ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮุหยินของข้า มาจากหอนางโลม

    ลำดับตอนที่ #4 : ต่อไปนี้เจ้าคือ ซ่งเหลยเหลย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 119
      5
      27 ก.ย. 66

     

     

    3

    ต่อไปนี้เจ้าคือ ซ่งเหลยเหลย

    “เจ้าว่าอย่างไรนะ” บุรุษหนุ่มหน้าตาคมคาย รูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างผึ่งผายยืนเอามือสองข้างไพล่หลังผินหน้าจากหน้าต่างกลับมามองจินจางหมิ่น องค์รักษ์ของตนด้วยสีหน้าประหลาดใจ

    “สกุลซ่งตอบตกลงแต่ขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวขอรับ สกุลซ่งอ้างว่าบุตรสาวซ่งอันหนิง มีร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เล็กเกรงว่าไม่เหมาะสมจะแต่งงานขอรับ”

    “เท่าที่ข้ารู้ สกุลซ่งมีบุตรสาวคนเดียวมิใช่หรือ” หลี่จื้อเปรย เมื่อครึ่งปีก่อนเขามีโอกาสได้เจอกับโฉมงามนางหนึ่ง ใบหน้าของนางช่างตราตรึงในใจของเขายิ่งนักจนทำให้ต้องออกคำสั่งให้สืบหา ในที่สุดก็ได้รู้ว่านางคือซ่งอันหนิง บุตรสาวเพียงคนเดียวของซ่งจินเหลียง ตระกูลพ่อค้าในตำบลหนึ่งของลั่วหยางนี่เอง เขาจึงไม่รอช้าส่งแม่สื่อทาบทามสู่ขอทันที

    “เห็นว่าเป็นบุตรสาวอีกคนที่ไปอยู่ต่างเมืองมานานขอรับ”

    “หึ! สกุลซ่งกล้าดีอย่างไรถึงเล่นแง่กับข้าแบบนี้ เจ้าจงไปสืบความเป็นมาของนางมาให้ข้า” เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นขัดจังหวะ หลี่จื้อเอ่ยอนุญาตให้คนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา สตรีร่างเล็กอายุเกือบสี่สิบปีก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอ่อนโยน ดวงหน้างดงามละม้ายคล้ายเจ้าของห้อง

    “ท่านแม่” หลี่จื้อปราดเข้าหามารดาแล้วจับมือนางมานั่งที่โต๊ะ

    “เจ้ารู้เรื่องที่สกุลซ่งขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวแล้วสินะ” นางสอบถามเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของหลี่จื้อ

    “ลูกรู้แล้วขอรับ”

    “เจ้ามีความเห็นอย่างไร” หลี่ฉิงซูถามความเห็นบุตรชาย

    “ข้าเพิ่งสั่งให้จางหมิ่นไปสืบเรื่องของนางขอรับเพราะเท่าที่ข้ารู้มา สกุลซ่งมีบุตรสาวเพียงคนเดียวคือซ่งอันหนิง”

    “แล้วเจ้าจะตอบรับหรือไม่”

    “แม่คิดว่าลูกควรตอบรับ” เขาถามมารดากลับ

    “แต่ไหนแต่ไรแม่ให้อิสระเจ้าในการเลือกคู่ครองมาตลอด ตอนนั้นเจ้าต้องตาต้องใจคุณหนูตระกูลซ่งแม่ก็ไม่คัดค้าน สกุลซ่งทำเช่นนี้คงมีเหตุผล ยังไงเจ้าก็ลองตรองดูเองเถิด” หลี่ฉิงซูกุมมือบุตรชายเบาๆ หากแต่หลี่จื้อไม่ได้ตอบอะไรออกมา ในใจยังขุ่นมัวอยู่มากเนื่องจากสตรีสกุลซ่งไม่ใช่คนที่หมายตา

     

     

    ด้านเหลยเหลย หลังจากเดินทางรอนแรมมาหลายวันในที่สุดก็ถึงบ้านสกุลซ่ง นางลงจากรถม้าด้วยท่าทีอ่อนเพลียการอุดอู้อยู่ในรถม้าทำให้รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย นอกรถม้าปรากฏร่างของชายคนหนึ่งอายุราวสี่สิบปียืนรออยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยหากบรรยากาศรอบตัวแลดูเป็นมิตรทำให้คนที่จากบ้านมาไกลอย่างหญิงสาวใจชื้นขึ้น

    “ท่านคือคุณหนูเหลยเหลยใช่หรือไม่ ยินดีต้อนรับสู่สกุลซ่งนะขอรับ
    ข้าซุนเหว่ยเป็นพ่อบ้านของที่นี่ ตอนนี้นายท่านไม่อยู่ที่เรือนแต่ฝากข้ามาเรียนคุณหนูว่า ถ้าคุณหนูเดินทางมาถึงเมื่อไหร่ให้พาคุณหนูไปพักผ่อนที่เรือนหลังเล็ก แล้วยามโหย่ว(เวลา 17.00-18.59น.)ข้าจะพาท่านไปพบนายท่านขอรับ”

    “ขอบคุณพ่อบ้านซุนมากเจ้าค่ะ”

    ดวงตาเฉี่ยวชั้นเดียวกวาดสายตาสำรวจบรรยากาศโดยรอบระหว่างที่เดินตามพ่อบ้านเข้าสู่ตัวเรือน ตรงหน้าของนางคือเรือนหลังใหญ่ที่มีเรือนเล็กเรือนน้อยรายล้อมอีกสามหลัง ถือได้ว่าฐานะตระกูลซ่งคือตระกูลพ่อค้ามีเงินในตำบลนี้

     

     

    “นี่คือเรือนของคุณหนูขอรับ นายท่านเกรงว่าคุณหนูจะรู้สึกอึดอัด ปรับตัวลำบากเมื่ออยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยเลยยกเรือนหลังนี้ให้คุณหนู”
    ดวงหน้ารูปไข่มีรอยยิ้มในใบหน้า เรือนตรงหน้าเป็นเรือนไม้หลังเล็กอยู่ด้านหลัง รอบนอกปลูกต้นไห่ถังส่งกลิ่นหอมแลดูอบอุ่น ลานหน้าบ้านถูกทำความสะอาดเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน

    “ส่วนนี่คือเสี่ยวฮวากับอิงอิง ต่อไปนางสองคนจะเป็นคนดูแลรับใช้คุณหนูขอรับ” หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเหลยเหลยสองคนทำความเคารพเจ้านายคนใหม่อย่างกระตือรือร้น

    “หมดธุระของข้าแล้ว เชิญคุณหนูพักผ่อนเถิด ยามซวีข้าจะมารับนะขอรับ”

    “ขอบคุณพ่อบ้านซุน” เหลยเหลยก้มศีรษะให้เล็กน้อย

     

    หลังจากที่พ่อบ้านจากไปเหลยเหลยจึงเริ่มสำรวจสถานที่พำนักใหม่ของตนเอง นางเปิดประตูก้าวเข้าไปด้านในเรือนหลังตรงหน้า ห้องแรกคือห้องโถงที่ถูกทำความสะอาดหมดจดหอมกรุ่น เหลยเหลยรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ส่งโชคก้อนใหญ่มาให้ นี่มันมากเกินกว่าที่คิดไว้เสียอีก ด้วยฐานะของตนเองที่จากมาไม่ควรได้รับการใส่ใจจากพ่อบุญธรรมขนาดนี้เสียด้วยซ้ำ

    “คุณหนู ข้าเสี่ยวฮวาเจ้าค่ะ สัมภาระของท่านข้านำไปเก็บไว้ในห้องแล้วนะเจ้าคะ”

    “ส่วนข้าคืออิงอิง เจ้าค่ะ คุณหนูเดินทางมาหลายวันคงอยากพักผ่อน ให้พวกข้าไปเตรียมน้ำให้ท่านอาบดีหรือไม่”

    “ถ้างั้นข้ารบกวนพวกเจ้าด้วยนะ” เหลยเหลยคลี่ยิ้มอ่อนหวาน จริงอยู่ตอนนี้นางจะมีฐานะเป็นลูกบุญธรรมของซ่งจินเหลียง แต่นางก็ไม่คิดลืมตนวางอำนาจกับสาวใช้ เมื่อนางสองคนถูกจัดให้มาดูแลรับใช้ตนก็ควรผูกมิตรกันเอาไว้ดีกว่า

     

    ใกล้ถึงยามซวีเหลยเหลยกระวีกระวาดเลือกอาภรณ์ที่จะใส่จะว่านางตื่นเต้นคงไม่ผิดนัก นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้เจอครอบครัวใหม่ ไม่รู้ว่าสมาชิกในครอบครัวที่เหลือจะยินดีต้อนรับนางหรือไม่ จากการได้พูดคุยกันวันก่อนทำให้เหลยเหลยได้รู้ว่าพ่อบุญธรรมของตนมีภรรยาบุตรชายสองคนและบุตรสาวหนึ่งคน นับว่าเป็นครอบครัวที่น่าจะอบอุ่นครึกครื้นทีเดียว

    “พวกเจ้าสองคนว่าข้าใส่ชุดไหนดีกว่ากัน” นางหันมาขอความเห็นจากสาวใช้ทั้งสองพลางทาบชุดฮั่นฝูสีม่วงอ่อนกับสีฟ้าสลับไปมา

    “ข้าว่าสีม่วงดูขับผิวของคุณหนูมากกว่านะเจ้าคะ”

    “แล้วเจ้าละเสี่ยวฮวา”

    “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน คุณหนูงดงามขนาดนี้สวมใส่อะไรก็น่ามองเจ้าค่ะ” นางพูดจากใจจริง คุณหนูของนางมีดวงหน้ารูปไข่ ดวงตาแม้จะเรียวเล็กชั้นเดียวแต่ฉายแววสดใส เวลาริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้างนั้นจะส่งไปถึงดวงตาราวกับนัยน์ตาคู่นั้นยิ้มไปด้วย ผิวพรรณของนางก็ขาวเนียนละเอียดนุ่มนิ่มราวกับเต้าหู้

    “ถ้าอย่างนั้นข้าเลือกสีม่วงตามพวกเจ้าว่าก็แล้วกัน พวกเจ้าว่างหรือเปล่ามาช่วยข้าแต่งตัวหน่อยได้ไหม” สามนายบ่าวช่วยกันแต่งกายอย่างเร่งรีบ

    พ่อบ้านซุนมาถึงเรือนเล็กก่อนเวลาเล็กน้อย เขาพานางเดินลัดเลาะไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปยังส่วนต่างๆ ระหว่างนั้นก็อธิบายถึงสถานที่ที่อยู่ภายในตระกูล รวมถึงกฎที่สำคัญอีกเล็กน้อย

    “เชิญคุณหนูเหลยเหลยขอรับ” พ่อบ้านเชื้อเชิญให้หญิงสาวก้าวเข้าไปยังบริเวณห้องโถงในเรือนใหญ่ ด้านในมีซ่งจินเหลียงและบุรุษสตรีไม่คุ้นตาอีกสามคนนั่งรออยู่ เหลยเหลยทำความเคารพพ่อบุญธรรมและเดินไปนั่งเก้าอี้ด้านข้างตามคำอนุญาตของเขา

    “การเดินทางเป็นอย่างไร เหนื่อยมากหรือไม่”

    “ไม่เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพ่อที่เป็นห่วง” ซ่งจินเหลียงพยักหน้ารับ

    “เอาละ ในเมื่อมาพร้อมหน้ากันแล้วข้าขอแนะนำ นี่คือฮูหยินของข้าส่วนนั่นคือพี่ชายคนโตและพี่สาวคนรองของเจ้า จะขาดก็แต่พี่ชายคนรองของเจ้าเท่านั้น”

    “ท่านแม่ ท่านพี่” เหลยเหลยรีบทำความเคารพทันที ทั้งสามไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้เท่านั้น เหลยเหลยแอบมองพี่สาวของตน นางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงามหมดจดคนหนึ่ง แต่มีกลิ่นไอของความเย่อหยิ่งดื้อรั้น ถือตัวแฝงอยู่ ไม่เหมือนผู้เป็นพี่ชายที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนมากกว่า

    “ต่อไปนี้เจ้าคือซ่งเหลยเหลยเป็นบุตรสาวคนเล็กของข้าซ่งจินเหลียง ถือว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วต้องรักใครปรองดองกันเข้าไว้นะ”

    “เจ้าค่ะท่านพ่อ” เหลยเหลยรับคำ

    “เนื่องจากที่วันนี้เจ้าเข้ามาอยู่ในตระกูลซ่งวันแรก ข้าเลยสั่งให้พ่อครัวจัดอาหารพิเศษมาหลายอย่าง พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ” ซ่งจินเหลียงเอ่ยชวนทุกคน เขารู้ว่าการรับหญิงสาวตรงหน้าเป็นลูกบุตรธรรมถึงแม้เพราะเหตุจำเป็น แต่มันก็สร้างความอิหลักอิเหลื่อให้ทุกคนไม่น้อยเพราะพวกเขาไม่คุ้นเคยกันมาก่อน จึงอยากสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นขึ้น
    สักหน่อย

     

     

    *******************************************

    ดาวเหนือ TALK

    น้องเหลยเหลยของเราถึงบ้านสกุลซ่งแล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตของน้องจะเป็นยังไงต่อ

    ส่วนคุณพี่พระเอกก็คือค่าตัวแพงมาก ออกมากรุบกริบ 5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×