ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic : หัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #17 : จู่โจมครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 48




    “รานดอฟ ยูริค”ฟาโรห์ชะงักเล็กน้อย



    “หวัดดี”ไอริสโผล่หน้าออกมาอีกคน ฟาโรห์รีบชักมือออกจากแผงกำไลโดยสัญชาตญาณ



    “นายใส่กำไลด้วยเหรอ”รานดอฟแกล้งแซวขณะยักคิ้วให้เขาเหมือนจะถามว่าแล้วพาทริซเซียล่ะ



    “รุ่นพี่ล่ะฟาโรห์”ยูริคแทรกขึ้นโดยไม่รู้จักดูกาลเทศะ ไอริสเอียงคอมองด้วยความสงสัย



    “มากับรุ่นพี่เหรอ”ฟาโรห์พยักหน้านิดๆไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังโดนสอบสวน และไม่อยากจะตอบคำถามของเธอด้วย



    “อ้าวอยู่นั่นไง”ยูริคบอกไอริส เธอเลยไปหาพาทริซเซีย ส่วนเขาก็มองแผงกำไลอย่างสนใจครู่หนึ่ง



    “เหงื่อแตกแล้ว แค่เจอรถไฟขบวนที่สองทำเป็นตื่นเต้นไปได้ วันหลังจะให้ฉันช่วยสอนสับรางไหม”



    “ขบวนสองอะไรเล่า”ฟาโรห์เฉไปอีกเรื่อง



    “ไอริสออกจะน่ารัก ไม่อันตรายแบบพาทริซเซีย บริสตั้น”



    “น่ารักนายก็รักซะสิ”ฟาโรห์ประชด รานดอฟเห็นอาการของเพื่อนแล้วก็อดไม่ได้



    “นายชอบพาทริซเซียจริงเร้อ ไม่ลองทบทวนดูอีกครั้งล่ะว่านายชอบเธอหรือแค่ปลื้มเท่านั้น ถ้ามานึกเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ



    ใครมันจะมารอนายอยู่ตลอดเวลาล่ะ”ประโยคหลังรานดอฟบ่นกับตัวเองแต่เขายืนใกล้ก็เลยได้ยินชัดเจน



    “ฉันก็ยังไม่แน่ใจแต่ฉันรู้สึกดีเวลาที่ได้เจอกับทริซเซีย เรามีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน เธอเป็นคนดื้อรั้นแต่ก็อ่อนโยนว่าไปก็คล้ายกับท่านแม่อยู่บ้าง”



    “ถ้านายชอบพาทริซเซียเพราะคล้ายแม่ล่ะก็ ฉันว่านายสมควรเปลี่ยนใจได้แล้ว นายอาจจะคิดว่าอบอุ่นเหมือนอยู่กับแม่แต่เขาไม่ใช่แม่นายนะ แล้วไอริสล่ะ”



    “อีกแล้ว นายชอบพูดแต่เรื่องของไอริส”



    “หรือแกจะปฏิเสธว่าไม่ได้สนใจ”รานดอฟเห็นฟาโรห์ไม่เถียงก็ใส่ต่อทันที \"พูดไม่ออกล่ะสิ”



    “ยุ่งน่า”



    รานดอฟกอดคอฟาโรห์มาใกล้ๆพร้อมชี้ไปบนท้องฟ้าชวนเขาดูพระจันทร์กับดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับกลางความมืดมิด



    “นายว่าพระจันทร์กับดวงดวงอะไรสวยกว่ากัน”



    “จะไปรู้เหรอ ก็สวยเหมือนๆกันนั่นแหละ”ฟาโรห์ตอบแบบขอไปที



    “จะเหมือนได้ไงเล่า นี่นายดูนะ พระจันทร์สว่างกว่าดวงดาวใช่ไหม ถึงดาวจะไม่สว่างเท่าแต่มันก็มีความงามในตัวเอง”



    “อืมๆ”ฟาโรห์พยายามตัดบทแต่รานดอฟกลับไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ



    “พาทริซเซียอาจสูงศักดิ์เหมือนดวงจันทร์ที่โดดเด่นแต่ไอริสก็เหมือนดวงดาวที่สดใส เธออาจให้แสงสว่างกับนายไม่ได้แต่ก็ช่วยนำทางนายท่ามกลางความมืดมิดได้”



    “แกจะพูดอะไรของแกเนี่ยะ บอกตรงๆเลยนะว่าไม่ซึ้งซักนิด”ฟาโรห์ทำลายบรรยากาศ



    รานดอฟชักยัวะจากที่กอดคอเหมือนรักกันนักหนาก็ผลักออกซะดื้อๆ



    “ก็ฉันเป็นนักฆ่านี่หว่า จะให้พูดหวานซึ้งเจ้าบทเจ้ากลอนเหมือนเจ้าชายอย่างนายได้ยังไงล่ะ



    ไ อ้การศึกษาสูง อุตส่าห์ช่วยแล้วยังไม่สำนึกอีก”รานดอฟทำท่าจะกินหัวเขาให้ได้



    วูบ.....



    รานดอฟชะงัก เขารีบกระชากฟาโรห์เหวี่ยงไปด้านหลังทันที



    เกร๊ง!



    “รานดอฟ ระวัง!”ฟาโรห์ลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว หันไปทางที่อาวุธลับถูกปล่อยเพื่อหาตัวคนลงมือ แต่ตอนนี้คนในตลาดต่างพากันวิ่งพล่านเหมือนกำลังหนีอะไรสักอย่าง จนเขาแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร



    “ไฟไหม้! ดับไฟเร็ว! ไฟไหม้….”



    “บ้าเอ๊ย”รานดอฟกระวนกระวายหันซ้ายหันขวาไปทั่ว



    “ฟาโรห์ รานดอฟ เป็นอะไรรึเปล่า”เสียงยูริคตะโกนถาม ร่างของเจ้าชายแห่งโรมันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตามด้วยไอริสกับพาทริซเซีย ไอริสหน้าตื่นเล็กน้อยแต่พาทริซเซียขมวดคิ้วด้วยความสงสัยซะมากกว่า



    เธอมองที่เขาและรานดอฟเมื่อเห็นว่าปลอดภัยทั้งคู่เธอก็ไม่ได้กล่าวอะไร



    “คงไม่ใช่อันธพาลตีกันหรอกนะ”ไอริสเสนอ



    “ก็คงเป็นอย่างงั้น เป้าหมายที่ถูกจู่โจมคงเป็นนายสองคน  ไปก่อเรื่องไว้ที่ไหนรึเปล่า”ยูริคซัก



    “เปล่า ถ้าฉันกับฟาโรห์ก่อเรื่อง นายก็ต้องเป็นหนึ่งในจำเลยสิ”รานดอฟแกล้งแหย่ไม่ดูเวล่ำเวลา



    ยูริคส่ายหัว เขาลืมไปเลยว่าตัวเองก็อยู่กับสองคนนี้ตลอดเวลา สมแล้วที่ถูกตอกจนหน้าหงาย



    ฟ้าว...



    อาวุธลับถูกซัดเข้ามาอีกรอบราวกับฝนที่เริ่มตกหนักจนต้องรีบชักดาบมาป้องกันตัวกัน ดูท่าว่าอาวุธเหล่านี้จะไม่หมดง่าย ๆ ซะด้วย



    รานดอฟทนอยู่ไม่ไหว เขาก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ราวกับไม่กลัวห่ าฝนอันแหลมคมที่เริ่มโหมกระหน่ำมากขึ้น



    ฟาโรห์เอื้อมมือจะห้ามแต่ก็ต้องชักมือกลับเมื่อถูกของมีคมสามสี่ชิ้นบาดที่ท่อนแขนจัง ๆ



    “อย่าห้ามฉัน ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร”



    สิ้นเสียงของรานดอฟก็มีคนชุดดำจำนวนหนึ่งพุ่งมาจากต้นไม้ข้างทาง ทุกคนพยายามสบตากันเพื่อสื่อสาร บัดนี้ตลาดที่เคยคึกคักกลับไม่มีแม้แต่เสียงพ่อค้าแม่ขาย



    เหลือแต่แผงเปล่าที่ถูกทิ้งไว้เป็นที่รองรับลูกธนู กับฝุ่นควันจาง ๆ จากกองไฟที่คนร้ายจุดเป็นการจัดฉากไปอย่างนั้น



    “โล่เมฆา”



    หมอกควันกลุ่มใหญ่พวยพุ่งจากโล่อันเล็กเท่าฝ่ามือขณะที่มันลอยไปกั้นรานดอฟไว้จากกับดักเบื้องหน้าของเขาคือโล่ใสราวกระจกที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะเท่าประตูทางเข้าสวนของโรงเรียนพระราชาของเอดินเบิร์ก



    รู้จักกันตั้งนานเพิ่งจะรู้ว่าไอริสมีของดีขนาดนี้



    “โล่นี้จะกันอาวุธฝ่ายตรงข้ามไว้แต่มีพลังป้องกันไม่มากหรอกนะ ตอนนี้เรารีบหนีกันเถอะ”



    “คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ”พาทริซเซียกล่าวขึ้น



    “ถ้าไม่พ้นเธอคิดจะทำยังไง”รานดอฟแค่นยิ้ม เขารู้ดีว่าพาทริซเซียคงจะประชันหน้ากับศัตรูแน่



    “รุ่นพี่จะใช้วิธีนั้นจริงๆเหรอ  เอาเถอะถ้าไม่มีทางเลือกอื่น ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะหนีพ้น”



    “ว้าว งั้นเรามาสาบานเป็นพี่น้องกันก่อนดีมั๊ยฮะ ไหน ๆ ก็จะตายร่วมกันอยู่แล้ว”ยูริคเอ่ย



    “อย่าพูดพล่อย ๆ น่ายูริค ฉันยังไม่ได้บอกลาท่านพ่อท่านแม่เลยจะตายก่อนได้ยังไงกัน น้องฉันก็กำลังรออยู่ เรื่องอะไรจะยอมตายง่าย ๆ “ฟาโรห์ตวัดดาบไปข้างหน้า



    “ฉันเป็นรุ่นพี่ต้องออกโรงก่อน”พาทริซเซียยิ้มให้เขา



    “หึ”รานดอฟวิ่งสวนออกไปเป็นคนแรก



    “โล่เมฆา”ไอริสรีบเรียกโล่กลับทันที เธอออกอาการงอนเล็กน้อยที่รานดอฟบ้าบิ่นขนาดจะพังโล่วิเศษณ์ของเธอทิ้งเอาดื้อ ๆ



    “โทษที”รานดอฟหัวเราะกลับมา



    แล้วการต่อสู้ท่ามกลางความมืดก็เริ่มขึ้น ความเหนือกว่าจึงอยู่ที่ประสาทสัมผัสของแต่ละคนว่าจะสามารถจับวิถีอาวุธลับกับดาบของคู่ต่อสู้ได้แค่ไหน



    สำหรับรานดอฟเขาคงไม่ต้องห่วงอยู่แล้วเพราะหมอนั่นเป็นนักฆ่า ทักษะเป็นเลิศที่สุดในบรรดาพวกเดียวกัน ส่วนพาทริซเซียเธอเปลี่ยนดาบเป็นว่าเล่นแสดงว่ายังปลอดภัยดี



    ที่น่าห่วงคือไอริสกับยูริคเขาไม่รู้ว่าพื้นฐานของสองคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ที่รู้รู้คือเขาชักจะคันไม้คันมือจนแทบอดไม่อยู่ทั้ง ๆ ที่ท่านแม่เคยกำชับไม่ให้ฆ่าคนถ้าไม่จำเป็นจริง



    แต่ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้เห็นทีเขาต้องระบุว่าเป็นเหตุจำเป็นซะแล้ว



    “ถอย”เสียงสั่งการดังขึ้นจากเบื้องบน คนจำนวนหนึ่งกระโดดวูบผ่านเหนือยอดไม้จากไปอย่างรวดเร็ว เขาพยายามเพ่งแต่ก็เห็นแค่ชายผ้าคลุมหน้าโบกอยู่ไกล ๆ



    “ธนูมีรอยสลักรึเปล่า”พาทริซเซียก้มเก็บลูกธนูเล็ก ๆ ที่เกลื่อนพื้นอย่างสนใจ



    “เขาอุตส่าห์ซุ่มโจมตี คงโง่สลักชื่อไว้หรอกนะ”รานดอฟขัด เขาดึงลูกธนูที่ปักตรงหัวไหล่โดยไม่แคร์ต่อความเจ็บปวดแม้ภายหลังจะเบ้หน้าร้องโอ๊ยขึ้นก็ตาม



    “ไม่โง่เหมือนบางคนจริง ๆ ด้วย”พาทริซเซียเปรยขณะที่ก้มหน้าลูบก้านธนูอันเล็ก



    “เธอว่าใคร”



    “เข้าตัวเหรอ”เธอเงยหน้ามาสบตากับรานดอฟ”ดึกมากแล้ว นายเองก็ควรรีบกลับไปทำแผล”



    “ชิ”รานดอฟหันหน้าหนีไปอีกทาง



                                                         ...........................................................



    “ไหวไหม”



    “พอได้ ๆ “ยูริคตอบพาทริซเซีย



    “สูงชะมัดเลยกำแพงบ้าอะไรเนี่ยะ”รานดอฟบ่นเหมือนจะว่าพาทริซเซียกลาย ๆ



    “มีอยู่แค่วิธีเดียวนายก็เห็น”ยูริคไกล่เกลี่ย



    “เป็นผู้คุมกฎก็น่าจะรู้อะไรที่คนอื่นไม่รู้บ้างสิ แบบนี้จะไปจับไต๋ใครทัน”



    “รานดอฟ นายช่วยหุบปากแล้วเอาเท้าออกจากหัวฉันเร็วๆหน่อยได้มั๊ย”ฟาโรห์โวย



    “เออ วางแค่นี้ทำเป็นบ่นไปได้” รานดอฟถีบตัวขึ้นเถาวัลย์อีกนิดโดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาทำให้ฟาโรห์ต้องลำบากมากขึ้นเพราะถูกแรงดันจากเบื้องบนกดให้ตัวรูดลงไป



    ฟาโรห์ถอนใจเบา ๆ พยายามปีนต่อถือซะว่าเพื่อนรักกำลังบาดเจ็บ



    “ไม่รู้มาก่อนเลยว่าหลังโรงเรือนมีที่แบบนี้ด้วย”ตอนนี้ไอริสนั่งอยู่บนกำแพงแล้ว เธอกวาดตามองเบื้องล่างด้วยความอยากรู้ ที่จริงรานดอฟพูดไม่ถูกซักนิด



    บริเวณนี้ค่อนข้างลึกลับพอสมควรถ้าพาทริซเซียไม่นำมาพวกเธอก็คงไม่รู้ว่า หลังโรงเรือนที่สูงตระหง่านจะมีลู่ทางออกไปข้างนอกได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น



    เมื่อมองนอกกำแพงก็อดชื่นชมกับความพยายามของฟาโรห์ไม่ได้ เธอกับรุ่นพี่ได้ขึ้นมาก่อนเพราะได้รับความเห็นใจที่เป็นผู้หญิง



    ก็เลยเห็นโดยตลอดว่าทุกครั้งที่รานดอฟขึ้นมาได้หนึ่งช่วง ฟาโรห์กลับถูกลดต่ำลงไปอีกหนึ่งขั้น



    “ถึงซะที”ฟาโรห์กล่าวปิดท้าย เขาอยากจะยืนบิดตัวแก้เมื่อยนัก แต่ติดที่ว่าจะมีใครเห็นเขายืนเด่นอยู่บนนี้แล้วจะพากันซ วยยกหมู่



    “คราวนี้คงต้องกระโดดลงไปแล้วล่ะ”ยูริคหน้าเห่ย”ฉันจะลงไปก่อนแล้วกัน ฟาโรห์นายมากับฉันจะได้ช่วยรับรานดอฟกับพวกผู้หญิง”



    พาทริซเซียขำเล็กน้อยกับท่าทางจริงจังของยูริค ภาพเจ้าชายแห่งโรมันสำหรับเธอแล้วดูเป็นคนนุ่มนิ่มและสุภาพ ต่างจากลักษณะโดยทั่วไปของชาวโรมันที่แข็งแกร่งร่างกำยำโดยสิ้นเชิง



    “เฮ้ย ฉันลงเองได้”รานดอฟพูดไม่ทันขาดคำก็ร่วงลงมาอย่างหวาดเสียวให้เขาสองคนรับแทบไม่ทัน รานดอฟร้องซีด ๆ ซึ่งเป็นผลจาการขยับไหล่มากไป



    รู้งี้เชื่อเพื่อนแต่แรกก็คงดี



    พาทริซเซียให้ไอริสกระโดดลงมาก่อน เขาเลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะรับเธอไว้แทนยูริคที่กำลังพยุงรานดอฟให้ยืนขึ้น ไอริสก้าวพลาดไปนิดทำให้เธอทรงตัวไม่อยู่โถมตัวใส่เขาเต็มๆ



    “เป็นอะไรรึเปล่า”ฟาโรห์จับไหล่ของไอริสที่ก้มหน้ากอดคอเขาไว้แน่น รานดอฟแกล้งไอขัดเป็นเชิงเตือน ฟาโรห์ส่งแววตาพิฆาตมารไปให้แต่ก็ทำอะไรมารนักฆ่าไม่ได้สักนิด



    “ไม่หรอก”ไอริสค่อยๆเงยหน้าช้าๆ เธอพยายามที่จะไม่มองหน้าฟาโรห์เพราะดันไปสบตารานดอฟที่สื่อความหมายล้อเลียน จนรู้สึกอายเหมือนกับทำความผิดอะไรสักอย่าง ได้แต่ยืนทำหน้าแปลก ๆพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่แถวนั้น



    “ระ รุ่นพี่ฮะ”น้ำเสียงยูริคค่อนข้างตระหนก ฟาโรห์หันไปก็เห็นสาวน้อยใจกล้าบ้าบิ่นคนหนึ่งลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ ไม่ส่งสัญญาณบอกให้คนข้างล่างเตรียมรับตัวเธอบ้างเลย



    “ทริซเซี...”ฟาโรห์ถลาไปอีกมุม เขารู้สึกว่ายิ่งรู้จักเธอก็ยิ่งทึ่งกับความกล้าเหนือมนุษย์เข้าไปทุกที ทำไมนะตอนแรกในสายตาเขาเธอถึงได้ดูเป็นสาวน้อยเรียบร้อย หยิ่งทะนง ไม่น่าคบ



    ตุบ...



    ฟาโรห์รู้สึกว่าผมสีดำขลับของพาทริซเซียร่วงบนใบหน้าปาดไปถึงหูทั้งที่มันก็ยาวแค่ประบ่าเท่านั้น ไม่ได้ยาวถึงกลางหลังเหมือนเมื่อก่อน และรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆกดทับอยู่บนตัว



    โดยเฉพาะตรงกระดูกไห้ปลาร้าที่สองมือของพาทริซเซียคงกำลังกดไว้ เขาค่อยๆลืมตาขึ้น



    “ผมเธอมีน้ำหนักดีนะ”เขาแหย่ขึ้นก่อน เมื่อลืมตาขึ้นมาเต็มสองตาถึงได้เห็นว่าเธอหล่นมานั่งบนตัวเขาเหมือนที่คาดเอาไว้ แต่แทนที่จะหัวเราะเธอกลับมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย



    “ขอ..ขอโทษ”พาทริซเซียพูดตะกุกตะกัก เหมือนเธอจะหน้าแดงด้วย คงอายที่ทำตัวเหมือนเด็กล่ะสิ



    “ไม่เป็นไร ทีหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะตกใจแทบแย่”เขาหันไปหาเพื่อนๆหวังจะมีแนวร่วมสนับสนุนแต่ก็ต้องงงไปเหมือนกัน



    ที่ทุกคนต่างให้ความสนใจมองเขาเป็นตาเดียว โดยเฉพาะรานดอฟนั้นเบิกตากว้างจนน่าหัวเราะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×