ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic : หัวขโมยแห่งบารามอส

    ลำดับตอนที่ #10 : เจ้าปัญญา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 105
      0
      13 มิ.ย. 48

        

        โทษทีค่ะที่อัพช้ามากๆๆๆๆ -_-\" เปิดเทอมนี้วุ่นวายสุดๆค่ะ ต้องร่วมกิจกรรมเยอะมากๆเห็นใจด้วยนะคะ ช่วงนี้ถึงบ้านเกือบทุ่มครึ่งทุกทีเลย(ขนาดไม่มีเรียนพิเศษนะ)บางวันกลับบ้านตั้งสามทุ่มแหนะ คงอัพน้อยหน่อยนะคะจะแอบเอาไว้ลงวันอื่นมันดูเหมือนขยันอัพดีอ่ะ(-_-)\"



                                                            .........................................................................



        ตึง! ลังใบใหญ่ถูกวางลงข้างเตียงเจ้าชายแห่งคาโนวาล ฟาโรห์ก้มลงแงะฝากล่องแล้วยกหีบไม้สีน้ำตาลออกมา ส่วนรานดอฟกับยูริคยืนให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ เมื่อฝาหีบถูกยกขึ้นเขาสองคนกลับรีบชะโงกหน้าไปดู เบียดจนเจ้าของหีบผงะไปข้างหลัง



        ตุ๊กตาหมูสีชมพูอ่อนในท่านอนหมอบคือของชิ้นแรกที่พวกเขาพบ มันเป็นหมูที่มีหัวโตกว่าตัวถึงสามเท่า หูของมันงอลงมาปรกตาที่ปิดสนิทเหมือนคนนอนหลับ ที่แปลกกว่านั้นคือมันมีเขาสีดำเรียวแหลมคู่เล็กๆอยู่คู่หนึ่ง



        ข้างๆตุ๊กตาหมูเป็นหินสีเขียวใสขนาดประมาณสี่ฝ่ามือกางออก ใสซะจนแสงส่องผ่านได้ รูปร่างก็เหมือนก้อนหินทั่วๆไปคือขรุขระเพียงแต่หินก้อนนี้หนาแค่สามนิ้วและผิวหน้าตรงกลางค่อนข้างเรียบกว่าส่วนอื่น



        ฟาโรห์ถอนใจมองดูของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ยังอยู่ในลังแล้วก็หมดกำลังใจที่จะค้นมาดูเพราะแค่เห็นของสองสิ่งก็ไม่สนุกแล้ว แถมตุ๊กตาติงต๊องกับหินอัญมณีที่ดูไร้ประโยชน์ก็กินพื้นที่ไปถึงหนึ่งส่วนสามของลัง



    “ท่านตานายก็แปลกนะส่งอะไรมาไม่ได้เรื่องเลย”รานดอฟชูก้อนหินส่องกับแสงไฟ



    “ หรือว่าปกตินายเล่นตุ๊กตาพวกนี้ด้วย”เขาหันมาล้อ



    “ตุ๊กตาหมูอ่ะนะ! คิดว่าฉันหงิมนักรึไง ฉันไม่นิยมของเด็กๆแบบนี้หรอกแล้วก็ไม่นิยมสะสมหินประดับด้วย”



    “หินประดับอะไรกันชิ้นนี้น่ะอัญมณีเนื้อดีเลยนะ ถ้าเอาไปขายอาจจะได้เงินมากขนาดเรียนที่นี่ฟรีถึงสามปีเลยทีเดียว เจ้าชายอย่างนายไม่น่าจะตาถั่วน่าฟาโรห์”



    “ฉันรู้หรอก”ฟาโรห์ปิดฝาหีบลงแล้วเลื่อนไปไว้ใกล้ตู้เสื้อผ้า



    “จริงเหรอ”ยูริคพูดขึ้น เมื่อฟาโรห์กับรานดอฟหันไปก็เห็นว่ายูริคกำลังคุยกับตุ๊กตาหมูอยู่



        เขาสองคนมองหน้ากันประมาณว่าปล่อยยูริคไปเถอะ ฟาโรห์เดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วคว้าหนังสือมาอ่านส่วนรานดอฟก็นอนเล่นอยู่บนเตียง  



        สักพักยูริคก็ร้องเพลงเสียงดังจนน่ารำคาญต่างจากปกติที่มักจะอยู่เงียบๆกับคัมภีร์ ฟาโรห์ทนอ่านต่อไปอีกสักพักแต่เสียงเพลงกลับเริ่มดังขึ้นกวนความสงบของชาวบ้าน(นักฆ่า)กับเจ้าชาย



    “ยูริ...ค”ฟาโรห์หันมาว่า เขามองให้ชัดอีกครั้ง...ตุ๊กตาหมูต่างหากที่แหกปากร้องเพลง”แกพูดได้เหรอ”



    เจ้าหมูหัวโตเหลียวมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ มันทำท่าดมกลิ่นอะไรซักอย่างก่อนเดินเข้ามาใกล้เขาแล้วก็กางปีกบินขึ้นมาอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว



    “เฮ้ย!”ฟาโรห์ตกใจเล็กน้อยที่มีหน้าอวบอูมของตัวประหลาดยื่นเข้ามาใกล้ๆแถมยังทำจมูกฟุดฟิด



    “กลิ่นอายปีศาจ ท่านคือเจ้าชายซาตานสินะ ข้าคือที่ปรึกษาที่ท่านโกโดมส่งให้มาอยู่ข้างกายท่าน โปรดเรียกข้าว่า’เจ้าปัญญา’”



    “เอ่อ...เหรอ”ฟาโรห์มองหมูบินชัดๆอีกครั้ง



    “ถ้ามีชีวิตก็น่าจะแนะนำตัวกันตั้งแต่แรก”รานดอฟบิดขี้เกียจเล็กน้อย



    “ข้าเพิ่งจะตื่นน่ะท่าน”



    \"วันๆเอาแต่นอนรึไง\"คำตอบที่ได้ทำให้เจ้าชายซาตานเริ่มหงุดหงิด



    เจ้าปัญญาเหรอ!



    หมูท่าทางขี้เซากับหินก้อนใหญ่ขนาดนั้นไม่เห็นจะช่วยแก้เซ้งได้เหมือนกับที่ท่านตาบอกสักนิด อย่างว่าล่ะนะของที่โกโดมคัดเลือกมาจะมีดีกว่าคนเลือกได้ยังไง



    \"ก้อนหินก้อนนี้ใช้ทำอะไร สูดกลิ่นไอเพื่อเพิ่มพละกำลังรึเปล่า”รานดอฟชี้



    “นั่นคือแก้วหยกมรกตสามารถดูได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน แล้วก็...เอ้อ!ข้าลืมไปว่ามันใช้ดูอนาคตไม่ได้”



    “ลูกแก้วแบบนี้มันเอาไว้ใช้ดูอนาคตเหมือนพวกแม่มดไม่ใช่รึไง”รานดอฟว่า



    “นี่เป็นของที่ท่านเจ้าสร้างขึ้นจะเอาไปเทียบกับลูกแก้วธรรมดาแบบนั้นได้ยังไง ท่านจ้าวไม่อยากรู้อนาคตล่วงหน้าเพราะมันจะทำให้ชีวิตไม่มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นท่านก็เลยสร้างมาแบบนี้”



    “เรื่องดูอดีตพอเข้าใจนะ แต่ดูปัจจุบันมันเป็นยังไง”ยูริคยื่นขนมให้ชิ้นหนึ่ง



    “ก็ดูเหตุการณ์ที่เป็นไปในส่วนต่างๆทั่วดินแดน อย่างเช่นท่านคิดถึงพ่อแม่อยากจะรู้ว่าตอนนี้ทำอะไรที่ไหนก็สามารถดูจากแก้วหยกมรกตได้ ส่วนข้าคือเจ้าปัญญามีหน้าที่ตอบข้อข้องใจของพวกท่าน อยากรู้อะไรก็ถามข้าได้ข้ารู้ทุกเรื่องบนโลกนี้”



    “เจ้ารู้ขนาดนั้นเลย”ฟาโรห์แกล้งถาม



    “แน่นอน ข้ารู้แม้กระทั่งความคิดของมนุษย์”



    “ถ้าเจ้าอ่านใจได้จริงงั้นบอกมาสิว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่”



    “ท่านกำลังผิดหวังที่ท่านโกโดมเลือกข้ามาอยู่ข้างกายท่าน”



    “ใจร้ายมากนะฟาโรห์”ยูริคตำหนิ



    “ไม่เลว”รานดอฟถูกใจ”เออนี่ แล้วนายกินข้าวเยอะรึเปล่า”



    “ไม่ต้องหรอก ข้าปรับตัวให้อิ่มทิพย์ได้(เหมือนเทวดาแฮะ-_-^)”



    “แล้วที่อยู่ในปากนั่นล่ะ”



    “นานๆกินทีก็ดีเหมือนกันข้าหลับใหลมานานกว่าพันปีแล้ว อืม...อาหารในเอเดนช่างอร่อยถูกปากข้าจริงๆ ขอหมดเลยแล้วกัน”เจ้าปัญญาใช้ปากคาบถุงขนมบินไปที่หน้าต่างตรงหัวเตียง



    “ฟาโรห์ ฉันขอยืมเจ้าปัญญาไปตั้งที่หัวเตียงฉันได้รึเปล่า”ยูริคยิ้มเต็มที่



    “เอาสิ นายคุยกันถูกคอใช่ไหมล่ะ”



    “อืม แต่ที่สำคัญคือมันบอกว่าอาหารโปรดของมันคืองู”



    “หา หมูกินงู”ฟาโรห์ทำหน้างงหันไปมองเจ้าปัญญาที่แบ่งขนมกินกับรานดอฟ



    ยูริคขยับแว่นเล็กน้อย เขามองฟีซอย่างมีเลศนัยซึ่งเจ้าฟีซยังไม่รู้ชะตากรรม มันแปลกใจนิดหน่อยที่เหยื่อของมันกล้าสบตากับมันตรงๆ  ฟีซแลบลิ้นออกมาสองสามหนแล้วขดตัวนอนอย่างสบายใจ



                                                         ............................................................................



    “ไก วันนี้เป็นบ้าง”ฟาโรห์ลูบมังกรเบาๆ ไกคำรามอย่างพอใจที่เจ้านายเป็นห่วง



    เมื่อสองวันก่อนไกดูซึมๆเพราะเบื่ออาหารแต่ตอนนี้มันเริ่มร่าเริงขึ้นแล้ว ทั้งหมดต้องขอบคุณเจ้าปัญญาที่บอกวิธีแก้ปัญหาให้



    ’มังกรไฟควรจะได้รับไอตะวันบ่อยๆร่างกายจะได้กระปี้กระเปร่า อ้อ...สมุนไพรเผ็ดร้อนจะช่วยให้มันเจริญอาหารนะท่าน’



    นั่นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเจ้าปัญญามีประโยชน์มากกว่าการกวนประสาทด้วยเสียงแหลมเล็กสุดจะทนฟัง



    “ไงฟาโรห์”รานดอฟขี่สุนัขจิ้งจอกเข้ามาใกล้ ส่วนยูริคพายูนิคอร์นของเขาไปหลบแดดใต้ต้นไม้



        ตอนนี้พวกเขากำลังเรียนวิชาพรสวรรค์สัตว์ทรงซึ่งเป็นวิชาที่ฝึกความสามารถและค้นหาพรสวรรค์พิเศษในตัวสัตว์เลี้ยง



    เด็กทุกคนค่อนข้างชอบวิชานี้เขาเองก็เช่นกันเพราะมันทำให้ไกพ่นไฟได้ไกลกว่าเดิมถึงยี่สิบห้าเมตร



    “เอาล่ะนักเรียนฟังหน่อย วันนี้เราจะฝึกความจำกันโดยฉันจะให้สัตว์เลี้ยงของพวกเธอดูของบางอย่างแล้วก็จะให้เวลาสองคาบนี้ไปหากลับมาให้ฉัน ฉันซ่อนของไว้ในบริเวณรัศมีสามกิโลเมตรห้ามใครออกนอกอาณาเขตไม่งั้นจะโดนตัดคะแนน เข้าใจกันแล้วนะ”



       แบบทดสอบนี้ต้องอาศัยความฉลาดของสัตว์ทรงล้วนๆเพราะอาจารย์ไม่อนุญาตให้เจ้าของสัตว์ดูแผ่นป้ายเหล่านั้น พวกเขาจึงมีหน้าที่เพียงแค่ควบคุมสัตว์ทรงไม่ให้เดินเลยบริเวณที่อาจารย์กำหนด



    “อย่าเผยไต๋ล่ะรู้ไหม”เพื่อนคนหนึ่งลูบหัวลูกม้าสีน้ำตาลที่ดูท่าทางเอ๋อๆ



    “เมื่อปล่อยสัญญาณแล้วทุกคนออกตัวได้เลย กลับมาช้าเร็วไม่สำคัญแค่หยิบกลับมาถูกก็พอแล้วนะ”



    โป๊ะ! เมื่อกระดาษสีรุ้งกระเด็นออกจากกรวยสัญญาณในมืออาจารย์ กองทัพสัตว์ก็กรูเข้าป่าทิ้งไว้แต่ฝุ่นฟุ้งไปทั่วลานหญ้าจนเขาสำลัก



    “เจ้าชายยังไม่รีบไปอีกเหรอ”อาจารย์ทักขึ้น อาจารย์ค่อนข้างสนิทกับเขาเพราะต่างก็เป็นผู้ที่รักการผจญภัยเหมือนกัน ยามว่างก็มักจะมานั่งคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์น่าสนใจที่เคยเผชิญมา



    “จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะฮะ”ฟาโรห์ดึงไกที่กำลังจะจาม



    ไกหันหน้ามามันหายใจฟืดฟาดเหมือนจะบอกว่าระคายมากรอแป๊ปนะ แต่เพราะพยายามสื่อให้เจ้านายเข้าใจทำให้มันหันหน้าหนีไม่ทัน ลมหายใจของมังกรอัคคีที่มีแต่ประกายไฟและฝุ่นที่เพิ่งสูดดมเลยพุ่งปะทะหน้าเขาเต็มๆ



    ปุ้ง!

                                                 ..........................................................................................



    “เห็นของบ้างรึยังไก”ฟาโรห์กัดแอปเปิ้ลที่พกมาด้วยแล้วถึงกับพ่นออกมาทันที



    เขามองผลไม้ที่รสชาติห่วยแตกที่สุดในชีวิต แอปเปิ้ลที่มีหน้าตาขี้เหร่แหกตระกูลเพราะแทนที่จะเป็นสีแดงชวนลิ้มลองกลับเป็นสีน้ำตาลไหม้ มีเขม่าควันติดอยู่ทั่วลูกแม้จะพยายามเช็ดแล้วเช็ดอีก ฟาโรห์ส่ายหัวแล้วปาแอปเปิ้ลทิ้งข้างทาง



    โป๊ก!



    “แง้ว.....”



    แมวสีเทาลายพาดดำเดินเซไปอีกทางก่อนที่มันจะเงยหน้ามองอย่างโกรธแค้น ฟาโรห์ทำหน้าไม่ถูกเขากล่าวขอโทษมันทั้งที่รู้ว่ามันคงไม่เข้าใจคำพูด



    “ฟาโรห์ วาเนบลี”



    “เฮ้ย!”



    “เฮ้ยอะไรของนาย”เสียงเริ่มเข้ามาใกล้เขาแต่แมวตัวนั้นไม่ได้ก้าวเท้ามาไม่ใช่เหรอ?



    “ไอริส”ฟาโรห์โล่งอกเมื่อเห็นว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของแมวที่ทำท่าขู่เขา



    “คิดว่าตัวเองกำลังพูดกับแมวรึไงล่ะ”ไอริสอุ้มแมวตัวนั้นขึ้นมาอย่างทะนุถนอม”ทีหน้าทีหลังทำอะไรก็ระวังหน่อยสิ คนอื่นเขาเดือดร้อนนะ”



    “แมวของเธอเหรอ”



    “ไม่ใช่ มันเป็นแมวป่าที่บาดเจ็บอาจารย์ก็เลยเลี้ยงไว้ชั่วคราว”



    “อ้าว แล้วหงส์เทพของเธอล่ะ”



    “ฉันอาสาอาจารย์พาแมวมาปล่อยคืนก็เลยให้หงส์เทพหาของไปพลางๆก่อน”



    “ไปด้วยกันรึไหม”ฟาโรห์ยื่นมือให้”เดินกลับไปเมื่อยเปล่าๆ มังกรฉันบินเจ๋งนะ”



    “ขอบใจนะแต่แมวตัวนี้คงไม่อยากร่วมทางกับนายเท่าไหร่”ไอริสยิ้มล้อเลียน



    “งั้น...”ฟาโรห์มองแมวที่โกรธจัดพร้อมจะกระโจนใส่เขาทุกเมื่อ



    “ไม่ต้องหรอกฉันกลับเองได้”



    “โทษทีนะ”ฟาโรห์กล่าวก่อนให้ไกบินขึ้นเหนือยอดไม้



        บินไปได้สักพักไกก็มีอาการหงุดหงิด มันคำรามเบาๆแล้วก็พุ่งตัวลงพื้นโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ไกร่อนลงอย่างสวยงามมากผิดกับเจ้าของที่กระเด็นตกจากหลังมังกรกลิ้งไปหลายตลบแล้วจบด้วยการเอาหน้าไถพื้น(แต่ยังหล่ออยู่^0^)



        ฟาโรห์พยายามดันตัวลุกขึ้น เนื่องจากวันนี้เขาใส่เสื้อแขนสั้นเลยทำให้แขนของเขาถลอกทั้งสองข้างมีเลือดออกซิบๆพอๆกับหน้าผากที่ครูดพื้นด้วยอุบัติเหตุ ไกหน้าเห่ยมันก้มหน้าสำนึกผิด



    “ไม่เป็นไรหรอกแผลเล็กน้อย ไม่โกรธเลยนะจริงๆ”



    ไกพ่นไฟเบาๆอย่างโล่งอกแล้วก็เดินนำเข้าไปในป่าโดยไม่มีท่าทีสนใจเจ้านายแม้แต่นิด ฟาโรห์อึ้งกับการกระทำของเพื่อนรัก คงเป็นเพราะไกกลัวเสียหน้าถ้าหาของไม่เจอล่ะมั้งมันถึงได้หงุดหงิดร้อนใจแบบนี้



    ฟู่...



    ไกพ่นไฟมาทางเขาเพื่อเตือนให้ออกเดินทาง ฟาโรห์รีบวิ่งตามไป



    “ลงมาทำไมล่ะไกดูจากบนฟ้าก็ได้นี่นา นายตัวใหญ่เกินไปที่จะเดินลุยป่านะ”



    ไกตอบออกมาเป็นเสียงคำรามซึ่งเขาก็ไม่มีความสามารถพอที่จะถอดภาษามังกรได้



    “ว่าอะไรนะ ไม่รู้เรื่อง”



    ไกนิ่งไปสักพักก็เดินหันซ้ายหันขวาแล้วเอียงคอมองเขาอีกรอบ



    “ช่างเถอะ นายพูดไม่ได้นี่นา”ฟาโรห์ถอนใจ ส่วนไกลากเท้าไปตามพื้นเพื่อวาดภาพอะไรซักอย่าง



    ...ปีกนก กากบาท รอยเท้าสัตว์ ธงสามเหลี่ยม...



    “อ่านไม่ออก”ฟาโรห์สารภาพ ไกกระทืบเท้าเบาๆให้เขาดูสัญลักษณ์อีกครั้งแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจภาพเหล่านั้นอยู่ดีเขาเลยเงยหน้าส่ายหัวให้มัน คราวนี้ไกเริ่มขมวดคิ้ว



    “บางทีเจ้าปัญญาอาจจะเข้าใจนายก็ได้นะ”



        ฟาโรห์กางมือเรียกเจ้าปัญญาออกมา กลุ่มควันสีชมพูวนเป็นเกลียวบนฝ่ามือแล้วตุ๊กตาหมูนอนหมอบก็ปรากฏขึ้น



    “มีอะไรรึท่าน”เจ้าปัญญาชูหูขึ้นแล้วลืมตาขวามองเขา ท่าทางมันคงจะง่วงนอนมาก เขาสังเกตเห็นหางของเจ้าปัญญายังขดเป็นเกลียวแน่น



    “นายแปลสัญลักษณ์ของไกได้ไหม”



    เจ้าปัญญาเดินเรียงไปตามสัญลักษณ์แต่ละตัวแล้วก็บินดูภาพรวมขึ้นเพื่อจะได้วิเคราะห์ให้ถูกต้อง



    “เจ้าจะบอกว่าใช้ปีกไม่ได้ต้องใช้เท้าเหรอ”เจ้าปัญญาถามไก ไกส่ายหน้า



    “อืม”ฟาโรห์ใช้ความคิดเล็กน้อย”นายสะดวกที่จะเดินหาของมากกว่าบินใช่รึเปล่า”



    ไกคำรามอย่างถูกใจ มันทำตาเป็นประกายที่เจ้านายเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้าง



    “แต่แบบนี้คงลำบากนะ เอายังงี้ฉันจะร่ายเวทย์ให้นายตัวเล็กลงดีไหม”ฟาโรห์เริ่มร่ายคาถาใส่มังกร



    กลุ่มควันจางๆลอยวนล้อมรอบตัวของไก มังกรตัวใหญ่ค่อยๆหดเล็กลงเรื่อยๆแล้วหน้าตาของไกก็ดูอ่อนวัยไม่ค่อยหยาบกร้านอย่างที่เคยเป็น



    ฟาโรห์เหลือบตาดูขนาดตัวของไกเมื่อเขารู้สึกว่าพอใจแล้วจึงหยุดร่ายคาถา ไกมองดูร่างของตัวเองที่ขณะนี้สูงกว่าเจ้านายแค่สองฟุต



    มันเงยหน้ามองต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างทางด้วยอาการงงนิดหน่อยเพราะไม่ชินก่อนจะมองเข้าไปในป่าข้างหน้า



    “หน้าที่ข้าจบแล้วใช่ไหมขอนอนต่อก็แล้วกัน”เจ้าปัญญาหายตัวไปทิ้งไว้แต่หมอกสีชมพูเป็นเกลียววนตรงที่เดิมที่มันเคยบินอยู่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×