ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic : หัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #16 : บนลานธนู

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 48




    รานดอฟป้องมือมองไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นเดียวที่ให้ร่มเงากลางลานหญ้าอันโล่งเตียน ในขณะที่แดดร้อนๆกำลังแผดเผาสิ่งมีชีวิตบนโลกจนแทบจะสุกไปตามๆกัน เมื่อตัดสินใจได้แล้วเขาก็โยนเป้ให้ยูริครับไปเป็นภาระ



    “นายจะรีบไปไหนรานดอฟ”



    “ไม่เห็นเหรอว่าเขามุงอะไรกันอยู่ ขอฉันรู้ด้วยคนเถอะน่า”เขาเหลียวมาบอกฟาโรห์ก่อนจะวิ่งไป



    “ฟาโรห์ นายไม่รีบใช่มั๊ย”ยูริคยิ้ม



    “อือ”ทันทีที่เขาตอบคำถาม เจ้าชายแห่งโรมันก็โยนเป้มาให้เขารับช่วงต่อ



    “เฮ้...”ฟาโรห์ยกมือห้ามก็ไม่ทันซะแล้ว



                                          ............................................................................................



    “รุ่นพี่น่ารักจังฮะ”



    “รุ่นพี่น่าจะทำทรงนี้ตั้งนานแล้วนะ”



    “รุ่นพี่ตัดผมที่ไหนคะ”



    “รุ่นพี่! เปลี่ยนทรงเหรอครับ”



    รานดอฟได้แต่ชะเงออยู่นอกวงไม่รู้ว่าข้างในกำลังทำอะไรกันอยู่ได้ยินเพียงเสียงพึมพำลอดออกมาเพียงเบาๆ เขาพยายามจะเบียดเข้าไปแต่ก็ไม่สำเร็จ



    รานดอฟมองที่กลุ่มเพื่อนผู้หญิงอีกด้านด้วยความเซ็งที่พวกหล่อนทำเสียงเอะอะกรี๊ดกร๊าด แล้วไอเดีย(ชั่วร้าย)ก็กระฉูดอย่างเบรกไม่อยู่



    “อ๊าย... ว๊าย... กรี๊ด.....”



    รานดอฟคลานไปพลางหัวเราะขำเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆที่กำลังกระโดดหลบกันวุ่นวาย



    วิธีนี้แหละใช้ได้ผลดีที่สุด! มีแต่คนหลีกทางให้เขาไปโดยสะดวกถึงแม้อาจจะโดนรุมเอาภายหลังก็ตาม



    อย่างน้อยเขาก็ยังมีฟาโรห์กับยูริคอยู่อีกตั้งสองคน ถ้าเจ้าเพื่อนบ้าไม่เกิดอาการผีผู้ผดุงความยุติธรรมเข้าสิงซะก่อน



    “รานดอฟ ฟีลมัส!”เสียงตวาดเบาๆดังจากด้านหน้า



    รานดอฟหน้าเสียเล็กน้อยค่อยๆเงยหน้ามองที่ละนิด รองเท้าหุ้มส้นสีดำสนิทกับเรียวขาขาวๆขวางเขาไว้ เขากลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่นึกในใจว่าโชคดีเหลือเกินที่ฟาโรห์ไม่มาเห็นเขาในสภาพนี้



    ไม่งั้นเขาอาจโดนมันฆ่าโทษฐานที่เห็นขาเรียวๆของเจ้าหญิงแห่งซาเรสอย่างใกล้ชิดเกินไป



    “นายคิดจะทำอะไร จะแอบดูเพื่อนเหรอ”



    “ใช่ น่ารักจริงๆ”เสียงยูริคแทรกขึ้นมาทำให้เขาหันไปทันที แม้อีกใจจะกลัวว่าพระบาทของเจ้าชายแห่งคาโนวาลอาจง้างรอใบหน้าหล่อๆของนักฆ่าคนนี้อยู่ข้างๆยูริคก็เป็นได้



    “รุ่นพี่ดูเด็กขึ้นนะฮะ ถ้าไม่บอกผมนึกว่าเป็นรุ่นน้องซะแล้ว”ยูริคตบมืออย่างถูกใจ



    รานดอฟสังเกตดีๆ พาทริซเซียซอยผมซะใหม่ดูน่ารักขึ้นมากทีเดียว เธอทำผมหน้าม้าสไลด์ลงมาข้างแก้มส่วนด้านหลังยาวถึงต้นคอทำให้เธอดูบ้องแบ๋วเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆ



    เขาว่าทรงนี้เข้ากับเธอมากกว่าผมที่ยาวสลวยเงางามแต่มัดไว้ไม่เคยปล่อยลงมาให้คนอื่นได้ชื่นชมเสียอีก



    “....จริงมั๊ยรานดอฟ....รานดอฟ!”



    “อะ...อืม น่ารักดีฮะ”เขาอ้อมแอ้มตอบ หวังว่าเธอจะบ้ายอเหมือนสาวๆทั่วไปนะ



    ตุบ!



    “หึย”รานดอฟเอี้ยวตัวหลบเป้ที่ร่วงลงมาจากฟ้าอย่างไม่ทันรู้ตัว



    “ทริซเซีย!”ฟาโรห์อุทานขึ้น คงตกใจที่ยอดยาหยีตัดผมล่ะมั้ง เฮ่อ...ก็นายเองไม่ใช่รึไงที่ไปหั่นผมเขาน่ะ



    รานดอฟยันตัวลุกขึ้นมาเอาแขนพาดไหล่ฟาโรห์เหมือนจะเตือนสติ



    “อ้อ ซอยผมมาเหรอดูดีมากเลยนะ”



    “ขอบใจจ้ะ เอาล่ะทุกคนคงมากันพร้อมแล้วนะ ฉันมีข่าวดีจะบอกว่าวันนี้อาจารย์ติดธุระงดการสอนหนึ่งวัน”เมื่อเธอกล่าวจบก็มีสียงเฮกันลั่นบางกลุ่มก็ชวนกันกลับป้อม



    “รุ่นพี่สอนก็ได้นี่ฮะ”เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งทำมาพูดอ้อน



    เขาจำได้ว่าหมอนี่เคยโดนเจ้าชายเฟรเดอริคเล่นงานไปรอบหนึ่งแล้วด้วยข้อหาที่พยายามส่งจดหมายรักให้น้องสาวสุดที่รัก



    ถือเป็นคราวซวยที่ใครก็ช่วยไม่ได้ของหมอนี่เพราะถูกคนแกล้งเอาจดหมายฉบับนั้นไปส่งให้เจ้าชายเฟรเดอริคซะก่อน



    “อยากซ้อมเหรอจ๊ะ ไปเบิกอุปกรณ์มาก็ได้นะเดี๋ยวเซ็นให้”เธอตัดบทอย่างรู้ทัน ฟาโรห์แอบดีใจนิดๆที่อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยถูกเธอปฏิเสธคำขอเลยสักครั้ง



    แถมยังช่วยแก้ตัวให้เขาพ้นจากเงื้อมือของพี่ชายทุกที แต่ก็แหงล่ะเขาเคยช่วยชีวิตเธอในยามอันตรายที่ไม่มีใครสามารถยื่นมือมาถึง



    “รุ่นพี่จะกลับเหรอฮะ แหม...ผมก็เพิ่งนึกได้ว่ามีงานต้องทำ เราเดินกลับด้วยกันดีไหมฮะ”



    “ยังจ๊ะ ว่าจะไปหาอะไรเล่นแก้เซ็งซะหน่อย”



    เยส! วู้ฮู้...แล้วหมอนั่นก็เดินคอตกไปตามระเบียบ



    พาทริซเซียกระโดดขึ้นอาชานิลคู่ใจ ขยับบังเหียนเตรียมมุ่งหน้าไปทางป่าโปร่ง



    “ขอไปด้วยคนสิ ได้รึเปล่า”



    “ถ้าตอบว่าไม่ได้ล่ะ”



    “ฉันก็จะไป”



    “นายไม่มีม้า ฉันจะเข้าป่าลึก”เธอยิ้มกันท่า



    “ฉันจะเรียกไกมา”



    “ยังไม่ได้ขออนุญาต”เธอกระตุกเชือกเบาๆอาชานิลก็ค่อยๆย่างเท้าไปข้างหน้า



    “ทริซเซีย”เขามองม้าที่ล้ำหน้าไปไม่กี่ก้าว



    “มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวก็ตามไม่ทันหรอก”เธอแซวก่อนตีสีข้างม้าจนมันควบทะยานไปข้างหน้า



    “รอด้วย”ฟาโรห์รีบวิ่งตามไปด้วยอารมณ์เบิกบาน



    “ฟาโรห์ ฟาโรห์!”รานดอฟยกมือห้ามแต่เหมือนว่าเพื่อนของเขาจะเตลิดไปไกลซะจนไม่รับฟังเสียงของเขาแล้ว”ดูมัน บ้าวิ่งไปได้เดี๋ยวก็เหนื่อยตายพอดี”



    “ช่างเถอะฮะ ความรักเอาชนะทุกสิ่ง”



    “รักข้างเดียวน่ะเหรอ”รานดอฟย้อน



    “ดูนายจะไม่พอใจที่ฟาโรห์ไปสุงสิงกับรุ่นพี่จังนะ หรือว่านายชอบรุ่นพี่”



    “บ้า ใครจะไปชอบคนแก่”



    “ไม่รู้สิฮะ”เขาหัวเราะเบาๆพยายามแหล่ตามองรานดอฟที่ทำท่าเหมือนกินปูนร้อนท้อง



    “กลับ กลับ กลับ”รานดอฟเดินนำไปแต่ถูกยูริครั้งไว้ก่อนพร้อมกับชี้ไปอีกด้าน



    “หา!”เขาร้องขึ้นเมื่อดูแล้วว่ายูริคจะลากเขาไปที่ไหน



                                                     ......................................................................................

    ฉัวะ!



    ตึง!



    กิ่งไม้ขนาดใหญ่หล่นลงมาจากต้นฉับพลันที่ประกายสีเงินแวบผ่าน



    วัตถุสีเงินร่อนกลับมาอยู่ในมือของเจ้าหญิงแห่งซาเรสเป็นที่เรียบร้อย มันเป็นอาวุธมีคมชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างโค้งเหมือนจันทร์เสี้ยว



    ประดับด้วยเพชรและทับทิมเม็ดเล็กฝังเป็นลวดลายสวยงามจนแทบมองไม่ออกเลยว่ามันจะร่อนบนฟ้าได้ราวกับนกที่มีน้ำหนักเบา



    พาทริซเซียไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอาวุธอะไร รู้แต่ว่าท่านพ่อของเธอได้มาจากชาวเผ่าอะไรซักอย่างแถวชายแดนเดมอสแล้วก็ยกให้เธอไว้เล่นยามเหงา พาทริซเซียตั้งชื่อมันว่า”เสี้ยววายุ”



    “ลองบ้างไหมฟาโรห์”พาทริซเซียถามอย่างมีน้ำใจ



    “ฮึอึ”ฟาโรห์ส่ายหน้าเป็นพัลวันเผลอเอามือจับคอโดยไม่รู้ตัว



    ที่จริงเขาก็อยากเล่นของสนุกแบบนี้บ้างเหมือนกันแต่ความคิดก็ต้องเปลี่ยนไปทันทีที่รู้ว่าเจ้าชายเฟรเดอริคก็มีเจ้านี่ในมือ แถมทริซเซียยังบอกว่าพี่ชายเล่นเก่งกว่าเธอซะอีก



    เขาก็เลยรู้สึกเสียวขึ้นมาปัจจุบันทันด่วนเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าเฟรเดอริคจะเอาหัวเขาไปเป็นเป้าทดสอบอานุภาพอันร้ายกาจของเสี้ยววายุอะไรนี่



    พาทริซเซียเก็บของเล่นของเธอลงฝักที่ทำจากทองคำแท้แล้วนั่งลงข้างๆเขา ฟาโรห์ทรุดตัวนั่งตาม ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงสวยๆทำไมถึงชอบอะไรโหดๆนัก



    \"ฉันต้องขอโทษด้วย...เรื่องผมของเธอน่ะ คือฉัน\"



    \"ไม่ต้องคิดมากหรอก นานๆทีเปลี่ยนทรงผมบ้างก็ไม่เลวนะ\"



    \"ขอบคุณ\"ฟาโรห์ยิ้มเจื่อนๆ



    “รู้รึยังว่าจะได้ไปเที่ยวโคมาน”



    “อืม ฉันว่าที่นั่นไม่น่าสนุกเลยนะ ชีวิตของชาวบ้านก็เรียบง่ายไม่น่าตื่นเต้นซักนิด”



    “ต้องฆ่าฟันกันเท่านั้นเหรอถึงจะเรียกว่าความสุข”



    “เปล่า ยังไม่ได้พูดซักคำ”



    “ฟาโรห์ นายอาจจะใช้ชีวิตที่โลดโผนเพื่อสร้างความสุข เกิดมาเป็นเจ้าชายอยู่อย่างสบายมีอำนาจเหนือคนอื่น แต่นายอย่าลืมเด็ดขาดว่าความสุขที่แท้จริงคือการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสงบสันติ”



    “นึกอะไรขึ้นมาถึงเทศน์กันเป็นการใหญ่”ฟาโรห์ไม่ได้ใส่ใจอะไร



    “ฉันพูดเพื่อเตือนสตินายต่างหากล่ะ นายอาจคิดว่าฉันเองก็ชอบทำอะไรแผลงๆตรงข้ามกับคำพูดเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง



    ฉันไม่ได้ห้ามให้นายเลิกจับอาวุธเพราะฉันรู้ดีว่าคนของราชวงศ์ควรมีฝีมือติดตัวบ้าง แต่ฉันคิดว่าสักวันนายต้องก้าวขึ้นมามีอำนาจเหนือแผ่นดินคาโนวาล



    จึงไม่อยากให้นายเห็นว่าการสู้รบเป็นเรื่องสนุกหรือเป็นเพียงเกมยามว่าง”



    “อืม แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรโหดร้ายขนาดนั้น”



    “คนเราพอมีอำนาจในมืออะไรที่ว่าไม่แน่ก็อาจยิ่งกว่าแน่ซะอีก”



    “เครียดจัง เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่ามั๊ย”ฟาโรห์พยายามยิ้มทั้งที่แทบจะยิ้มไม่ออก ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องที่เธอพูดแต่เพราะเป็นเรื่องที่น่าขบคิดมากๆ



    มันทำให้เขานึกถึงสงครามเมื่อประมาณ20ปีก่อนที่ทั้งพ่อแม่ปู่ตายายหรือแม้แต่ทวดของเขามีส่วนร่วมกันทั้งสิ้น ถ้าจะพูดง่ายๆก็คือตระกูลของเขามีเอี่ยวทั้งตระกูลนั่นแหละ



    “เอาเถอะ นายยังรักสนุกไม่จำเป็นต้องรีบพูดนักก็ได้มั้ง ฉันเองก็ไม่อยากเถียงกับเด็ก”



    เด็ก!



    นี่เธอว่าเขาเป็นเด็กเหรอเนี่ยะ!



    “ฉันโตแล้วนะ”ฟาโรห์เถียงทันที



    “ยังไงก็อายุน้อยกว่าฉันอยู่ดีนั่นแหละ”



    “เธอเรียนก่อนเกณฑ์นี่นา อายุเธอมากกว่าชั้นแค่11เดือนด้วยซ้ำ”เขาลืมตัวเผลอโพล่งเรื่องที่แอบไปสืบมาจนหมดไส้หมดพุง



    “รู้ได้ไง”พาทริซเซียขึ้นเสียงสูงเล็กน้อย คิ้วของเธอขมวดเป็นเกลียวแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร



    “ก็ได้ยินมาอีกทีน่ะ เห็นรุ่นพี่เขาพูดๆกัน”



    “เหรอ”ดูเหมือนพาทริซเซียไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่สาวความให้มันยืดยาว”ฉันจะไปตลาดไปด้วยกันมั๊ย”



    “ไม่กลัวโดนว่าเหรอเป็นผู้คุมกฎแท้ๆกลับทำผิดซะเอง”



    “ถ้าไม่อยากไปก็กลับไปก่อนสิ”เธอยิ้มดักคอเขาราวกับรู้ทันความคิดยังไงยังงั้น



    “มาด้วยกันก็ไปด้วยกันสิ”เขารีบประจบ



    “ก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไขนะนายรับได้รึเปล่าล่ะ”



                                                       ...................................................................



    “สายไหมจ้า สายไหมสูตรดั้งเดิม อร่อยถูกปาก ราคากันเอง สายไหมจ้า...”



    เขากวาดตามองไปรอบๆ ร้านรวงต่างๆเริ่มทยอยวางแผงกันหลายร้านแล้ว ผู้คนจากทุกทิศก็พากันมาจับจ่ายใช้สอย เดินชมสินค้าหลากประเภทที่วางเรียงรายให้เลือกสรร



    พาทริซเซียเดินนำหน้าเขาลิ่วๆตรงไปยังร้านขายผ้าทอมือสุดชายถนน



    ‘เราอาจจะกลับดึกหน่อยนายคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าถูกจับได้ฉันจะบอกว่านายแอบหนีไปเที่ยวฉันก็เลยตามจับในฐานะผู้คุมกฎ ตกลงตามนี้นะ ห้ามทำหน้าแบบนั้นเด็ดขาดลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น ‘



    ฟาโรห์ถอนใจเบาๆเขาไม่น่าแส่หาเรื่องเลยน๊า ไม่รู้ว่าเธอพูดจริงหรือแกล้งเขาเล่น แต่ดูท่าเธอจะไม่ทุกข์ร้อนกับคำพูดนั่นเลย



    บ้างทีถ้าดวงซวยถูกจับคราวนี้เขาอาจต้องจนมุมเจ้าชายเฟรอเดอริคก็ได้ หมอนั่นคงสะใจน่าดูล่ะที่ได้ลงโทษเขาซะที



    “พ่อหนุ่ม”เสียงกระซิบจากด้านข้างทำให้เขาต้องหันไปดู ชายแก่คนหนึ่งกวักมือเรียกให้ไปที่แผงขายกำไลเงินของเขาที่อยู่ริมถนนทางซ้ายมือ



    ฟาโรห์เห็นว่าพาทริซเซียสนใจอยู่กับการเลือกผ้าเลยเดินเข้าไปหาชายคนนั้น



    “ดูกำไลไหมพ่อหนุ่ม สวยๆทั้งนั้นเลยนะ”



    “กำไลเนี่ยะนะฮะลุง ผมเป็นผู้ชายจะเอาไปทำไมล่ะ”ฟาดรห์ทำหน้าเห่ย



    “ก็แม่หนูที่มาด้วยกันไง จะไม่ซื้อของไปกำนัลแฟนบ้างเหรอพ่อหนุ่ม”ลุงแซวยิ้มๆ



    “เอ่อ..ม่ะ..คือไม่ใช่แฟนหรอกฮะ”ฟาโรห์หน้าแดงเล็กน้อยแต่มือเขากลับวางลงบนกำไลเรียบร้อยแล้ว



    “ไม่ต้องเขินหรอกน่า นี่ดูสิกำไลเงินพวกนี้เข้ากับผ้าทอร้านนั้นมากเลยนะ แม่หนูน้อยต้องชอบแน่ๆ”



    “ฟาโรห์”เสียงคุ้นๆของใครสักคนดังขึ้นไม่ไกลจากเขานัก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×