ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Necromancer emperor of undead - ราชาของเหล่าซากศพ เนโครแมนเซอร์

    ลำดับตอนที่ #2 : พร กับ สมาคมนักผจญภัย

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 67


    จากคำบอกกล่าวของยาย สมาคมนักผจญภัยตั้งอยู่ที่หอคอยวงกต ใจกลางเมือง

    ในระหว่างที่รอให้ถึงตอนเช้า ผมก่อกองไฟสำเร็จ โดยใช้ไอเทมเวทย์มนทั่วไปอย่าง หินอัคคีสองชิ้นวางซ้อนกันตามที่คุณยายบอก ไม่นานเปลวไฟก็ถูกจุดขึ้นอย่างช้าๆ

    ในโลกใบนี้เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า แต่ความสะดวกหลายๆอย่างถูกแทนที่ด้วยไอเทมเวทย์มน

    ผมใช้มีดอีโต้ที่หาได้แถวนั้นในการสับเนื้อกระต่ายก่อนนำไปต้มในหม้อน้ำที่กำลังเดือด แล้วก็.... แค่นั้นแหละ ไม่ได้ใส่อะไรพิเศษลงไป ก็ทำอาหารไม่เป็นสักหน่อยนินะ

    เมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น ผมนำอาหารไปไว้ใกล้ๆคุณยาย

    “ยาย ขอยืมมีดนี่หน่อยนะ” ผมบอกคุณยาย เธอพยักหน้าเล็กน้อย

    ขณะจะออกจากบ้านดันนึกได้ว่าตนเองเป็นอันเดด และเผ่าอันเดดดันถูกมองเป็นมอนเตอร์ด้วย ถึงตอนนี้จะมองจากภายนอกก็ไม่ต่างจากมนุษย์ผิวซีดขาวเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากเสี่ยงให้ถูกจับได้หรอกนะ อืม...

    นอกจากยืมมีดเก่าๆเล่มนี้ผมยังขอยืมผ้าม่านสกปรกสีดำ ที่คุณยายใช้กันห้องระหว่างบ้านกับที่คุณยายนอนไปอีกด้วย

    ผมนำผ้าสกปรกมาคุมทั้งตัวทั้งหัว แบบนี้ถึงจะดูน่าสงสัยไปหน่อย แต่ก็ไม่มีใครมองเห็นหน้าผมได้

    ผมออกจากบ้านก็มุ่งไปทิศตรงข้างกับทางไปป่าที่เคยไป ไม่นานก็เห็นถนน เดินตามถนนไปก็ถึงประตูเข้าเมืองชั้นใน ระหว่างทางมีผู้คนมองมาบ้าง แต่ก็ไม่เป็นที่สนใจอะไร ข้างทางมีเด็กน้อยที่ใส่เสื้อเก่าขาด บ้างคนก็ใช้ผ้าเก่าคลุมตัวเฉยๆก็มี ดังนั้นเขาที่ใช้ผ้าสกปรกแทนผ้าคลุมเดินไปมาก็ไม่เป็นที่สนใจเท่าไรนัก

    ที่ประตูเข้าเมืองไม่ได้มีการตรวจค้นหรือตรวจสอบอะไร ผมจึงเข้าไปได้อย่างปกติ หอคอยวงกตที่สูงใหญ่อยู่ใจกลางเมือง ดังนั้นแค่เดินตรงจากทางเข้าเมืองไปเรื่อยๆก็ถึงใจกลางเมืองได้แล้ว เมื่อเดินมาถึงตรงนี้เหมือนจะกลายเป็นที่สังเกตมากกว่าตอนอยู่เมืองชั้นนอก เนื่องจากเมืองชั้นในทุกคนแต่งตัวสะอาดดูดี ไม่มีเด็กน้อยกับผ้าคลุมสกปรกเดินไปมา ดังนั้นผมจึงเป็นคนเดียวที่ดูไม่เข้าพวก

    “หนูน้อย มีอะไรให้ช่วยไหมจ้ะ” เมื่อเดินเข้ามาในหอคอยก็มีพนักงานหญิงเดินมาต้อนรับ เธอมีใบหูแหลมยาว เอลฟ์หรือป่าวนะ?

    “เรื่องของพรน่ะ ได้ยินว่าสมาคมนักผจญภัยรู้เรื่องนี้ เลยมาถาม” ตอนแรกว่าจะถามเกี่ยวกับพรเฉยๆ แต่พนักงานหญิงเดินกลับเข้าไปหยิบลูกแก้วสีเขียวขนาดเท่าหัวเด็กออกมา เธอให้ผมวางมือบนลูกแก้วนั่น แสงสีเขียวสว่างจ้าขึ้น

    “ได้รับพรแล้วจริงด้วย โชคดีจริงๆนะหนู” ดูเหมือนเธอแค่ตื่นเต้น แต่ก็ไม่ถึงกลับตกใจเท่าไร แสดงว่าเด็กที่อายุเท่านี้ได้รับพรไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ก็ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆสินะ

    หลังจากนั้นเธอก็พาผมไปนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์ เธออธิบายเกี่ยวกับพรว่า ผู้ที่ได้รับพรนั้น ไม่จำกัดที่เผ่าพันธุ์ หรืออายุ บางได้รับพรตั้งแต่เด็ก บางได้รับพรตอนอายุเยอะแล้ว พรคือเสียงหรือข้อความของพระเจ้า หรือสิ่งวิเศษอื่นๆ ที่จะมอบการ์ดสกิลให้ได้เลือกเมื่อเลเวลเพิ่มขึ้น

    เสียงพระเจ้าเหรอ? รู้สึกเหมือนเสียงระบบเกมส์มากกว่าอีก

    เธอยังบอกอีกว่าพรที่แต่ละคนรับรู้ได้นั้นไม่เหมือนและไม่เท่ากัน บางคนบอกว่าได้ยินเสียงของเทพธิดาบอกถึงรายละเอียดสกิลและความสำคัญของไอเทม แต่บางคนกับบอกว่าได้ยินแค่เสียงกระซิบของปีศาจ บอกรายละเอียดไม่ชัดเจน คนๆนั้นจึงต้องสุ่มเลือกการ์ดสกิลเอา

    แสดงว่าพรของผมก็ดีพอสมควร เพราะนอกจากได้ยินเสียงแล้ว ยังมองเห็นรายละเอียดเป็นตัวอักษรอย่างชัดเจน

    เธอบอกว่าสกิลแรกนั้นสำคัญที่สุด เพราะการ์ดสกิลที่สุ่มมาให้เลือกนั้นจะมีโอกาศได้การ์ดสกิลในสายหรือแนวทางเดียวกันในการ์ดต่อๆไปมากกว่าสกิลอื่น ดังนั้นสกิลแรกจึงสำคัญมาก เหมือนเป็นการเลือกอนาคตของตัวเองเลย

    สกิลแรกของผมคือ ปลุกอันเดด อืม... ไม่มีโอกาสได้เลือกสินะ และการจะได้สกิลใหม่นั้นต้องเพิ่มเลเวล การเพิ่มเลเวลทุกครั้งจะได้เลือกสกิลใหม่ๆ แต่การเพิ่มเลเวลนั้นก็ไม่ง่ายเลย ต้องสะสมมานาที่ได้จากล่ามอนเตอร์หรือล่าสัตว์ป่า

    พนักงานต้อนรับลงทะเบียนเป็นนักผจญภัยให้ผม ถึงตอนแรกผมจะไม่สนใจเท่าไร แต่ได้ยินว่าสามารถรับทำเควสหรือคำร้องขอจากสมาคมเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินได้ด้วย ดังนั้นลงทะเบียนก็ไม่แย่เท่าไร

    นักผจญภัย แรงค์ F
    ชื่อ ลูย์
    เผ่ามนุษย์
    เลเวล 1

    ผมอ่านรายละเอียดจากป้ายนักผจญภัยที่ทำจากไม้ ผมยืมใช้ชื่อจากเจ้าของร่างกายนี้ ส่วนเผ่าพันธุ์คงบอกว่าเป็นอันเดดไม่ได้สินะ จึงโกหกไปอย่างนั้น

    จากคำบอกของพนักงานสาว แรงค์ของนักผจญภัยมีตั้งแต่แรงค์ F D C B A และ S ซึ่งลงทะเบียนครั้งแรกจะเป็นแรงค์F เควสที่รับได้ก็จะเป็นเควสที่ไม่ยากนัก

    ที่กระดานไม้ นักผจญภัยหลายคนยืนเบียดกัน เควสจะอยู่ในรูปแบบของกระดาษหนัง ติดไว้ตามกระดานไม้ทางนี้ แต่ละแผ่นจะบอกรายระเอียดของเควสและแรงค์ที่สามารถรับได้ อย่างเช่น

    เควสแรงค์ F
    ล่ากระต่ายป่า 5 ตัว
    เงินรางวัล 20 เหรียญทองแดง

    ส่วนเควสแรงค์ D เป็นพวกกำจัดมอนเตอร์ เช่น ก็อบลิน เรดวูฟ เป็นต้น แน่นอนว่าไม่สามารถรับเควสที่แรงค์สูงกว่าตัวเองได้ ดังนั้นผมจึงเลือกดูแต่เควสแรงค์Fก่อน

    ผมดึงกระดาษมาสามแผ่น มีล่ากระต่ายป่า5ตัว เก็บหญ้านางฟ้า10ต้น และกำจัดหมาป่า2ตัว นำไปยืนยันรับเควสที่พนังงานเอลฟ์สาว

    “อะ รับเควสพร้อมกันหลายงานก็ได้อยู่หลอกนะคะ แต่เควสนี้....” เธอดูเควสกำจัดหมาป่า คงกังวลที่จะให้เด็กอายุ6ขวบไปสู้กับสัตว์ดุร้าย

    “หากทำเควสไม่สำเร็จจะเสียค่าปรับตามเงินรางวัลนะคะ” เธอบอกด้วยควาวหวังดี เงินรางวัลของเควสนี้คือ 1 เหรียญเงิน จำนวน 1 เหรียญเงินนี้มีค่าเท่ากับ 100 เหรียญทองแดง

    ทั้งตัวผมตอนนี้ไม่มีสักเหรียญเดียว จะรับควาวเสี่ยงไหวไหมนะ แต่ด้วยร่างกายของซอมบี้สู้กับหมาป่าก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร อีกอย่างเขาอยากลองเพิ่มเลเวลด้วย ให้ล่าแต่กระต่ายป่าคงต้องล่าเป็น100กว่าตัวเลยถึงจะเพิ่มเลเวลได้ ดังนั้นเขาจึงคิดจะลองล่าหมาป่าดู อาจได้มานาเยอะว่ากระต่าย

    “คุณลูย์ยังไม่ต้องรีบรับใบเควสนี้ในตอนนี้ก็ได้นะคะ ไว้หลังจากกำจัดหมาป่าสำเร็จให้นำเขี้ยวหมาป่ามาแล้วค่อยมารับใบเควสในตอนนั้นก็ได้คะ เควสก็จะสำเร็จทันที” พนักงานเอลฟ์แนะนำ

    “แบบนั้นก็ได้หรอ” ถ้าได้อย่างนั้นก็ไม่ต้องรับใบเควสแต่แรกเลยก็ได้นิ แต่จากที่สังเกตุหลายคนในนี้ก็เลือกรับใบเควสก่อนไปทำทั้งนั้น

    “ทำได้ค่ะ เพียงแต่ หากมีคนอื่นรับใบเควสเดียวกันไปหลังจากที่ทำเควสไปแล้ว ผู้ทำเควสก็จะไม่ได้เงินรางวัลค่ะ แต่ตอนนี้เควสแรงค์Fไม่ค่อยมีคนทำกันแล้ว ดังนั้นคุณลูย์ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนมาแย่งใบเควสไป สามารถมารับทีหลังก็ได้ค่ะ”

    อย่างนี้เอง การรับใบเควสก่อนก็เหมือนกับการจองว่าจะทำเควสนั้นๆไว้ หากทำสำเร็จก็จะได้เงินรางวัล หากทำไม่สำเร็จก็จะเสียค่าปรับ แต่ถ้าไม่มันใจก็ไปทำเควสก่อนค่อยมารับใบเควสทีหลังได้ แต่อาจโดยแย่งเควสไปในระหว่างนั้นก็ได้สินะ

    ผมตัดสินใจรับใบเควสแค่สองใบ คือล่ากระต่ายป่า5ตัว กับเก็บหญ้านางฟ้า10ต้น ส่วนล่าหมาป่าคงต้องไปลองดูก่อน ถ้าทำได้ค่อยมารับใบเควสทีหลังแล้วกัน

    เมื่อทำเรื่องรับเควสที่เคาน์เตอร์เสร็จ ผมก็เดินออกจากหอคอย

    “เฮ่ย ดูหมอนั่นสิ  ไม่ใช่ลูกของชารอทหรอกเรอะ” ระหว่างที่กำรังออกจากหอคอยวงกตก็ได้ยินเสียงชายฉกรรจ์กระซิบกัน เนื่องจากหูของซอมบี้ดีกว่าของมนุษย์ ผมจึงได้ยินเข้าโดยบังเอิญ

    “ชารอทไหนวะ ข้าจะจำได้อย่างไง”

    “ก็ชารอทที่แกฆ่าไปไม่นานนั่นไงละ นั่นน่าจะเป็นลูกของมัน ชื่อลูหรืออะไรนี่ละ ไม่ใช่เราฆ่าไปทั้งสองคนหรอกเรอะ”

    “อ่อ ผู้หญิงตอนนั้นเรอะ คิคิๆ” เสียงหัวเรอะชั่วร้ายดังขึ้นตามด้วยสีหน้าที่หน้ารังเกียจ

     “เอาเป็นว่าตามมันไปก่อน ถึงเมืองชั้นนอกค่อยลงมือ ถ้าใช่ก็ฆ่าทิ้งซะ ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไปเถอะ” ชายฉกรรจ์สองคนลุกขึ้นจากโต๊ะ

    ผมเดินออกมาจากหอคอยด้วยท่าทีปกติ แต่ในใจกลับร้อนรุ่ม พวกนี้ต้องเป็นพวกที่ฆ่าร่างกายนี้อย่างแน่นอน ส่วนผู้หญิงที่ชื่อชารอทก็คือแม่ของเจ้าลูย์นี่ หากพวกมันรู้ว่าลูย์ยังไม่ตาย พวกมันต้องตามไปฆ่าผมอีกรอบ และรอบนี้ยายที่บ้านก็อาจไม่รอดไปด้วยก็ได้

    ตามถนนของเมืองชั้นในมีทหารยามเฝ้าตามจุดต่างๆ พวกมันจึงยังไม่ลงมือในเมืองชั้นใน แต่ที่เมืองชั้นนอกนั้นต่างกัน เหมือนกับเป็นที่ไร้กฎหมาย ทหารไม่ไปถึงตรงนั้น เมื่อออกนอกเมืองพวกมันต้องลงมือแน่

    สู้หรือหนี? ผมหันกลับไปแอบมองพวกนี้ด้วยหางตา

    เผ่ามนุษย์
    เลเวล 5

    เผ่ามนุษย์
    เลเวล6

    เลเวล5กับ6 แบบนี้สู้ไม่ได้สินะ คงมีสกิลไว้ใช้หลายสกิลแล้วแน่นอน ทางเลือกคือ หนี

    ผมหันเข้าซอยเล็ก แล้วออกวิ่งทันที จริงๆคือกึ่งวิ่งกึ่งกระโดด ด้วยพลังของซอมบี้จึงดูเหมือนลูกธนูหลุดจากสาย พุ่งไปด้วยความเร็ว

    “บ้าเอ่ย! เจ้าเด็กนี่รู้ตัวแล้ว” เมื่อพวกมันเข้าซอยตามมาผมก็ทิ้งห่างไปไกลแล้ว

    ชายคนหนึ่งใช้สกิลธาตุลมใส่ตัวเองแล้ววิ่งตามมา เห็นได้ชัดว่าวิ่งเร็วผิดปกติ ต้องเป็นผลของสกิลสักอย่างแน่

    ต้องกลับไปบ้านก่อนเจ้าพวกนี้จะตามมาถึง ต้องพายายที่เดินไม่ได้หนีไปด้วย เฮ่อ ต้องมารับผิดชอบชีวิตของคนแปลกหน้าเรอะ ช่วยไม่ได้สินะ ถือว่าตอบแทนเรื่องที่ใช้ร่างกายของหลายยายแล้วกัน

    ชายพวกนี้ต้องเป็นฆาตกรอย่างแน่นอน ขอเรียกว่าฆาตกรAและฆาตกรBแล้วกัน

    ฆาตกรAตามมาด้วยสกิลอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังตามผมไม่ทัน ประตูเมืองอยู่ข้างหน้า ตรงนั้นมีทหารเยอะกว่าจุดอื่น คงถ่วงเวลาได้บ้าง ผมรีบเร่งฝีเท้า

    "ลูกศรวายุ" ฆาตกรAใช้สกิล ลูกธนูสีเขียวถูกสร้างขึ้นและยิงมาทางผม ถึงลูกธนูจะพุ่งมาเร็วแค่ไหนแต่ผมก็หลบได้ไม่ยาก

    ส่วบ

    ลูกธนูแทงเข้ากลางหลัง แรงของธนูเวทมนต์ทำให้ผมกระเด็นไปข้างหน้า ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่หยุดวิ่ง อะไรกัน? ผมหลบไปแล้วไม่ใช่หรอ? หรือว่าลูกธนูนี้เป็นแบบล็อกเป้าหมาย

    “พวกแกนะ! ห้ามใช้สกิลโจมตีในเมือง หยุดเดียวนี้นะ!” ทหารยามคนหนึ่งกระโดดออกมา ตอนแรกทำท่าจะตามผมมา แต่ก็หันไปจับพวกฆาตกรที่ตามมาไว้ก่อน

    เป็นอย่างที่หวังเลย ถ่วงเวลาไว้หน่อยนะ ผมไม่คิดว่าเจ้าพวกนี้จะโดนจับไปทั้งอย่างนี้หรอก ไม่นานก็คงตามมาได้ ผมรีบพุ่งกลับบ้านทันที

    “ยาย! พวกมันเห็นผมแล้ว เดียวคงตามมาแหละ เรารีบหนีเถอะ”

    “อย่างนั้นเรอะ... ทิ้งข้าไว้ที่นี่แหละ เป็นภาระเจ้าสะป่าวๆ”

    “จะทำแบบนั้นได้ยังไงละ” ผมเข้าไปแบกยายไว้บนหลัง ถึงจะมีพลังของซอมบี้ก็เถอะ นี่มันหนักไปรึป่าวนะ

    “จะหนีไปไหนละเด็กน้อย” ยายตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร

    “เข้าป่า มั้ง?”

    “เฮ้อ...หาที่ตายแท้ๆ”

    “ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ปลอดภัยที่สุดไงละ”

    ผมแบกยายไว้บนหลังแล้ววิ่งเข้าป่าไปทั้งแบบนั้น



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×