คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : What is LOVE [CH.3]
[Fic] What is LOVE? CH.3
Pairing : Channuneo : Okkay : Khundong
Author : JHLGK & A[o]mityS
Rate : PG-13
___________________
หลังจากที่รุ่นพี่นั่นกลับโต๊ะไปได้ซักพัก จุนโฮก็เดินกลับมาจากห้องน้ำด้วยหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก พอมองเลยไปข้างหลังนั้นก็ถึงบางอ้อทันที เมื่อพบกับร่างสูงใหญ่เจ้าของนามฮวางชานซอง เดินตามเพื่อนตัวเล็กของเขามาติดๆ
เมื่อจุนโฮเดินมาถึงที่นั่งก็กระแทกตัวนั่งกับที่นั่งอย่างจัง ใบหน้าหวานบึ้งตึง คิ้วทั้งสองข้างย่นเข้าหากันจบแทบจะผูกเป็นโบว์ ทางฝั่งอูยองเมื่อเห็นเพื่อนของตนอารมณ์ไม่ค่อยดีนักจึงเอ่ยถาม
“ไปเจออะไรมาล่ะทำหน้ายุ่งเชียว” ถามพลางยื่นช้อนส้อมให้จุนโฮ เพื่อเตรียมทานอาหารตรงหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เจอคนโรคจิตมันเดินตามน่ะ!!” จุนโฮพูดเสียงดังจนคนแทบทั้งร้านนั้นหันมามอง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้หยี่ระตักอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆอย่างไม่สนใจใคร
“เอ้า ค่อยๆกินก็ได้หน่า จุนโฮไม่มีใครแย่งหรอก” ผมพูดขึ้น ทำให้จุนโฮเงยหน้าขึ้นมามองผม ตาเรียวตวัดมองด้วยความไม่พอใจ ผมเลยได้แต่สงบปากสงบคำและกินข้าวต่อไป
แต่แล้วเสียงแหลมๆของจุนโฮก็ขัดการกินที่แสนจะมีความสุขของผมเสียก่อน..
“พอแล้วอูด้ง! ไม่ให้กินแล้ว ฉันอยากกลับหอ!” จุนโฮพูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าง้ำงอ ที่ฉายแววเอาแต่ใจอย่างชัดเจน
“แต่..แต่ฉันยังไม่อิ่มเลยนี่หน่า...” ผมพูดเสียงอ่อย
“งั้นกินไปเลย! ฉันกลับหอแล้ว! เจอกันที่หอนะ” จุนโฮพูดพลางลุกขึ้นหยิบข้าวของเตรียมเดินออกจากโต๊ะ แต่แล้วร่างเล็กๆของจุนโฮก็ชะงักกึก พร้อมกับหันมายิ้มหวานให้ผมเสียทีนึง..
“ฝากจ่ายตังค์ด้วยน้าอูยองอ่า~”
ผมว่าแล้วทำไมคิ้วขวาผมถึงกระตุกแปลกๆ....
จุนโฮกลับไปแล้วทีนี้ผมก็คงต้องจัดการกับอาหารตรงหน้าให้หมดสินะ.. คิดได้ดังนั้นผมก็จัดการสวาปามอาหารตรงหน้าอย่างไม่ลังเล
เวลาผ่านไปไม่นานอาหารตรงหน้าก็ถูกจัดการลงกระเพาะผมจนแทบไม่เหลือซาก เดินไปที่หน้าเคาท์เตอร์เพื่อจ่ายตังค่าอาหาร ก่อนจะเดินออกจากร้านไปเพื่อที่จะกลับหอ แต่หากเดินไปได้ไม่เกินสองก้าว ก็ถูกมือของใครบางคนมากระชาก จนคนแก้มอูมเสียหลักล้มลง
“โอ๊ย!! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรอวะ!!!” ผมตวาดออกไปอย่างหัวเสีย แต่ไม่มีทีท่าว่าคนที่เดินชนผมจะปริปากพูดแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็สร้างความหงุดหงิดใจให้ผมได้ไม่น้อยเลย
ผมตัดสินใจเงยหน้ามองผู้ต้องหา แต่พอเห็นหน้าก็ต้องถึงกับผงะ... รุ่นพี่นิชคุณ!!!
“ไง คุณอยากให้ผมช่วยอะไรรึเปล่า?” ร่างสูงถามพลางยื่นมือมาเพื่อช่วยคนแก้มอูม
“ไม่ต้อง!! ผมลุกเองได้!!”
ร่างบางพูดเสียงดังใส่หน้าก่อนจะผลักมือของร่างสูงอย่างไม่ใยดีก่อนจะเดินผ่านร่างสูงร่างสูงไปโดยไม่ลืมที่จะกระแทกหัวไหล่ร่างสูงเข้าอย่างจัง
“เดี๋ยว...” อูยองที่กำลังที่กำลังจะเดินต่อไปก็ชะงักกึกก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกด้วยแววตาสงสัย
“ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านนะ” ร่างสูงพูดด้วยแววตาและสีหน้าที่จริงจัง แต่หากร่างบางนั้นหาได้สนใจไม่
“เกรงใจครับ ผมกลับเองได้ บายครับรุ่นพี่” เจ้าตัวตอบอย่างไม่หยี่ระ
“ชดเชยที่ผมชนคุณ.. ระหว่างทางผมอาจจะใบ้อะไรให้ซักสองสามอย่างก็ได้นะ”
ร่างสูงยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ หลังจากที่ตนพูดออกไปนั้นร่างบางก็ยืนนิ่งราวกับถูกสะกด ปรายตามองไปยังร่างบาง ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีกครั้ง
“ก..ก็ได้..” ร่างบางตอบเสียงอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ ก้มหน้าจนคางเกือบจะชิดอก
“ว่าไงนะ? ไม่ได้ยินเลย”
“ผมบอกว่า ก็ได้!!!”
“ดีมาก ป่ะ บ้านคุณไปทางไหนล่ะนำไปเลย” ร่างสูงพูด
เมื่อผมได้ยินดังนั้นจึงเดินนำไป ระหว่างทางไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมา จนกระทั่งความอึดอัดเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ผมจึงตัดสินใจหาเรื่องชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ
“ไหนนาย.. เอ่อ รุ่นพี่บอกว่าจะมีอะไรใบ้ผมไง” ผมพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ.. จะว่าไปเวลารุ่นพี่เค้าเงียบแบบนี้ก็ทำให้ผมเกรงใจได้เหมือนกันนะเนี่ย..
“อืมมม.. ผมจะใบ้ให้คุณก็ได้ แต่ก่อนอื่น...” ร่างสูงหยุดคำพูดเอาไว้ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก
“อ..อะไรล่ะ..”
คนตัวสูงไม่ตอบ แต่เดินต่อไปเรื่อยๆจนคนตัวเล็กหลังชนกับกำแพง แขนแกร่งเท้ากับกำแพง ด้วยความที่ว่านิชคุณสูงกว่าอูยองมาก จึงกลายเป็นอูยองถูกกักขังไว้ในอ้อมแขนของนิชคุณแทน..
“มีอะไรก็พูดมาสิ!!!” คนตัวเล็กตวาดขึ้นอย่างหัวเสียที่ไม่สามารถทำอะไรได้
ร่างสูงจ้องหน้าคนตัวเล็กก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจในท่าที่ลนลานของคนตัวเล็ก พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางเรื่อยๆ..
“คุณฮยอง”
ร่างสูงพูดขึ้นท่ามกลางความงุนงงของอูยอง ก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“เรียกซิ”
“ห๊ะ.. ว่าไงนะ? จะให้ผมระ..”
ยังไม่ทันที่อูยองจะพูดจบนิชคุณก็แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางอีกเพื่อกระตุ้นเอาคำตอบในแบบที่ตนอยากได้ คนตัวเล็กหลับตาปี๋ ก่อนจะลุกรี้ลุกรนพูดออกมา..
“ค..คุณฮยอง..” ร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อยในท่าที่ของคนตัวเล็กก่อนจะผละออกจากคนตัวเล็กอย่างเสียดาย
“หึ น่ารักมาก เรื่องที่ผมจะใบ้คุณก็คือ..”
ร่างสูงเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะก้มลงไปกระซิบกับคนตัวเล็ก อูยองเบิกตาโพล่งอย่างตกใจแต่ก็ต้องอยู่นิ่งๆเมื่อร่างสูงจับไหล่เขาไว้อย่างนั้น แต่สิ่งที่คนตัวสูงพูดนั้นยิ่งทำให้ผมต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง..
“พี่รหัสของคุณกับจุนโฮอยู่ในพวกผมเนี่ยแหละ ”
___________________
หลังจากที่มินจุนเดินออกไปสักพัก ชานซองก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ซึ่งตอนนี้เหลือแต่แทคยอนนั่งอยู่คนเดียว คนเป็นน้องเขยิบไปนั่งข้างๆพี่รหัสตัวเอง ก่อนจะส่งสายตาถาม
“มินจุนฮยอง กับคุณฮยองไปไหนอ่ะ?”
“ไอ้คุณเดินไปแกล้งเด็กอยู่ ส่วนมินจุน...” พอพูดถึงมินจุนแทคยอนก็หน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด จนชานซองเองก็รู้สึกได้ว่าไม่ควรจะถามอะไรไปมากกว่านี้
ชานซองพยักหน้ารับ มือหนาเลื่อนไปหยิบแก้วน้ำแทคยอนมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วเปล่ากระแทกโต๊ะแรงๆอย่างระบายอารมณ์ จนแทคยอนสะดุ้งเบาๆ
“แกไปหงุดหงิดอะไรมาวะชาน?”
ชานซองไม่ตอบพลางนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้ว ตอนที่เขากำลังจะเดินไปหาจุนโฮที่เดินกลับหอคนเดียว
.
.
.
หลังจากที่มีปากเสียงกับคนตัวเล็กไปพอสมควร คนตัวเล็กก็เดินหนีกลับไปที่โต๊ะของตัวเองอย่างพยายามจะใจเย็น ผมจึงจำใจเดินหันหลังกลับ ตั้งใจจะไปที่โต๊ะตัวเอง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเล็กแว่วมา
‘งั้นกินไปเลย! ฉันกลับหอแล้ว! เจอกันที่หอนะ’
จุนโฮจะกลับบ้านแล้ว..?
ได้ยินดังนั้นผมจึงหันร่างของตัวเองไปที่ประตูร้านทันที ผมเดินตามคนตัวเล็กอยู่ข้างหลัง ท่าทางของคนตัวเล็กดูไม่ได้รีบร้อน .. จุนโฮจะเหงามั้ยนะเดินกลับบ้านคนเดียวแบบนี้? ผมควรจะไปเดินเป็นเพื่อนสินะ!
คิดได้ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะเดินไปทักคนตัวเล็ก แต่ก่อนที่ผมจะได้เดินไปทักคนตัวเล็กนั้นก็มีร่างสูงโปร่งของคนอีกคนนึงเดินเข้ามาทักทายจุนโฮด้วยท่าทีที่สนิทสนม จุนโฮกระโดดกอดชายหนุ่มร่างสูงด้วยอาการดีอกดีใจ
“ซึลองฮยอง!! ฮยองมาทำอะไรแถวนี้ครับ?” จุนโฮพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
‘ก็จะไปร้านหนังสือ แล้วก็มาเจอนายนี่ไงเลยเข้ามาทัก’ ชายหนุ่มที่จุนโฮเรียกว่าซึลองเอ่ยขึ้นพลางเลื่อนมือมาโอบไหล่อีกคนเข้ามาใกล้
‘งั้นผมขอไปด้วยดิ ว่างๆพอดี”
‘เอาสิ ป่ะ รีบไปกันเถอะ’ ทั้งสองคนคุยกันอย่างอารมณ์ดี คนตัวเล็กพูดไปยิ้มไปให้คนข้างๆตัวเอง…
ผมหยุดเดินยืนมองแผ่นหลังบางนั้นที่ห่างออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับความอิจฉาที่มันผุดขึ้นมา..
ทำไมเวลาอยู่กับผมแล้วชอบอารมณ์เสียจังเลยนะ ทีอยู่กับคนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลย
.
.
.
พอคิดอย่างนั้นอาการน้อยใจมันก็กำเริบ แถมในหัวยังมีแต่ภาพบาดตาที่ไอ้ซึลองนั่นมาโอบไหล่จุนโฮเหมือนเป็นเจ้าของอีกทั้งเจ้าตัวเองก็ยังไม่ปัดด้วย ทีเรานะแค่จับนิดจับหน่อยก็โวยวายอย่างกับโลกแตก ฮึ้ยยย!
จะว่าไป จุนโฮเรียกซึลองว่าฮยองนิ...ถ้างั้น...
“ฮยอง รู้จักคนที่ชื่อซึลองปะ?”
“ซึลอง? อ๋อ รู้จักสิ ทำไม?”
“เค้าเป็นใครอ่ะ”
“ซึลองอยู่ปี2 คณะเศรษฐศาสตร์แต่เหมือนว่าจะเรียนบริหาร สาขาการโรงแรมอยู่ด้วยมั้งนะ ถามไปทำไมอ่ะ?”
คณะเศรษฐศาสตร์? แล้วจุนโฮไปรู้จักได้ไงอ่ะ? แล้วทำไมถึงสนิทกันขนาดนั้น? แล้วทำไมจุนโฮถึงยอมให้แตะตัวได้ง่ายๆ?...
“เห้ย ชานจะไปไหน!?”
แทคยอนรีบตะโกนไล่หลังน้องรหัสที่อยู่ดีๆก็ลุกพรวดแล้วก็วิ่งออกไปอย่างไม่บอกกล่าว ชานซองหันกลับมามองแทคยอนแปปนึงก่อนจะโบกมือลาแล้ววิ่งห่างออกไป
“ถามก็ไม่ตอบ แล้วสรุปนี่กูต้องจ่ายใช่มั้ย...”
___________________
ผมวิ่งออกมาจากร้านอาหารด้วยความเร็วสูง วิ่งตามทางไปเรื่อยๆจนสะดุดเข้ากับร่างเล็กคุ้นตา ผมเดินตามจุนโฮอยู่ห่างๆไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างเล็กของเขาเดินหายเข้าหอของเขาไป ผมเดินตามเขาไปจนถึงหน้าลิฟต์ คนตัวเล็กหันซ้ายหันขวาราวกับจะรู้ว่ามีคนเดินตามเขามาอยู่..อ่าแล้วนี่ผมจะตามเขาต่อยังไงเนี่ย!! .. จนกระทั่งลิฟต์เปิดออก ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปในลิฟต์ด้วย คนตัวเล็กชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยความโมโห..
“ย่าห์!! นี่นายมาได้ยังไง สะกดรอยตามฉันมาใช่มั้ย!!” ผมไม่ตอบอะไร ปรายตาคนตัวเล็กที่กำลังทำท่าฮึดฮัดเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจคนตรงหน้า
“นี่ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง!!”
จุนโฮขึ้นเสียงถามผมอีกครั้งเมื่อผมยังยืนนิ่งโดยไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามของเขาเลยแม้แต่น้อย ผมเอื้อมมือไปกุมมือเล็กของจุนโฮแผ่วเบา คนตัวเล็กแสดงท่าทีตกใจในตอนแรกก่อนจะพยายามแกะมือของผมออกแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อแรงของเขานั้นเมื่อเทียบกับผมมันช่างน้อยนิด
“ปล่อยฉันนะฮวาง ชานซอง!!” ผมตัดสินใจกดลิฟต์เพื่อเปลี่ยนชั้นไปยังชั้นที่ผมพักอยู่ คนตัวเล็กได้แต่มองตามการกระทำของผมด้วยความไม่เข้าใจ..
ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าผมทำอะไรแบบนี้ลงไปทำไม ทั้งเรื่องที่โมโหเรื่องไม่เป็นเรื่องที่จุนโฮยอมให้ไอ้ซึลองนั่นกอดคอด้วยท่าทีที่สนิทสนม ทั้งที่คนตัวเล็กชอบทำตัวเหมือนไม่ชอบขี้หน้าผม ผมแค่รู้สึกว่าผมน้อยใจ.. ใช่ผมน้อยใจ แล้ว..มันในฐานะอะไรล่ะ?..
ก่อนที่ผมจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเสียงลิฟต์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
ติ๊ง..
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกผมก็จูงมือคนตัวเล็กเดินออกมาด้วยกัน แต่น่าแปลกที่คราวนี้เขาไม่มีท่าทีที่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย เมื่อถึงหน้าห้องผมจึงจัดการไขกุญแจ ก่อนจะพาคนตัวเล็กเข้าไปในห้องด้วยกัน..
คนตัวเล็กขืนข้อมือออกจากการกอบกุมของผม ก่อนจะเดินอ้อมมายืนข้างหน้าผม จุนโฮเงยหน้ามองผมก่อนจะถามคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“นายตามฉันมาทำไมชานซอง?” ผมมองหน้าเขาก่อนจะตอบคำถามออกไปตามที่ผมคิด
“ฉันก็แค่อยากคุยกับนายดีๆบ้างแค่นั้นเอง”
“เนี่ยหรอที่เรียกว่าคุยดีๆของนาย? พูดดีๆก็ได้นี่ชานซอง ไม่ใช่มาทำเงียบใส่แบบนี้นะ ฉันไม่ชอบ!!!” คนตัวเล็กเริ่มจะงอแงอีกครั้ง
“ก็เวลานายเจอฉันทีไรก็ทำอย่างกับโลกจะแตก ต้องโมโหทุกทีที่เจอกัน ทีกับไอ้รุ่นพี่ซึลองอะไรนั่นไม่เห็นนายจะเป็นแบบนี้เลย! ทำไมล่ะ?”
“นายไม่ควรเรียกรุ่นพี่ว่ามันนะชานซอง” คนตัวเล็กพูดเสียงต่ำ
“โอเค.. ฉันจะไม่เรียกรุ่นพี่ของนายว่ามันอีก.. แต่จุนโฮขอร้องล่ะเราคุยกันดีๆซักครั้งไม่ได้หรือไง นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรือไง?”
ผมถามพลางมองหน้าคนตัวเล็ก จุนโฮไม่หลบสายตาผมเลยแม้แต่น้อย สายตาที่มองมามันช่างแข็งกร้าวแต่ก็เต็มไปด้วยความสับสน
ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้หน้าหวานช้าๆ จนริมฝีปากของผมแตะกับริมฝีปากของเขา จุนโฮตัวแข็งทื่อ ตาเรียวเบิกขึ้นอย่างตกใจ ผมเบียดริมฝีปากลงไปหนักขึ้นอีก คนตัวเล็กพยายามจะผลักผมออกแต่แรงแค่นั้นหรอจะทำอะไรผมได้ ผมโอบเอวจุนโฮให้เข้ามาชิดกัน ใช้มือข้างนึงจับใบหน้าหวานให้เงยเพื่อจะได้รับสัมผัสจากผมได้มากขึ้น
ผมแลบลิ้นแตะริมฝีปากเค้าเบาๆก่อนจะแทรกเข้าไปเพื่อชิมความหวานที่อยู่ในนั้น แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด ปากจุนโฮหวาน... หวานจนผมอยากจะช่วงชิมให้มากขึ้น... มากขึ้นกว่านี้...
“อะ...ชานซอง...อื้มมม..หายใจ...ฮะ...ไม่ทัน...”
ผมต้องจำใจละจากริมฝีปากหอมหวานนั่นเพื่อให้จุนโฮได้หายใจ แต่ผมไม่ปล่อยให้เค้าได้หายใจนานหรอก ผมก้มลงไปช่วงชิงลมหายใจเค้าอีกครั้ง คนตรงหน้าผมเริ่มดิ้นจนผมต้องเปลี่ยนมาจับแขนเรียวไม่ให้ทุบตีร่างกายผมไปมากกว่านี้ แต่ผมลืมนึกอะไรไปบางอย่าง...
“โอ้ยยยย! จุนโฮ ถีบผมทำไมเนี่ย!”
“สมน้ำหน้า ไอ้โรคจิต!”
ใช่ครับ ผมลืมไปว่าขาจุนโฮยังว่างอยู่ ผมเลยโดนขาเล็กนั่นถีบเข้าที่ท้องจนตัวงอ คนตัวเล็กพอได้ถีบผมแล้วก็หัวเราะสะใจ แถมยังวิ่งหนีออกไปเลยอีก
ผมเดินมานั่งที่โซฟาสีดำในห้อง เอามือกุมท้องด้วยความเจ็บ ยังไม่ทันที่จะหันไปทำอะไรต่อ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง
“ชานซอง ฉันขอบอกให้รู้ไว้เลยนะ ฉันกับซึลองฮยองไม่ได้เป็นไรกัน ฮยองเป็นแค่รุ่นพี่ที่เคยเรียนอยู่ที่เดียวกันสมัยมัธยมเฉยๆ เข้าใจนะ!”
พูดจบก็เดินออกไปเลย จริงๆแล้วเค้าไม่จำเป็นต้องกลับมาบอกผมอีกรอบก็ได้นี่นา แต่ก็ยังกลับมาบอก...
ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองได้รึเปล่านะ?
__________________
Talk : ตอนนี้ก็จัดเต็มเหมือนกันนะ (ตรงไหน?) ตอนนี้มาไม่ครบสามคู่แต่ว่าทั้งสองคู่ที่มาก็ทำฟินได้เหมือนกันน้า อิ้อิ้ แต่ว่าชานนูนอนี่..เริ่มหื่นแล้วเน้อออออ >> [เหล่ A[o]mityS] [ฉันทำอะไรผิดดด : A[o]mityS] คึคึ มีอะไรตรงไหนให้ปรับยังไงก็ติชมได้นะคะ ฝากติดตามด้วยนะคะ >< เม้นให้เค้าด้วยน้า
ความคิดเห็น