ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic : หัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #3 : โฉมหน้าที่แท้จริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 183
      0
      15 พ.ค. 48

    “ฟาโรห์”เสียงของพาทริซเซียดังขึ้น”นายคิดจะช่วยเก็บลูกธนูจริงเหรอ”



    ฟาโรห์ยิ้มให้เฉยๆ”ขอคิดดูก่อนว่าเก็บแล้วจะคืนเธอไหม ถ้าเอาลูกธนูสีทองไปฉันขายคงกินอิ่มไปหลายวัน ท่าทางบ้านเธอคงรวยแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกจริงมั๊ย”



    พาทริซเซียอมยิ้มแต่ไม่ได้อนุญาตอะไร เธอมองไปที่มังกรสีแดงเพลิงครีบสีทองข้างๆตัวของฟาโรห์ คนธรรมดาแบบนี้มีมังกรพันธุ์หายากด้วยเหรอ?



    “มังกรตัวนี้…”



    “มันชื่อไกเป็นเพื่อนสนิทของฉัน”ฟาโรห์ลูบไกที่ก้มหัวเล็กน้อยให้พาทริซเซียเป็นการแสดงความเคารพพร้อมส่งเสียงครางเบาๆทำนองว่าอยากจะสวัสดี



    “มังกรของนายฉลาดดีจัง”พาทริซเซียลงจากหลังม้ายืนมองไกที่สบตาอยู่กับเธอ



    แววตาของไกเป็นสีแดงวาวใสคล้ายสีตาของเธอ เพียงแต่แววตาของมังกรแสดงออกถึงความแข็งแกร่งอย่างชัดเจนซึ่งเธอก็เดาได้ว่ามันคงมีพละกำลังสูงมากทีเดียว



    “มันพ่นไฟได้รึเปล่า”พาทริซเวียหันมาถามฟาโรห์ที่ยืนกอดอกอยู่



    “แน่นอน มังกรของฉันได้รับการฝึกมาอย่างดี”ฟาโรห์พูดจบไกก็ทำท่ายืดตัวอย่างภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเอง พาทริซเซียอดขำเบาๆไม่ได้



    “การฝึกมังกรต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง ถ้าฝึกมาอย่างดีอย่างที่นายว่างั้นบ้านนายคงมีฐานะไม่เบาล่ะสิ”พาทริซเซียพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้า ที่จริงหมอนี้ผิวพรรณดี หน้าตาท่าทางก็ไม่เลว ถ้าไม่ติดชุดซ่อมซ่อที่เขาสวมอยู่เธอคงจะเชื่อว่าเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล



    “ไกมีพรสวรรค์อยู่แล้วดังนั้นจึงไม่ต้องใช้ครูฝึกค่าตัวสูงเหมือนทั่วๆไปหรอก ความแข็งแกร่งของไกได้มาจากประสบการณ์ที่ไปลุยมากับฉัน”



    ไกหรี่ตานิดหน่อยเหมือนจะค้านว่าอย่าเอาเขาไปเอี่ยวกับการหนีออกนอกวังของนายท่านนะ เขาเป็นมังกรที่ว่านอนสอนง่ายแล้วก็รู้จักระเบียบวินัยด้วยแค่จำเป็นต้องตามใจเจ้านายก็แค่นั้น



    “ไกมีประโยชน์มากในการจับเท็ดดี้”



    “ฟาโรห์ ฉันต้องการจับเท็ดดี้ด้วยตัวเองเพราะเรื่องนี้สำคัญกับฉันมาก”



    พาทริซเซียเสียงแข็งแต่เมื่อเห็นว่าฟาโรห์หน้าจ๋อยไปนิดหนึ่งเลยลดความกระด้างลงไปหน่อย



    ”ต้องขอโทษด้วยฉันค่อนข้างเครียดแต่หวังว่านายจะเข้าใจ”



        เสียงคำรามของสัตว์ใหญ่ดังก้องไปทั่วบริเวณก่อนที่สิงโตขนทองจะค่อยๆย่างเท้าออกมาจากป่าสนอย่างช้าๆ  มันเงยหน้าขึ้นรับแสงจันทร์ที่ทอกระจ่างส่องนำทางแก่สรรพสิ่งในยามค่ำคืน



         พาทริซเซียชักบังเหียนเข้าหาตัวแล้วควบม้าโจนทะยานไปเบื้องหน้า ธนูทองตั้งเล็งไปยังเจ้าป่าผู้ตื่นตระหนก  ทันทีที่ธนูถูกปล่อยเหยื่อก็วิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว



    พาทริซเซียรีบตามไปไม่รอช้า ฟาโรห์ขี่ไกบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือป่าสนที่การไล่ล่ากำลังบังเกิด เบื้องล่างเขาเห็นจุดสีทองเคลื่อนไหวลัดเลี้ยวไปมา เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นไม่ห่างกันเท่าไหร่



          สักพัก……..เสียงม้าก็หายเงียบ กลายเป็นเสียงร้องของมนุษย์เข้ามาแทนที่



    ‘พาทริซเซีย’ ฟาโรห์ให้ไกร่อนลงเบื้องล่าง ภาพที่เห็นคืออาชาสีดำตัวใหญ่กำลังพยศสะบัดผู้เป็นนายตกลงไปใกล้สิงโตที่ดุร้าย  พาทริซเซียชักมีดสั้นที่พกติดกายชูไปเบื้องหน้าเพื่อขู่ป้องกันตัว แต่คู่ต่อสู้กลับตะบบกรงเล็บลงที่เหยื่ออันโอชะ



          แควก~~~



          มีดสั้นตัดผ่านขาหน้าของสิงโตจนเลือดสาดกระเซ็นใส่ผู้เป็นเหยื่อ แต่เสื้อขนสัตว์ก็ถูกตะบบจนขนปลิวว่อน  แขนขวาของผู้ใช้มีดมีเลือดไหลเป็นทาง แล้วก่อนที่ฟันอันแหลมคมจะฉีกเนื้อผู้เคราะห์ร้ายธนูสามดอกก็พุ่งปักเข้ากลางอกของสิงโตทองจนร่างผงะเบิ่งตากว้าง มันส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดและโกรธแค้นก่อนที่จะฟุบลงข้างเหยื่อสาว



           พาทริซเซียเหลียวมามองผู้ที่ช่วยเหลือด้วยใบหน้าซีดเซียว ฟาโรห์วิ่งเข้ามาช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้นนั่ง



    “เป็นอะไรมากรึเปล่า”



    “ไม่หรอก ขอบคุณที่ช่วย”พาทริวเซียหายใจหอบตัวสั่นเล็กน้อย



    “สีหน้าเธอไม่ค่อยดี เดี๋ยวฉันจะดูแผลให้ก่อน”ฟาโรห์ตรวจแผลที่ต้นแขนขวาแล้วใช้พลังเวทย์ช่วยสมานแผลให้



    “ยังเจ็บมากเหรอ”ฟาโรห์ถามเมื่อเห็นสีหน้าของพาทริซเซียยังไม่ดีขึ้นทั้งที่แผลก็เริ่มประสานบ้างแล้ว ถึงฝีมือเขายังไม่อาจเทียบท่านพ่อแต่ก็ไม่น่าจะห่วยแตกขนาดนี้นี่นา



    “ฉันคงตกใจมากไปหน่อยมันน่ากลัวมากจริงๆ”เธอมองไปทางสิงโตที่นอนอยู่อย่างเสียดาย



    ”ฉันนี่แย่จริงๆแทนที่จะจับมันไปให้ได้กลับต้องมาเป็นแบบนี้ เสียดายที่มันตายแล้ว”



    “ยังหรอกแค่สลบไปก็เท่านั้นแหละ”ฟาโรห์มองพาทริซเซียที่ทำท่าแปลกๆ



    “เชื่อเถอะน่า ฉันเองก็อยากสงวนของหายากไว้ให้ลูกหลานดูเหมือนกันนะ”



    พาทริซเซียยิ้มเซียวๆ ค่อยๆผละตัวออกจากฟาโรห์



    “แต่ฉันก็ไม่ได้ล่ามันด้วยตัวเอง เอ่อ…ฉันไม่ได้ว่านายนะ”



    “ช่างเถอะฉันไม่คิดมากหรอกน่า เออนี่ฉันจะพาเธอไปส่งบ้าน บ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ”



    “ไม่ได้นะ”พาทริซเซียรีบห้ามเสียงดัง”คือ…พ่อฉันดุมาก ถ้านายพาฉันกลับไปฉันอาจจะทำให้นายลำบาก”



    “งั้น…”



    “ช่วยพาฉันไปส่งที่ชายแดนซาเรสได้รึเปล่า”



    “ไม่มีปัญหา”ฟาโรห์ยิ้มให้แล้วหันไปมัดสิงโตที่นอนสลบอยู่จนแน่ใจว่าแน่นพอ



    “ฉันให้เจ้านี่เป็นของขวัยพบหน้า เอาไปเลี้ยงเล่นแก้เซ็งก็แล้วกัน”



    พาทริซเซียมองอย่างลังเลก่อนจะพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้แทนคำขอบคุณ



                                                   ......................……………………………………………………..





    “ร้อนไหมไก”ฟาโรห์ลูบหลังมังกรที่หลับตานอนหมอบบนเนินสูงใต้ต้นไม้ใหญ่ ส่วนตัวเขาเองนั่งชันเข่าทอดสายตาไปยังทุ่งกว้างเบื้องหน้า



    “วันนี้นายว่าเธอจะมารึเปล่า ตั้งหลายวันแล้วไม่รู้ว่าจะหายดีรึยังเนอะ”



         ฝุ่นกลุ่มใหญ่ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าด้านหนึ่งของทุ่งหญ้า ฟาโรห์ลุกขึ้นยืนมองฝูงม้าป่าที่กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา



    “เห็นรึเปล่าไก คงมีใครต้อนจับพวกมันอยู่”ฟาโรห์หันมาบอกไกที่ยืดคอขึ้นร่วมดูฝูงม้ากับเขา ไกส่งเสียงร้องเบาๆราวกับจะบอกเจ้านายว่าเห็นด้วย



    “อยากดูไหม”ฟาโรห์หันมาถาม ไกก้มตัวให้เขาขึ้นขี่เป็นเชิงตอบรับ



         พาทริซเซีย บริสตั้น เดอะปรินซ์เซส ออฟ ซาเรส…………



    “เจ้าหญิงจะทรงปล่อยเจ้าหนุ่มนี่ไปหรือพะย่ะค่ะ”เสียงทหารนายหนึ่งดังขึ้น



    ฟาโรห์ได้สติกลับมา เขาเงยหน้ามองผู้ที่ประทับบนหลังอาชาสีขาว หล่อนอยู่ในชุดล่าสัตว์ของราชนิกูลที่ดูองอาจภาคภูมิ ท่าทีที่เคยเป็นกันเองก็ดูจะหายไปซะหมด



    “หมอนี่มันบังอาจมารบกวนเราแต่น้องกลับปล่อยมันไปง่ายๆยังงั้นหรือ”ชายผู้หนึ่งกล่าว



         ฟาโรห์หันไปมองผู้ชายคนนั้นที่มีผมสีดำซอยยาวถึงฐานคอ ตาสีดำสนิทมองเขาอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ น้ำเสียงออกห้วนนิดๆเหมือนรำคาญมากกว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ



    “เขาเคยช่วยชีวิตหญิงครั้งหนึ่งซึ่งหญิงคิดว่าเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้ว”



    “หือม์”เสียงดังมาจากชายหนุ่มอีกคนที่มีผมสีน้ำตาลเข้ม ตาสีเขียวน้ำทะเล เขามองฟาโรห์อย่างฉงนเล็กน้อยแล้วยกมือให้ทหาร



    “เจ้าชื่ออะไร”



    “ฟาโรห์กระหม่อม”



    “เป็นชาวเดมอสยังไงรึ”



    “กระหม่อมเป็นชาวคาโนวาลแต่ก็มีสายเลือดของเดมอสในกาย”



    “อืม”ชายผู้นั้นมองเขาอย่างชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า”เห็นแก่ที่เจ้าเคยช่วยน้องหญิง เราจะปล่อยเจ้าไป” เมื่อออกคำสั่งแล้วเจ้าชายก็เอ่ยถามเขาอย่างเป็นมิตร



    “เรารู้มาว่าเจ้ามีฝีมือดี เจ้าว่างพอจะมาล่าสัตว์ด้วยกันไหม”



    “เป็นพระกรุณา เรื่องสนุกแบบนี้กระหม่อมคงพลาดไม่ได้”ฟาโรห์ยิ้มรับ



    “เจ้าพี่”ชายอีกคนค้าน



    “ใจกว้างหน่อยเฟรเดอริค”



    “ก็ได้ เจ้าหนุ่มจงแสดงฝีมือให้เต็มที่ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่านายจะแน่สักแค่ไหน”เฟรเดอริคยิ้มอย่างมุ่งมั่นแล้วกระตุกบังเหียนออกตัวพร้อมพี่ชาย



    “ขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”พาทริซเซียขี่ม้าเข้ามาใกล้ม้าสีน้ำตาลที่ทหารจัดหามาให้ฟาโรห์



    “ไม่เป็นไร ต้องอยู่ต่อหน้าทหารแบบนั้นฉันเข้าใจ”



    “นายทำเหมือนเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน”พาทริซเซียเอ่ยแซว



        ฟาโรห์ยิ้มให้ มาคราวนี้ดูเธอเป็นมิตรกับเขามากขึ้น คงเป็นเพราะเหตุการณ์จับเท็ดดี้ในครั้งก่อนทำให้เธอมองเขาในแง่ที่ดีขึ้น ดูดูไปแล้วเธอเองก็เป็นผู้หญิงที่ใจดีแถมไม่ได้หยิ่งอย่างที่คิด



    “ว่าแต่พี่ชายเธออีกคนชื่ออะไรน่ะ”



    พาทริซเซียหัวเราะเบาๆคงจะขำในความซื่อบื้อของเขา เธอเหลียวมาถามพร้อมออกตัวไปข้างหน้า



    “อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักเจ้าชายแพททริคแห่งซาเรส”



                                                     .................……………………………………………………





    “พ่อเจ้าส่งจดหมายมาว่าไงบ้าง”เอวิเดสถามหลานชาย



    “ท่านพ่อว่าปีนี้ครบรอบวันเกิด75ปีของคิงริชาร์ดแห่งแอเรียสยังไงก็ต้องไปให้ได้”ฟาโรห์ลดจดหมายลงแล้วถอนใจ



    “จอมเวทย์แห่งเอเดน”ท่านจ้าวพึมพำ”มนุษย์แก่ง่ายตายง่าย”



    “หลานคงต้องออกเดินทางอาทิตย์หน้าเพราะต้องไปแอเรียสพร้อมขบวนเสด็จของคาโนวาล”



    ฟาโรห์เดินมาหยุดที่ขอบหน้าต่าง มองดูไกที่ลานกว้างด้านล่าง



    เฮ่อ…ท่าทางมันคงสนุกกับการย่างโคมุส



    ภาพอลวนเบื้องหน้าคือภาพที่เหล่าอำมาตย์โคมุสกำลังวิ่งหนีไฟที่พ่นออกจากปากของไกกันอย่างจ้าละหวั่น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×