ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic : หัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #2 : สหายใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 243
      0
      14 พ.ค. 48

        คราวก่อนที่ลงตอนแรกไว้เรามาเพิ่มเนื้อหาเข้าไปอ่ะค่ะ รู้สึกจะมีอยู่7คนมั้งที่มาอ่านช่วงตี1-3ที่เรากำลังแก้ไขพอดี



    ยังไงคนที่อ่านช่วงนั้นก็ลองย้อนไปดูใหม่นะคะจะได้เข้าใจเนื้อเรื่องได้มากขึ้น ^_^



                                     ..........................................................................................................



    เสียงหัวเราะดังลั่นอุทยานหลวงเดมอสจากท่านเจ้าผู้ครองนครหลังจากที่ฟังเรื่องของหลานรัก



    “ท่านตา…”ฟาโรห์ทำหน้าขอร้องนิดๆเพราะอายนางกำนัลที่หันมามองยังที่ประทับเล่นอย่างอยากรู้ ปนกับความขัดใจที่ท่านพ่อไม่ยอมอ่อนข้อเรื่องฐานะที่เขาจะเอาไปสมัครเข้าเรียน



    “โทษทีๆ ตาแค่สงสารพ่อเจ้าเท่านั้น”



    “เพิ่งรู้ว่าคนเดมอสเวลาสงสารใครจะหัวเราะออกมา”ฟาโรห์จิบน้ำชา



    “เจ้าน่าจะหนีมาเฉยๆ ดันไปบอกลาแบบนั้นให้พ่อเจ้ากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก็ลำบากแย่สิ สงสัยคราวนี้จะถูกราชินีแห่งคาโนวาลสั่งประหารซะล่ะมั้ง”ท่านจ้าวจิบน้ำชานิดๆ



    “หลานกลัวจะถูกท่านพ่อว่าเอาเพราะป่านนี้ควรจะเตรียมตัวเรื่องเข้าเรียนในเอดินเบิร์กได้แล้ว”



    “รู้ก็ดี”ท่านตาทำท่า(เหมือนจะ)เครียดมองหลานชายที่เติมน้ำตาลใส่ถ้วยชา



    “อีกสองเดือนก็ถึงฤดูร้อนแล้ว ถ้าเจ้าจะไปเอดินเบิร์กก็คงอยู่กับตาได้ไม่นานสินะ”



    “หลานพาไกมาด้วย”ฟาโรห์เติมน้ำชาให้ท่านตาของเขาในขณะที่ท่านตาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเอื้อมมือมารับถ้วยชา



    ไม่เห็นจะมีมังกรซักตัวแถมรอยสารพัดอย่างบนเสื้อของเด็กหนุ่มก็บอกอยู่แล้วว่าเพิ่งบุกป่าฝ่าดงมา



    “แต่ฝากไว้ที่ชายแดนกำลังให้คนไปรับมาที่วัง รับรองว่าแค่วันเดียวถึงรั้วกำแพงเอดินเบิร์ก”



        เอวิเดสอมยิ้ม หลานชายเขามีหลายอย่างคล้ายผู้เป็นพ่อก็จริงแต่นิสัยก็คล้ายๆองค์หญิงของเขาเหมือนกันจะดีกว่าหน่อยก็ตรงที่หลานของ



    ท่านดูจะมีหัวคิดอยู่บ้างไม่ทำอะไรต่ออะไรให้ไร้สาระไปซะหมด



    แต่ก็อย่างว่าละมีพ่อที่จริงจังแบบนั้นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ภาระหนักอึ้งให้ต้องแบกรับถ้าไม่รู้จักหน้าที่เอาเลยก็คงลำบาก



    ที่หลานท่านไม่ออกมาเหมือนพ่อเด๊ะก็บุญแล้ว ท่านจ้าวมองหลานไปพลางๆก็นึกถึงท่านราชบุตรเขยขึ้นมา



    มีอย่างที่ไหนแม้แต่ยกขบวนเสด็จมาสู่ขอลูกสาวเค้ายังมาทำหน้าบึ้งใส่ว่าที่พ่อตาซะอีกแหนะ



    ท่านเลยแกล้งทำท่าจะไม่ยกให้ซะยังงั้นทำเอาเจ้าชายแห่งคาโนวาลหน้าแดงขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าโกรธหรืออายกันแน่



    “ฝ่าบาท กระหม่อมให้มหาดเล็กไปดูที่มาแล้ว ป่าสนที่ชายแดนวิวดีมากพะยะค่ะ”โกโดมทูล



    “เจ้าจะลุยตั้งแต่พรุ่งนี้เลยรึไง”ท่านจ้าวถามฟาโรห์



    “เปล่าหรอกท่านตา หลานว่าจะชมธรรมชาติให้เพลินใจซะหน่อย”



    “อืม ทำอะไรก็ระวังตัวหน่อยเกิดเจ้าเป็นอะไรไปในเดมอสพ่อแม่เจ้าจะมาถอนหงอกตาถึงที่”



    “ก็ไม่เห็นท่านตาจะมีผมหงอกสักเส้น”ฟาโรห์ย้อนทำเอาท่านตาสำลักน้ำชา



    “อยากรู้นักว่าเจ้าเถียงเก่งแบบนี้กับบาโร วาเนบลีด้วยรึเปล่า”



    “หือ?”ฟาโรห์ยิ้มให้อย่างรู้กัน”ยกเว้นท่านปู่ไว้สักคนเถอะท่านตา”



    “นั่นสิ”ท่านจ้าวจิบน้ำชาอีกรอบเมื่อนึกถึงหน้าดุๆของคู่ปรับเก่า



    ………………………………………….



        ทีเร็กตัวใหญ่วิ่งนำหน้ามังกรขององครักษ์ร่างเล็กกลางทุ่งกว้างที่มีลำธารตื้นๆไหลคดเคี้ยวเป็นสาย มีป่าสนขนาบข้างที่อีกฟากของทุ้งหญ้าโล่งเตียน



    บางส่วนของใบหญ้ายังมีน้ำแข็งเกาะอยู่บ้าง เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบจึงสะท้อนแสงระยิบระยับเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน



    “ปีนี้หิมะตกน้อยกว่าปกติหรือโกโดม”ฟาโรห์เหลียวหลังไปถาม



    “พะย่ะค่ะ ฝ่าบาทช่างสังเกตนัก”โกโดมตะโกนกลับมา



        บริเวณนี้เป็นชายแดนทางเหนือที่เชื่อมอยู่กับซาเรสซึ่งเป็นเมืองที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลาแถวนี้จึงมีหิมะตกในฤดูกาล



    จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยมาแถวนี้เพราะจำได้ว่าตอนเด็กๆชอบไปอ้อนให้ท่านพ่อทำหิมะให้เล่นอยู่บ่อยๆ สำหรับเขาอยากจะดูหิมะเมื่อไหร่ก็ดูได้



         ฟาโรห์ยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงความสุขสมัยเด็ก ตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในวังพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก



    เมื่อหันกลับไปเขาก็เห็นวัตถุสีทองสะท้อนแสงอยู่ไกลๆ ฟาโรห์เร่งความเร็วของทีเร็กไปข้างหน้าจนทิ้งห่างผู้ติดตามจนลิบตา



    โกโดมได้แต่ตะโกนโหวกเหวกพยายามเร่งความเร็วเจ้ามังกรรุ่นเด็กที่พยศจนน่าปวดหัว



    เออ!บินไม่ได้มั้งก็แล้วไป โกโดมเตะมังกรอย่างหัวเสียแต่ก็ต้องมานั่งกุมเท้าเพราะความเจ็บซะเอง



         สิงโต?



         วัตถุสีทองที่เขาเห็นดูเหมือนจะเป็นสิงโตที่มีขนทอง มันกำลังวิ่งไปทางซ้ายมือของเขาด้านที่เป็นที่ตั้งของป่าสน



    แต่แถวนี้ไม่มีสัตว์ล่าเนื้อนี่นาแล้วนั่นจะเป็นสิงโตแน่รึเปล่า



         สิงโตสีทอง…ฟาโรห์ยิ้มขึ้นมา



         ถ้าเขาจับมันได้คงสนุกน่าดู ฟาโรห์สั่งทีเร็กให้วิ่งไปอย่างเร็วพร้อมเรียกธนูมาไว้ในมือหวังจะพิชิตเจ้าป่าผู้หลงถิ่น



         ฟิ้ว!



         ฮี้~~~



         ธนูสีทองพุ่งเฉียดหน้าเขาไปไม่กี่นิ้วแล้วเสียงฝีเท้าม้ากับเสียงขู่ของมันก็ดังตามมา ฟาโรห์ลูบหลังสัตว์พาหนะให้หายตกใจก่อนจะหันไปยังทิศที่ธนูถูกปล่อยมา ภาพอาชาไนยสีดำค่อยๆเด่นชัดขึ้นท่ามกลางแสงแดดที่ไม่ได้แผดจ้าสักเท่าไหร่



         ผู้หญิง….



         สาวน้อยวัยไล่เลี่ยกับเขาลดคันธนูลงข้างตัวมือหนึ่งยังถือสายบังเหียนอยู่ เธอผิวขาวกว่าเขาเสียอีก ผมสีดำมัดไว้เป็นทรงสูงปล่อยไรผมลงมาประปราย



    ตาสีแดงใสมีแววไม่พอใจอยู่อย่างเห็นได้ชัด เธอใส่เสื้อขนสัตว์สีน้ำตาลเข้มที่ผ่าหน้ามีกระดุมเขี้ยวสัตว์ติดเป็นระยะห่างอย่างสวยงาม



    ชายเสื้อยาวเลยหน้าตักลงมานิดหน่อยคู่กับกางเกงที่มีผ้าปิดด้านหน้าดูผิวเผินคล้ายกระโปรง ถือว่าเป็นชุดที่ทะมัดทะแมงเหมาะแก่การล่าสัตว์



    “บังอาจ!”เธอตวาดใส่เขา ตาสีแดงใสราวทับทิมเนื้อดีจ้องอย่างเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นลดความน่ารักลงไป



    “รู้รึเปล่าว่าเจ้าทำให้เท็ดดี้หนีไปได้”เธอบังคับม้าให้เดินเหยาะๆเข้ามาใกล้กว่าเดิม



         เท็ดดี้…ฟาโรห์ขำในใจ ชื่อเจ้าสิงโตตัวใหญ่นั่นน่ะเหรอ



    “ขอโทษด้วย เราไม่รู้ว่าท่านกำลังตามหาสัตว์เลี้ยงอยู่”ฟาโรห์ยิ้มให้



    “ฮึ”อีกฝ่ายเชิดหน้าอย่างไม่พอใจ



    “เท็ดดี้ของเธอไม่ค่อยเชื่องเอาซะเลยนะ น่าจะหาปลอกคอให้มัน”



    “เท็ดดี้ไม่ใช่สัตว์ชั้นต่ำเช่นนั้น แล้วมันก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของฉันด้วย”



    “อ้าวก็…”



    “แต่บอกไว้ก่อนว่าฉันจองแล้วนายห้ามยุ่ง”เธอว่าพลางมองธนูในมือของฟาโรห์



    “อ๋อ”ฟาโรห์มองธนูในมือตัวเองก่อนจะเก็บกลับไป”งั้นฉันสละสิทธิก็ได้”



    “ถึงไม่สละนายก็ไม่มีสิทธิอยู่แล้วเพราะเท็ดดี้ไม่ใช่สัตว์ในเดมอส คนเดมอสย่อมไม่มีสิทธิ์”



    “คนเดมอส?”



         นี่คุณหญิงท่านคงจะคิดว่าเขาเป็นลูกหลานของพวกเอเดนที่พากันมาอยู่ในเดมอสตั้งแต่สงครามเมื่อหลายปีก่อนสิท่า ไม่ไหวเลยมาเหมาเรียกพวกเดียวกันเป็นปีศาจได้ยังไงเนี่ยะ แต่แล้วเขาก็ชะงักเมื่อนึกขึ้นได้



    “จะว่าไปแล้วในกายฉันก็มีบางส่วนที่เป็นเดมอส”



          สาวน้อยกระโดดลงจากหลังม้าแล้วจูงมันไปดื่มน้ำในลำธาร ฟาโรห์ดึงทีเร็กเข้าไปใกล้ก่อนจะกระโดดลงมาคุยด้วย



    “ฉันจะช่วยเธอจับเจ้านั่นอีกแรงเป็นการไถ่โทษ”



    “ไม่ต้อง ฉันมีความสามารถพอ”



    “เปล่า ฉันไม่ได้ดูถูกเธอนะ”ฟาโรห์รีบโบกมือปฏิเสธ เดินไปประชิดคนที่กำลังก้มลงล้างหน้าริมลำธาร”ฉันชื่นชมที่เธอเก่งดี”



    เธอคนนั้นหน้าเงยหน้าขึ้นมามอง



    “สิงโตไม่ใช่ลูกแมวที่จะจับกันได้ง่ายๆ เธอกล้าหาญมากที่มาตัวคนเดียว ฉันเองก็รักการผจญภัยเลยอยากรู้จักกันไว้”



    “เป็นเพื่อนกับพวกเดมอส?”เธอปรายตามองแล้วยิ้ม



    “ใช่ หรือเธอไม่กล้า” อย่างแม่นี่มันต้องใช้ไม้นี้สิ



    “นึกว่าฉันโง่รึไง บอกซะก่อนฉันตกลงจะเป็นเพื่อนนายแต่ไม่ใช่เพราะลูกไม้ตื้นๆนี่หรอกนะ”



    “ฉันฟาโรห์ ยินดีที่ได้รู้จัก”



    “พาทริซเซีย”



    “ฝ่าบาทๆ”โกโดมลงจากหลังมังกรรีบตรงมาทันที”โธ่ไม่รอกันบ้าง ไอ้มังกรนี่ก็ไม่ได้ความเล้ย”



    “ฝ่าบาท”พาทริซเซียทวน ฟาโรห์รีบแก้ตัวทันที



    “สัตว์เลี้ยงของฉันเองน่ารักมั๊ย”ยืดแก้มโกโดมไปมา



    “หา! ฝ่าบาทหม่อมฉันไม่ใช่สัตว์นะพะย่ะค่ะ”



    “คือเรากำลังเล่นเกมเจ้าชายซ่อนแอบกันอยู่นะ”



    “เอาเถอะ ดูจาก…สารรูปนาย…ฉันก็ไม่คิดว่าเป็นเจ้าชายหรอกนะ”



    พาทริซเซียชักบังเหียนกลับไปทางทิศตะวันออก



    “เธอจะมาตามหาเท็ดดี้อีกเมื่อไหร่”



    “เท็ดดี้ชอบแสงจันทร์ อีก5วันเมื่อพระจันทร์เต็มดวงฉันจะมา”



    “งั้นฉันขอมาเล่นด้วยคน จะให้ฉันตามเก็บธนูให้ก็ได้นะ”



    “งั้นฝากนายด้วยก็แล้วกัน”พาทริซเซียหัวเราะเบาๆไม่ได้คิดจริงจัง



    “พาทริซเซีย เธอมาจากที่ไหน”ฟาโรห์เดินตามม้าที่เริ่มออกวิ่ง



    “ซาเรส”



    เสียงตะโกนสุดท้ายก่อนจะหายลับไปกับเสียงฝีเท้าม้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×