ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] What is LOVE

    ลำดับตอนที่ #2 : What is LOVE [CH.1]

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 57


     

     [FIC]  What is LOVE?

    Pairing   :  Channuneo :  Okkay  :  Khundong

    Author   :    JHLGK & A[o]mity

    Rate   :  PG13

    ____________________

     

     คุณ...นายคิดว่าเด็กปีนี้จะเป็นไง?

     

     

    ชายหนุ่มร่างใหญ่ผิวดำ... เอ่อ...ออกคล้ำๆ เข้มๆ หันมาพูดกับเพื่อนต่างชาติจากแดนร้อนแต่กลับมีผิวที่ขาวกว่าตัวเองอีก

     

     

    ...ไม่รู้สิ ขออย่าให้เจอเด็กแสบๆเป็นพอ

     

     

    นิชคุณตอบกลับไปอย่างไม่สนใจ ตากลมปิดลงเพราะต้องการพักผ่อนและเป็นการบอกนัยๆว่าอยากอยู่คนเดียว

     

     

    แต่เค้าบอกว่าไม่อยากได้อะไรมักจะได้นะ หึหึ

     

     

    แต่ชายผิวเข้มก็ยังคงพูดต่อไปอย่างไม่สนใจการกระทำนั้น ก่อนที่ทั้ง2คนจะยกมือขึ้นปิดหูแทบไม่ทันเพราะเสียงของผู้มาเยือนคนใหม่...

     

     

    อ๊ค แทค ยอนนนนนนน!!!”

     

     

    เสียงของมินจุนดังสะท้อนไปทั่วทั้งหอพักจนนักศึกษาบางคนถึงกับเปิดประตูออกมาดูเพราะนึกว่าไฟไหม้ ฝ่ายเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกรีบเดินไปหาคนเรียกก่อนจะเอามือตัวเองปิดปากคนตรงหน้าไว้แล้วรีบหันไปโค้งขอโทษนักศึกษาคนอื่นๆแล้วดันตรงหน้าให้รีบเข้าห้อง

     

     

    ไออ้า! เอาอือออกไออากอากอั้นเอี๋ยวอี้ เอ็มโอ้ยยยยยย!!” (ไอบ้า เอามือออกจากปากฉันเดี๋ยวนี้นะ เค็มโว้ยยยยย : แปลโดย A[o]mity)

     

     

    มินจุนร้องอู้อี้ ตาตกๆหันไปจิกกัดคนตัวสูง มือเรียวพยายามดึงมือของอีกฝ่ายออก แต่แรงอย่างเขาหรอจะสู้แรงหมีควายของแทคยอนได้ มินจุนหลับตาลงอย่างขัดใจ ฝ่ายแทคยอนเองที่เห็นคนตรงหน้าเริ่มสงบจึงปล่อยมือออก แต่พอปล่อยเท่านั้นแหละ...

     

    นี่นาย! กล้าดียังไงมาปิดปากฉัน ห๊า! ไอ้แมวย่น รู้มั้ยว่าเรื่องครั้งก่อนยังไม่ได้เคลียเลยนะ แล้วนี้ยัง...อือๆๆๆ อ่อยยย

     

     

    พอปากเป็นอิสระ มินจุนก็ด่าๆๆเป็นชุด จนแทคยอนต้องรีบเอามือปิดปากร่างโปร่งอีกรอบ แต่ครั้งนี้คนตัวเล็กไม่ยอมง่ายๆ มินจุนกระทืบเท้าลงบนเท้าคนตัวใหญ่อย่างแรง

     

     

    โอ้ย! ”

     

     

    แทคยอนเผลอปล่อยมือที่ปิดปากมินจุนออก ร่างสูงกระโดดเหย็งๆไปมา เหมือนแมวโดนน้ำร้อนลวก...

     

     

    สมน้ำหน้า มาปิดปากฉันทำไม นี่แค่ออเดิร์ฟนะ ถ้านาย...

     

     

    มินจุน ถ้าคุณยังไม่หยุดพูด ผมจะจูบปิดปากคุณเดี๋ยวนี้แหละ!”

     

     

    ทางด้านแทคยอนที่เริ่มทนไม่ไหวก็พูดโพล่งออกมา ทำเอามินจุนอ้าปากเหวอ หน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ นิชคุณเองที่นั่งฟังอยู่นานแล้วก็ตกใจเหมือนกัน แต่ตากลมกลับพราวระยับ ปากบางสั่นระริกกลั้นหัวเราะเต็มที่

     

     

    อ..อะไรของนาย ค..คุณนี่ แทคมันแกล้งเค้าอ่ะT^T”

     

     

    มินจุนรีบหันไปฟ้องนิชคุณแก้เขิน(?) ร่างโปร่งเดินไปหานิชคุณเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เหมือนเด็กๆ ทำเอานิชคุณกลั้นหัวเราะไม่ไหว หัวเราะออกมาจนตัวงอ

     

     

    ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ยยยย พวกนายไปเล่นตลกเหอะ น่าจะรุ่งนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

     

     

    คุณ!/คุณนี่!”

     

     

    ทั้ง2คนหันมาตะโกนใส่ชายหนุ่มหน้าหล่อที่ขำจนตัวงอเป็นกุ้ง สายตาคาดโทษของเพื่อนสนิททั้ง2 ยิ่งทำให้นิชคุณขำเข้าไปอีก

     

     

    ขอโทษๆ แต่นาย2คนนั่นแหละทะเลาะอะไรกันอีกแล้ว

     

     

    ฉันเปล่านะคุณ มินจุนต่างหากที่ไม่ยอมจบ

     

     

    คนตัวใหญ่พูดพลางยักไหล่ ตาคมปรายไปมองร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนแขนโซฟาตัวที่นิชคุณนั่ง

     

     

    คิดว่าแค่ขอโทษแค่นั้น มันจะจบหรอแทค? เพราะนายทำให้ฉันไม่กล้าเดินไปหอสาขานายเลยนะ!”

     

     

    พอฟังที่แทคพูด อารมณ์มันก็ขึ้นมาอีก หน้าหวานแดงไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเพราะเรื่องเมื่อครั้งก่อน ต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่กล้าเจอเพื่อนคณะบริหารสาขาการจัดการพักใหญ่

    .

    .

    .

    .

    .

    เมื่ออาทิตย์ก่อนตอนที่คณะบริหารทุกสาขาไปเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ต่างจังหวัดกัน เค้ากับคุณถูกขอร้องให้ช่วยร้องเพลงให้เด็กๆฟังหน่อย คุณที่ไม่เก่งเรื่องร้องจึงอาสาเล่นเปียโนให้ มันจะไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะถ้าตอนนั้นไอแมวย่นนั่นไม่ทำแบบนั้น...

     

     

    “What is love…what is love”

     

     

    พรึบ!

     

     

    กรี้ดดดดดดด! ไฟดับ!”

     

     

    ความโกลาหลเกิดขึ้นเพราะแค่ไฟดับแต่เพราะความเป็นเด็กจึงทำให้กลัวที่มืดๆ เด็กบางคนก็กรี้ด บางคนก็ร้องไห้

     

     

    มินจุนหยุดร้องเพลงพลางหันหน้าไปหานิชคุณแต่ก็ไม่เห็นเพื่อนหน้าหล่อนั่งอยู่ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะคลำหาโทรศัพท์มือถือเอามาใช้แทนไฟฉายแต่ยังไม่ทันจะหาเจอ เสียงเพลงหนึ่งก็ดังขึ้นซะก่อน

     

     

    “Happy Birthday to you Happy Birthday to you…”

     

     

    เพลง Happy Birthday ที่ดังขึ้น พร้อมกับนิชคุณที่เดินถือเค้กก้อนใหญ่เข้ามาพร้อมกับเด็กๆและเพื่อนๆคณะทั้งหมด มินจุนเหวอไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มออกมา

     

     

    เป่าเทียนสิมินจุนนิชคุณพูด

     

     

    มินจุนหลับตาลงเพื่ออธิษฐานก่อนจะเป่าเทียนทั้งหมดให้ดับลง เสียงปรบมือ เฮฮาก็ดังขึ้นพร้อมๆกับที่ไฟสว่าง คนๆหนึ่งที่รอจังหวะนี้อยู่แล้ว พุ่งตัวมาหามินจุนอย่างรวดเร็ว สัมผัสเบาๆที่พวงแก้มกับเสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นข้างหูโดยไม่ทันตั้งตัว และเสียงกรี้ดเสียงแซวของเพื่อนๆ ทำให้มินจุนหน้าแดงแปร๊ดเหมือนลูกมะเขือเทศ ก่อนที่เจ้าของวันเกิดจะรีบวิ่งออกไปสงบสติอารมณ์พร้อมกับเสียงๆหนึ่งที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัว

     

     

    “Happy Birthday My Minjun

     

     

     

     

     

     

     

    พอนึกถึง หน้ามันก็พลันร้อนผ่าวขึ้นมาอีก มินจุนส่ายหัวไปมารัวๆเพื่อไล่ความคิดให้ออกไปจากหัว นิ้วเรียวชี้หน้าคนตัวสูงที่กำลังยิ้มกับท่าทางน่ารักๆของมินจุนอย่างหาเรื่อง

     

     

    แทค! ไม่ต้องมายิ้มอย่างนั้นเลยนะ!”

     

     

    เสียงมินจุนแหวขึ้นมาอีกรอบ จนแทคยอนปิดหูตัวเองแทบไม่ทัน

     

     

    ทำไมอ่ะ? แค่หอมแก้มเอง ไม่มีอะไรสึกหรอซะหน่อยนิ หึหึ

     

     

    นิชคุณที่นั่งอยู่นิ่งๆมาสักพักพูดพลางหัวเราะ

     

     

    นั่นสิ มินจุนอ่า นายก็ไม่ได้สึกหรอหรือว่าเจ็บตรงไหนนี่นา เลิกคิดเล็กคิดน้อยได้แล้ว

     

     

    แทคยอนที่ได้ยินนิชคุณพูดอย่างนั้นก็รีบเสริม ก่อนจะหันไปทัชกับนิชคุณ

     

     

    คุณนี่อ่ะ ไปช่วยเจ้าแมวย่นหน้าเหี่ยวนั่นทำไม นายเป็นเพื่อนสนิทฉันนะ!”

     

     

    มินจุนรีบหันไปโวยวายเพื่อนสนิทตัวเอง แต่ตาตกก็ยังคงจิกกัดแมวย่นไม่เลิก

     

     

    อ่าว แต่แทคก็เป็นเพื่อนสนิทคุณเหมือนกันนะ

     

     

    นิชคุณยังคงแกล้งมินจุนไม่เลิก ตากลมพราวระยับเหมือนกับริมฝีปากที่ตอนนี้กำลังกลั้นขำสุดฤทธิ์อยู่

     

     

    ฝ่ายแทคยอนก็รีบปรี่ไปกอดเพื่อนสนิทอย่างรู้สึกขอบคุณสุดหัวใจ ก่อนที่ทั้ง2คนจะหัวเราะออกมาพร้อมกันโดยที่ไม่ได้สนใจอีกคนที่กำลังหน้าหงิกลงเรื่อยๆ

     

     

    คุณ...แทค...

     

     

    ริมฝีปากบางเอ่ยเสียงเย็นเฉียบจนคนทั้ง2 ตัวนิ่ง หันกลับมาให้ความสนใจร่างโปร่งที่เรื่มมีรังสีแปลกๆออกมา

     

     

    ว่าไง มินจุนอา...

     

     

    นิชคุณที่ตอนนี้เริ่มมีเหงื่อซึมๆออกมาตามไรผมและเหม่ง...เอ่อ หน้าผากกว้าง เสียสละตัวเองเป็นหน่วยกล้าตายพูดออกมา

     

     

    พ..พรุ่งนี้มีรับน้องตั้งแต่เช้านี่นา ฉ..ฉันว่านายรีบไปนอนเหอะ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย ไม่กวนแล้วดีกว่า ฉันฝากมินจุนด้วยนะคุณ ไปล่ะ ราตรีสวัสดิ์

     

     

    แทคยอนเองก็เห็นท่าไม่ดีเลยรีบชิ่งก่อน ทิ้งให้นิชคุณได้แต่ตะโกนด่าไอแมวเขียวอยู่ในใจ

     

     

    มินจุน ไปนอนกันเหอะ นะ แทคก็บอกแล้วนิพรุ่งนี้มีรับน้องตั้งแต่เช้า เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงไปไฝว้กับเด็กใหม่นะ^^;”

     

     

    นิชคุณเออออไปกับเหตุผลของแทคยอน ปากบางฉีกยิ้มแหยๆ แล้วโบกมือบ๊ายบายมินจุนก่อนจะปิดประตูห้องตัวเองลง

     

     

    ได้ ครั้งนี้จะเว้นไว้ก่อน แต่ถ้าครั้งหน้าคุณนี่เข้าข้างไอแมวย่นนั่นอีกนะ...

     

     

    เพราะว่าเหนื่อยแล้วก็ขี้เกียจจะชำระคดี(?)มินจุนเลยยอมให้

     

     

    อ๊คแทคยอน ฝากไว้ก่อนเถอะ

    .

    .

    .

    .


    “ยอง...อูยอง...จางอูยองโว้ย!!!

     

     

     เสียงแหลมๆของเพื่อนสนิทตัวเล็กดังอู้อี้อยู่ข้างใบหูของผม  มือเรียวเล็กของรูมเมทพยายามฉุดกระชากร่างที่นอนอืดอยู่บนเตียงแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อคนบนเตียงนั้นยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง ด้วยแรงที่น้อยกว่าทำให้อีจุนโฮผู้ไม่มีความพยายามในเรื่องการออกแรงชักสีหน้าแสดงท่าทางไม่พอใจแบบเด็กๆออกมา

     

     

    “จางอูยอง! ฉันขอสั่งให้นายลุกจากที่นอนเดี๋ยวนี้นะ!

     

     

     เมื่อการใช้แรงงัดร่างของผมขึ้นมาจากเตียงไม่ได้ผล   อีจุนโฮก็เริ่มปฏิบัติการเหวี่ยงพร้อมออกอาการฮึดฮัดขึ้นมาอย่างชัดเจน

     

     

    “จูโนอ่าา ~ ฉันง่วงนะขออีก 5 นาทีสิ”

     

     

    ผมพยายามออดอ้อนเพื่อนตัวเล็กเสียงอ่อนเสียงหวานแต่เจ้าตัวนั้นกลับทำใบหน้าง้ำงอพร้อมและตวาดผมแว้ดๆเป็นการตอบแทน

     

     

    “ใครใช้ให้นายเล่นเกมส์จนดึกจนดื่นล่ะ!

     

     

    “ก็มันออกใหม่นี่นา...”

     

     

     ผมพูดเสียงหงอย

     

     

    “แล้ววันนี้มันรับน้อง! รีบเลยนะจางอูยองฉันให้เวลานาย  5  นาที  อาบน้ำแต่งตัวซะก่อนที่ฉันจะเอาแผ่นเกมส์ของนายไปเผาทิ้ง!

     

     

     อีจุนโฮพูดเสียงแข็งก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้าปิดประตูดังปังออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็ว    ได้ยินดังนั้นผมก็ลุกจากเตียงพุ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำอาบน้ำด้วยความเร็วแสง

                                            __________________
     

    “แฮ่ก..โอย จุนโฮเดินช้าๆหน่อยได้มั้ยห๊า!”  

     

     

    ผมตะโกนตามหลังเพื่อนตัวเล็กที่เดินจ้ำอ้าวไม่สนใจผมแม้แต่นิดเดียว 

     

     

    “สายแล้วนะอูยอง! ไม่ทันแน่ๆรับน้องด้วยนะวันนี้! มีหวังโดนทำโทษแหง”  

     

     

     จุนโฮพูดไปวิ่งไปบ่นไปกับเพื่อนแก้มอูมของตน หลังจากที่อูยองอาบน้ำแต่งตัวแล้ว  จุนโฮก็ลากอูยองวิ่งออกจากหอ ประหนึ่งว่าจะไปวิ่งแข่งก็เป็นได้

     

     

    ตอนนี้ผมและจุนโฮกำลังวิ่งไปที่ตึกคณะบริหารโดยที่ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น  ผมพยายามพูดให้จุนโฮเดินช้าลงหน่อยด้วยผมตอนนี้นั้นกำลังเหนื่อยหอบเป็นอย่างมาก แต่จุนโฮกลับไม่สนใจเสียงผมเลยซักนิดเดียว  ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปผมเลยได้แต่จำใจเดินตามเค้าไปอย่างเร็วๆ  พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับคนยืนขวางทางอยู่และคาดว่าจุนโฮก็น่าจะมองไม่เห็น ผมที่พยายามจะบอกเขาแต่ก็คงจะไม่ทันเสียแล้ว

     

     

     

    ตุบ

     

     

     

    “โอ้ย เดินไม่ดูทางเลยรึไงห๊ะ!

     

     

    “คนกำลังรีบๆอยู่!! เดินยังไงวะเนี่ย”   คนทั้งสองตะโกนใส่หน้ากันด้วยความโมโหเพราะทั้งสองก็แลดูจะรีบพอๆกัน

     

     

    “นี่นายเป็นอะไรมั้ย?” หมอนั่นถามจุนโฮครับ อย่างน้อยก็ยังดีที่เป็นห่วงเพื่อนผมบ้าง แต่มีหรือถามแค่นี้คนอย่างอีจุนโฮจะหายเจ็บ..

     

     

    “ล้มขนาดนี้จะให้หายง่ายๆหรอห๊ะ!! นี่ถ้าไม่ติดว่าฉันรีบนะ ฉันเอาเรื่องนายแน่!!

     

     

    จุนโฮพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ กระทืบเท้าลงไปบนส้นเท้าของหมอนั่นหนึ่งทีจนต้องร้องโอดครวญจนคนแถวนั้นหันมามองกันเป็นตาเดียว

     

     
     
     
     
     
     

     

     
     
     
     
     
     

     

     
     
     
     
     
     

     

     

     

    “ปีหนึ่งยังขาดใครอีกมั้ย!!”   เสียงพี่ว๊ากดังขึ้นทันทีที่ผมกับจุนโฮย่างกรายเข้ามาถึง ตอนนี้พวกเรายืนอยู่หน้าตึกคณะแล้วแต่ยังไม่กล้าเข้า เพราะอะไรน่ะหรอครับ.. ตอนนี้ปีหนึ่งเค้าจัดแถวกันหมดแล้วเหลือก็แต่ผมกับจุนโฮที่ยืนเอ๋ออยู่หน้าคณะแบบนี้

     

     

    “ทำไงกันดีล่ะจุนโฮ..” ผมถามจุนโฮ

     

     

    “นั่นดิ.. ไม่คิดว่าพี่เค้าจะเรียกเรียวขนาดนี้ ต้องโดนทำโทษแน่เลยอูยอง”

     

     

     จุนโฮพูดพร้อมกับมองหน้าผมอย่างพยายามหาคำตอบ

     

     

    “เดินเข้าไปกันเถอะจุนโฮ  พี่เค้าคงไม่ว่าอะไรหรอกวันนี้มันวันแรกนี่หน่า” 

     

     

    ผมพยายามพูดปลอบจุนโฮที่ตอนนี้ดูเหมือนจะอกหวั่นขวัญเสียไปกับเสียงตะโกนแว้ดๆของพี่ว๊ากไปแล้วเรียบร้อย

     

     

    พอผมพูดดังนั้นจุนโฮก็เลยเดินนำหน้าผมไปหน่อย ผมจึงรีบเดินไปขนาบข้างเขาทันที สายตาคนทั้งแถบที่ตั้งแถวกันแล้วเรียบร้อยหันมามองกันเป็นตาเดียวนั้นยิ่งทำให้ผมเกร็งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุไหนจะสายตาเย็นๆจากเดือนคณะนั่นอีก ยิ่งทำให้ผมทำอะไรต่อไม่ถูกทันที

     

     

    “น้องครับ น้องสองคนนั้นอ่ะ ช่วยรีบครับทุกคนรออยู่”

     

     

     พี่ว๊ากพูดพร้อมปรายตามองมาที่พวกผมสองคน 

     

     

    จุนโฮพยายามเดินให้เร็วขึ้นแต่ผมก็เอื้อมมือไปจับข้อมือเพื่อรั้งจุนโฮเอาไว้  เพราะอะไรน่ะหรอครับ ตอนนี้ผมหมั่นไส้หน้าเดือนคณะตาโตมากมาย ทั้งสายตาและท่าทีที่มองมายังพวกผมสองคนนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเค้าสมน้ำหน้าที่พวกผมมาช้า และอาจจะถูกทำโทษในไม่ช้านี้

     

     

    “คุณครับถ้ายังช้าจะหาว่าผมไม่เตือนนะครับ”

     

     

     เดือนคณะตาโตเริ่มพูดขึ้นมานิ่งๆก่อนจะปรายตามองมาทางผมทั้งสอง

     

     

    “แล้วทำไมล่ะครับ ผมต้องรีบเดินสินะ? โอเคครับ”

     

     

     ผมเงยหน้าเถียงกับเดือนคณะหน้าตาเฉย ยักคิ้วสองสามทีด้วยความท้าทาย

     

     

    “คุณเล่นผิดคนแล้วล่ะครับ เชิญคุณทั้งสองแยกไปทางอื่นด้วยครับ ผมจะทำโทษคุณ”

     

     

    “ครับ”  ผมตอบรับและเดินเอื่อยๆไป ณ จุดที่เดือนคณะชี้ไว้

     

     

    “ด้ง..ทำไมต้องพูดแบบนั้นด้วยนายไม่รู้หรอว่าเค้า.. มีอำนาจมากเลยนะ” 

     

     

    “ไม่เห็นจะต้องกลัว คนเหมือนกัน”  ผมตอบจุนโฮหน้าตาเฉย

     

     

    “แต่...”  ยังไม่ทันที่จุนโฮจะได้พูดจนจบประโยคก็มีเสียงเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาทันที 

     

     

    “พวกผมใจดีไปอย่างนั้นหรือครับ พวกคุณเลยกล้าที่จะมาสายตั้งแต่วันแรก”   

     

     

    เดือนคณะพูดกับพวกผมเสียงเรียบ พร้อมกับเดินวนรอบตัวของผมทั้งสองอย่างช้าๆ ซึ่งมันก็สร้างความกดดันให้ผมและจุนโฮได้ไม่ยากเลย

     

     

    “ผมควรจะลงโทษพวกคุณยังไงดีนะ”   เค้าหยุดเดินก่อนจะมองหน้าพวกผมทั้งสอง 

     

     

    ก่อนที่พวกผมจะได้กดดันจนบ้าตายไปมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงหอบหนักมาจากทางด้านหลัง เมื่อหันหลังกลับไปก็ถึงบางอ้อทันที หมอนั่น ที่เดินชนจุนโฮเมื่อเช้า..

     

     

    “แฮ่กๆ.. พี่ครับ..คือ..ผมมาช้าไปใช่มั้ย”  เจ้านั่นถามพี่ว๊ากหน้าย่นด้วยท่าทีสนิทสนม

     

     

    “เออ ไปๆ ไปตรงนู้น”  พี่หน้าย่นชี้โบ้ชี้เบ้มาทางที่พวกผมสามคนยืนอยู่ก่อนที่หมอนั่นจะต้องเดินคอตกมารับชะตากรรมเดียวกันกับผมและจุนโฮ

     

     

    “พวกคุณสามคนรู้ใช่มั้ยว่าวันนี้ผมนัดกี่โมง”

     

     

    “รู้ครับ”

     

     

    “ตอบให้มันเข็มแข็งหน่อย!” เมื่อไม่ได้ดั่งใจเดือนคณะหน้าใสก็เริ่มขึ้นเสียงทันที

     

     

    “รู้ครับ!!” 

     

     

    “แล้วทำไมพวกคุณถึงยังมาสายกัน?” 

     

     

    “พวกเราพยายามมาให้เช้าแล้วน่ะครับ แต่มันเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางนิดหน่อย”

     

     

    ตอนนี้ผมได้กลายเป็นหน่วยกล้าตายไปแล้วเรียบร้อย อาจจะด้วยนิสัยกร่างๆที่มีติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆ และการที่ผมจะต้องปกป้องเพื่อนตัวเล็กมาโดยตลอดเลยทำให้ผมเคยชินกับการออกรับแทนเขาเสมอ

     

     

    “ผมไม่ได้ต้องการฮีโร่ที่จะปกป้องเพื่อนและสิ่งที่คุณพูดมามันไม่ใช่ข้อแก้ตัว  พวกคุณรู้ใช่มั้ยว่าพวกคุณสมควรได้รับการลงโทษ” 

     

     

    “.............”

     

     

    พวกเราทั้งสามคนไม่ตอบอะไรได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งๆอย่างยอมรับชะตากรรม

     

     

    “ดี.. วันนี้เป็นวันรับน้องและวันตามหาพี่รหัส ในฐานะที่ผมก็เป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่มีสิทธิ์จะสั่งพวกคุณ  ผมขอประกาศไว้ ณ ตรงนี้ คุณทั้งสามจะไม่ได้คำใบ้ใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับการตามหาพี่รหัสในครั้งนี้ และ! ถ้าใครฝ่าฝืนคำสั่งช่วยสามคนนี้.. ผมไม่รับรองความปลอดภัยของพวกคุณนะ”

     

     

    เดือนคณะพูดนิ่งๆก่อนจะเดินจากไปเหลือทิ้งไว้เพียงความเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

     

     

    “เข้าใจแล้วใช่มั้ยห๊ะ ที่นี้ไปๆๆๆ แยกย้ายกันไปตามหาพี่รหัสของพวกนายได้แล้ว”

     

     

     เสียงแหลมของรุ่นพี่ตัวเล็กที่ขึ้นชื่อว่าโจควอน   รุ่นพี่จอมโหดที่คอยแต่จะสั่งรุ่นน้องให้ทำอะไรน่าอายเสมอๆดังขึ้น

     

     

    “ครับ..” จุนโฮรับปากอย่างเนือยๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีด้วยความรำคาญ

    .

    .

    .

    .

     

     
     
     
     
     
     

     

     
     
     
     
     
     

     

     
     
     
     
     
     

     

     

     

     

     

    “นี่ๆ พวกนายชื่ออะไรกันหรอ ฉันชื่อ ฮวาง ชานซองนะ”  หมอนั่นแนะนำตัวขึ้นหลังจากที่เราทั้งสามนั่งจุ้มปุ๊กกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนกลางคณะอยู่นาน

     

     

    “จางอูยอง” 

     

     

    “อีจุนโฮ.. ยินดีที่ได้รู้จักนะ”   

     

     

    “อืม  ที่นี้พวกเราจะเอายังไงกันดี คำใบ้ก็ไม่มีซักนิด”  ชานซองถามขึ้น

     

     

    “แล้วฉันจะรู้มั้ยก็นั่งคิดอยู่กับนายนี่ไง” 

     

     

    อูยองตอบอย่างหัวเสีย เมื่อเขารู้สึกไม่ถูกชะตากับฮวางชานซองอย่างชัดเจน  

     

     

    “ทำไมอะไร ฉันก็แค่ถาม พาลจริงๆเลยนายเนี่ย”

     

     

    “อะไรฮวางชานซอง นะ..”

     

     

    “พอทั้งคู่นั่นแหละ! มัวแต่ทะเลาะกันแบบนี้แล้วเราจะได้เรื่องมั้ย”   จุนโฮหันมาตวาดผมทั้งคู่ที่เถียงกัน  ก่อนจะหันไปนั่งทำหน้าตามู่ทู่ดั่งเดิม  คนตัวเล็กนั่งเอามือเท้าคางหายในเฮือกออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย  ก่อนที่เสียงทุ้มจะตะโกนขึ้นมาเพื่อเรียกสติของคนทั้งสองที่นั่งหายใจทิ้งไปโดยไม่คิดหาทางที่จะแก้ไข

     

    “นี่! ถ้าพวกนายมัวแต่นั่งหายใจทิ้งแบบนี้ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ไร้สาระสิ้นดี”

     

     

    “ย่าห์!! พูดงี้อยากตายรึไงห้ะ!! คิดว่าตัวเองดีมากจากไหนมาว่าคนอื่นเนี่ย”  จุนโฮอาละวาดทันทีที่ชานซองพูดจบ ตวัดหางตาจิกกัดเป็นเชิงเตือนว่าถ้าหากยังไม่หุบปากอาจโดนมากกว่านี้ แต่ชานซองก็หาแคร์ไม่  ชานซองลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ความอดทนของคนตัวเล็กขาดผึงออกมา..

     

     

    “นายคิดว่านายแน่ใช่มั้ย? ได้ งั้นเรามาพนันกันถ้าฉันแพ้ฉันจะยอมทำตามที่นายสั่ง แต่ถ้านายแพ้นายต้องตามใจฉัน..” คนตัวสูงพูดจบก็ยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ  มองคนตัวเล็กที่กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ

     

    “เห? ฉันคิดว่าซ่าๆอย่างนายคงไม่กลัวหรอกนะกะอีแค่ท้าพนันแค่นี้...เอ๊ะ หรือว่านายจะกลัว..”










     

     

     

    “ได้ตกลงแล้วเราจะได้เห็นดีกันฮวางชานซอง”   

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×