ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] What is LOVE

    ลำดับตอนที่ #4 : What is LOVE [CH.3]

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 57


    [Fic]  What is LOVE? CH.3

    Pairing   :  Channuneo   :  Okkay   :  Khundong

    Author   :  JHLGK & A[o]mityS

    Rate   :  PG-13

    ___________________

     

    หลังจากที่รุ่นพี่นั่นกลับโต๊ะไปได้ซักพัก จุนโฮก็เดินกลับมาจากห้องน้ำด้วยหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก  พอมองเลยไปข้างหลังนั้นก็ถึงบางอ้อทันที เมื่อพบกับร่างสูงใหญ่เจ้าของนามฮวางชานซอง เดินตามเพื่อนตัวเล็กของเขามาติดๆ  

     

    เมื่อจุนโฮเดินมาถึงที่นั่งก็กระแทกตัวนั่งกับที่นั่งอย่างจัง  ใบหน้าหวานบึ้งตึง คิ้วทั้งสองข้างย่นเข้าหากันจบแทบจะผูกเป็นโบว์  ทางฝั่งอูยองเมื่อเห็นเพื่อนของตนอารมณ์ไม่ค่อยดีนักจึงเอ่ยถาม

     

    “ไปเจออะไรมาล่ะทำหน้ายุ่งเชียว”   ถามพลางยื่นช้อนส้อมให้จุนโฮ เพื่อเตรียมทานอาหารตรงหน้า

     

    “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เจอคนโรคจิตมันเดินตามน่ะ!!”  จุนโฮพูดเสียงดังจนคนแทบทั้งร้านนั้นหันมามอง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้หยี่ระตักอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆอย่างไม่สนใจใคร

     

    “เอ้า ค่อยๆกินก็ได้หน่า จุนโฮไม่มีใครแย่งหรอก”   ผมพูดขึ้น ทำให้จุนโฮเงยหน้าขึ้นมามองผม ตาเรียวตวัดมองด้วยความไม่พอใจ ผมเลยได้แต่สงบปากสงบคำและกินข้าวต่อไป

     

    แต่แล้วเสียงแหลมๆของจุนโฮก็ขัดการกินที่แสนจะมีความสุขของผมเสียก่อน..

     

    “พอแล้วอูด้ง! ไม่ให้กินแล้ว ฉันอยากกลับหอ!”   จุนโฮพูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าง้ำงอ ที่ฉายแววเอาแต่ใจอย่างชัดเจน 

     

    “แต่..แต่ฉันยังไม่อิ่มเลยนี่หน่า...”  ผมพูดเสียงอ่อย

     

    “งั้นกินไปเลย! ฉันกลับหอแล้ว! เจอกันที่หอนะ”  จุนโฮพูดพลางลุกขึ้นหยิบข้าวของเตรียมเดินออกจากโต๊ะ แต่แล้วร่างเล็กๆของจุนโฮก็ชะงักกึก พร้อมกับหันมายิ้มหวานให้ผมเสียทีนึง..

     

    “ฝากจ่ายตังค์ด้วยน้าอูยองอ่า~”   

     

    ผมว่าแล้วทำไมคิ้วขวาผมถึงกระตุกแปลกๆ....

     

     

     

    จุนโฮกลับไปแล้วทีนี้ผมก็คงต้องจัดการกับอาหารตรงหน้าให้หมดสินะ.. คิดได้ดังนั้นผมก็จัดการสวาปามอาหารตรงหน้าอย่างไม่ลังเล    

     

    เวลาผ่านไปไม่นานอาหารตรงหน้าก็ถูกจัดการลงกระเพาะผมจนแทบไม่เหลือซาก  เดินไปที่หน้าเคาท์เตอร์เพื่อจ่ายตังค่าอาหาร   ก่อนจะเดินออกจากร้านไปเพื่อที่จะกลับหอ แต่หากเดินไปได้ไม่เกินสองก้าว ก็ถูกมือของใครบางคนมากระชาก จนคนแก้มอูมเสียหลักล้มลง

     

    “โอ๊ย!! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรอวะ!!!”   ผมตวาดออกไปอย่างหัวเสีย  แต่ไม่มีทีท่าว่าคนที่เดินชนผมจะปริปากพูดแม้แต่น้อย  ซึ่งนั่นก็สร้างความหงุดหงิดใจให้ผมได้ไม่น้อยเลย 

     

    ผมตัดสินใจเงยหน้ามองผู้ต้องหา แต่พอเห็นหน้าก็ต้องถึงกับผงะ... รุ่นพี่นิชคุณ!!!

     

    “ไง คุณอยากให้ผมช่วยอะไรรึเปล่า?”  ร่างสูงถามพลางยื่นมือมาเพื่อช่วยคนแก้มอูม

     

     

    “ไม่ต้อง!! ผมลุกเองได้!!

     

     

    ร่างบางพูดเสียงดังใส่หน้าก่อนจะผลักมือของร่างสูงอย่างไม่ใยดีก่อนจะเดินผ่านร่างสูงร่างสูงไปโดยไม่ลืมที่จะกระแทกหัวไหล่ร่างสูงเข้าอย่างจัง 

     

     

    “เดี๋ยว...”     อูยองที่กำลังที่กำลังจะเดินต่อไปก็ชะงักกึกก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกด้วยแววตาสงสัย

     

     

    “ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านนะ”  ร่างสูงพูดด้วยแววตาและสีหน้าที่จริงจัง แต่หากร่างบางนั้นหาได้สนใจไม่

     

     

    “เกรงใจครับ  ผมกลับเองได้ บายครับรุ่นพี่”  เจ้าตัวตอบอย่างไม่หยี่ระ

     

     

    “ชดเชยที่ผมชนคุณ.. ระหว่างทางผมอาจจะใบ้อะไรให้ซักสองสามอย่างก็ได้นะ”

     

     

     ร่างสูงยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ  หลังจากที่ตนพูดออกไปนั้นร่างบางก็ยืนนิ่งราวกับถูกสะกด   ปรายตามองไปยังร่างบาง ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีกครั้ง 

     

    “ก..ก็ได้..”  ร่างบางตอบเสียงอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ ก้มหน้าจนคางเกือบจะชิดอก

     

     

    “ว่าไงนะ? ไม่ได้ยินเลย”

     

     

    “ผมบอกว่า  ก็ได้!!!

     

     

    “ดีมาก ป่ะ บ้านคุณไปทางไหนล่ะนำไปเลย”    ร่างสูงพูด

     

     

    เมื่อผมได้ยินดังนั้นจึงเดินนำไป  ระหว่างทางไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมา จนกระทั่งความอึดอัดเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ  ผมจึงตัดสินใจหาเรื่องชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ

     

     

    “ไหนนาย.. เอ่อ รุ่นพี่บอกว่าจะมีอะไรใบ้ผมไง”   ผมพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ.. จะว่าไปเวลารุ่นพี่เค้าเงียบแบบนี้ก็ทำให้ผมเกรงใจได้เหมือนกันนะเนี่ย..

     

     

    “อืมมม.. ผมจะใบ้ให้คุณก็ได้ แต่ก่อนอื่น...”   ร่างสูงหยุดคำพูดเอาไว้ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก

     

     

    “อ..อะไรล่ะ..”

     

     

    คนตัวสูงไม่ตอบ  แต่เดินต่อไปเรื่อยๆจนคนตัวเล็กหลังชนกับกำแพง แขนแกร่งเท้ากับกำแพง  ด้วยความที่ว่านิชคุณสูงกว่าอูยองมาก จึงกลายเป็นอูยองถูกกักขังไว้ในอ้อมแขนของนิชคุณแทน..

     

     

    “มีอะไรก็พูดมาสิ!!!”  คนตัวเล็กตวาดขึ้นอย่างหัวเสียที่ไม่สามารถทำอะไรได้ 

     

    ร่างสูงจ้องหน้าคนตัวเล็กก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจในท่าที่ลนลานของคนตัวเล็ก  พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางเรื่อยๆ..

     

    “คุณฮยอง”   

     

     

    ร่างสูงพูดขึ้นท่ามกลางความงุนงงของอูยอง  ก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

     

     

    “เรียกซิ”   

     

     

    “ห๊ะ.. ว่าไงนะ? จะให้ผมระ..” 

     

     

    ยังไม่ทันที่อูยองจะพูดจบนิชคุณก็แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางอีกเพื่อกระตุ้นเอาคำตอบในแบบที่ตนอยากได้  คนตัวเล็กหลับตาปี๋ ก่อนจะลุกรี้ลุกรนพูดออกมา..

     

     

    “ค..คุณฮยอง..”   ร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อยในท่าที่ของคนตัวเล็กก่อนจะผละออกจากคนตัวเล็กอย่างเสียดาย

     

     

    “หึ น่ารักมาก เรื่องที่ผมจะใบ้คุณก็คือ..” 

     

     

    ร่างสูงเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะก้มลงไปกระซิบกับคนตัวเล็ก  อูยองเบิกตาโพล่งอย่างตกใจแต่ก็ต้องอยู่นิ่งๆเมื่อร่างสูงจับไหล่เขาไว้อย่างนั้น  แต่สิ่งที่คนตัวสูงพูดนั้นยิ่งทำให้ผมต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง..

     

     

     

     

     

    “พี่รหัสของคุณกับจุนโฮอยู่ในพวกผมเนี่ยแหละ ”    

    ___________________

     

    หลังจากที่มินจุนเดินออกไปสักพัก ชานซองก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ  ซึ่งตอนนี้เหลือแต่แทคยอนนั่งอยู่คนเดียว คนเป็นน้องเขยิบไปนั่งข้างๆพี่รหัสตัวเอง  ก่อนจะส่งสายตาถาม

     

     

    “มินจุนฮยอง กับคุณฮยองไปไหนอ่ะ?” 

     

     

    “ไอ้คุณเดินไปแกล้งเด็กอยู่ ส่วนมินจุน...”  พอพูดถึงมินจุนแทคยอนก็หน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด   จนชานซองเองก็รู้สึกได้ว่าไม่ควรจะถามอะไรไปมากกว่านี้  

     

     

    ชานซองพยักหน้ารับ  มือหนาเลื่อนไปหยิบแก้วน้ำแทคยอนมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วเปล่ากระแทกโต๊ะแรงๆอย่างระบายอารมณ์ จนแทคยอนสะดุ้งเบาๆ

     

     

    “แกไปหงุดหงิดอะไรมาวะชาน?”

     

     

    ชานซองไม่ตอบพลางนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณ 10 นาทีที่แล้ว ตอนที่เขากำลังจะเดินไปหาจุนโฮที่เดินกลับหอคนเดียว

    .

    .

    .

    หลังจากที่มีปากเสียงกับคนตัวเล็กไปพอสมควร  คนตัวเล็กก็เดินหนีกลับไปที่โต๊ะของตัวเองอย่างพยายามจะใจเย็น  ผมจึงจำใจเดินหันหลังกลับ ตั้งใจจะไปที่โต๊ะตัวเอง  แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเล็กแว่วมา

     

     

    งั้นกินไปเลย! ฉันกลับหอแล้ว! เจอกันที่หอนะ’   

     

     

    จุนโฮจะกลับบ้านแล้ว..?

     

     

    ได้ยินดังนั้นผมจึงหันร่างของตัวเองไปที่ประตูร้านทันที   ผมเดินตามคนตัวเล็กอยู่ข้างหลัง ท่าทางของคนตัวเล็กดูไม่ได้รีบร้อน ..  จุนโฮจะเหงามั้ยนะเดินกลับบ้านคนเดียวแบบนี้? ผมควรจะไปเดินเป็นเพื่อนสินะ!

     

     

    คิดได้ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะเดินไปทักคนตัวเล็ก  แต่ก่อนที่ผมจะได้เดินไปทักคนตัวเล็กนั้นก็มีร่างสูงโปร่งของคนอีกคนนึงเดินเข้ามาทักทายจุนโฮด้วยท่าทีที่สนิทสนม  จุนโฮกระโดดกอดชายหนุ่มร่างสูงด้วยอาการดีอกดีใจ

     

     

    ซึลองฮยอง!! ฮยองมาทำอะไรแถวนี้ครับ?”  จุนโฮพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง

     

     

    ก็จะไปร้านหนังสือ แล้วก็มาเจอนายนี่ไงเลยเข้ามาทัก’   ชายหนุ่มที่จุนโฮเรียกว่าซึลองเอ่ยขึ้นพลางเลื่อนมือมาโอบไหล่อีกคนเข้ามาใกล้

     

     

    งั้นผมขอไปด้วยดิ ว่างๆพอดี” 

     

     

    เอาสิ ป่ะ รีบไปกันเถอะ’   ทั้งสองคนคุยกันอย่างอารมณ์ดี   คนตัวเล็กพูดไปยิ้มไปให้คนข้างๆตัวเอง…

     

     

    ผมหยุดเดินยืนมองแผ่นหลังบางนั้นที่ห่างออกไปเรื่อยๆ  พร้อมกับความอิจฉาที่มันผุดขึ้นมา..

    ทำไมเวลาอยู่กับผมแล้วชอบอารมณ์เสียจังเลยนะ ทีอยู่กับคนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลย  

    .

    .

    .

    พอคิดอย่างนั้นอาการน้อยใจมันก็กำเริบ แถมในหัวยังมีแต่ภาพบาดตาที่ไอ้ซึลองนั่นมาโอบไหล่จุนโฮเหมือนเป็นเจ้าของอีกทั้งเจ้าตัวเองก็ยังไม่ปัดด้วย ทีเรานะแค่จับนิดจับหน่อยก็โวยวายอย่างกับโลกแตก ฮึ้ยยย!

     

     

    จะว่าไป จุนโฮเรียกซึลองว่าฮยองนิ...ถ้างั้น...

     

     

    ฮยอง รู้จักคนที่ชื่อซึลองปะ?

     

     

    ซึลอง? อ๋อ รู้จักสิ ทำไม?

     

     

    เค้าเป็นใครอ่ะ

     

     

    ซึลองอยู่ปี2 คณะเศรษฐศาสตร์แต่เหมือนว่าจะเรียนบริหาร สาขาการโรงแรมอยู่ด้วยมั้งนะ ถามไปทำไมอ่ะ?

     

     

    คณะเศรษฐศาสตร์? แล้วจุนโฮไปรู้จักได้ไงอ่ะ? แล้วทำไมถึงสนิทกันขนาดนั้น? แล้วทำไมจุนโฮถึงยอมให้แตะตัวได้ง่ายๆ?...

     

     

    เห้ย ชานจะไปไหน!?”

     

     

    แทคยอนรีบตะโกนไล่หลังน้องรหัสที่อยู่ดีๆก็ลุกพรวดแล้วก็วิ่งออกไปอย่างไม่บอกกล่าว ชานซองหันกลับมามองแทคยอนแปปนึงก่อนจะโบกมือลาแล้ววิ่งห่างออกไป

     

     

    ถามก็ไม่ตอบ แล้วสรุปนี่กูต้องจ่ายใช่มั้ย...

     

     

    ___________________

     

     

    ผมวิ่งออกมาจากร้านอาหารด้วยความเร็วสูง   วิ่งตามทางไปเรื่อยๆจนสะดุดเข้ากับร่างเล็กคุ้นตา  ผมเดินตามจุนโฮอยู่ห่างๆไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างเล็กของเขาเดินหายเข้าหอของเขาไป ผมเดินตามเขาไปจนถึงหน้าลิฟต์  คนตัวเล็กหันซ้ายหันขวาราวกับจะรู้ว่ามีคนเดินตามเขามาอยู่..อ่าแล้วนี่ผมจะตามเขาต่อยังไงเนี่ย!!  ..  จนกระทั่งลิฟต์เปิดออก ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปในลิฟต์ด้วย  คนตัวเล็กชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยความโมโห..

     

     

    “ย่าห์!! นี่นายมาได้ยังไง  สะกดรอยตามฉันมาใช่มั้ย!!”  ผมไม่ตอบอะไร  ปรายตาคนตัวเล็กที่กำลังทำท่าฮึดฮัดเล็กน้อย  ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจคนตรงหน้า

     

     

    “นี่ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง!!”

     

     

     จุนโฮขึ้นเสียงถามผมอีกครั้งเมื่อผมยังยืนนิ่งโดยไม่มีทีท่าว่าจะตอบคำถามของเขาเลยแม้แต่น้อย   ผมเอื้อมมือไปกุมมือเล็กของจุนโฮแผ่วเบา  คนตัวเล็กแสดงท่าทีตกใจในตอนแรกก่อนจะพยายามแกะมือของผมออกแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อแรงของเขานั้นเมื่อเทียบกับผมมันช่างน้อยนิด

     

     

    “ปล่อยฉันนะฮวาง ชานซอง!!”   ผมตัดสินใจกดลิฟต์เพื่อเปลี่ยนชั้นไปยังชั้นที่ผมพักอยู่  คนตัวเล็กได้แต่มองตามการกระทำของผมด้วยความไม่เข้าใจ..

     

     

    ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าผมทำอะไรแบบนี้ลงไปทำไม  ทั้งเรื่องที่โมโหเรื่องไม่เป็นเรื่องที่จุนโฮยอมให้ไอ้ซึลองนั่นกอดคอด้วยท่าทีที่สนิทสนม  ทั้งที่คนตัวเล็กชอบทำตัวเหมือนไม่ชอบขี้หน้าผม  ผมแค่รู้สึกว่าผมน้อยใจ.. ใช่ผมน้อยใจ แล้ว..มันในฐานะอะไรล่ะ?..

     

     

    ก่อนที่ผมจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเสียงลิฟต์ก็ดังขึ้นเสียก่อน

     

     

    ติ๊ง..

     

     

    เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกผมก็จูงมือคนตัวเล็กเดินออกมาด้วยกัน แต่น่าแปลกที่คราวนี้เขาไม่มีท่าทีที่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย  เมื่อถึงหน้าห้องผมจึงจัดการไขกุญแจ ก่อนจะพาคนตัวเล็กเข้าไปในห้องด้วยกัน..

     

     

    คนตัวเล็กขืนข้อมือออกจากการกอบกุมของผม  ก่อนจะเดินอ้อมมายืนข้างหน้าผม จุนโฮเงยหน้ามองผมก่อนจะถามคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    “นายตามฉันมาทำไมชานซอง?”  ผมมองหน้าเขาก่อนจะตอบคำถามออกไปตามที่ผมคิด

     

     

    “ฉันก็แค่อยากคุยกับนายดีๆบ้างแค่นั้นเอง”

     

     

    “เนี่ยหรอที่เรียกว่าคุยดีๆของนาย? พูดดีๆก็ได้นี่ชานซอง ไม่ใช่มาทำเงียบใส่แบบนี้นะ ฉันไม่ชอบ!!!”  คนตัวเล็กเริ่มจะงอแงอีกครั้ง

     

     

    “ก็เวลานายเจอฉันทีไรก็ทำอย่างกับโลกจะแตก ต้องโมโหทุกทีที่เจอกัน ทีกับไอ้รุ่นพี่ซึลองอะไรนั่นไม่เห็นนายจะเป็นแบบนี้เลย! ทำไมล่ะ?”

     

     

    “นายไม่ควรเรียกรุ่นพี่ว่ามันนะชานซอง”  คนตัวเล็กพูดเสียงต่ำ

     

     

    “โอเค.. ฉันจะไม่เรียกรุ่นพี่ของนายว่ามันอีก.. แต่จุนโฮขอร้องล่ะเราคุยกันดีๆซักครั้งไม่ได้หรือไง นายเกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรือไง?” 

     

     

    ผมถามพลางมองหน้าคนตัวเล็ก จุนโฮไม่หลบสายตาผมเลยแม้แต่น้อย สายตาที่มองมามันช่างแข็งกร้าวแต่ก็เต็มไปด้วยความสับสน

     

     

    ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้หน้าหวานช้าๆ จนริมฝีปากของผมแตะกับริมฝีปากของเขา จุนโฮตัวแข็งทื่อ ตาเรียวเบิกขึ้นอย่างตกใจ ผมเบียดริมฝีปากลงไปหนักขึ้นอีก คนตัวเล็กพยายามจะผลักผมออกแต่แรงแค่นั้นหรอจะทำอะไรผมได้ ผมโอบเอวจุนโฮให้เข้ามาชิดกัน ใช้มือข้างนึงจับใบหน้าหวานให้เงยเพื่อจะได้รับสัมผัสจากผมได้มากขึ้น

     

     

    ผมแลบลิ้นแตะริมฝีปากเค้าเบาๆก่อนจะแทรกเข้าไปเพื่อชิมความหวานที่อยู่ในนั้น แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด ปากจุนโฮหวาน... หวานจนผมอยากจะช่วงชิมให้มากขึ้น... มากขึ้นกว่านี้...

     

     

    อะ...ชานซอง...อื้มมม..หายใจ...ฮะ...ไม่ทัน...

     

     

    ผมต้องจำใจละจากริมฝีปากหอมหวานนั่นเพื่อให้จุนโฮได้หายใจ แต่ผมไม่ปล่อยให้เค้าได้หายใจนานหรอก ผมก้มลงไปช่วงชิงลมหายใจเค้าอีกครั้ง คนตรงหน้าผมเริ่มดิ้นจนผมต้องเปลี่ยนมาจับแขนเรียวไม่ให้ทุบตีร่างกายผมไปมากกว่านี้ แต่ผมลืมนึกอะไรไปบางอย่าง...

     

     

    โอ้ยยยย! จุนโฮ ถีบผมทำไมเนี่ย!”

     

     

    สมน้ำหน้า ไอ้โรคจิต!”

     

     

    ใช่ครับ ผมลืมไปว่าขาจุนโฮยังว่างอยู่ ผมเลยโดนขาเล็กนั่นถีบเข้าที่ท้องจนตัวงอ คนตัวเล็กพอได้ถีบผมแล้วก็หัวเราะสะใจ แถมยังวิ่งหนีออกไปเลยอีก

     

     

    ผมเดินมานั่งที่โซฟาสีดำในห้อง เอามือกุมท้องด้วยความเจ็บ ยังไม่ทันที่จะหันไปทำอะไรต่อ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง

     

     

    ชานซอง ฉันขอบอกให้รู้ไว้เลยนะ ฉันกับซึลองฮยองไม่ได้เป็นไรกัน ฮยองเป็นแค่รุ่นพี่ที่เคยเรียนอยู่ที่เดียวกันสมัยมัธยมเฉยๆ เข้าใจนะ!”

     

     

    พูดจบก็เดินออกไปเลย จริงๆแล้วเค้าไม่จำเป็นต้องกลับมาบอกผมอีกรอบก็ได้นี่นา แต่ก็ยังกลับมาบอก...

     

     

    ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองได้รึเปล่านะ?

     

    __________________

     

     

    Talk   :   ตอนนี้ก็จัดเต็มเหมือนกันนะ (ตรงไหน?)   ตอนนี้มาไม่ครบสามคู่แต่ว่าทั้งสองคู่ที่มาก็ทำฟินได้เหมือนกันน้า อิ้อิ้  แต่ว่าชานนูนอนี่..เริ่มหื่นแล้วเน้อออออ >> [เหล่ A[o]mityS]  [ฉันทำอะไรผิดดด : A[o]mityS] คึคึ มีอะไรตรงไหนให้ปรับยังไงก็ติชมได้นะคะ  ฝากติดตามด้วยนะคะ >< เม้นให้เค้าด้วยน้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×