ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮุหยินของข้า มาจากหอนางโลม

    ลำดับตอนที่ #2 : ท่านพ่อมีน้องสาวให้ข้าอีกสักคนสิเจ้าคะ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 66


     

     

    ฮูหยินของข้า มาจากหอนางโลม

    ผู้แต่ง ดาวเหนือจะอยู่ทิศเหนือเสมอ

     

    สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537

    ห้ามคัดลอก เลียนแบบ หรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่ง รวมทั้งการจัดเก็บแบบสแกน บันทึก ถ่ายทอดสด ถ่ายภาพ ไม่ว่าจะในรูปแบบหรือวิธีการใดๆ ในกระบวนการอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น หากฝ่าฝืนมีโทษบัญญัติไว้สูงสุดตามกฎหมาย


    สำหรับเรื่องนี้ไรท์จะอัพให้อ่านฟรีจำนวน 5 ตอน

    ตั้งแต่ตอนที่ 6 เป็นต้นไปจะเป็นการอัพให้อ่านฟรี 5 วัน

    หลังจากนั้นจะติดเหรียญรายตอนนะคะ



     

    1

    ท่านพ่อมีน้องสาวให้ข้าอีกสักคนสิเจ้าคะ

    “ลูกไม่แต่งค่ะท่านพ่อ” สตรีรูปร่างบอบบางในชุดอาภรณ์สีม่วงอ่อนพลิ้วไหวเหมาะกับฤดูคิมหันต์ใบหน้างดงามหมดจดมีร่องรอยความเอาแต่ใจอยู่หลายส่วน บนโต๊ะทรงกลมมีเทียบทาบทามสู่ขอจากแม่สื่อของหลี่จื้อ เจ้าเมืองลั่วหยางวางอยู่ซึ่งตระกูลซ่งไม่ควรหลีกเลี่ยงเสียด้วยผู้เป็นบิดาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม

    “โธ่ หนิงเอ๋อร์ เจ้าลองคิดทบทวนดูหน่อยเถิด เป็นฮูหยินเจ้าเมืองหลี่ไม่ดีตรงไหนกัน” ซ่งจินเหลียงผู้เป็นบิดาโอดครวญ

    “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่แต่งค่ะ ท่านพ่อก็รู้ข้ากับคุณชายเกาเรารักใคร่กันอยู่” นางหมายถึงเกาหย่งอี้ คุณชายใหญ่สกุลเกา ตระกูลร่ำรวยที่มีฐานะพอกับกับสกุลซ่งของตนเอง พวกนางรักกันมาได้เกือบปีแล้วและเมื่อไม่นานมานี้เกาหย่งอี้ก็เปรยกับนางเรื่องแต่งงานแล้วด้วย

    “ข้าจะแต่งให้กับเกาหย่งอี้เพียงผู้เดียว” ซ่งจินเหลียงได้ฟังก็สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่พอใจ

    “แล้วเจ้าจะให้บิดาของเจ้าปฏิเสธเจ้าเมืองหลี่อย่างนั้นหรือ” ร่างบางปรายตามองสิ่งของจากแม่สื่อที่มาพร้อมเทียบทาบทาม ก่อนจะหยิบมาอ่านอย่างครุ่นคิดเพียงไม่นานริมฝีปากบางก็ยกยิ้มออกมา

    “ในเทียบนี้ไม่ได้บอกนี่คะว่าเจ้าเมืองหลี่ทาบทามบุตรสาวคนใดของท่านพ่อ”

    “ตะ แต่...พ่อมีเจ้าคนเดียวนี่” ซ่งจินเหลียงบอก เขามีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละหนึ่งคนเท่านั้น ถึงในจดหมายไม่ได้ระบุชื่อของเจ้าสาว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนเป็นนางทั้งสิ้น

    “แล้วหากท่านพ่อมีน้องสาวให้ข้าอีกสักคนเล่า” นางเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์

    “เจ้าว่าอะไรนะ” ซ่งจินเหลียงตกใจ

    “ท่านพ่อก็หาสตรีสักคนรับนางเป็นน้องสาวบุญธรรมของข้า และส่งนางไปแต่งงานกับเจ้าเมืองหลี่ก็ได้นี่เจ้าคะ”

    “ขืนทำแบบนั้นแล้วสกุลหลี่ไม่พอใจเล่า”

    “หากเราหาหญิงสาวที่มีหน้าตากิริยางดงาม ข้าคิดว่าบางทีท่านเจ้าเมืองคงยินดี” ซ่งจินเหลียงหรี่ตาอย่างใช้ความคิด แต่ไหนแต่ไรมาเขาตามใจลูกสาวจนเสียนิสัย ไม่สามารถบังคับนางได้แม้แต่อย่างเดียว อีกทั้งข้อเสนอที่ลูกสาวกล่าวมายังน่าสนใจมากเสียด้วย ด้วยเวลากระชั้นชิดเพียงนี้ซ่งจินเหลียงไม่สามารถเฟ้นหาหญิงสาวแบบที่ต้องการได้จากที่อื่นเลย เขาคิดออกเพียงสถานที่เดียวเท่านั้นนั่นคือ หอคณิกา

     

    “เชิญนายท่านนั่งรอที่ห้องนี้สักครู่ ข้าจะรีบไปตามเถ้าแก่เนี้ยให้เจ้าค่ะ”ยามเมื่อประตูปิดลงซ่งจินเหลียงก็ลอบถอนหายใจ เขาไม่เคยย่างกรายเข้ามายังสถานที่อย่างหอโคมเขียวนี้มาก่อน เมื่อแต่งภรรยาเขานั้นยิ่งรักและเคารพนางจนไม่กล้ามายังสถานที่แห่งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยากได้หญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสะสวย กิริยามารยาทอ่อนหวานอีกทั้งยังพอรู้หนังสือและศิลปะการดนตรีอยู่บ้างไปเป็นบุตรบุญธรรมแต่งกับสกุลหลี่ละก็ เขาก็คงไม่ได้มีโอกาสเข้ามายังหอคณิกานี้เป็นแน่ 

    “นายท่าน วันนี้มีอะไรให้เจียวเจียวรับใช้หรือเจ้าคะ” เสียงหวานเต็มไปด้วยจริตจะก้านของเถ้าแก่เนี้ยสาวในชุดฮั่นฝูสีแดงสดใสปักลวดลายสวยงามเอ่ยทักทันทีที่ก้าวเข้ามา

    “ข้ารู้มาว่าที่หอนางโลมของเจ้ามีคณิกามากความสามารถอยู่หลายคน พอจะมีหญิงสาวแรกรุ่นหน้าตาสวยงามที่ได้รับการอบรมอย่างดีหรือไม่”

    “ท่านมาถูกที่แล้วล่ะเจ้าค่ะ หอบุปผาของข้าเป็นหอนางโลมที่มีชื่อเสียงในลั่วหยางมีคณิกาขายเรือนร่างและศิลปะ ข้าล้วนอบรมพวกนางมาอย่างดีทั้งสิ้น นายท่านชื่นชอบแบบใดเล่าข้าจะได้จัดหาให้”

    “ข้าอยากฟังเพลงสักหน่อย”

    “นายท่านรอข้าประเดี๋ยวเดียวนะเจ้าคะ” เพียงไม่นานนักเถ้าแก่เนี้ยนามว่าเจียวเจียวก็กลับมา ข้างกายมีหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ดวงหน้าใสกระจ่างผิวขาวดุจหิมะ ท่าทางอ่อนหวานในชุดฮั่นฝูสีเขียวอ่อนสบายตาเข้ากับบุคลิกของนางเป็นอันมาก

    “นี่คือเหลยเหลยเจ้าค่ะ นางอยู่กับข้ามาหลายปีตั้งแต่อายุไม่กี่ฤดูหนาวเท่านั้น ข้าเฝ้าอบรมนางอย่างดีราวกับนางเป็นบุตรสาวของข้า กิริยางดงามทั้งนางยังเชี่ยวชาญการดีดฉินเป็นที่สุดเจ้าค่ะ” เจียวเจียวรุนหลังจ้าวเหลยเหลยให้นายท่านตรงหน้าได้ชื่นชม

                ถึงนางจะมีอาชีพที่ไม่ค่อยขาวสะอาดนักแต่นางก็รักและเอ็นดูจ้าวเหลยเหลยเป็นพิเศษราวกับเป็นบุตรีของตน จำได้ว่าปีนั้นบิดาของเหลยเหลยจูงนางเข้ามาทั้งคู่เนื้อตัวมอมแมมผมเผ้ายุ่งเหยิง กลิ่นสุราคละคลุ้งจากร่างของบุรุษผู้นั้น เขาบอกว่าต้องการขายบุตรสาวของตนแลกกับเงินไม่กี่ตำลึง ยามนั้นกิจการของเจียวเจียวเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นานแต่ก็พอมีกำไรอยู่มาก อีกทั้งยามสบตากับเด็กหญิงหน้าตากระดำกระด่างแล้วนางเกิดถูกชะตาจนรู้สึกเมตตาสงสารจับใจ
    นัยน์ตาเฉี่ยวของเด็กหญิงฉายแววสิ้นหวัง ท้ายที่สุดเจียวเจียวก็ตกลงทำการซื้อขายกับบิดาของเหลยเหลยแถมยังให้เงินไปมากกว่าที่เขาร้องขออีกจำนวนหนึ่ง

    “นายท่าน” จ้าวเหลยเหลยยอบกายทักทาย ดวงตาคมกริบประดุจเหยี่ยวของซ่งจินเหลียงสังเกตท่าทางของนางอย่างพึงพอใจ เขาพยักหน้าให้นางเริ่มทำการแสดง สตรีตรงหน้ายอบกายลงอีกครั้งก่อนนั่งประจำที่
    บนตั่งไม้ตัวใหญ่ภายในห้อง เจียวเจียวเห็นดังนั้นจึงขอตัวไปดูแลงานอื่นในหอบุปผาเปิดโอกาสให้ซ่งจินเหลียงเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีต่อไป

                เสียงฉินของนางเพราะจับใจตามที่เถ้าแก่เนี้ยว่าไว้จริงๆ ดวงหน้าใสกระจ่างดุจหยกแย้มยิ้มเล็กน้อยยามเล่นดนตรี ส่งผลให้ใบหน้านั้นงดงามขึ้นอีกหลายส่วน ดวงตาของนางสุกสกาวแจ่มใสมีแววเฉลียวฉลาด ซ่งจินเหลียงพอใจในตัวนางอยู่หลายส่วน

     

                เมื่อจบการแสดงซ่งจินเหลียงก็เชิญชวนให้เหลยเหลยมานั่งจิบชาสนทนากันเพื่อทดสอบความรู้ เขาพบว่านางพอรู้หนังสืออยู่บ้างเถ้าแก่เนี้ยเลี้ยงดูนางมาอย่างดีตามที่อ้างไว้จริงๆ

    “เจ้าอยู่ที่นี่อึดอัดหรือไม่ คิดถึงชีวิตที่เป็นอิสระหรือครอบครัวที่จากมาหรือไม่” นายท่านสกุลซ่งถามขึ้น

    คำถามนี้ส่งผลให้ดวงตาเฉี่ยวของนางเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยริมฝีปากบางรูปกระจับอ้าแล้วก็หุบลงอย่างตกใจ แต่ไหนแต่ไรมาเหลยเหลยไม่เคยคิดถึงการไถ่ถอนตัวเองมาก่อน ถึงนางจะมีครอบครัวให้คิดถึงแต่ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ถูกขายมาก็ขาดการติดต่อถามไถ่สุขทุกข์กัน ถ้านางกลับไปที่นั่นไม่แน่ว่าอาจไม่พบพวกเขาแล้วก็เป็นได้ ถ้าพบ...บิดาอาจนำนางมาขายอีกครั้ง หรือนายท่านจะรับนางเป็นอนุกันนะ

    “ข้าอยากไถ่ตัวเจ้าสักหน่อยแต่ข้าไม่ได้จะแต่งเจ้าเป็นอนุหรอกนะ เจ้าสบายใจได้ เมื่อไม่นานนี้ลูกสาวของข้าได้รับเทียบสู่ขอแต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยืนกรานที่จะไม่แต่งงานทำให้ข้าจนปัญญา จึงคิดหาหนทางออกมาได้ทางหนึ่ง นั่นก็คือรับบุตรบุญธรรมสักคนแล้วให้นางแต่งออกไปแทน” ซ่งจินเหลียงอธิบายยาวเหยียด เหลยเหลยนิ่งฟังนายท่านต้องการให้นางไปแต่งงานแทนสินะ

    “เจ้าวางใจเถิดตระกูลที่เจ้าจะได้แต่งเข้าไปนั้นไม่ได้เลวร้ายอะไร ถึงอย่างไรเจ้าก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรบุญธรรมของข้าซ่งจินเหลียงข้าไม่มีวันให้ลูกบุญธรรมของข้าแต่งกับสกุลไม่ดีหรอก” เขาให้คำมั่น แท้จริงแล้วสกุลหลี่ของท่านเจ้าเมืองนั้นดีเกินไปสำหรับฐานะนางโลมแบบนางเสียด้วยซ้ำไป

                เหลยเหลยเม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อยอย่างใช้ความคิดสิ่งที่ได้ฟังนั้นไม่ได้แย่ การเป็นคณิกาในหอบุปผาแห่งนี้ช้าเร็วก็ต้องโรยราเสื่อมโทรมไปตามสังขารกาลเวลา ไม่เว้นแม้แต่คณิกาขายศิลปะอย่างนางก็มีวัฏจักรเช่นเดียวกัน ไม่มีบุรุษคนใดอยากหาความสำราญกับสตรีสูงวัยหรอก เมื่อถึงตอนนั้นถึงนางอยากประกอบอาชีพอย่างอื่นก็ไม่แน่ว่าจะมีปัญญาแล้ว แต่เมื่อคิดถึงเถ้าแก่เนี้ยนางก็เกิดความลำบากใจขึ้นมาหลายส่วน หลายปีมานี้นางได้เถ้าแก่เนี้ย อบรมเลี้ยงดูฟูมฟักด้วยความรักความเมตตา นางจากบ้านเกิดมาตั้งแต่ยังเยาว์ความทรงจำเกี่ยวกับบิดามารดารวมถึงพี่น้องช่างเลือนราง มีเพียงความอบอุ่นอ่อนโยนจากเถ้าแก่เนี้ยเท่านั้นที่อุ่นซ่านในหัวใจของนาง แล้วนางจะตัดใจไปจากที่นี่ได้อย่างไร

    “นายท่าน ข้าขอเวลาตัดสินใจได้หรือไม่”

    “ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันข้าจะมาเอาคำตอบ” ซ่งจินเหลียงทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากห้องไป


    สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน ดาวเหนือนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของนามปากกานี้ค่ะ แถมยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายความสามารถของเรามากค่ะเพราะโดดมาลองเขียนจีนโบราณครั้งแรก เป็นอะไรที่ไม่เคยอยู่ในแพลนมาก่อน ไม่ใช่แนวที่ถนัดเลย ภาษามันอาจจะตะกุกตะกักไปบ้าง ต้องขออภัยนักอ่านทุกคนด้วยจ้า

    แรกเริ่มคิดเอาไว้ว่าจะเป็นนิยายสั้น ไม่เกิน15ตอน แต่ตอนนี้เขียนไปได้ประมาณนึงแล้วแต่มีรู้สึกว่าตอนมันต้องงอกแน่ ???? มาลุ้นกันว่าจะไปจบที่กี่ตอน

     

     

    ฝากนักอ่านทุกท่านเปิดใจ ท่องโลกจินตนาการไปกับดาวเหนือนะคะ ⭐

    ที่สำคัญฝากกดใจ กดเข้าชั้น กดติดตามเป็นกำลังใจให้ดาวเหนือกันด้วยนะคะ 

    ขอบคุณมากค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×