ชายที่ชื่อรานดอฟเอามือออกจากคอเขาแล้วจับกระเป๋าขึ้นมาตั้ง ฟาโรห์หย่อนตัวนั่งที่ขั้นบันได เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายงงๆ



    “ทำไมตานายถึง…..”



    “อ๋อ”รานดอฟถอดแก้วเปลี่ยนสีออก(คอนแทคเลนส์)



    ”ของเล่นใหม่ของฉัน ตอนนี้มันกำลังฮิตเป็นเทรนใหม่มาแรง แต่อย่างนายคงไม่รู้จักล่ะสิ วันๆหมกตัวอยู่แต่ในป่าในดง”ตอนนี้ตาของรานดอฟกลับมาเป็นสีม่วงอ่อนแล้ว



    “นายทันสมัยขนาดนั้นเชียว”ฟาโรห์พูดอย่างรู้ทัน



    “แกนี่ฉลาดสมเป็นเจ้าชาย ตอนที่ฉันไปทำงานฉันแอบได้ยินพวกคุณหนูชาวเวนอลพูดกัน ขากลับซาเรสก็เลยแวะซื้อในตลาด นายสนใจไหมล่ะ”รานดอฟหยิบกล่องยาวๆกล่องหนึ่งออกมา



    ภายในกล่องมีแก้วเปลี่ยนสีมหัศจรรย์(มั่วให้เป็นชื่อเรียกเต็มๆของคอนแทคเลนส์55)อยู่ถึง12สีด้วยกัน ฟาโรห์หยิบมาดูอย่างสนใจและดูเหมือนเขาจะถูกใจกับเลนส์สีส้มแปร๊ดบาดตา



    “รสนิยมนายห่วยแตกชะมัด”รานดอฟทำหน้าเห่ยเมื่อเพื่อนของเขายิ้มให้เขาด้วยตาที่เป็นสีส้มสะท้อนแสงจนแสบตา แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้เลยว่าตัวเองมีสภาพที่น่าเกลียดจนเพื่อนรับไม่ได้



    “เฮ้ยไอ้น้อง ขึ้นมาเร็วๆเด้”เสียงดังจากรุ่นพี่ที่เดินลงมาตาม



                                              ………………………………………………….............



       ตอนที่ขึ้นไปถึงระเบียงหน้าห้องพักพวกเขาก็ต้องตัวลีบกับสายตาทุกคู่ที่มองมา รุ่นพี่ตักเตือนเขานิดหน่อยก่อนจะเริ่มบอกห้องพักของแต่ละคน



    “เจ้าชายฟาโรห์ วาเนบลีแห่งคาโนวาล”รุ่นพี่เอ่ยชื่อเขาเป็นคนแรก เพื่อนๆหันมามองเขาแล้วบางคนก็เริ่มซุบซิบ



    “นั่นไงเจ้าชายนินจา”



    กำ +_+



    “หล่อจังเนอะเธอ”



    อยู่แล้ว^_^



    “แม่ของเขาคือธิดาแห่งความมืดในตำนานไง”



    นี่เธอ! -_-“



    “เส้นรึเปล่าวะ”



    เฮ้ย! O_O



    “เจ้าชายยูริค ฮิวทิสแห่งโรมัน”



    “ไอริส เจนโดรลิน เดอะไนท์ ออฟอเมซอน”



    แล้วเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นเมื่อไอริสเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ติดตำแหน่งหัวหน้าป้อมอัศวิน รุ่นพี่ที่อ่านประกาศหันไปคุยกับเพื่อนก่อนจะประกาศออกมา



    “เธอได้เป็นหนึ่งในว่าที่หัวหน้าป้อมนะไอริสแต่คงต้องไปพักอยู่ห้องอื่น ส่วนที่ว่างในห้องหัวหน้าป้อมจะเลื่อนอันดับสี่มาแทน”รุ่นพี่บอกไอริสที่รับคำอย่างเข้าใจ



    “รานดอฟ ฟีลมัส เดอะคิลเล่อร์ ออฟซาเรส”



    ฟาโรห์หันมายิ้มกับรานดอฟแล้วก็คุยกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน จนกระทั่งถึงเวลาเอาของไปเก็บ



    ฟาโรห์กับรานดอฟเดินนำเข้ามาให้ห้องก่อนเจ้าชายยูริค ฟาโรห์เลือกเตียงขวา รานดอฟนอนเตียงกลาง เจ้าชายยูริคเข้ามาเป็นคนสุดท้ายเลยต้องอยู่เตียงซ้าย



    ยูริคเป็นคนสุภาพไม่เรื่องมากแต่ออกจะเคร่งไปสักนิดเพราะทันทีที่เข้าห้องก็หยิบคัมภีร์ศาสนาขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วสวดบูชา แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาสามคนก็เข้ากันได้ดี



                                        ...........……………………………………………………



    “ยูริค ทำไมเขาไม่ตักเนื้อให้นายสักชิ้นล่ะ”รุ่นพี่ผู้ชายที่พามากินข้าวถามอย่างห่วงแทน



    “ผมเป็นมังสวิรัติฮะ”เจ้าชายยูริคขยับแว่นเล็กน้อยแล้วค่อยๆตักอาหารทาน



    “อ๋อ”รุ่นพี่หัวเราะไม่ค่อยออก มันน่าจะเป็นนักบวชมากกว่าเจ้าชายแฮะ



    “เฮ้ นายดูนั่นสิ”ฟาโรห์มองตามเสียงรุ่นพี่ที่พากันมองไปทางด้านหนึ่งของห้องอาหารดรากอน



    เจ้าชายเฟรเดอริคควงสาวมากินอาหารเย็น!



    เอ๊ะแต่……ดูคุ้นๆนะ



    เคร้ง!



    ช้อนของเจ้าชายยูริคหล่นลงจานทันทีที่เห็นหน้าผู้หญิงที่มาด้วย



    “ฟาโรห์แกเป็นอะไรวะ”รานดอฟมองฟาโรห์ด้วยท่าทางแปลกๆ “อยู่ๆก็ทำช้อนหล่น”



    อ้าวO_O  ไอ้ช้อนที่ว่านั่นมันไม่ใช่ช้อนของเจ้าชายยูริคหรอกเหรอ



    ฟาโรห์มองช้อนของเขาที่หล่นบนจานแล้วมองไปที่จานเจ้าชายยูริค เจ้าชายยูริครวบช้อนส้อมไว้อย่างเรียบร้อยอาหารในจานก็หมดเกลี้ยง



    คนอะไรจะกินเร็วปานนั้น!



    ตกลงว่าเจ้าชายยูริครวบช้อนเลยทำให้เขาเข้าใจผิด จริงๆแล้วเสียงดังที่ว่าเป็นของเขาเอง



    “เอ่อ คือ…..”เสียงตะกุกตะกักของรุ่นพี่ทำให้เขาหันไปมอง นิ้วชี้สองนิ้วเบนมาทางเขาโดยไม่ได้นัดหมาย



    “นายอีกแล้วเหรอ”เจ้าชายเฟรเดอริคทักทายเขาอย่างกันเอ๊งกันเอง



    “สวัสดีฮะ เอ๊ย มีอะไรเหรอฝ่าบาท”ฟาโรห์ทำหน้าเห่ย



    “มีน่ะมีแน่ แต่ก่อนอื่นนายควรจะรู้ว่าป้อมอัศวินเราไม่แบ่งชนชั้น ถึงนายจะเป็นเจ้าชายก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำเบ่งอวดชาวบ้านเขาได้”



    “ฮะ”ฟาโรห์รับผิดอย่างว่าง่าย ท่าทางเจ้าชายเฟรเดอริคคงมีตำแหน่งใหญ่ไม่เบา รุ่นพี่สองคนนั้นถึงได้กลัวจนหัวหด



    “เวลากินข้าวก็หัดมีมารยาทซะบ้าง กรุณาอย่าทำเสียงโครมครามกลางห้องอาหารแบบนี้”



    “เจ้าพี่คะ ฟาโรห์คงไม่ได้ตั้งใจหรอก”พาทริซเซียช่วยพูดให้ ฟาโรห์พยักหน้าตามทันที



    น้องสาวท่านต่างหากล่ะที่ทำให้ผมตกใจ ฟาโรห์มองพาทริซเซียที่แต่งชุดไม่เหมือนเด็กปีหนึ่งทั่วไป



    “หือ”เฟรเดอริคมองน้องสาวเหมือนจะบอกว่าอย่าแก้ตัวแทนหมอนี่ก่อนจะเดินกลับไป



    “ฟาโรห์ ทีหลังก็ระวังหน่อยนะ”พาทริซเซียเตือน



    “เดี๋ยวสิพาทริซเซีย ทำไมเสื้อเธอไม่เหมือนคนอื่นล่ะ”



    รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ทำตาโตเมื่อได้ยินเขาเรียกพาทริซเซียเหมือนสนิทกัน



    “ก็ฉันเป็นผู้คุมกฎนี่นา”พาทริซเซียยิ้มให้เขา



    “แต่เราเพิ่งเข้ามาวันแรกไม่ใช่เหรอ”ฟาโรห์ขมวดคิ้ว



    “เรา!”พาทริซเซียตกใจเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา”ไม่ใช่’เรา’หรอกฟาโรห์ นายคนเดียวต่างหาก”



    “หมายความว่าไง”ฟาโรห์งงกว่าเดิม



    พาทริซเซียกำลังจะตอบแต่เฟรเดอริคก็เดินกลับมาอีกรอบเธอเลยต้องเดินไปหาพี่ชาย



    “นายถามรุ่นพี่ของนายดูก็แล้วกัน”พาทริซเซียทำท่าบ๊ายบายเล็กน้อย



    “ฟาโรห์ นายสนิทกับรุ่นพี่ขนาดนั้นเชียวเหรอ”



    “ห๊า รุ่นพี่!”ฟาโรห์ตาค้างมองหน้ารุ่นพี่สองคนนี้สลับกับหลังของพาทริซเซียที่เดินไป



    “ก็ใช่ไงรุ่นพี่พาทริซเซียอยู่ปีสามแล้วก็เป็นผู้คุมกฎของป้อมด้วย”



    “งั้นเจ้าชายเฟรเดอริค”



    “หัวหน้าป้อม”สองเสียงของรุ่นพี่ประสานกันเหมือนจะย้ำให้เข้าใจ



                                      …………………………………………………………..



    “เป็นอะไรของนาย นั่งบื้อตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”รานดอฟกับเจ้าชายยูริคกำลังนั่งกินขนมที่แอบซื้อขึ้นมา



    ฟาโรห์มองเจ้าชายยูริคแล้วถอนใจ เขาคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะรู้จักเจ้าชายคนนี้อย่างถ่องแท้ ดูท่าทางเหมือนเด็กเรียบร้อยอยู่ในกฎระเบียบแต่กลับเป็นคนต้นคิดแอบเอาขนมมากินกัน



    “นายว่าผู้หญิงที่เราเจอในห้องอาหารหน้าแก่ขนาดอยู่ปีสามได้เลยเหรอ”



    “แบบรุ่นพี่คนนั้นเค้าเรียกว่าหน้าเด็กไม่ใช่เหรอฟาโรห์”ยูริคออกความเห็น



    “ฉันประชดเว้ย”ฟาโรห์ทำตาดุใส่”พาทริซเซียหน้าเด็กจะตายดูยังไงก็อายุเท่าพวกเราเห็นๆ”



    “แถมยังสวยบาดใจด้วย”



    “ช่าย”



    เอ๊ะ!



    “เฮ้ย”ฟาโรห์ตะโกน หันมามองรานดอฟที่นั่งหัวเราะซุบซิบกับยูริค “แกอย่าคิดอะไรแบบนั้นสิ”



    “ฮึอึ ฉันไม่ได้คิดเว้ยแต่แกอ่ะไม่แน่”รานดอฟปฏิเสธ



    “ผมก็ไม่ได้คิดนะฮะ”ยูริคตีหน้าซื่อ มันหน้าจับมาเตะทั้งคู่



    “เอ แต่ฉันยังไม่เห็นเจ้าชายแพททริคเลยแฮะ”



    “รายนั้นเขาไม่ได้อยู่ป้อมอัศวิน”รานดอฟโยนถุงขนมให้”เขาไปจองตำแหน่งหัวหน้าปราสาทขุนนาง”



    “จริงเหรอ”ฟาโรห์ถามซ้ำ



    “อืม”รานดอฟพยักหน้าไปด้วยดื่มน้ำไปด้วย



    “เมื่อก่อนคิงอาเธอร์ก็เคยเป็นหัวหน้าปราสาทขุนนางใช่รึเปล่า”ฟาโรห์มองรานดอฟที่เดินมานั่งใกล้เขา



    “อืม พ่อฉันว่าเขาไม่ค่อยถูกกับป้อมอัศวินเท่าไหร่ แต่แม่นายสนิทกับคิงอาเธอร์ไม่ใช่รึไง”รานดอฟแซว



    “หึย สนงสนิทอะไรล่ะ ท่านแม่บอกว่าครั้งหนึ่งเกือบจะโดนคิงอาเธอร์ฆ่าตายซะแล้ว”



    “จริงเหรอ ไม่เห็นพ่อพูดถึงเลย”



    “พ่อแกจะมารู้ทุกเรื่องได้ไงล่ะฟะ”



    “ทำเป็นพูดไป พ่อฉันสนิทกับแม่นายมากกว่าที่พ่อนายสนิทซะอีกนะ เรื่องใหญ่แบบนี้ก็น่าจะเล่าให้กันฟัง”



    “ทีพ่อนายแอบชอบท่านอาเรนอนไม่เห็นจะบอกพ่อแม่ฉันเลย”



    “ใครกันเรนอน แฟนเก่าพ่อเหรอ”รานดอฟยื่นหน้ามาอย่างสนใจ



    “ก็กลับไปถามพ่อนายสิ”



    “ช่างเถอะ เรื่องที่พ่อเคยชอบใครก่อนแม่ฉันมันเป็นอดีตไปแล้ว”



    “ท่านแม่บอกว่าป้อมอัศวินกับปราสาทขุนนางเป็นคู่แข่งตัวเก็งของโรงเรียน งั้นช่วงนี้ซาเรสก็รุ่งเลยสิฟาดไปหมดทั้งพี่ทั้งน้อง ดีนะที่พาทริซเซียไม่ไปชิงตำแหน่งที่ปราการปราชญ์อีกคน”



    “ฉันว่านายไม่ควรเรียกรุ่นพี่ว่าพาทริซเซียเฉยๆนะ”ยูริคกำลังกวาดห่อขนมที่กินแล้วใส่ถุง



    “ฉันเห็นด้วยกับยูริค คนอื่นอาจจะว่านายลามปามโดยเฉพาะพี่ชายของเธอท่าทางจะไม่ชอบนายเท่าไหร่”



    “แต่พาทริซเซียไม่ได้ว่าอะไรฉันซะหน่อย”



    “ทำเป็นอ้างนู่นอ้างนี่ ฉันว่านายไม่อยากเรียกเธอว่าพี่ให้เสียความรู้สึกมากกว่าม้าง”



    อึก!



    “บ้าน่า ฉันกับพาทริซเซียเป็นเพื่อนกัน”



    “พวกที่แอบชอบเพื่อนตัวเองก็มีเยอะไป แกอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้เพราะแกมันอยู่แต่ในดงเลยแยกความรู้สึกไม่เป็น”



    “พอๆ ฉันจะนอนแล้ว“ฟาโรห์ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว



    “เฮ้ยๆลุกขึ้นมาก่อน”รานดอฟเขย่าตัว



    “แกเลิกเซ้าซี้เถอะน่า”ฟาโรห์บิดตัวหนี



    “แกยังไม่ได้อาบน้ำ!”



    พรวด



    ฟาโรห์ลุกขึ้นมาทันที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×