ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic : หัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #13 : ข้ามรุ่นอัศวิน

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 48




    “ไม่ต้องคิดมากนะเจ้าพี่ก็เป็นคนแบบนั้นแหละปากร้ายใจดี”



    ปากร้ายน่ะใช่แต่ใจดี…..เขาว่าเธอคงจะเข้าข้างพี่ชายไปหน่อย



    “เดือนหน้ามีงานประลองเชื่อมสัมพันธ์นายลงแข่งด้วยรึเปล่า”



    “อ๋อ ได้ยินมาเหมือนกันแต่ฉันไม่ค่อยรู้รายละเอียด”



    “ชาวป้อมอัศวินเรียกว่างานข้ามรุ่นอัศวิน”พาทริซเซียอมยิ้มที่เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วด้วยความงง”ที่เรียกแบบนี้เพราะทุกคนมีสิทธิ์ขอสู้กับใครก็ได้ไม่ว่าจะเด็กปีไหนก็ตาม”



    “แต่ตามกฎห้ามต่างชั้นปีสู้กันเองไม่ใช่เหรอ”



    “ข้อยกเว้นพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะเป็นข่าวดีของป้อมใช่ไหมล่ะ ถึงเป็นแค่เด็กปีหนึ่งต้องรับคำท้าจากรุ่นพี่ทำให้งานนี้เป็นที่สนใจของโรงเรียนเลยก็ว่าได้”



    “แบบนี้เด็กปีหนึ่งไม่แย่เหรอ มีใครบาดเจ็บสาหัสบ้างรึเปล่า”ฟาโรห์เริ่มสนใจ



    “รุ่นพี่คงไม่ใจร้ายฆ่าน้องหรอกที่ท้าดวลกันก็เพราะอยากหยั่งเชิงของอีกฝ่าย ส่วนใหญ่พอสู้กันสักพักก็เลิกส่วนความเรื่องเสี่ยง…อาวุธไม่มีตาบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ”



    “เธอท้าใครไว้รึเปล่า”ฟาโรห์ยิ้มเขามองไปที่รานดอฟกับยูริคที่เดินนำหน้าอยู่ไกลๆ หมอนั่นคงจะส่งคำท้าไปให้ใครแล้วล่ะมั้ง



    “ยังเลยแต่ฉันได้รับคำท้าหนึ่งฉบับถ้าว่างก็ไปดูสิ ที่จริงถึงนายไม่อยากไปแต่คงจะถูกเพื่อนๆลากไปอยู่ดีนั่นแหละงานนี้ฉันเชื่อว่าคงไม่มีใครพลาด”



    “งั้นฉันต้องไปแน่นอน”



    “สัญญาแล้วนะห้ามเบี้ยวล่ะ บางทีนายอาจเจอเรื่องเซอร์ไพส์ก็ได้”พาทริซเซียยื่นนิ้วก้อยให้



    “อืม”ฟาโรห์ยิ้มรับยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วของพาทริซเซีย



    “อะแฮ่ม”เสียงนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากคนที่ชอบทำตัวขัดขวางเขาอยู่เรื่อย



    “ทริซเซียน้องต้องทำรายงานการประชุมให้พี่ไม่ใช่เหรอ”



    “เรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ เจ้าพี่จะให้หญิงไปหยิบให้เลยไหมคะ”



    “อืมก็ดีนะ ไปตอนนี้เลยสิ”เจ้าชายเฟเดอริคส่งสายตาเหนือกว่ามาทางเขา



    ฝากไว้ก่อนเถอะ! ฟาโรห์คิดในใจขณะที่โบกมือให้พาทริซเซีย



    “นายก็ไปนอนได้แล้วเหนื่อยมาทั้งวันไม่ใช่เหรอ”เฟรเดอริคแค่นยิ้ม รู้จักกันน้อยไปซะแล้ว



    “ท่านคิดว่าว่าที่กษัตริย์ควรรักษาคำพูดรึเปล่า”



    “สมควรอย่างยิ่ง”เฟรเดอริคเริ่มรู้แกวว่าฟาโรห์จะพูดอะไรแต่สมองอันชาญฉลาดของเขาก็คิดแผนเตรียมโต้กลับไว้แล้วเช่นกัน



    “งั้นท่านคงจำได้ว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของน้องสาว”



    “อืม แต่ฉันขอบอกนายไว้อย่างหนึ่งว่าฉันคงไม่มีวาสนาได้เป็นกษัตริย์ดังนั้นไม่ต้องรักษาสัตย์มากก็ได้มั้ง”



    “ซาเรสเลือกกษัตริย์โดยการประลอง”



    “รอบสุดท้ายของการประลองจะมีแค่ฉันกับเจ้าพี่ บัลลังก์ของซาเรสจะต้องเป็นของเจ้าพี่แพททริคเท่านั้นใครก็อย่าหวังจะมาแย่งไปได้เลย นายไม่ใช่คนโง่คงเข้าใจที่พูดใช่ไหม”เจ้าชายเฟรเดอริคกล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินไป



    ฟาโรห์มองตาม ถึงจะมีข้อเสียมากมายแต่เขาก็ต้องยอมรับเลยว่าเจ้าชายเฟรเดอริครักพี่รักน้องดีจริงๆ เรื่องนี้แม้เขาจะซาบซึ้งแต่ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่เพราะเกิดมาก็เป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องกับเขาสักคน



                                                       ...........................................…………………………………..



    “อ่านด้วย”ฟาโรห์เงยหน้ามองคนที่สั่งเขา ตอนนี้เขากับไอริสนั่งอยู่ที่มุมเงียบๆในห้องสมุด



    “เธอกะจะให้ฉันอ่านทั้งตั้งเลยเหรอ”ฟาโรห์ย้อน



    “ก็เราต้องศึกษาและทำความเข้าใจกันไม่ใช่เหรอ เนี่ยะของชอบของฉันทั้งนั้นเลยนะ”ไอริสยิ้มกวน



    “ก้อด้าย”ฟาโรห์กัดฟันพูด”ฎีกาท่านพ่อฉันเยอะกว่านี้ฉันยังอ่านมาแล้วเลยกับอีแค่นิยายน้ำเน่าไร้สาระพวกนี้ทำไมฉันจะอ่านไม่ได้”



    “ไม่ต้องมาประชดเลย นี่เค้าเรียกว่าวรรณกรรมไม่ใช่นิยายน้ำเน่า อ่านแล้วจะทำให้คนเรามีจิตใจอ่อนโยนแล้วก็เข้าใจคนอื่นมากขึ้นแล้วก็จะช่วยกล่อมเกลาให้คนเป็นมนุษย์รู้ไหม”



    “จริงเร้อ”ฟาโรห์หยิบเล่มบนสุดที่หนาเกือบสามนิ้วมาเปิดอ่าน



    “อ่านแล้วนายอาจจะติดใจก็ได้นะ”



    “ไม่ม้าง เออนี่พออ่านเล่มนี้จบเธอเตรียมวอร์มร่างกายได้เลย”ไอริสทำหน้างงฟาโรห์จึงอธิบายเพิ่ม



    ”ก็ฉันเข้าใจเธอแล้วนี่นาถึงตาเธอต้องเข้าใจฉันบ้าง เธอยิงธนูไม่คล่องใช่มั๊ยงั้นเราใช้ดาบแทนนะ”



    “หา”ไอริสยืนขึ้น ฟาโรห์รีบจุ๊ปากเพราะคนอื่นหันมามองกันเป็นแถว



    “เราต้องร่วมงานกันทั้งปีนะ ถ้าไม่เข้าใจกันก็แย่น่ะสิ”ฟาโรห์เย้า



    “นายมันร้ายไม่เบาเลยนะ”ไอริสบ่นพึมพำแล้วก็นั่งลง



                                                           .................................………………………………………



    “อย่าพุ่งดาบตรงๆแบบนั้นสิมันจะรู้สึกหนักขึ้นรู้ไหม”ฟาโรห์ส่ายหน้า



    “ดาบนายมันหนักเองต่างหากล่ะ”ไอริสหน้ามุ่ย คนอะไรใช้ดาบหนักเกือบสองกิโลแขนเธอไม่หักก็บุญแค่ไหนแล้ว”ฉันขอใช้ดาบตัวเองไม่ได้เหรอฉันไม่ถนัด”



    “ฝึกใช้ดาบหนักๆดีกว่านะช่วยฝึกให้กำลังแขนมากขึ้น”



    “กล้ามฉันจะขึ้นซะก่อนน่ะสิ”



    “เอาน่าเดี๋ยวฉันช่วยฝึกให้”ฟาโรห์วาดดาบให้ดูรอบหนึ่งก่อน ไอริสทำตามแต่ก็ไม่ถูกใจคนสอน



    ฟาโรห์แนะนำอีกเล็กน้อยแล้ววาดดาบให้เธอดูอีกที ไอริสวาดดาบอีกครั้งแต่เพราะดาบหนักไปเธอเลยทำหล่นแถมข้อมือพลิกอีก



    “เป็นอะไรรึเปล่า”



    “เจ็บสิถามได้ ช่างเถอะฝึกต่อก็ได้”ไอริสก้มลงเก็บดาบ



    “ไม่ต้องฝืนหรอกน่าเดี๋ยวข้อมือบวมนะ”ฟาโรห์แย่งดาบมาถือไว้



    “นายเห็นฉันเป็นคนยังไงกันเจ็บแค่นี้ฉันไม่สำออยหรอก ฉันยังไหว”ไอริสดึงดาบกลับ



    เคร้ง! ดาบหล่นลงพื้นอีกรอบเพราะข้อมือคนแย่งดาบไม่ค่อยมีแรง ฟาโรห์หัวเราะเล็กน้อยเขาพยายามหยุดแต่ยังอมยิ้มอยู่ ไอริสน้าเจื่อนลงแต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้กลบเกลื่อนเรื่องหน้าแตก



    “ดาบหล่นมือเก็บให้หน่อยสิขี้เกียจก้ม”



    “ถ้าเธอยืนยันจะฝึกฉันจะช่วยพยุงดาบให้ก็แล้วกัน”ฟาโรห์ส่งด้ามดาบให้ไอริสจับ



    “ไปไหนล่ะ”ไอริสถามเมื่อเห็นฟาโรห์เดินผ่านเธอไปด้านหลัง



    ฟาโรห์ไม่ได้ตอบเขาเดินมาหยุดที่ด้านหลังทางขวามือของไอริสแล้ววางมือที่ข้อมือของเธอ



    “โทษนะ”ฟาโรห์กล่าวแล้วเริ่มขยับมือวาดดาบเหมือนที่สอนเธอเมื่อกี้



    “เอ่อนี่ ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้”ไอริสเริ่มหน้าแดงนิดๆ



    “หน้าเธอแดงหมดแล้วคิดว่าฉันเป็นอาจารย์สิจะได้ไม่เขิน”



    “อวดตัวเกินไปมั้ง”ไอริสย้อนอาจารย์ฝึกหัด



    “จบคอร์สแล้วเธออย่ามาคุกเข่าขอเป็นศิษย์ฉันก็แล้วกัน”ฟาโรห์ลอยหน้าตอบ ไอริสยิ้มแล้วแกล้งพุ่งดาบไปข้างหน้าทำให้อาจารย์ถลาไปอย่างรวดเร็วเพราะไม่ทันตั้งตัว



    “เล่นอะไรของเธอหา”ฟาโรห์นั่งหัวเราะ”กระดูกฉันหักหมด”



    “เว่อร์ เอ้าลุกขึ้นมาได้แล้วท่านอาจารย์”ไอริสย้ายดาบไปมือซ้ายแล้วสะบัดมือขวาเตรียมพร้อม



    ฟาโรห์ยิ้มๆส่ายหัวแล้วลุกขึ้น



                                                               ............................…………………………………



    “พวกนายเร็วหน่อยได้รึเปล่าฉันนัดไอริสไว้”



    “เดี๋ยวนี้หายใจเข้าออกเป็นไอริสเลยนะครับ”ยูริคแซว



    “ใช่ที่ไหนเล่า อยากไปสนามประลองเร็วๆมากกว่ามั้ง แถวนั้นคงมีใครบางคนรออยู่”รานดอฟดักคอจนฟาโรห์สะอึก



    “รู้แล้วก็รีบเข้าสิ”ฟาโรห์แกล้งปาขนมใส่



    “เจ้าชายแพททริคคงจะมาด้วย นายมันซวยชะมัดแค่เจ้าชายเฟรเดอริคคนเดียวก็อ่วมแล้ว”



       ลานสนามจำลองในขณะนี้เต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่ มีร้านขายขนมจากห้องอาหารดรากอนตั้งอยู่สองจุดซึ่งดูแล้วมีแนวโน้มว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า



    บรรยากาศก็ไม่ได้ดีอะไรมากมายแค่ตั้งธงของป้อมไว้สี่มุมของสนามพาดผ้าสีแดงเป็นริ้วๆเป็นหลังคาแล้วก็ประดับซุ้มดอกไม้ตรงที่นั่งชมของเหล่าอาจารย์



    ฟาโรห์เดินนำเพื่อนๆไปหาที่นั่งที่แทบจะไม่เหลือแล้วเพราะคนป้อมอื่นๆมานั่งจองก่อนคนในป้อมอย่างพวกเขาเสียอีก จริงอย่างที่พาทริซเซียเคยบอกว่างานนี้มีแต่คนสนใจ



    “ฟาโรห์ รานดอฟ ไอริส ยูริค”เสียงจากกลุ่มเพื่อนๆปีหนึ่งเรียกพวกเขาให้ไปนั่งด้วยกัน



    “ฉันนึกว่าพวกนายจะถูกท้าไปประลองซะอีก”หญิงสาวคนหนึ่งทัก



    “ก็อยากสู้เหมือนกันเสียดายไม่เห็นมีจดหมายมาเลย”รานดอฟบ่น



    “ไม่จำเป็นต้องมีจดหมายหรอกนะ อยากสู้กับใครก็ท้าได้กลางงานเลย”



    “ทริซเซีย!”ฟาโรห์ยืนขึ้น”นั่งด้วยกันสิ”



    “มีที่พอจะให้สองคนนั่งด้วยรึเปล่า”ฟาโรห์หันไปมองที่บันไดขั้นล่างของเขา



    เจ้าชายแพททริคยืนยิ้มให้เขาแน่นอนว่าด้านหลังพี่ชายก็ย่อมมีน้องชายจอมเฮี้ยบห้อยตามมาด้วย แล้วสายตาของเจ้าชายเฟรเดอริคก็ยังมองเขาอย่างไม่ชอบหน้าเหมือนเดิม



    “เชิญเลยฮะ เจ้าชายไม่นั่งกับพวกอาจารย์เหรอฮะตรงนี้ที่นั่งไม่ค่อยดีนัก”



    “ท่านยังนั่งได้เลยนี่นา”แพคทริคตอบอย่างสุภาพ”วันนี้ทริซเซียลงแข่งฉันเลยอยากเห็นชัดๆ”



    คุยกันไม่เท่าไหร่พิธีกรก็ประกาศเปิดงานและเริ่มการประลอง การประลองเริ่มต้นด้วยคู่ของรุ่นพี่ปีห้ากับรุ่นพี่ปีสี่ คนหนึ่งใช้ดาบส่วนอีกคนใช้มีดสั้นสองเล่มเป็นอาวุธ



    “ฝีมือเยี่ยมเลยนะ”ยูริคชวนไอริสคุยอยู่อีกด้าน ตัวเขาเองนั่งติดรานดอฟกับพาทริซเซียถัดจากเธอออกไปก็เป็นเจ้าชายแพททริคต่อด้วยเจ้าชายเฟรเดอริคที่ปรายตามองเขาเป็นระยะ



       คู่แรกของการประลองปรากฏว่ารุ่นพี่ปีสี่เป็นฝ่ายชนะไปอย่างเฉียดฉิวซึ่งเจ้าชายแพททริควิเคราะห์ว่ารุ่นพี่ปีห้าได้ทำเลไม่ดีเพราะแดดส่องตาทำให้ตาพร่ามองไม่ค่อยชัด



    คู่ต่อมาเป็นปีสองทั้งคู่แต่เป็นหญิงหนึ่งชายหนึ่งเห็นว่าสองคนนี้ไม่ค่อยถูกกันมักหาเรื่องทะเลาะจนถูกอาจารย์ลูคัสตักเตือนไปหลายรอบ เพิ่งจะรู้ว่างานนี้ถือเป็นงานแก้แค้นส่วนตัวด้วย แล้วการประลองก็ต้องจบด้วยผลตัดสินว่าเสมอกันเพราะทั้งสองคนสู้จนแผลเต็มตัวไม่มีใครยอมใครจนกรรมการยกธงห้ามเอง



    คู่อื่นก็ดำเนินไปเรื่อยๆแต่เขาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่ามาอยู่ข้างกายแบบนี้



       ทริซเซียทำผมทรงเดิมกับที่เขาเจอเธอครั้งแรก ผมสีดำขลับที่มัดเป็นทรงสูงทำให้เธอดูเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองซึ่งความจริงมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว



    เปิดเทอมใหม่ๆเธอดูเป็นสาวเรียบร้อยไม่ค่อยเหมือนสาวน้อยผู้เย่อหยิ่งกลางทุ่งหญ้านัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆเธอก็เริ่มแสดงอาการห้าวนิดๆแบบที่เขารู้สึกคุ้นเคย



    ฟาโรห์นึกแล้วก็อดยิ้มไม่ได้คงเพราะความกล้าหาญไม่แพ้ผู้ชายนี่ล่ะมั้งที่ทำให้เขาประทับใจเธอ เธอไม่ได้กระโดกกระเดกหรือชอบหาเรื่องให้ท่านพ่อปวดหัวเหมือนอย่างท่านแม่แต่เธอดูเป็นหญิงแกร่งที่น่ายกย่อง เธอรู้จักอ่อนโยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์แต่เข้มแข็งในภาวะที่คับขัน ขณะที่เขาคิดอะไรเพลินๆพาทริซเซียก็หันมาพอดี



    “จริงสิฉันยังไม่รู้เลยว่าใครที่ท้าเธอ”ฟาโรห์เอ่ยแก้เก้อ



    “คนที่ท้าฉันเขาไม่ว่างซะเแล้วล่ะเราเลยนัดกันไว้วันหลัง”



    “ก็เจ้าชายแพคทริคบอกว่า”



    “ใช่ ฉันจะลงแข่ง….โดยขอเป็นผู้ท้าน่ะ”พาทริซเซียยิ้ม



    “เธอจะท้าใครเหรอ”ฟาโรห์ยิ้มด้วยความสนใจ เสียงจบการแข่งขันของคู่ประลองบนเวทีดังขึ้น พาทริซเซียมองเขาด้วยรอยยิ้มแล้วลุกยืนท่ามกลางนักเรียนมากมายที่นั่งบนแสตน



    “ขอท้าประลองค่ะ”เธอกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัดและสะกดสายตาทุกคู่ในที่นี้รวมทั้งเขาด้วย เมื่อกรรมการให้สัญญาณอนุญาตท้าประลองได้ รุ่นพี่คนหนึ่งก็ส่งคำถามว่าเธอจะท้าใคร



    “พาทริซเซีย บริสตั้นขอท้าประลองกับฟาโรห์ วาเนบลี”เธอกล่าวด้วยความมั่นใจพร้อมมองหน้าเขาเป็นการยืนยัน



    “เฮ้ย!”ฟาโรห์ตะโกนเขาพุ่งตัวยืนขึ้นทันที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×