ผู้เข้าชมรวม
49
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
แท็กนิยาย
พัฒนาการของคอมพิวเตอร์
คีดิตา ใช้เหตุผล โรงเรียนสตรีวิทยา , อภิสรา งาเกาะ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
นนทบุรี
คอมพิวเตอร์ (Computer) หมายถึงเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์
ซึ่งประกอบด้วยสองส่วน คือ ฮารด์แวร์(Hardware) ซึ่งก็คือตัวเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ
และซอฟต์แวร์(Software) ซึ่งก็คือตัวชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
โดยที่เครื่องคอมพิวเตอร์นี้สามารถทำงานคำนวณผล
และเปรียบเทียบค่าตามชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง และอัตโนมัติ
คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
เป็นผลมาจากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือในการคำนวณ เมื่อประมาณ 2,000-3,000 ปีที่แล้ว ที่ประเทศจีนได้คิดค้นประดิษฐ์เครื่องมือในการคำนวณเครื่องแรกขึ้น
ซึ่งก็คือลูกคิด (Abacus) จนกระทั่งในปี
พ.ศ. 2376 นักคณิตศาสต์ชาวอังกฤษ ชื่อ ชาร์ล แบบเบจ (Charles
Babbage) ได้ประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) สามารถคำนวณค่าของตรีโกณมิติ ฟังก์ชั่นต่างๆ ทางคณิตศาสตร์
การทำงานของเครื่องนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนเก็บข้อมูล
ส่วนคำนวณ และส่วนควบคุม มีข้อมูลอยู่ในบัตรเจาะรู คำนวณได้โดยอัตโนมัติ
และเก็บข้อมูลในหน่วยความจำ ก่อนจะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ หลักการของแบบเบจนี้เองที่ได้นำมาพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่
เราจึงยกย่องให้แบบเบจ เป็น บิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เราสามารถแบ่งยุคของคอมพิมเตอร์ได้ออกเป็น
5 ยุคสมัย ได้แก่
รูปแสดงพัฒนาการขอคอมพิวเตอร์ ที่มารูปภาพ : http://www.computerhistory.org/siliconengine/
ยุคที่ 1 พ.ศ.2489-2501
ยุคหลอดสูญญากาศ เมาช์ลีและเอ็กเคอร์ต (Mauchly and
Eckert) ได้นำแนวความคิดนั้นมาประดิษฐ์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากเครื่องหนึ่งเรียกว่า
UNIVAC (Universal Automatic Computer)
ซึ่งถือเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ถูกใช้งานในเชิงธุรกิจ
สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่มีขนาดใหญ่มากและราคาแพง
ยุคที่ 2 พ.ศ.2502-2506
ยุคทรานซิสเตอร์ มีการนำทรานซิสเตอร์
มาใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์จึงทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลง
และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในยุคนี้ยังได้มีการคิดภาษาเพื่อใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เช่น ภาษาฟอร์แทน
(FORTRAN) จึงทำให้ง่ายต่อการเขียนโปรแกรมสำหรับใช้กับเครื่อง
ยุคที่ 3 พ.ศ.2507-2512 ยุคไอซี
ได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเกี่ยวกับวงจรรวม (Integrated-Circuit
: IC) ซึ่งไอซีนี้ทำให้ส่วนประกอบและวงจรต่างๆ
สามารถวางลงได้บนแผ่นชิป (chip) เล็กๆ เพียงแผ่นเดียว นอกจากนี้ยังเริ่มมีการใช้งานระบบจัดการฐานข้อมูล
(Data Base Management Systems : DBMS) และมีการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานร่วมกันได้หลายๆ
งานในเวลาเดียวกัน และมีระบบที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับเครื่องได้หลายๆ คน พร้อมๆ
กัน (Time Sharing)
ยุคที่ 4 พ.ศ.2513-2532 ยุควีแอลเอสไอ
เป็นยุคที่นำสารกึ่งตัวนำมาสร้างเป็นวงจรรวมความจุสูงมาก (Very Large Scale Integrated : VLSI) ซึ่งสามารถย่อส่วนไอซีธรรมดาหลายๆ
วงจรเข้ามาในวงจรเดียวกัน และมีการประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor)
ขึ้น ทำให้เครื่องมีขนาดเล็ก ราคาถูกลง
และมีความสามารถในการทำงานสูงและรวดเร็วมาก จึงทำให้มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal
Computer) ถือกำเนิดขึ้นมาในยุคนี้
ยุคที่ 5 พ.ศ.2533-ปัจจุบัน
ยุคปัญญาประดิษฐ์ ในยุคนี้ ได้มุ่งเน้นการพัฒนา
ความสามารถในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และ ความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์
อย่างชัดเจน มีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กขนาดเล็ก (Portable Computer) ขึ้นใช้งานในยุคนี้
โครงการพัฒนาอุปกรณ์ VLSI ให้ใช้งานง่าย
และมีความสามารถสูงขึ้น รวมทั้งโครงการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial
Intelligence : AI) เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในยุคนี้
โดยหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ สามารถวิเคราะห์ปัญหาด้วยเหตุผล
ซึ่งองค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่ ระบบหุ่นยนต์
หรือแขนกล (Robotics or Robotarm System)ระบบประมวลภาษาพูด (Natural
Language Processing System) การรู้จำเสียงพูด (Speech
Recognition System) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ xm99_mail ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ xm99_mail
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น