ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ํYour first kiss จูบแรกของนายฉันขอนะ2

    ลำดับตอนที่ #14 : มิตรภาพ กับ ความรัก...100% ครบๆๆมาเม้นหน่อยน๊า

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 55


       
    นา่รักอ่ะ
    (เวิ่นเบาๆ)
    ...อิอิ...
    ตอนนี้เปิดเพลงฟังไปด้วยก็ดีนะเออ...



    Kacha Say:

     

     

    วันนี้เป็นวันหยุดปกติ ธรรมดาๆวันนึงสำหรับคนทั่วไป...

     

    จักรยานสีฟ้าครามคันโปรดถูกขับเคลื่อนด้วยแรงของตัวเอง ผ่านไปตามทางที่คุ้นเคย

     

    หลายวันมานี้ผมกับพี่เต๋าแทบจะไม่ได้เจอกันเลย....

     

    ไม่ซิ!...

     

    แม้แต่เสียงยังไม่ได้ยินด้วยซ้ำ...โทรไปก็ไม่ยอมรับ ไปหาที่บ้านก็ไม่อยู่

    นี่พี่เต๋าจะหลบหน้ากันไปถึงไหน...โกรธกันถึงขนาดนั้นจริงๆใช่ไหม

     

    แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก ผมต้องไปเคลียร์กับพี่เต๋าให้รู้เรื่อง ถึงแม้ว่าผมจะไปรอที่หน้าบ้านพี่เต๋าทุกวันแล้วก็เถอะ

     

     

    “โค้กกกก!!!” เสียงร้อยสิบแปดหลอดดังขึ้น

     

    ผมเหลียวหลังกลับไปมอง แต่ที่จริงไม่ต้องมองก็ได้หรอกนะ เพราะชื่อนี้มีแค่คนเดียวที่เรียกผม

     

    “มีอะไร” ผมตะโกนตอบไปทั้งที่ยังปั่นจักรยานอยู่ นัทจึงเร่งความเร็วรีบปั่นตามมาให้ทันผม

     

    “โค้ก!ระวัง!!!!....” ระวัง? ผมรีบหันกลับไปมองทาง แต่...

     

    โคร่มมม!!!

     

    ตุ้บ....

     

    ความปวดแปร๊บแล่นไปทั่วร่างกาย  แผลถลอกถูกแต่งแต้มเต็มแขนขาไปหมด

     

    “เป็นไรไหม” นัทรีบวิ่งเข้ามาดูผมที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นอย่างร้อนรน เขาพยุงผมลุกขึ้น

     

    “โอ๊ย!!!” เหมือนมีค้อนหนักๆมาทุบอยู่ที่หัว ปวดไปหมดเลย...

     

    มือเล็กยกขึ้นกุมที่ศีรษะ สัมผัสบางๆได้ถึงของเหลวที่มีกลิ่นคาว

     

    “เลือด...” นัทอุทานขึ้น ผมจึงค่อยๆลดมือลงมาดูให้หายสงสัย

     

    “โค้กไปหาหมอนะ เดียวนัทพาไป” ไม่พูดพล่ามทำเพลง นัทก็ฉุดมือผมไปที่จักรยาน

    แต่ขาผมไม่มีแรงเลยทำให้ล้ม

     

    “ไม่เป็นไร แค่จักรยานล้มเอง” ฝืนยิ้มไปทั้งๆยังปวดหัวอยู่ แต่มีสิ่งนึงที่ผมไม่ได้บอก ว่าก่อนจักรยานผมจะล้มเนี้ย ผมชนต้นไม้ก่อน

     

    “หัวแตกเนี้ยนะไม่เป็นไร ไปโรง.บาลเดี๋ยวนี้” นัทอุ้มผมขึ้นอย่างบังคับ  ก่อนจะรีบปั่นจักรยานไปที่โรงพยาบาล

     

     

    โรงพยาบาล @ love...

     

     

    ร่างกายของผมโดนห่อหุ้มด้วยผ้าก็อตพันแผลสีขาว ทั้งที่ขาที่แขน แล้วก็ที่หัวทรงเห็ดนี่ อย่างกับมัมมี่

    “ซุ่มซ่ามเหมือนเดิมเลยนะเรา ไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ” นัทพูดพลางลูบหัวผมไปมา

     

    “พูดเหมือนเคยรู้จักเรามาก่อนเลยงั้นแหละ” นัทหน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา

     

    “ไม่หรอก...”

     

     

    ...............................30%..............................

     



    ต่อเจ้าค่ะ...

     

     

    Tao Say: (ย้อนเวลา)

     

    ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง หรี่ตามองไปรอบๆเพื่อปรับสภาพสายตา

     ว่าจะไม่ดื่มแล้วเชียว...สุดท้ายก็น็อกจนได้

     

    ว่าแต่ว่าที่นี่ไม่คุ้นเลยแฮะ? ไม่เหมือนห้องผมเลย

     

    “ฮึก..ฮึก” เสียงสะอื้นดังเข้ามากระทบโสตประสาทของผม ความสงสัยทำให้ผมค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง

     

    “เฮ้ย!” คำสบถหลุดออกมา สภาพผมในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับชีเปลือยซักนิด

     

    เสื้อผ้าผมไปหนายยยยย... ถึงจะไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่ แต่ผมไม่เคยแก้ผ้านอนนะเออ

     

    “ฮึก...ฮือ” เสียงร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่สนแล้วว่ะ เต๋าดักแด้(จากสภาพผ้าห่มพันกาย)รีบก้าวตามเสียงทันที แล้วมาหยุดอยู่หลังประตู บานที่คิดว่าเสียงดังออกมา

     

    ผมค่อยๆเลื่อนมือไปเปิดประตูออกทีละนิด

     

    เฟรม(?)

     

    “เต๋า...ฮึก...” เฟรมที่นั่งอยู่ด้านในรีบปาดน้ำตาออกพลางมองหน้าผม

     

    “ร้องไห้ทำไม” นี่คือคำถามที่ดีที่สุดเท่าที่ผมคิดได้ในตอนนี้

     

    “นี่เต๋าจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ...ฮึก...ใช่ซิเต๋าเมานิ” สายาตัดพ้อถูกถ่ายทอดมาให้

     

    ผมทำอะไร(?)

     

    มือทั้งสองข้างยกขึ้นกุมขมับทันที ความมึนงงแล่นสู่สมอง ทำไมจำอะไรไม่ได้เลยวะเต๋า ยิ่งพยายามคิดเท่าไหร่ ก็เหมือนโดนลบความจำไปมากเท่านั้น

     

    “ก็เมื่อคืนเต๋า...” เฟรมหลบสายตาลงลงต่ำ ก่อนจะหันหน้าหนี  เผยให้เห็นรอยแดงจางๆบริเวณต้นคอ

     

    ร่างสูงเบิกตากว้างทันทีเมื่อพบหลักฐานนั่น  นี่เมื่อคืนเค้าทำอะไรแบบนั้นกับคนตรงหน้าจริงๆน่ะเหรอ แต่เมื่อคืนเค้าอยู่กับคชานิ...ใช่...คชา

     

    “เต๋า...ขอโทษ แต่เมื่อคืนเต๋าอยู่กับคชาไม่ใช่เหรอ” การคัดค้านของร่างสูงทำให้เฟรมชงักไปนิดหน่อย

     

    “ใช่...เต๋าพูดถึงคชาแต่คนที่โดนกระทำมันคือเฟรม ไม่ใช่คชา! เฟรมเริ่มขึ้นเสียงตวาดใส่ ทั้งโกรธและโมโห มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะคิดถึงมันอีกเหรอ

     

    “ทำไมเฟรมไม่ขัดขืน...หรือจะฟาดให้เต๋าสลบไปเลยก็ได้ มันจะได้ไม่ต้อ...”

     

    “เพราะ เฟรมรักเต๋าไง!!!” เสียงตวาดรุนแรงดังขึ้นขัดห้วงสนทนา หยดน้ำตาเม็ดใสร่วงลงมาเกาะตามพวงแก้ม เกิดแรงสะอื้นเสียงดัง ตัดกับภาพอีกคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง

     

    “แล้วเฟรมจะให้เต๋าทำยังไง” ชายหนุ่มที่เจอกับทางตันถามขึ้น ความรู้สึกผิดสาดซัดกระหน่ำเข้ามาเหมือนเกรียวคลื่น

     

     

    ผิดที่เผลอตัว แต่ไม่เคยเผลอใจ

     

    “เลิกกับคชาภายในหนึ่งอาทิตย์ แล้วมีเฟรมแค่คนเดียว ได้ไหมเต๋า” คำขอร้องของเฟรมทำให้ผมลำบากใจ เหมือนกับคนที่กำลังเจอทางแยกสองทาง

     

    คือทางแยกระหว่างความรับผิดชอบ...

     

    และ

     

    ความเห็นแก่ตัว...

     

     

    .................................................

     

     

    Kacha Say:

     

    แววตาเหม่อลอยของผมทอดไปตามทางที่จักรยานเคลื่อนผ่าน

     

    “เฮ้อ!” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ เพื่อระบายความเศร้าใจ แต่มันก็ยังคงไม่ได้สามารถระบายออกมาได้หมดอยู่ดี

     

    “เกาะดีๆซิ เดี๋ยวก็ตกหรอก” นัทเลื่อนมือของผมไปกุมที่หน้าท้องของเขาไว้หลวมๆ เพื่อบอกให้ผมกอดให้แน่นๆ

     

    “โตแล้ว ไม่ตกหรอก” ผมเถียงออกไป

     

    “อ้าว!นี่โตแล้วเหรอ เห็นวันก่อนยังปั่นจักรยานชนต้นไม้อยู่เลย” นัทย้อนกลับมา เอาซะผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว แต่มีเหรอที่คชาจะยอมเสียเปรียบ

     

    “ไม่ต้องมาพูดเลย ก็เพราะใครล่ะที่ทำให้ชาเป็นแบบนั้น” ผมใช้น้ำเสียงน้อยใจเอ่ยออกไป พร้อมหมุ่ยหน้า แกล้งงอน      ...

     

    “โทษกันได้ไงเนี้ย แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเลี้ยงขนมปลอบใจเองนะเด็กน้อย” ผมบิดหน้าท้องของนัทเบาๆ หมั่นไส้โว้ยยยย... มาหาว่าเราเด็กน้อย เดี๋ยวเถอะ...จะโดนไม่ใช่น้อย

     

    “เจ็บน๊า...” นัทดัดเสียงเล็กลงเหมือนเด็ก เรียกเสียงหัวเราะของผมออกมา ซึ่งมันทำให้ผมหายเศร้าได้ชั่วขณะเลยทีเดียว

     

    “นั่นไง หัวเราะแล้ว” นัทบอก นี่คงตั้งใจทำให้ผมเลิกฟุ้งซ่านตั้งแต่แรกแล้วซินะ

     

    “ขอบคุณนะ” ผมกล่าวออกไปให้คนที่ปั่นจักรยานอยู่

     

    “อืม...ไม่เป็นไร” นัทหันมายิ้มน้อยๆให้ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานต่อ

     

     

    ...............................70%.............................

     

     

     

     

     

     

    (พักเที่ยง)

     

    “ชาต้นมีเรื่องจะคุยด้วย” ผมกับนัทพากันมาที่โต๊ะกลุ่ม แต่ทันทีที่มาถึงต้นมันก็ลากผมออกจากโรงอาหารทันที

     

    “มีอะไร” พอมันลากผมมาหยุดอยู่มุมบันไดอันอับสายตาผู้คน  ผมจึงถามขึ้น

     

    “ชา...รู้รึเปล่าว่าเมื่อเช้าพี่เต๋ามากับใคร” ต้นถามสีหน้าจริงจัง เออ...ได้ข่าวว่าผมถามมันก่อนใช่ไหม?

     

    “ชาจะไปรู้ได้ยังไง แค่หน้า พี่เต๋าเค้า...ยังไม่อยากมองชาเลย” น้ำเสียงของผมดูเศร้าลงเมื่อพูดถึงประโยคนี้

     

    “เมื่อเช้าพี่เต๋ามากับพี่เฟรม ต้นอยากให้ชาไปเคลียร์กับพี่เต๋า” มากับพี่เฟรม        ?

    เกิดคำถามต่างๆมากมายผุดเข้ามาในสมอง

     

    ผมต้องไม่หวั่นไหว...

     

    “แกรู้ได้ยังไง” ผมถาม เพราะ บางทีต้นมันอาจจะเอาข่าวมั่วๆมาจากคนอื่นก็ได้

     

    “เมื่อเช้าฉันเห็นมากับตา” ต้นพูดพลางสบตาผม เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้โกหก

     

    “แต่บ้านเค้าไปคนละทางนะ เป็นไปไม่ได้หรอก” คำเถียงข้างๆคูๆหลุดออกมา ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อ แต่ความจริง...ผมแค่ไม่อยากยอมรับความจริงต่างหาก

     

    “ต้นอาจจะตาฝาดก็ได้” ผมต้องเชื่อใจคนที่ผมรักใช่ไหม แม้ว่าต้นมันจะเป็นเพื่อน ไม่มีวันโกหกผมก็ตาม

     

    “ถ้าตาฝาดก็ดีซิชา...จะได้ไม่ต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนแกแบบนี้” ต้นเริ่มขึ้นเสียง เพราะรู้ว่าผมต้องไม่เชื่อมัน แต่ก็เป็นอย่างที่มันคิดนั่นแหละ ผมมันยังเหมือนเด็กดื้อด้าน ที่ไม่ยอมรับอะไรซักอย่างเลยจริง

     

    “ถ้ามันทำให้แกเดือดร้อนแกก็ไม่ต้องมายุ่งซิ” ผมตวาด ในใจก็เริ่มโกรธ มันชักจะยุ่งเรื่องของผมมากเกินไปแล้ว

     

    “นี่ชา!ฉันหวังดีกับแกนะ ทำไมต้องว่าฉันยุ่งด้วย” ต้นตวาดกลับ ทำให้ในใจที่เดือดอยู่แล้วของผมยิ่งปะทุเข้าไปใหญ่

     

    “แกเลิกวุ่นวายกับความรักของฉันได้แล้ว!!! แกจะเห็นพี่เต๋าควงใคร จูบกับใคร  แกก็ไม่ต้องมาบอกฉัน ฉันโตแล้ว...ฉันเลือกที่จะเชื่อความรู้สึกของตัวเองได้  เพราะฉนั้นอย่ามาทำให้ฉันกับพี่เต๋าแตกกัน!!!” ผมระเบิดออกมาจนหมด ไม่ไหวแล้วโว๊ย!!!!

     

    สายตาสั่นระริกมองมาทางผม ริมฝีปากเม้มหากันแน่น ผมมองไปด้วยสายตาไม่ต่างกัน ผมรู้ว่ายังไงต้นมันต้องโกรธผม แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ...ในเมื่อความรักมันกำลังบังตาอยู่

     

    “ได้...ฉันจะไม่ยุ่ง ไม่วุ่นวายกับแกอีก...” หยาดน้ำตาใสไหลหยดลงบนแก้มของต้น ผมก็ไม่ต่างอะไร ขอบตาร้อนผ่าวส่งกระแสน้ำสายใหญ่ลงมา ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ทำไมแค่คำว่าขอโทษยังพูดไม่ได้

     

    “ขะ...ขอ...” ต้นหันหลังกลับ ไม่ยอมฟังที่ผมพูดแถมยังแทรกขึ้นมาดื้อๆ

     

    “แกรู้ไว้นะชา...ไม่ว่าฉันจะยุ่งเรื่องของแกมากแค่ไหน...แต่ทุกอย่างฉันทำไปเพื่อแก” แผ่นหลังนั่น ก้าวออกห่างผมไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดทวีขึ้นเรื่อยๆ...

     

    จริงซิ...

     

    ผมต้องเคลียร์กับพี่เต๋า....

     

     

    ..............................100%............................

    ครบแล้วนะค่ะ

    ช่วงนี้เม้นกันน้อยจังเลย...T^T

    บางทีภาษามันแปลกไป ขอโทษด้วยนะค่ะ...

    ไรท์จะมาม่าแล้วค่ะ แต่ปั่นไม่ค่อยออก มันตันๆ

    ยังไงก็ฝากเม้น และ ติดตามตอนหน้าด้วยนะค่ะ

    ................................

    ตัวอย่างตอนต่อไป

    “คชาต้องเชื่อใจพี่นะ”

    “แล้วนานเท่าไหร่กว่าจะเชื่อสนิทใจ”

    “ยังไงซะชาก็เป็นที่หนึ่งในใจพี่เสมอ”

    “ไม่...............คชาไม่อยากเป็นที่หนึ่ง”

     

     

     

     

     

    Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×