ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic : หัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #4 : คำเตือนจากเพื่อนเก่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 185
      0
      18 พ.ค. 48

    อากาศบนนี้เย็นดีแฮะ…ฟาโรห์ชะโงกมองผ่านม่านเมฆสีขาวลงไปข้างล่าง บ้านเรือนราษฎรมากมายตั้งเรียงรายเป็นสัดส่วนอย่างงดงาม ส่วนใหญ่เป็นคฤหาสน์อันโอ่อ่าตามประสาชนชั้นสูงที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง



    วูบ…..



    ฟาโรห์รีบยกแขนบังตาทันทีเพราะแสงสะท้อนบางอย่างจากพื้นดิน เขาค่อยๆมองลงไปอีกครั้ง



    พระเจ้า!



    (โค-ต-ร)เพชรเม็ดใหญ่ประดับรอบๆด้วยพลอยแดงส่องประกายวูบวาบอยู่ตรงยอดปราสาทใหญ่ที่ฝูงมังกรของชาวคาโนวาลกำลังจะร่อนลงจอด ฟาโรห์รู้สึกทึ่งนึกถึงเรื่องที่ท่านแม่ขุดมาเผาคิงแห่งแอเรียสคนนี้



    ขี้อวดหลงตัวเองแถมยังอ้วนลงพุง เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ ถึงฝีมือมันจะพอใช้ก็เหอะ



    “เฟริน”เสียงตวาดของท่านพ่อดังขึ้นจากที่ประทับของท่านที่ดูคล้ายเรือไวกิ้งมีหลังคาปิดและม่านขาวห้อยระย้าบังแดดลากโดยมังกรศึกหมายเลขหนึ่งแห่งราชสำนัก  



    ฟาโรห์หันไปมองก็เห็นท่านแม่ทำท่าเหมือนจะตกลงไปข้างล่าง



    “คาโล”ท่านแม่ตะโกนกลับบ้าง ท่านพ่อหน้านิ้วคิ้วขมวดเพราะไม่อยากจะมีเรื่องต่อหน้าขุนนางคนสนิทที่ตามเสด็จมาด้วย ถึงแม้ขุนนางที่ว่าจะมีแค่6คนและแต่ละคนก็ต่างรู้ฤทธิ์ท่านแม่ดีอยู่แล้ว



    “เธอไม่ใช่เด็กแล้ว”ท่านพ่อพยายามใช้คำสุภาพ ท่านแม่ยิ้มอย่างพอใจยอมนั่งลงดีๆ



    “ระวังเถอะ ลงไปถึงข้างล่างแล้วอาจจะมีคนทักว่านายควงลูกสาวมางานก็ได้ หรือบางทีอาจจะคิดว่านายรับสนมใหม่วัยสิบเก้า”เฟรินหัวเราะสบตากับคาโลอย่างไม่ยอมแพ้ให้



        ฟาโรห์อมยิ้ม ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน…เมื่อท่านแม่ของเขายังสาวยังสวยและงดงามราวเด็กสาววัย19ปลายๆ ท่านแม่มีสายเลือดของปีศาจในตัวเลยทำให้ร่างกายของท่านไม่ได้ร่วงโรยไปตามกาลเวลาเหมือนมนุษย์ทั่วๆไป



    “สนม?”ท่านพ่อขมวดคิ้วแล้วยิ้มให้ท่านแม่อย่างเป็นต่อ



    ”หมายความว่าพระราชินีจะใจกว้างยอมให้คาโนวาลได้มีสนมประดับวังสักคนใช่รึเปล่า”



    “ฝันไปเถอะ”ท่านแม่สวนกลับทันที



    “ก็เธอพูดเองว่า…”ท่านพ่อยังแกล้งพูดต่อ แต่ท่านแม่ทำหน้าประมาณว่าถ้าพูดถึงเรื่องแบบนี้อีกแกตาย



    เมื่อท่านพ่อเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะแล้วท่านก็เลยนั่งลงข้างๆท่านแม่ที่ยังกระฟัดกระเฟียดเพราะเรื่องที่ท่านพ่อเถียงชนะท่านเป็นครั้งที่2ในรอบห้าปีที่ผ่านมา



    แตน แต แด แดน แตน แต๊น……..



        เสียงเป่าแตรรับเสด็จชาวคาโนวาลดังขึ้นเมื่อมังกรดิ่งลงพื้นรวดเร็วดุจพายุแล้วค่อยๆร่อนลงอย่างนุ่มนวลเหมือนปุยนุ่นด้วยความพร้อมเพรียง



        ลานศิลา-หินอ่อนของแอเรียสเต็มไปด้วยดอกไม้หลากพันธุ์จนแทบจะกลายเป็นทุ่งดอกไม้ กลิ่นน้ำหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ



    มีซุ้มประตูแบบโรมันจัดตามจุดต่างๆ แต่แทนที่จะประดับซุ้มด้วยดอกไม้กลับใช้พลอยแดงร้อยเป็นสายพันรอบเสาทั้งต้นให้คนที่มาร่วมงานกลืนน้ำลายเล่น



    กลางประตูทางเข้าวังตั้งรูปสลักคิงริชาร์ดขนาดเท่าตัวจริงทำจากหินแกรนิตเนื้อดี ตาของรูปสลักทำจากทองคำแท้ให้เป็นสีเดียวกับตาเจ้าของรูป



        ท่านปู่บาโรเดินมาหาพวกเขาพร้อมคิงริชาร์ด ท่านปู่ไปพักตากอากาศที่กิลดิเลกและท่านไม่ชอบทรงมังกรเลยเดินทางแยกมาต่างหาก(คิงบาโรถอนตัวจากการเมืองตอนฟาโรห์อายุประมาณ5ปี)



    “ไงคาโล พวกเจ้าสองคนสบายดีใช่ไหม”คิงริชาร์ดหัวเราะต้อนรับ



    ”ยังสวยเช้งเลยนะฝ่าบาท”คิงริชาร์ดมองเฟรินด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในตอนแรก”มิน่าล่ะ พ่อหลานคาโลถึงไม่คิดจะหาผู้หญิงไว้สักคนสองคน”



    “คนเดียวก็เกินพอ”คิงเฮลด้าพูดมาแต่ไกล



    ฟาโรห์หันไปมองแล้วยิ้มให้เพราะคิดว่าอาจจะเป็นราชินีแห่งแอเรียส แต่ดูดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่เพราะท่านแม่เล่าว่าคิงริชาร์ดไม่มีราชินีที่มีก็แค่มเหสีเท่านั้น



    ท่านย่าผู้นี้ดูมีอำนาจเกินไปไม่ได้เจี๋ยมเจี้ยมตามแบบฉบับผู้ตามเลยสักนิด



    เขาไม่ค่อยรู้จักเชื้อพระวงศ์ของเมืองอื่นเลยไม่สามารถเดาได้ว่าเป็นราชินีของใคร ไม่เหมือนคิงริชาร์ดที่เดาได้ไม่ยากเนื่องจากเป็นเจ้าของงาน



    “รับมือกับธิดาแห่งความมืดคนเดียวก็หัวปั่นแล้ว”ท่านย่าคนนั้นมองท่านแม่อย่างคนไม่ชอบหน้ากันและดูเหมือนจะอิจฉาในความสาวของท่านแม่ของเขาด้วย



    ท่านแม่ยังทำเป็นเรียบร้อยได้อย่างแนบเนียนไม่โต้กลับ แต่เขาสังเกตว่าท่านแม่พยายามดึงตัวท่านพ่อมาบังไว้ยังไงก็ไม่รู้



    “นี่ฟาโรห์หลานชายคนเดียวของท่านล่ะสิ” คิงริชาร์ดหันไปถามท่านปู่



    “ถวายพระพรฝ่าบาท”ฟาโรห์โค้งหัวคำนับ คิงริชาร์ดพิจารณาอย่างละเอียด



    “ดีแล้วที่เหมือนพ่อ”เฟรินฟังแล้วสะอึกเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าโดนกัดซะแล้ว



    “ฝ่าบาทยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงนะเพคะ ท่าทาง(ปาก)กระฉับกระแฉงนัก”เฟรินยิ้มให้



    “555”คิงริชาร์ดมองหน้าท่านแม่ก่อนหัวเราะกลบเกลื่อนความไม่พอใจในดวงตายามที่มองท่าน



    “อืม ช่างเป็นบุญตาของข้าซะจริง ได้ข่าวว่าเจ้าชายแห่งคาโนวาลเป็นคนลึกลับยากที่จะได้พบหน้า แต่วันนี้กลับมาปรากฏตัวในวังของข้าได้”ริชาร์ดหัวเราะจนพุงกระเพื่อม



    “ฝ่าบาทเป็นคนสำคัญของเอเดน กระหม่อมเห็นควรอย่างยิ่งที่จะมาชื่นชมพระบารมี”



    คิงริชาร์ดหัวเราะลั่นลานศิลาอย่างถูกใจคำยอ



    แตน แต แด แดน แตน แต๊น………



    “เจมิไนกับเวนอล”



    “ปลงๆซะบ้างเถอะท่านริชาร์ด”บาโรหัวเราะพอเป็นพิธี



    “ถวายพระพรฝ่าบาท”ครอบครัวฮาเวิร์ดถวายพระพรพร้อมกัน



    “ขอบใจๆ เชิญตามสบายนะท่านโรเวน ท่านวิเวียนนานีย่า”



    ริชาร์ดมองไปยังเจ้าชายนิโคลัส(ชัยชนะของประชาชน)เจ้าชายองค์โตของคิงโรเวน และเริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นเจ้าหญิงเวเนซซ่า(ผีเสื้อ)เจ้าหญิงผู้เลอโฉมแห่งเจมิไน แววตากรุ้มกริ่มของท่านก็เริ่มออกฤทธิ์ให้เห็น



    “เจ้าหญิงโตเร็วนัก ไม่ทราบปีนี้พระชนมายุเท่าไหร่แล้ว”



    “สิบเอ็ดปีเพคะ”วิเวียนพูดดักคออย่างไม่พอใจโดยเน้นเสียงหนักที่สิบเอ็ด



    “อ้อ แหมเด็กสมัยนี้โตเร็วทันใจดีนะ”ริชาร์ดยังหัวเราะต่อ



    “พี่หญิงสบายดีหรือคะ”วิเวียนทักเฟรินเมื่อเหล่าคิงเดินไปนั่งที่พลับพลาต้อนรับ ตอนนี้เหลือเพียงเธอกับลูกสาวและเฟรินกับฟาโรห์



    “อืม ท่านเองก็ดูสบายดีนะยังสวยเหมือนเดิม”เฟรินยิ้มให้



    “คงไม่เหมือนพี่หญิงหรอกค่ะทั้งสวยแล้วยังสาวเสมอ หญิงล่ะอิจฉาจัง”วิเวียนแซว



    ”แถมพระสวามีพี่หญิงก็ยังรักเดียวใจเดียวไม่หาเรื่องให้ต้องเสียใจ”



    “วิเวียน”เฟรินเอ่ยอย่างเห็นใจก็รู้รู้กันอยู่ว่าโรเวนน่ะเจ้าชู้แค่ไหน โธ่เอ๊ยน้องหญิงที่น่าสงสารอุตส่าห์ได้สมหวังแล้วก็ยังต้องมานั่งปวดหัว



    “นี่เจ้าชายฟาโรห์ใช่ไหมคะ เหมือนท่านคาโลราวกับคนเดียวกันแหนะ”วิเวียนหันมายิ้มให้ฟาโรห์ที่คำนับให้แล้วเธอก็หันไปคุยกับเฟรินต่อพลางชวนกันเดินไปที่พลับพลา



        ฟาโรห์รู้สึกว่าตัวเองถูกมองจึงหันมาที่เด็กสาวข้างๆตัว เห็นแววตาใสแจ๋วสีเขียวมองเขาอยู่



    เค้าหน้าของเจ้าหญิงออกจะเหมือนคิงโรเวนแต่ก็ดูน่ารักดี ผมสีทองของเจ้าหญิงเป็นลอนยาวเหมือนผมตุ๊กตาและถักเปียยาวมาข้างหน้าสองเปีย ประดับด้วยกิ๊บรูปผีเสื้อตัวเล็กๆสีสันสวยงาม



    “เจ้าหญิงชื่ออะไรเหรอ”



    “เวเนซซ่าเพคะ เจ้าชายเรียกหญิงว่าหญิงเฉยๆก็ได้”



    “งั้นถ้าไม่รังเกียจจะเรียกเราว่าพี่ชายก็ได้ เราเป็นลูกคนเดียวไม่มีน้องสาวกับเค้า”



    “พี่ชายรูปงามออกอย่างงี้แสดงว่ามีแฟนแล้วใช่มั๊ยคะ”เจ้าหญิงกระซิบถาม ฟาโรห์หน้าแดงขึ้นมาทันทีทำไมน้องหญิงถึงได้แก่แดดแบบนี้



    “ว่าไงคะ”เจ้าหญิงถามซ้ำ มองเขาอย่างสนใจ



    “พี่ยังไม่คิดเรื่องนี้”ฟาโรห์ตอบไปอีกทาง



    “งั้นเจ้าพี่มีคนที่ชอบรึยังคะ”ฟาโรห์ส่ายหน้าแทนคำตอบ



    “โกหกเด็กบาปนะคะ”เจ้าหญิงยิ้มนิดๆ ฟาโรห์มองหน้าเจ้าหญิงอย่างอึ้งๆ



    “ถ้าเจ้าพี่ยังไม่มีคนที่ชอบงั้นก็เป็นแฟนกับหญิงได้ใช่ไหมค่ะ”



    “ห๊ะ!”ฟาโรห์สะดุ้ง



    “หญิงล้อเล่นคะ หญิงมีคนที่ชอบอยู่แล้วถึงจะไม่หล่อเท่าเจ้าพี่แต่เป็นผู้ชายที่เท่ห์มากๆ”



    “จริงเหรอ”ฟาโรห์ถามเบาๆ



    “จริงสิคะ ก็ท่านพ่อของหญิงไงล่ะ”เจ้าหญิงยิ้มอย่างร่าเริงส่วนฟาโรห์ก็ลอบถอนใจ



        เฟรินกับวิเวียนเดินมาถึงพลับพลา เหล่าคิงจากเมืองต่างๆกำลังคุยกันออกรส อาเธอร์นั่งคุยอยู่กับโรเวน ส่วนคาโลก็ยืนอยู่กับมาทิลด้าและพระสวามี(ไม่ได้เจี๋ยมเจี้ยมเหมือนพ่อของเธอ) อาเธอร์มองมาที่ฟาโรห์ทันทีที่ก้าวเข้ามาใกล้



    “นั่นน่ะเหรอเจ้าชายแห่งคาโนวาล”คำพูดเบาๆแค่พอได้ยินกันสองคนกับโรเวน



    “หน้าตาเขาก็บอกยี่ห้ออยู่แล้ว”



    “หึหึ แต่มาดไม่ออกนะ”อาเธอร์หันไปมองฝ่ายพ่อที่ตอนนี้นั่งคุยกับเพื่อนร่วมป้อมพร้อมหน้ากับราชินีแห่งคาโนวาล



    “ท่าทางจะไม่เท่าไหร่”รอยยิ้มดูถูกปรากฏที่มุมปากของคิงใจสิงห์



    “คนเราดูแต่ภายนอกไม่ได้หรอกท่านอาเธอร์”โรเวนยิ้ม



    “จริงสินะ ใครจะรู้ว่าลูกแกะใสซื่อแท้จริงคือสมิงร้าย”อาเธอร์เหน็บแนม



    “เป็นลูกแกะแล้วไม่ดีตรงไหน ขนาดพยัคฆ์ร้ายยังนึกเอ็นดู”โรเวนหัวเราะเบาๆ



    “เสียดายที่ฉันแก่เกินไปแล้วสำหรับชุดลูกแกะนั่น”อาเธอร์ยิ้ม



    “ท่านไม่เหมาะกับบทลูกแกะใสซื่อหรอกอาเธอร์”



    “อาจะใช่ ซาเรสไม่มีโรงละครชั้นเยี่ยมอย่างเจมิไนจะได้ตีบทแตก”



                                          ……………………………………………………..



    เมื่อตะวันลับขอบฟ้างานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ที่หรูหราจนเจ้าชายอย่างเขายังต้องทึ่ง



    ฟาโรห์มองคิงริชาร์ดที่ขึ้นไปยืนกล่าวคำขอบคุณแขกบนเวที การขอบคุณที่ใช้เวลานานมากเพราะเจ้าตัวมัวแต่โม้เรื่องของตัวเอง แถมเรื่องของท่านก็มีให้โม้ได้ไม่หยุดหย่อน



    “อะแฮ่ม ได้ข่าวว่าคาโนวาลคิดเปิดตัวเจ้าชายในงานเลี้ยงคืนนี้รึ”



    “โธ่ท่านอาเธอร์พูดเป็นเล่นไปได้”เฟรินยิ้มให้ก่อนส่วนคาโลเหลียวมองเล็กน้อยแล้วหันไปทางเวทีอย่างไม่ใส่ใจ



    “ว่าแต่ท่านอาเธอร์เถอะไม่ค่อยจะขนลูกมาออกงานเท่าไหร่เลย”อาเธอร์ถลึงตาใส่เมื่อได้ฟังคำกริยาที่เฟรินเอามาใช้กับลูกๆของท่าน



    “คนนะเฟลิโอน่า ไม่ใช่นึกอยากจะ\'ขน\'ก็\'ขน\'ได้ตามใจชอบ”



    “โทษทีท่าน ต้องใช้คำว่าเสด็จสินะ”เฟรินยิ้มกวน อาเธอร์ได้แต่ข่มอารมณ์ไว้จนตัวเกร็ง



    ฟาโรห์ยืนฟังบทสนทนาอยู่เงียบๆ คนนี้สินะคิงอาเธอร์ บริสตั้น ท่านพ่อของพาทริซเซียคนนั้น



    ฟาโรห์ยิ้มกับตัวเองเมื่อภาพหน้ายามโกรธของพาทริซเซียในครั้งแรกที่พบกันลอยเข้ามา



    เขาพยายามมองหาเพื่อนคนที่เขากำลังนึกอยากจะเจอหน้า มองไปมองมาก็สบตาเข้ากับอาเธอร์ที่มองเขาด้วยความแปลกใจ



    “หาอะไรเหรอเจ้าชาย”อาเธอร์ถามขึ้น



    ฟาโรห์ยิ้มรับหน้าแต่ในใจกลับตอบว่า ’ก็ธิดาของท่านไงล่ะ’



    “กระหม่อมกำลังคิดว่าน่าจะมีเจ้าชายหรือเจ้าหญิงรุ่นเดียวกันอยู่ในงานบ้างเผื่อจะได้หาเพื่อนคุย”ฟาโรห์ตอบอย่างสุภาพ



    “เจ้าชายไม่เคยออกงานที่ไหน ได้มางานเลี้ยงกับเขาสักทีก็ควรจะหาเพื่อนไว้น่ะดีแล้ว”อาเธอร์พินิจฟาโรห์เหมือนจะมองให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเด็กตรงหน้า



    คิดจะจับผิดลูกชายของเธอน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ!



    เฟรินมองอาเธอร์สลับกับลูกชายสุดที่รักของเธอ ถึงฟาโรห์จะดูซื่อไปนิด(เมื่อเทียบกับเธอ)แต่ก็ฉลาดไม่แพ้ใคร อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นลูกเธอปล่อยไก่ให้เห็นกันโต้งๆ



    อย่างที่เฟรินคิดฟาโรห์ยังสวมมาดเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ได้อย่างเนียนเนียน ไม่เห็นว่าจะยากตรงไหนก็แค่พูดน้อยๆยิ้มบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อมีคนทำให้เห็นเป็นตัวอย่างอยู่ใกล้ๆเขากับท่านแม่



    ฟาโรห์ยังคงยิ้มให้อาเธอร์ที่ยังคงพุ่งความสนใจมาที่เขาไม่วางตา



                                     ………………………………………………………………..



    “เจ้าชายฟาโรห์”เสียงเรียกจากเจ้าชายนิโคลัส ฉากอลังการที่ทำให้เขาแทบสำลักไวน์จนแทบหายใจไม่ออก



    สามพี่น้องบริสตั้นยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายแห่งเจมิไน(ที่พ่วงด้วยน้องสาวจอมแก่แดด)มองมาทางเขาด้วยความงุนงงเหมือนเห็นตัวประหลาด



    “เจ้าชาย?”เจ้าชายแพททริคแห่งซาเรสมองมาที่เขา



    “ท่านคงไม่เคยพบเจ้าชายฟาโรห์มาก่อน ปกติเจ้าชายไม่ค่อยออกงานก็อย่างที่พวกเรารู้กันอยู่”



    ฟาโรห์ยิ้มเจื่อนเดินเข้ามาใกล้ตามมารยาท บางทีการเจอหน้ากันตรงๆก็ไม่ใช่เรื่องดีโดยเฉพาะมีเรื่องฐานะเจ้าชายที่เขาอุบเงียบไว้



    “เจ้าชายฟาโรห์แห่งคาโนวาล”เฟรเดอริคตกใจเล็กน้อยกับรายการเซอร์ไพสจังๆ



    เขาจ้องเจ้าชายที่ทรงชุดเต็มยศสมศักดิ์ศรีโอรสองค์เดียวของคิงคาโลแห่งคาโนวาล



    เจ้าชายที่ครั้งหนึ่งเขาเคยพบด้วยในชุดเสื้อผ้าปอนๆเหมือนพวกชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำ



    เจ้าชายที่ร่ำลือกันว่าคงไม่มีใครเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของพระองค์ยกเว้นคนในพระราชวังหลวงของคาโนวาล



    “เจ้าชายนิโคลัส”ฟาโรห์ทักทายก่อนหันไปแก้ตัวกับชาวซาเรส



    “ต้องขออภัยที่กระหม่อมเคยเสียมารยาท”



    “รู้จักกันแล้วหรอกเหรอ”เจ้าชายนิโคลัสกล่าวเรียบๆ ฟาโรห์พยักหน้าตอบ



    เจ้าชายแพททริคยิ้มอย่างเอ็นดู ขณะที่น้องชายและน้องสาวของพระองค์ยังอยู่ในอาการอึ้ง



    “ไม่เป็นไรหรอกฝ่าบาทไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร”



    “ท่านชอบทำอะไรแผลงๆนะเจ้าชาย”เฟรเดอริคว่า



    “เฟรเดอริคอย่าเสียมารยาท”



    “หม่อมฉันต้องขอโทษฝ่าบาทด้วยที่เคยว่าพระองค์ เอ่อ…สารรูปดูไม่ได้”พาทริซเซียทำหน้าไม่ถูก



    “ทริซเซีย”เจ้าชายแพททริคกล่าวอย่างตกใจ



    “เห็นรึเปล่า คนโปรดของเจ้าพี่ร้ายกว่ากระหม่อมซะอีก”เฟรเดอริคแซว



    “เจ้าพี่คะ”เวเนซซ่าเดินมากระตุกชายเสื้อเบาๆ”เจ้าพี่รู้จักกับพี่หญิงพาทริซเซียเหรอคะ”



    จะมาไม้ไหนอีกล่ะ!  ฟาโรห์คิดในใจแล้วเขาก็พยักหน้านิดๆ



    “เจ้าพี่สนใจเธอรึเปล่าคะ”ฟาโรห์ตกใจเล็กน้อยเกิดใครได้ยินเข้าอาจจะคิดว่าเขามีเจตนาแอบแฝง



    “หือ”เจ้าหญิงน้อยยังไม่เลิก ฟาโรห์ส่ายหน้า



    “เจ้าพี่เป็นผู้ชายแบบที่ชอบผู้ชายด้วยกันเองหรือคะ”



    แค่ก แค่ก…



    ฟาโรห์สำลักไวน์อย่างไม่ทันตั้งตัว ยัยเด็กคนนี้มันน่านัก เขาเริ่มจะหน้าแดงขึ้นมาทั้งจากคำถามที่ฟังและสายตาของผู้ร่วมวงที่จ้องเขา ฟาโรห์ลากเวเนซซ่าออกมาคุยกัน



    “พูดอะไรน่ะหึ เรายังเด็กอยู่เลยนะแถมยังเป็นผู้หญิงด้วย พูดจาแบบนี้ได้ยังไง”



    “ท่านแม่บอกว่าถ้าหญิงรู้มากกว่าคนอื่นก็จะฉลาดกว่าเก่งกว่าคนอื่น”



    “แต่ไม่ใช่เรื่องแบบนี้นะรู้รึเปล่า”



    “พี่หญิงพาทริซเซียเป็นคนที่เจ้าพี่นิโคลัสหมายปอง”



    “เขาเป็นแฟนกันเหรอ”ฟาโรห์ชักอยากรู้



    “ไม่รู้สิคะ หญิงเป็นผู้หญิงแล้วก็ยังเด็กอยู่ไม่ควรจะไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้”เจ้าหญิงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้



    ฟาโรห์สะอึกก่อนจะยิ้มเอาใจเด็ก(ยัยเด็กบ้า!)



    “โธ่น้องหญิงบอกหน่อยน่า นะนะ”



    “เจ้าพี่ไม่ควรไปยุ่งเรื่องของคนอื่นนะคะ มันไม่ดี”



    แล้วที่เธอทำอยู่นี่ล่ะ ยัยจุ้น!



                                                          ………………………………………………………..



    “ให้ตายเถอะ นายไปชวนแม่นั่นมาเที่ยววังทำไมกันนะ”เฟรินเริ่มทันทีเมื่อเดินห่างออกมาจากวงสนทนาของคนแก่รุ่นสามทหารเสือแห่งเอเดน



    แม่นั่น…คิงเฮลด้าแห่งอเมซอน ไม่เจอกันนานแต่หล่อนก็ยังชอบมองเธอด้วยสายตาโหดร้ายจนเธอรู้สึกเหมือนพวกนักโทษที่หวาดระแวงพัศดี



    “รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ถูกชะตาด้วย ลืมแล้วเหรอว่าแม่นั่นเคยคิดร้ายกับราชินีสุดที่รักของนายเชียวนะ”



    แค่ก!



    คาโลสำลักทันที มองหน้าราชินีสุดที่รักอย่างรับไม่ได้



    “พูดอะไรไม่อายปาก”คาโลหน้าแดงนิดๆ ค่อยๆมองซ้ายขวากลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเข้า



    “ซักแก้วไหมคาโล”เฟรินหยิบแก้วไวน์ที่บริกรคนหนึ่งถือถาดผ่านมาราวกับรู้ใจ คาโลเอื้อมมือมาบ้าง



    ชะงัก



    เฟรินปรายตามองกับท่าทางของคาโลที่ยืนอึ้งไม่ทันจะหยิบแก้ว ด้วยสัญชาตญาณจึงหันไปที่ต้นเหตุทันที



    ชะงัก



    คิล ฟีลมัส?



    ใช่! คิล!



    คิล ฟีลมัส เพื่อนซี้แกนั่นแหละไม่ต้องทำงง



    “จะกินก็หยิบไปสิวะ  เมื่อย”



        เฟรินปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะอย่างดีใจปนขำ ส่วนคนที่ถูกว่าแววตาเย็นชาขึ้นมาฉับพลันแล้วคว้าแก้วไวน์ที่ออกจะดูเหมือนกระชากซะมากกว่า



    “ถ้านายตกต่ำขนาดนี้ล่ะก็ มาทำงานกับฉันที่คาโนวาลจะดีกว่า” เสียงห้วนเรียบและเบาดังขึ้นจากคนที่หงุดหงิดง่าย



    “หือม์”คิลแกล้งยักคิ้วทำตาโต”จะดีเร้อ นักฆ่าน่ะเลี้ยงไม่เชื่องนะฝ่าบาท”คิลว่าแล้วเดินนำไปที่มุมหนึ่งของงานติดริมระเบียงที่ยื่นไปทางสวนดอกไม้





    แกร๊ง…..ถาดถูกวางบนโต๊ะแล้วคิลก็เดินนำมาข้างนอก



    “นายมาที่นี่คงไม่ใช่แค่มาพบเพื่อนเก่า เป้าหมายนายคือใคร”คาโลไม่อ้อมค้อม



    “อย่าเพิ่งเครียดสิ ไม่เจอกันนานคุยเรื่องสบายๆกันดีกว่า”เฟรินยิ้ม



    “ฟาโรห์ วาเนบลี เดอะปรินซ์ ออฟคาโนวาล”



    พรวด



    “ไอ้คิล”เฟรินจ้องอย่างเอาเรื่อง ความตกใจของเธอไม่ได้น้อยกว่าผู้ชายอีกคนเท่าไหร่ เพียงแต่เธอเก็บอารมณ์ไม่เก่งเท่ามัน



    “ไหนว่าไม่เครียดไง”คิลแหย่



    “แกก็อย่าหยอกแรงๆสิ”



    “ค่าหัวลูกชายพวกนายสูงดีนะ นึกๆแล้วฉันยังเสียดาย”



    “หมายความว่าแกไม่ได้รับงาน”เฟรินโล่งอก



    “ไม่”คิลหัวเราะเบาๆสบตากับคาโลนิดหนึ่งแล้วหันมาทางเฟริน



    ”พี่ชายฉันต่างหากที่รับงานนี้”



    พรวด



    เฟรินกระชากเสื้อคิลทันที ถ้าตาของเธอมันถลนออกมานอกเป้าได้มันคงถลนออกมานานแล้ว



    “คิล ฟีลมัส”คาโลคำรามเบาๆพยายามข่มสติ”เล่นสนุกพอรึยัง”



    “เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ที่ฉันพูดสาบานได้ว่าเป็นเรื่องจริง แต่นายวางใจได้เพราะคนจ้างตายไปแล้วพี่ฉันเลยหยุดงานอัตโนมัติ”



    “พวกแกชอบให้ฉันทำงานฟรีอยู่เรื่อยแถมต้องควักเนื้อตัวเองอีก”รอยยิ้มของคิลเริ่มมีเลศนัย



    “แกจะเอาเท่าไหร่ล่ะเดี๋ยวฉันจ่ายให้”เฟรินแกล้งแซวยิ้มๆ



    “ไม่ต้องมาทำเป็นอวดรวย ฉันรู้น่าว่าเดี๋ยวนี้แกมีเงินทองท่วมหัวเหลือกินเหลือใช้”คิลหัวเราะ



    “แล้วยังไงต่อ”



    “ฉันก็แค่อยากเตือนเอาไว้เพราะกลัวเรื่องมันจะไม่จบ”



    “ใคร”คาโลรอฟังคำตอบ



    “ไม่รู้ฉันไม่สามารถระบุอะไรได้ นายก็หาเส้นสายเอาคนคาโนวาลเข้าไปในโรงเรียนพระราชาสักคนสิ สวัสดิภาพของลูกชายนายจะได้ขยับสูงขึ้นมาอีกหน่อย”



    คิลมองเข้าไปในงานเลี้ยงเห็นหลายคนกำลังเต้นรำกันอยู่



    “พวกนายเข้าไปเถอะงานกำลังสนุก ส่วนฉันคงต้องขอลาพวกนายตรงนี้เลยแล้วกัน”



    “คิล”เฟรินรั้งไว้ก่อน



    “เก็บคำขอบใจของนายไว้เถอะ ลูกชายพวกนายก็เหมือนลูกชายฉันเพราะฉะนั้นไม่ต้องมาทำซึ้ง”



    คิลสบตากับคาโลก่อนจะโบกมือลาแล้วกระโดดลงที่ต้นไม้ข้างระเบียงหายลับไปกับความมืด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×