ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เจ้าชายแห่งคาโนวาล
\"ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี\"
\"เฮ้ ร้อยปีก็พอแล้วหมื่นหมื่นปีเห็นทีจะอยู่ไม่ไหว\"
เสียงตอบรับจากเด็กหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากข้าราชบริพารที่มาออกันอยู่หน้าลานทางเข้าท้องพระโรงเพื่อประชุมเช้า
\"เชิญทุกท่านเข้าสู่ท้องพระโรง\"เสียงเล็กๆของโคมุสคนสนิทท่านจ้าวดังขึ้นมาแต่ไกล เมื่อมองมาเห็นคนตรงหน้าแววตาก็เป็นประกาย
\"ฝ่าบาท! โอ้ฝ่าบาทเสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน\"โกโดมวิ่งเข้ามาอย่างดีใจ
\"เมื่อกี้นี้\"ตอบสั้นๆขณะที่เดินนำเหล่าอำมาตย์เข้าสู่ท้องพระโรงแล้วก็ดึงห่อผ้าที่สะพายบ่ามาคุ้ยๆ สักครู่ก็หยิบห่อสีน้ำตาลขนาดเท่าฝ่ามือสองห่อออกมายื่นให้โกโดม
\"ของฝากจากคาโนวาล ทางซ้ายหรือทางขวาดี\"คนยื่นข้อเสนอยิ้มถูกใจที่ได้แกล้ง โกโดมกลืนน้ำลายเลือกไม่ถูกว่าจะเอาห่อไหน ไม่ว่าอะไรที่ชายผู้นี้เอามาฝากก็มักอร่อยโดนใจเสมอ อีกฝ่ายมองท่าทางของโกโดมแล้วจึงยิ้มอย่างรู้ทัน
\"ล้อเล่นน่า ฉันให้นายหมดเลย\"ว่าจบก็วางของลงบนมือที่ยื่นมารับจนร่างนั้นโงนเงนซ้ายขวาแทบรับน้ำหนักไม่ไหว
\"ขอบพระทัยฝ่าบาท\"โกโดมยิ้มร่าขณะที่มองผู้ที่เมตตาต่อเขาเสมอด้วยความชื่นชมเป็นปลื้ม
\"ท่านจ้าวเสด็จ\"
ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศทุกคนก็คุกเข่าแสดงความเคารพผู้ที่เดินมานั่งบนบัลลังก์
\"ลุกขึ้น\"ท่านจ้าวกล่าวอย่างอารมณ์ดี สายตาจับจ้องอยู่ที่มนุษย์คนเดียวกลางท้องพระโรงที่ยืนยิ้มให้ท่าน
  ชายหนุ่มอายุราว15ปีเศษ ผิวขาว ผมสีฟ้าอ่อนประกายเงินซอยตรงอย่างเท่ห์ตามกระแสของพวกวัยรุ่น ใบหน้าดูดีคล้ายบางคนที่ทรงรู้จักส่วนแววตาขี้เล่นนั่นเหมือนสตรีอันเป็นที่รักของพระองค์
  ท่านจ้าวมองเสื้อผ้าของคนตรงหน้าอดยิ้มแล้วส่ายหัวไม่ได้ เสื้อผ้าก็แสนจะธรรมดาสามัญแถมยังมีรอยขาดเป็นทางเต็มไปหมด ก่อนจะเอ่ยแซวทั้งที่คาดคำตอบไว้ในใจแล้ว
“ป่านนี้คาโนวาลคงวุ่นวายน่าดู”
                              .........................................................................................................
  วุ่นวาย?
  ใช่ .วุ่นวาย!
  เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนดังขึ้นเบาๆหลังจากที่ทนฟังเสียงบ่นของราชินีคู่ใจจนแทบนับรอบไม่ได้
“เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ เอะอะก็เอาแต่ถอนใจลูกเดียวเมื่อไหร่จะจัดการสักทีล่ะ”ตาสีน้ำตาลปรายมามองผู้ที่ยังนั่งใจเย็นอ่านฎีกาบนโต๊ะ
“ยังต้องจัดการอะไรอีกก็เธอส่งคนไปแล้ว เป็นรอบที่4” เสียงเอ่ยเรียบๆราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญ สายตาทอดมองฎีกาฉบับใหม่ที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ
  ปับ!
มือหนึ่งวางทับมือที่กำลังจะคว้าฎีกาอ่าน เจ้าของมือจึงส่งสายตาปรามเธอ แต่คนที่กำลังหงุดหงิดไม่มีอาการเกรงใจแม้แต่น้อยแถมจ้องกลับอย่างไม่พอใจ
“ก็นายนั่นแหละ ดีแต่ให้ท้ายลูกจนเสียคน”กล่าวโทษซะยังงั้น
“หือม์”คนถูกว่าเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ค่อยจะยอมรับ เขาน่ะเหรอให้ท้ายลูก เจ้าชายองค์เดียวของเขาที่ขี้เล่นชอบหาประสบการณ์ตรงตามคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่ที่จริงบ้างโม้บ้าง ก็แล้วยังงี้จะมาโทษเขาได้ยังไง
“ยังจะเถียงอีก”เฟรินตวาดแว๊ด ทำสีหน้าขึงขังใส่จำเลยที่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไรซักคำ
‘เถียง’ บทสรุปของการที่เขาเงยหน้ามองเธอ คำที่ทำให้ผู้ถูกว่ายิ้มนิดๆ เขายังไม่ได้พูดอะไรนี่นา
“ยังจะยิ้มอีก น่าเบื่อจริงพ่อลูกคู่นี้ ดีแต่สร้างความวุ่นวาย”
เพียงแค่นั้นคาโลก็ถึงกับหัวเราะเบาๆในความเอาแต่ใจตัวเองของราชินีแห่งคาโนวาลแล้ววางงานในมือลง ใครกันแน่ที่วุ่นวาย
“ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟาโรห์ไปท่องเที่ยว”คาโลเอ่ย
“ท่องเที่ยว! นายก็รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหนที่จะให้เด็กคนหนึ่งไปไหนต่อไหนตามลำพังทั่วเอเดน”
  เด็ก? คาโลเปรยในใจ ถ้าคนที่จัดการกับมังกรได้ด้วยมือเปล่าเรียกว่าเด็กเห็นทีเหล่านักรบของคาโนวาลคงเป็นเพียงแค่ทารก
“ประสบการณ์นำมาซึ่งความรู้”
“ห๊ะ ”
“จริงอยู่ฉันอาจจะไม่พอใจที่เธอเที่ยวเอาอะไรไร้สาระมาใส่หัวลูก แต่ที่ผ่านมาฟาโรห์ทำให้ฉันเห็นว่านี่เป็นวิธีเรียนรู้ที่ไม่เลวเลยทีเดียว ในฐานะพ่อฉันก็ควรส่งเสริมถึงแม้คาโนวาลจะไม่มีธรรมเนียมส่งเจ้าชายไปเร่ร่อนนอกวังก็ตามที”
“แต่นี่มันเกินไป ฟาโรห์เคยอยู่ติดวังซะที่ไหน”
“แต่ลูกไม่ได้ไปเที่ยวเล่นเฟริน เขาไปเพื่อพัฒนาฝีมือของตัวเอง”
“นายนี่ก็แปลกคน เมื่อก่อนยังคัดค้านลูกยังกับอะไรดี”
“นักรบที่ดีต้องหมั่นฝึกฝน คาโนวาลเป็นเมืองนักรบแล้วฟาโรห์ก็แข็งแกร่งสมเป็นนักรบ”
  ‘ให้ตายเถอะ’ เฟรินถอนใจกับความคิดของกษัตริย์แห่งคาโนวาล หมอนี่ชักจะเพี้ยนหนักขึ้นทุกวัน หรือบางทีอาจจะจริงอย่างที่คิลเคยว่าเธอในงานเลี้ยงเมื่อ3ปีก่อน
“เดี๋ยวนี้นายขี้บ่นเป็นคุณป้าเข้าไปทุกทีแล้วเฟริน”
“ก็ฉันเซ็งนี่นา วันๆเจอแต่พวกหน้าหงิก น่าเบื่อชะมัด”เฟรินบ่นเบาๆอย่างไม่คิดจะให้ใครได้ยิน
“เธอเหงายังงั้นเหรอ” คาโลยิ้มอย่างอ่อนโยน อีกฝ่ายสะดุ้งนิดหน่อย ได้ยินด้วยแฮะ
“เปล่า”
คาโลวางงานลง ก่อนจะลุกเดินมาโอบคนขี้น้อยใจจากทางด้านหลัง
\"ถ้าอย่างนั้นจะลองพิจารณาข้อเสนอของฟาโรห์หน่อยดีไหม\"คำแซวที่ทำเอาคนปากไวหน้าแดงนิดๆแล้วเงียบเสียงลงทันที
                                        .......................................................................
    ...เมื่อ7เดือนก่อนหลังจากที่ฟาโรห์กลับมาจากเอเธนส์...
\"..ใจคอเจ้าจะให้แม่อกแตกตายรึไงไปไหนมาไหนไม่ส่งข่าวบอกกันบ้าง นี่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง แม่มีลูกอยู่แค่คนเดียวนะ!...\"
คำเทศนาเป็นชุดที่เจ้าชายได้แต่นั่งอุดหูสองข้าง ทำหน้าเห่ยหลับตาปี๋ ในใจก็ภาวนาขอให้ท่านแม่เมตตาหยุดพักหายใจสักเฮือกก็ยังดี
\"...เข้าใจรึเปล่า\"คำทิ้งท้ายที่ทำให้เจ้าชายรู้ว่าตนเองกำลังจะรอดพ้นจากวิกฤตแค่เพียงพยักหน้าพร้อมสายตาเสียใจนิดๆให้ท่านแม่ทอดพระเนตร
\"โธ่ท่านแม่ อีกไม่นานลูกก็ต้องเข้าเรียนที่เอดินเบิร์กแล้ว ให้ลูกได้ศึกษากับเอเดนอีกสักนิดเถอะกระหม่อม\"
\"ฟาโรห์ ลูกอย่าว่าแม่เรียกร้องเอาแต่ใจเลยนะแต่ลูกก็ควรจะอยู่ติดวังบ้าง สักวันหนึ่งเถอะแม่คงจะลืมว่าเจ้าหน้าตาเป็นยังไง\"
\"ท่านแม่ก็ดูหน้าท่านพ่อไปพลางๆก่อนสิรับรองว่าไม่ลืมหน้าลูกแน่\"ฟาโรห์ยิ้มให้ท่านแม่แล้วหันมามองท่านพ่อที่เหลือบตามาดูเขาก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
\"แต่ท่านแม่อาจจะตกใจนิดหน่อยว่าทำไมลูกถึงหล่อน้อยลง\"ฟาโรห์ลอบยิ้มเมื่อท่านพ่อชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมาเต็มๆ
\"เจ้านี่น้า\"เฟรินหัวเราะอย่างถูกใจ ยิ่งเห็นหน้าดุดุที่เหมือนจะงอ(น)เล็กน้อยก็ยิ่งชอบ
\"กระหม่อมว่าจะอยู่ที่นี่สักครึ่งปีให้ท่านแม่คลายความคิดถึง\"ฟาโรห์โอบเอวท่านแม่ของเขาที่กำลังลูบผมลูกชายอย่างเอ็นดู
\"เจ้าจะไปไหนอีกล่ะคราวนี้\"เฟรินรู้ทัน
\"ก็ว่าจะไปเยี่ยมท่านตาสักหน่อย ป่านนี้คงคิดถึงหลานชายสุดที่รักแย่แล้ว\"
ฟาโรห์กล่าวด้วยรอยยิ้ม ที่ที่เขาชอบไปที่สุดก็คงไม่พ้นเดมอส ดินแดนปีศาจที่มีแต่คนขยาดเพราะที่นั้นมีสิ่งแปลกๆพิลึกพิลั่นมามายที่ไม่สามารถหาได้ในเอเดน การผจญภัยแต่ละครั้งจึงสนุกตื่นเต้น
\"เดมอสอันตรายเกินไปที่ลูกจะไปเที่ยวเล่นคนเดียว\"เฟรินรีบค้าน
\"แต่ลูกเคยไปคนเดียวมาแล้วสองครั้งนะท่านแม่\"คำแย้งทำเอาท่านแม่สะอึก
\"ขืนเจ้ายังชอบหาเรื่องเสี่ยงตายอยู่แบบนี้แม่กลัวว่..\"
\"งั้นท่านแม่ก็มีโอรสอีกสักองค์ถวายท่านพ่อสิ เกิดลูกเป็นอะไรไปจะได้ไม่เสียใจ\"ฟาโรห์แกล้งล้อ
\"ฟาโรห์\"ท่านแม่ตวาดแว๊ด ฟาโรห์อุดหูทำหน้าเห่ยหันไปมองท่านพ่อที่ทำตาดุใส่แต่เขาก็มองออกว่ามีแววขำปะปนอยู่นิดหน่อยในตาสีฟ้านั่น
\"หิวจัง ขอตัวไปหาอะไรกินก่อนนะฮะ\"ฟาโรห์รีบคว้าห่อผ้าวิ่งหนีออกไปจากห้องทรงงานของท่านพ่อทันที
                                        ..............................................................................
\"รู้รึเปล่าว่าเจ้ากำลังจะทำให้พ่อต้องลำบาก\"เสียงเอ่ยเรียบๆหลังจากฟังคำลาจากผู้เป็นลูกที่กำลังยืนยิ้มอยู่หน้าโต๊ะ
  ตาสีฟ้าใสของเจ้าชายฟาโรห์ วาเนบลี สบกับเนตรของคิงคาโลผู้เป็นพ่ออย่างสบายใจท่านพ่อมักส่งเสริมในสิ่งที่เขาสนใจอยากทำ เวลาที่ปรึกษาอะไรด้วยจึงรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกแม้ว่าเรื่องนั้นจะดูเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
  คาโลมองลูกชายแล้วถอนใจเบาๆ จากชุดทรงเจ้าชายก็กลับกลายมาเป็นเสื้อยืดสีเทาอ่อนที่ถกขึ้นมาเหนือศอกกับกางเกงสีน้ำตาลเข้มเกือบดำที่มีกระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อยเต็มไปหมด รองเท้าบูทหนังสีน้ำตาลที่เพิ่งถอยมาใหม่เพราะคู่เก่าขาดไปแล้ว แถมยังสะพายห่อผ้าสีฟ้าซีดๆที่ไหล่ขวาบอกถึงความพร้อมในการเดินทาง แล้วเขาก็คงต้องทนฟังเสียงบ่นของใครบางคนที่มักจะมาอาละวาดในห้องทรงงานอย่างไม่เกรงใจใครหน้าไหนแม้แต่ตัวเขาที่เป็นเจ้าของห้องและถึงแม้เขาจะว่าหล่อนไปหลายรอบจนเอือมเต็มทนแล้วก็ตาม
“หวังว่าเจ้าจะกลับมาคาโนวาลก่อนการสมัครสอบของโรงเรียนพระราชาเอเดนเบิร์ก”
คาโลยอมยกธงขาวให้เจ้าชายที่ยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ
“ไปคราวนี้ลูกจะพาไกไปด้วย”ฟาโรห์นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทรงงาน คาโลเงยหน้าขึ้นจากหนังสือด้วยความประหลาดใจ
  ไก มังกรเพลิงคู่ใจของเจ้าชายฟาโรห์
  ปกติลูกชายเขาจะขี่มันไปร่อนแก้เซ็งในยามที่ถูกเฟรินบังคับให้อยู่ในสายตาของเธอ...เป็นการกักบริเวณที่ค่อนข้างอิสระพอสมควร
”ถ้าท่านพ่อจะกรุณาลูกอีกนิด ”ฟาโรห์ลองพูดหยั่งเชิง คาโลเงยหน้าเป็นสัญญาณให้รู้ว่าอนุญาตให้พูดได้ ฟาโรห์ยิ้มบางๆ
“ลูกจะขอไปสมัครเข้าเรียนด้วยตัวเอง เดินทางไปๆมาๆจะเสียเวลาเปล่าๆนะท่านพ่อ”
“กลัวจะเสียเวลาสนุกของเจ้า”คาโลขัดอย่างไม่พอใจแต่อีกฝ่ายยังรักษาหน้ายิ้มแย้ม
“ท่านพ่อจะว่าอะไรรึเปล่าถ้าลูกจะไม่เข้าเรียนในฐานะเจ้าชายแห่งคาโนวาล”
  คาโลชะงักกึก ในขณะที่ลูกชายตัวแสบยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องสนุก
\"เฮ้ ร้อยปีก็พอแล้วหมื่นหมื่นปีเห็นทีจะอยู่ไม่ไหว\"
เสียงตอบรับจากเด็กหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากข้าราชบริพารที่มาออกันอยู่หน้าลานทางเข้าท้องพระโรงเพื่อประชุมเช้า
\"เชิญทุกท่านเข้าสู่ท้องพระโรง\"เสียงเล็กๆของโคมุสคนสนิทท่านจ้าวดังขึ้นมาแต่ไกล เมื่อมองมาเห็นคนตรงหน้าแววตาก็เป็นประกาย
\"ฝ่าบาท! โอ้ฝ่าบาทเสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน\"โกโดมวิ่งเข้ามาอย่างดีใจ
\"เมื่อกี้นี้\"ตอบสั้นๆขณะที่เดินนำเหล่าอำมาตย์เข้าสู่ท้องพระโรงแล้วก็ดึงห่อผ้าที่สะพายบ่ามาคุ้ยๆ สักครู่ก็หยิบห่อสีน้ำตาลขนาดเท่าฝ่ามือสองห่อออกมายื่นให้โกโดม
\"ของฝากจากคาโนวาล ทางซ้ายหรือทางขวาดี\"คนยื่นข้อเสนอยิ้มถูกใจที่ได้แกล้ง โกโดมกลืนน้ำลายเลือกไม่ถูกว่าจะเอาห่อไหน ไม่ว่าอะไรที่ชายผู้นี้เอามาฝากก็มักอร่อยโดนใจเสมอ อีกฝ่ายมองท่าทางของโกโดมแล้วจึงยิ้มอย่างรู้ทัน
\"ล้อเล่นน่า ฉันให้นายหมดเลย\"ว่าจบก็วางของลงบนมือที่ยื่นมารับจนร่างนั้นโงนเงนซ้ายขวาแทบรับน้ำหนักไม่ไหว
\"ขอบพระทัยฝ่าบาท\"โกโดมยิ้มร่าขณะที่มองผู้ที่เมตตาต่อเขาเสมอด้วยความชื่นชมเป็นปลื้ม
\"ท่านจ้าวเสด็จ\"
ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศทุกคนก็คุกเข่าแสดงความเคารพผู้ที่เดินมานั่งบนบัลลังก์
\"ลุกขึ้น\"ท่านจ้าวกล่าวอย่างอารมณ์ดี สายตาจับจ้องอยู่ที่มนุษย์คนเดียวกลางท้องพระโรงที่ยืนยิ้มให้ท่าน
  ชายหนุ่มอายุราว15ปีเศษ ผิวขาว ผมสีฟ้าอ่อนประกายเงินซอยตรงอย่างเท่ห์ตามกระแสของพวกวัยรุ่น ใบหน้าดูดีคล้ายบางคนที่ทรงรู้จักส่วนแววตาขี้เล่นนั่นเหมือนสตรีอันเป็นที่รักของพระองค์
  ท่านจ้าวมองเสื้อผ้าของคนตรงหน้าอดยิ้มแล้วส่ายหัวไม่ได้ เสื้อผ้าก็แสนจะธรรมดาสามัญแถมยังมีรอยขาดเป็นทางเต็มไปหมด ก่อนจะเอ่ยแซวทั้งที่คาดคำตอบไว้ในใจแล้ว
“ป่านนี้คาโนวาลคงวุ่นวายน่าดู”
                              .........................................................................................................
  วุ่นวาย?
  ใช่ .วุ่นวาย!
  เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนดังขึ้นเบาๆหลังจากที่ทนฟังเสียงบ่นของราชินีคู่ใจจนแทบนับรอบไม่ได้
“เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ เอะอะก็เอาแต่ถอนใจลูกเดียวเมื่อไหร่จะจัดการสักทีล่ะ”ตาสีน้ำตาลปรายมามองผู้ที่ยังนั่งใจเย็นอ่านฎีกาบนโต๊ะ
“ยังต้องจัดการอะไรอีกก็เธอส่งคนไปแล้ว เป็นรอบที่4” เสียงเอ่ยเรียบๆราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญ สายตาทอดมองฎีกาฉบับใหม่ที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ
  ปับ!
มือหนึ่งวางทับมือที่กำลังจะคว้าฎีกาอ่าน เจ้าของมือจึงส่งสายตาปรามเธอ แต่คนที่กำลังหงุดหงิดไม่มีอาการเกรงใจแม้แต่น้อยแถมจ้องกลับอย่างไม่พอใจ
“ก็นายนั่นแหละ ดีแต่ให้ท้ายลูกจนเสียคน”กล่าวโทษซะยังงั้น
“หือม์”คนถูกว่าเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ค่อยจะยอมรับ เขาน่ะเหรอให้ท้ายลูก เจ้าชายองค์เดียวของเขาที่ขี้เล่นชอบหาประสบการณ์ตรงตามคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่ที่จริงบ้างโม้บ้าง ก็แล้วยังงี้จะมาโทษเขาได้ยังไง
“ยังจะเถียงอีก”เฟรินตวาดแว๊ด ทำสีหน้าขึงขังใส่จำเลยที่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูดอะไรซักคำ
‘เถียง’ บทสรุปของการที่เขาเงยหน้ามองเธอ คำที่ทำให้ผู้ถูกว่ายิ้มนิดๆ เขายังไม่ได้พูดอะไรนี่นา
“ยังจะยิ้มอีก น่าเบื่อจริงพ่อลูกคู่นี้ ดีแต่สร้างความวุ่นวาย”
เพียงแค่นั้นคาโลก็ถึงกับหัวเราะเบาๆในความเอาแต่ใจตัวเองของราชินีแห่งคาโนวาลแล้ววางงานในมือลง ใครกันแน่ที่วุ่นวาย
“ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟาโรห์ไปท่องเที่ยว”คาโลเอ่ย
“ท่องเที่ยว! นายก็รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหนที่จะให้เด็กคนหนึ่งไปไหนต่อไหนตามลำพังทั่วเอเดน”
  เด็ก? คาโลเปรยในใจ ถ้าคนที่จัดการกับมังกรได้ด้วยมือเปล่าเรียกว่าเด็กเห็นทีเหล่านักรบของคาโนวาลคงเป็นเพียงแค่ทารก
“ประสบการณ์นำมาซึ่งความรู้”
“ห๊ะ ”
“จริงอยู่ฉันอาจจะไม่พอใจที่เธอเที่ยวเอาอะไรไร้สาระมาใส่หัวลูก แต่ที่ผ่านมาฟาโรห์ทำให้ฉันเห็นว่านี่เป็นวิธีเรียนรู้ที่ไม่เลวเลยทีเดียว ในฐานะพ่อฉันก็ควรส่งเสริมถึงแม้คาโนวาลจะไม่มีธรรมเนียมส่งเจ้าชายไปเร่ร่อนนอกวังก็ตามที”
“แต่นี่มันเกินไป ฟาโรห์เคยอยู่ติดวังซะที่ไหน”
“แต่ลูกไม่ได้ไปเที่ยวเล่นเฟริน เขาไปเพื่อพัฒนาฝีมือของตัวเอง”
“นายนี่ก็แปลกคน เมื่อก่อนยังคัดค้านลูกยังกับอะไรดี”
“นักรบที่ดีต้องหมั่นฝึกฝน คาโนวาลเป็นเมืองนักรบแล้วฟาโรห์ก็แข็งแกร่งสมเป็นนักรบ”
  ‘ให้ตายเถอะ’ เฟรินถอนใจกับความคิดของกษัตริย์แห่งคาโนวาล หมอนี่ชักจะเพี้ยนหนักขึ้นทุกวัน หรือบางทีอาจจะจริงอย่างที่คิลเคยว่าเธอในงานเลี้ยงเมื่อ3ปีก่อน
“เดี๋ยวนี้นายขี้บ่นเป็นคุณป้าเข้าไปทุกทีแล้วเฟริน”
“ก็ฉันเซ็งนี่นา วันๆเจอแต่พวกหน้าหงิก น่าเบื่อชะมัด”เฟรินบ่นเบาๆอย่างไม่คิดจะให้ใครได้ยิน
“เธอเหงายังงั้นเหรอ” คาโลยิ้มอย่างอ่อนโยน อีกฝ่ายสะดุ้งนิดหน่อย ได้ยินด้วยแฮะ
“เปล่า”
คาโลวางงานลง ก่อนจะลุกเดินมาโอบคนขี้น้อยใจจากทางด้านหลัง
\"ถ้าอย่างนั้นจะลองพิจารณาข้อเสนอของฟาโรห์หน่อยดีไหม\"คำแซวที่ทำเอาคนปากไวหน้าแดงนิดๆแล้วเงียบเสียงลงทันที
                                        .......................................................................
    ...เมื่อ7เดือนก่อนหลังจากที่ฟาโรห์กลับมาจากเอเธนส์...
\"..ใจคอเจ้าจะให้แม่อกแตกตายรึไงไปไหนมาไหนไม่ส่งข่าวบอกกันบ้าง นี่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง แม่มีลูกอยู่แค่คนเดียวนะ!...\"
คำเทศนาเป็นชุดที่เจ้าชายได้แต่นั่งอุดหูสองข้าง ทำหน้าเห่ยหลับตาปี๋ ในใจก็ภาวนาขอให้ท่านแม่เมตตาหยุดพักหายใจสักเฮือกก็ยังดี
\"...เข้าใจรึเปล่า\"คำทิ้งท้ายที่ทำให้เจ้าชายรู้ว่าตนเองกำลังจะรอดพ้นจากวิกฤตแค่เพียงพยักหน้าพร้อมสายตาเสียใจนิดๆให้ท่านแม่ทอดพระเนตร
\"โธ่ท่านแม่ อีกไม่นานลูกก็ต้องเข้าเรียนที่เอดินเบิร์กแล้ว ให้ลูกได้ศึกษากับเอเดนอีกสักนิดเถอะกระหม่อม\"
\"ฟาโรห์ ลูกอย่าว่าแม่เรียกร้องเอาแต่ใจเลยนะแต่ลูกก็ควรจะอยู่ติดวังบ้าง สักวันหนึ่งเถอะแม่คงจะลืมว่าเจ้าหน้าตาเป็นยังไง\"
\"ท่านแม่ก็ดูหน้าท่านพ่อไปพลางๆก่อนสิรับรองว่าไม่ลืมหน้าลูกแน่\"ฟาโรห์ยิ้มให้ท่านแม่แล้วหันมามองท่านพ่อที่เหลือบตามาดูเขาก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
\"แต่ท่านแม่อาจจะตกใจนิดหน่อยว่าทำไมลูกถึงหล่อน้อยลง\"ฟาโรห์ลอบยิ้มเมื่อท่านพ่อชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมาเต็มๆ
\"เจ้านี่น้า\"เฟรินหัวเราะอย่างถูกใจ ยิ่งเห็นหน้าดุดุที่เหมือนจะงอ(น)เล็กน้อยก็ยิ่งชอบ
\"กระหม่อมว่าจะอยู่ที่นี่สักครึ่งปีให้ท่านแม่คลายความคิดถึง\"ฟาโรห์โอบเอวท่านแม่ของเขาที่กำลังลูบผมลูกชายอย่างเอ็นดู
\"เจ้าจะไปไหนอีกล่ะคราวนี้\"เฟรินรู้ทัน
\"ก็ว่าจะไปเยี่ยมท่านตาสักหน่อย ป่านนี้คงคิดถึงหลานชายสุดที่รักแย่แล้ว\"
ฟาโรห์กล่าวด้วยรอยยิ้ม ที่ที่เขาชอบไปที่สุดก็คงไม่พ้นเดมอส ดินแดนปีศาจที่มีแต่คนขยาดเพราะที่นั้นมีสิ่งแปลกๆพิลึกพิลั่นมามายที่ไม่สามารถหาได้ในเอเดน การผจญภัยแต่ละครั้งจึงสนุกตื่นเต้น
\"เดมอสอันตรายเกินไปที่ลูกจะไปเที่ยวเล่นคนเดียว\"เฟรินรีบค้าน
\"แต่ลูกเคยไปคนเดียวมาแล้วสองครั้งนะท่านแม่\"คำแย้งทำเอาท่านแม่สะอึก
\"ขืนเจ้ายังชอบหาเรื่องเสี่ยงตายอยู่แบบนี้แม่กลัวว่..\"
\"งั้นท่านแม่ก็มีโอรสอีกสักองค์ถวายท่านพ่อสิ เกิดลูกเป็นอะไรไปจะได้ไม่เสียใจ\"ฟาโรห์แกล้งล้อ
\"ฟาโรห์\"ท่านแม่ตวาดแว๊ด ฟาโรห์อุดหูทำหน้าเห่ยหันไปมองท่านพ่อที่ทำตาดุใส่แต่เขาก็มองออกว่ามีแววขำปะปนอยู่นิดหน่อยในตาสีฟ้านั่น
\"หิวจัง ขอตัวไปหาอะไรกินก่อนนะฮะ\"ฟาโรห์รีบคว้าห่อผ้าวิ่งหนีออกไปจากห้องทรงงานของท่านพ่อทันที
                                        ..............................................................................
\"รู้รึเปล่าว่าเจ้ากำลังจะทำให้พ่อต้องลำบาก\"เสียงเอ่ยเรียบๆหลังจากฟังคำลาจากผู้เป็นลูกที่กำลังยืนยิ้มอยู่หน้าโต๊ะ
  ตาสีฟ้าใสของเจ้าชายฟาโรห์ วาเนบลี สบกับเนตรของคิงคาโลผู้เป็นพ่ออย่างสบายใจท่านพ่อมักส่งเสริมในสิ่งที่เขาสนใจอยากทำ เวลาที่ปรึกษาอะไรด้วยจึงรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกแม้ว่าเรื่องนั้นจะดูเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
  คาโลมองลูกชายแล้วถอนใจเบาๆ จากชุดทรงเจ้าชายก็กลับกลายมาเป็นเสื้อยืดสีเทาอ่อนที่ถกขึ้นมาเหนือศอกกับกางเกงสีน้ำตาลเข้มเกือบดำที่มีกระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อยเต็มไปหมด รองเท้าบูทหนังสีน้ำตาลที่เพิ่งถอยมาใหม่เพราะคู่เก่าขาดไปแล้ว แถมยังสะพายห่อผ้าสีฟ้าซีดๆที่ไหล่ขวาบอกถึงความพร้อมในการเดินทาง แล้วเขาก็คงต้องทนฟังเสียงบ่นของใครบางคนที่มักจะมาอาละวาดในห้องทรงงานอย่างไม่เกรงใจใครหน้าไหนแม้แต่ตัวเขาที่เป็นเจ้าของห้องและถึงแม้เขาจะว่าหล่อนไปหลายรอบจนเอือมเต็มทนแล้วก็ตาม
“หวังว่าเจ้าจะกลับมาคาโนวาลก่อนการสมัครสอบของโรงเรียนพระราชาเอเดนเบิร์ก”
คาโลยอมยกธงขาวให้เจ้าชายที่ยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ
“ไปคราวนี้ลูกจะพาไกไปด้วย”ฟาโรห์นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทรงงาน คาโลเงยหน้าขึ้นจากหนังสือด้วยความประหลาดใจ
  ไก มังกรเพลิงคู่ใจของเจ้าชายฟาโรห์
  ปกติลูกชายเขาจะขี่มันไปร่อนแก้เซ็งในยามที่ถูกเฟรินบังคับให้อยู่ในสายตาของเธอ...เป็นการกักบริเวณที่ค่อนข้างอิสระพอสมควร
”ถ้าท่านพ่อจะกรุณาลูกอีกนิด ”ฟาโรห์ลองพูดหยั่งเชิง คาโลเงยหน้าเป็นสัญญาณให้รู้ว่าอนุญาตให้พูดได้ ฟาโรห์ยิ้มบางๆ
“ลูกจะขอไปสมัครเข้าเรียนด้วยตัวเอง เดินทางไปๆมาๆจะเสียเวลาเปล่าๆนะท่านพ่อ”
“กลัวจะเสียเวลาสนุกของเจ้า”คาโลขัดอย่างไม่พอใจแต่อีกฝ่ายยังรักษาหน้ายิ้มแย้ม
“ท่านพ่อจะว่าอะไรรึเปล่าถ้าลูกจะไม่เข้าเรียนในฐานะเจ้าชายแห่งคาโนวาล”
  คาโลชะงักกึก ในขณะที่ลูกชายตัวแสบยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องสนุก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น