ตอนที่ 4 : POSES l 02
POSES l 02
[ position : tinn ]
หลังจากถูกแสงแฟรชสาดใส่เนื้อใส่ตัวมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงผมก็ได้พักสักที พอมองนาฬิกาในห้องรับรองเข็มสั้นใกล้ชี้เลขสอง
จะตีสองแล้วแต่ผมยังไม่ได้นอนเลย
เป็นอะไรที่แย่จริงๆ
ก๊อกๆ
“น้องติณคะ ถ้าใช้ห้องเสร็จแล้วเปิดประตูค้างไว้เลยนะคะ”
หนึ่งในพี่สตาฟฟ์ตะโกนเข้ามาทางหน้าประตูเรียกให้ผมที่กำลังหย่อนตัวลงอ่างต้องขานตอบกลับไป
“ครับบบ”
เฮ้อ ค่อยสบายตัวหน่อย ความจริงผมก็ไม่ได้ชอบทำอะไรพวกนี้หรอก แต่เพราะพี่สาวสุดที่รักขอร้องมาทั้งทีแถมยังมีข้อแลกเปลี่ยนงามๆมาให้อีกจะปฎิเสธก็โง่เกินไปแล้ว ตอนนั้นผมกำลังกังวลเรื่องป๊าอยู่พอดีว่าจะบอกท่านเรื่องย้ายคอนโดยังไงให้น่าเชื่อถือ ความจริงจะบอกเหตุผลตรงๆมันก็ได้ แต่มีหวังผมคงตายคาตีนป๊าตัวเองแน่ๆ
…เหตุผลที่ว่า มันอยู่ใกล้ที่เที่ยวครับป๊า
ชีวิตเห็นทีจะไม่รอดหรอกครับ เพราะงั้นมีเจ้มาช่วยอีกแรงถือว่ายกภูเขาออกจากอก
จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน ได้มาเดินแบบ ได้เจอใครบางคน…
ได้ยินพวกพี่ๆเขาพูดกันว่าชื่อ ภัทร ถ้าได้เป็นเพื่อนกันคงดีไม่น้อย ไม่รู้สินะ เขาดูเหมือนผมยังไงไม่รู้ เวลาผมมองเขาภายนอกมันเหมือนตอนมองตัวเองในกระจกพิลึก
แต่ถ้าถามว่าน่ารักไหม สวยไหม
ขีดฆ่าคำข้างบนทิ้งได้เลย หน้าแม่งหล่อเข้มพอๆกับผมเลยละครับ
เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องจีบไปได้เลย ไม่งั้นคงเหมือนกินพวกเดียวกันเอง
$ Cause I'm only a crack in this castle of glass. Hardly anything there for you to see. For you to see $ *Castle of glass – linkin park
ผมหลุดจากภวังค์เมื่อมีเสียงริงโทนใหม่ที่ตั้งไว้บนโทรศัพท์ดังขึ้นนอกห้องน้ำ บอกตามตรงผมโคตรไม่อยากลุกออกจากอ่าง แต่มันก็ยังดังต่อไปไม่เลิก คนที่ชอบโทรจิกผมแบบนี้มีเพียงคนเดียว ... เจ้แตมป์
ซู่!
ผมตัดใจลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หยิบผ้าขนหนูของโรงแรมมาซับตัวพอให้น้ำไม่หยดลงพื้นแล้วพันรอบเอวไว้ลวกๆ ก่อนจะรีบเดินออกมากดรับไอโฟนสีดำไร้กรอบของตัวเองทันที
“ว่่าไงเจ้”
[กว่าจะรับได้นะย่ะ คือเจ้จะถามว่าเราขับเบ็นซ์มาใช่เปล่า]
“ใช่ ทำไมเหรอ”
ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆ
[เจ้จะขอยืมรถหน่อยนะ พอดีเจ้มีงานด่วนต้องรีบไป]
นั่นไง ลางร้ายซะด้วย
“ตีสองเนี่ยนะ เจ้ก็นั่งแท็กซี่ไปดิ”
[จะบ้าเหรอย่ะ! เจ้เป็นผู้หญิงนะ นั่งแท็กซี่ดึกๆได้ซะที่ไหนเล่า]
“แต่ผมไม่ชอบนั่งแท็กซี่ เจ้ก็รู้”
เพราะผมเป็นพวกบอกทางใครไม่เก่งนอกจากจะขับเอง ใช้สัญชาตญาณในการขับทำนองนั้น
[เออน่่า ครั้งเดียวเอง ไม่งั้นติณก็เดินกลับสิ คอนโดใหม่อยู่แถวนี้ไม่ใช่เหรอ]
“ไม่ ยังไงก็ไม่”
[น่าาาา นะติณน้า อย่าโกรธเจ้เลย เจ้อุตส่าห์ขอแล้วนะ ให้เจ้เหอะ]
ผมค้านเสียงแข็งพลางกวาดสายตาไปหาชุดตัวเองที่พับอยู่เรียบร้อย ผมแนบไอโฟนไว้ที่หู ก่อนจะล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกง…
…ไม่มี ไม่เจอกุญแจรถ
“เจ้แตมป์เอากุญแจรถผมไปแล้วใช่ไหม”
ถึงผมจะไม่ใช่คนเดือดง่ายแต่ถ้าเป็นเรื่องรถผมไม่ยอมจริงๆ เจ้จะวุ่นวายมากเกินไปแล้ว
[แหะๆ ก็แบบว่าเจ้ต้องรีบไปมากๆเลยนี่ น่าา อย่าโกรธเจ้เลยนะจ๊ะน้องรัก]
“…เฮ้อ” สุดท้ายผมก็ต้องถอนหายใจทิ้งอย่างสิ้นหวัง โมโหไปกุญแจแม่งก็ไม่กลับมาหรอก
“เจ้จำไว้เลยนะ”
[อย่าพูดแบบนั้—]
ติ๊ด!
ผมทิ้งท้ายไว้เป็นคำขู่แกมหมั่นไส้ก่อนจะตัดสายทิ้ง ถ้าต้องได้ยินเสียงแหลมๆของเจ้อีก มีหวังผมได้กลับมาอารมณ์เสียแน่
“ต้องเดินกลับจริงๆใช่ไหมวะ แม่ง”
ถึงจะบ่นไปก็ไม่มีไรดีขึ้นสักนิด ผมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ไม่ลืมเปิดประตูทิ้งไว้ตามที่พี่สตาฟฟ์สั่ง แล้วเดินเลาะไปตามทางฟุตบาทเรื่อยๆ
หนาวฉิบหายเลยครับ
ฟ้าก็มืด ลมเสือกแรงอีก
แป้นๆ
คลืนน
ผมชะงักฝีเท้าก่อนหันมองไปด้านข้าง เบนซ์สปอร์ตรุ่นเดียวกับผมแต่เป็นสีขาวมุกค่อยๆชะลอความเร็วลงแล้วจอดริมถนนตรงจุดที่ผมยืนอยู่พอดี
ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เมื่อกระจกฟิล์มทึบฝั่งคนขับเลื่อนลงช้าๆเผยให้เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน ตาคมสีเทาเข้มกับใบหน้าที่ไม่ค่อยบึ้งตึงหน่อยๆ พึ่งบ่นถึงเมื่อกี้ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก
…ภัทร
“ติณ?”
ผมเข้ามาใกล้เพื่อจะได้พูดกับอีกฝ่ายได้ถนัดพลางก้มหน้าลงให้อยู่ระดับกระจกรถ
“อืม ภัทรใช่ไหม?”
ก็ถามไปงั้นทั้งๆที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว คนในรถพยักหน้ากลับมา
“จะไปไหน?”
“คอนโดแถวSS”
ภัทรนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะชี้มือไปที่นั่งข้างๆ
“ทางเดียวกัน ขึ้นมาสิ ไปส่ง”
คราวนี้เป็นผมที่ทำหน้าลังเลอยู่ครู่นึงก่อนจะตกลงพยักหน้ารับไป เพราะถ้าต้องเดินเองคงอีกนานกว่าจะถึง
“ขอบใจ”
ผมเดินอ้อมไปเปิดประตูแล้วนั่งลงฝั่งข้างคนขับก่อนปิดประตูตามหลัง
“นายอายุเท่าไร จะได้เรียกถูก”
ทันทีที่ผมปรับเบาะให้เข้าที่ ภัทรก็เอื้อมตัวมาดึงสาย safety belt จัดการคาดให้เรียบร้อย กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาทำให้ผมเผลอนิ่งไปชั่วอึดใจ ภัทรกลับไปเหยียบคันเร่งออกรถทันทีด้วยความเร็วไม่น้อยแต่ก็โอเคเพราะปกติผมก็ขับรถเร็วพอกันพร้อมยิงคำถามแบบไม่ได้ตั้งตัว ทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนข้างๆผม…
ใจร้อนฉิบหาย
“ยี่สิบ แล้วนายล่ะ”
“เท่ากัน” คนอาสาเป็นสารถีจำเป็นให้ผมเสริมขึ้น “งั้นกูใช้กูมึงกับมึงละกัน”
พูดมาขนาดนี้…มึงไม่ต้องถามความเห็นกูแล้วละครับ
“ตามสบายมึงเถอะ”
“ฮึ”
ผมได้ยินคนข้างๆหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ทักอะไรเพราะผมก็หันหน้ามองหน้าต่างแล้วยิ้มออกมาเหมือนกัน
สรุปแล้ว ตลอดบทสนทนาตั้งแต่ขึ้นรถมา ทั้งผมทั้งมัน(เปลี่ยนสรรพนามทันที)ไม่มองหน้ากันเวลาคุยกันเลย
ไม่ได้เขิน ขอร้อง ความคิดนั้นแม่งไม่อยู่ในหัวพวกเราแน่ๆครับ
ภัทรขับรถต้องมองถนน ส่วนผมจะให้มองมันฝ่ายเดียวก็คงเหมือนคนบ้า มองฟ้าฝนข้างนอกมันน่าจะดูดีกว่า
“มึงอยู่คอนโดอะไร”
ผมขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งก่อนจะหันไปมองถนนด้านหน้าแทน
“คอนโดสูงๆเปิดไฟเปลื้องพลังงานสุดฝั่งซ้ายมือนั่นแหละ”
ภัทรมองตามมือที่ผมชี้ ก่อนจะหันกลับมาหาผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“มึงอยู่ชาราเมาว์เหรอวะ”
คราวนี้ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “มึงอ่านป้ายเอาหรือรู้อยู่แล้ว”
“เปล่า” มันว่าพลางเลี้ยวรถเข้าคอนโดอย่างชำนาญ และขับผ่านป้อมยามหนาแน่นมาได้แบบสบายๆ
“กูก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน”
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
“บังเอิญดี”
“คงงั้น”
ผมมองมันขับรถเข้าไปในลิฟท์สำหรับยกรถขึ้น คอนโดนี่มันก็มีดีกว่าที่อื่นก็ตรงนี้ ไม่ต้องขับวนขึ้นไปให้เมื่อย มีลิฟท์ไว้พร้อม อยู่ชั้นไหนก็แค่หยิบคีการ์ดให้โดนจุดเซ็นเซอร์ที่อยู่ในลิฟท์มันก็จะขึ้นไปชั้นเราอัตโนมัติ
“เอื้อมไปหยิบคีห์การ์ดหลังเบาะมึงให้กูที”
“แปป”
ผมเอี้ยวตัวไปหาคีห์การ์ดตามที่อีกฝ่ายบอกเลยเห็นคำที่สลักบนนั้น
“ชั้น32”
ผมพึมพำเบาๆ พร้อมตระหนักได้ว่าอยู่ชั้นเดียวกัน ผมเงยหน้ามองภัทรนิ่งๆ มันหันมาสบตาผมพอดี
“อย่าบอกนะว่ามึง…ก็อยู่ชั้นนั้น”
ผมยิ้มรับเป็นคำตอบพร้อมเอาคีห์การ์ดแบบเดียวกับมันออกมาให้ดู
“…”
มันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เปลี่ยนใจ แล้วดึงคีห์การ์ดของมันไปจากมือผมเพื่อให้โค้ดผ่านจุดเซ็นเซอร์
รถเลื่อนขึ้้นพร้อมผมที่นั่งหัวเราะแบบขำต่อโชคชะตาบ้าบอไปตลอดทาง พอเหลือบมองอีกคน มันก็ไม่ต่่างกันเท่าไรหรอก ผิดกันแค่มันท่าเยอะกว่าผม เลยอมยิ้มหน่อยๆแทนมากกว่า แต่ผมก็เสือกเห็นอยู่ดี
ติ้ง!
“32nd floor”
ทันทีที่ลิฟท์เปิดภัทรก็ขับเข้าซองแถวๆนั้น ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะมีที่จอดเยอะทำไม ในเมื่อชั้นนึงมีแค่ไม่กี่สิบห้อง ห่างกันเป็นโยด
“มึงคงไม่ได้อยู่ห้อง 3206 หรอกนะ” เพราะผมอยู่ 3207 ถ้ามันอยู่ 06 ก็ข้างกันพอดี และหากเป็นแบบนั้นจริงผมคงมีฮาหนัก
ก็เลยลองพูดติดตลกไปเล่นๆหลังจากเดินเข้ามาในตัวตึก แอร์เย็นเฉียบพร้อมกลิ่นหอมปรับอากาศเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าที่นี้มีไว้สำหรับคนมีเงินเขาอยู่กัน
ผมอาจเป็นหนึ่งในนั้น
แต่ผมไม่ชอบโอ้อวด เหม็นขี้หน้าพวกไฮโซ
เห็นแล้วอยากถีบหน้าแม่งตกท่อ
“เปล่า กูอยู่ 3217” มันส่ายหน้า “มึงอยู่ 3207 หรือ 05 รึไง” มันเลิกคิ้วขึ้น
“ทำนองนั้น” ส่วนผมยักไหล่ตอบ
พวกเราเดินทอดหน่องไปตามทางเดินปูด้วยพรมแดงพลางคุยเรื่อยเปื่อยไปจนถึงประตูหน้าห้องผม
พอผมจะหันมากล่าวขอบคุณคนข้างๆที่อุตส่าห์เดินมาส่งถึงที่ แต่ตาเจ้ากรรมดันไปเห็นป้ายเลขห้องฝั่งตรงข้ามพอดี เท่านั้นแหละ
…ผมเบิกตากว้างแล้วหัวเราะออกมาทันที ส่วนภัทรมันก็อุทานตามผมมาติดๆ
“พ่อมึง…ทำกูฮาหนักกว่าเดิมอีก”
เพราะดูเหมือนมันกำลังมองไปที่ประตูห้องผมเช่นเดียวกัน สรุปแล้วต่างฝ่ายต่างไม่ได้คิดจะมาส่งอีกฝ่ายหรอก
แค่จะเดินกลับห้องตัวเองแค่นั้นล่ะครับ
“นึกว่าจะมาส่งกูเพราะกูอุตส่าห์ขับรถมาส่งมึง”
“กูก็คิดว่ามึงจะทำความดีครบสูตรซะอีีก”
“เออๆ กูยอม”
มันเบ้ปากก่อนจะยิ้มพลางส่ายหน้านิดๆไปด้วย ผมยิ้มตามแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ภัทรหันหลังหยิบคีการ์ดขึ้นมาเสียบที่เครื่องแล้วเปิดประตูเตรียมเข้าห้อง ผมก็ทำแบบเดียวกัน
“เออ ลืมถาม”
ผมชะงักพลางหันหน้ากลับไปมองคนอยู่ห้องตรงข้ามที่เข้าห้องไปครึ่งตัวแล้ว
“ว่า?”
“มึงพึ่งย้ายมาเหรอวะ”
“ใช่ เมื่อวันก่อน” ผมพยักหน้ารับ “มันใกล้มหา'ลัยกูรวมที่เที่ยวด้วย กูอยู่เอกชนเดสยู มึงล่ะ”
มันพึมพำเบาๆ “มิน่าถึงไม่เคยเห็น…กูอยู่รัฐบาลภินยู”
“ก็ใกล้กันอีกอ่ะดิ พรุ่งนี้มึงเรียนเช้าไหม”
“เก้าโมง”
“เท่ากัน งั้นตอนเช้ากูไปส่งมึงตอบแทนที่มึงมาส่งกูวันนี้”
มันทำหน้าคิดก่อนจะตอบตกลง
“ก็ดี ไม่เปลื้องน้ำมันกู”
“ได้ งั้นเจอกัน”
“เจอกัน”
ปัง/ปัง
มันทิ้งท้าย ก่อนต่างฝ่ายต่างปิดประตู ผมยืนพิงประตูห้องพลางยิ้มออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ แม่งก็แปลกดีนะ คนสองคน ไม่รู้จักกัน อยู่ๆบทจะมารู้จักก็รู้จักกันง่ายๆแบบนี้ พูดแล้วก็ขำว่ะ ผมชักมีลางสังหรณ์ว่าพวกเราต้องได้กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันพอสมควรแน่ๆ เล่นห้องติดกันขนาดนี้
หึ เชื่อสิ มันก็คงคิดไม่ต่างจากผมหรอก
…แต่ผมไม่รู้หรอกว่า
ผมอาจสังหรณ์น้อยไปเยอะทีเดียว…
L E T ' S T A L K A F T E R P O S E S l 02
[TUEOCT23 : 175301]
ในที่สุดก็มาลงให้อ่านกันสักที อยากจะกรี้ดดังๆสักที
ทำไมเฮียติณแลดูน่าร๊ากกกกกกอ่ะ! 55555555 มีการขับรถไปส่งด้วย
อุ๊ยต๊ายย ห้องอยู่ตรงข้ามกันอีกนะเธอ ได้สบตากันบ่อยสิ เอ๊ย ไม่ใช่ ฮ่าๆ
ตอนนี้ติณแอบเคะอ่ะ ไม่ยอม ภัทรดูเมะขึ้นมาทันที อ่ะๆ ไม่ต้องกังวลค่ะรีดเดอร์ที่รัก
ตอนหน้าเจอกับการบรรยายของเฮียภัทรของเราแน่นอน รับรองเคะไม่น้อยหน้า (ว๊อท?!)
ไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องนี้ต้องแปลกแหวกแนว ไม่มีเหมือนใคร ไม่มีใคร(กล้า)เหมือน 55
มันต้องสลับกันแมนแบบนี้แหละถึงจะฟินถึงขีดสุด อ๊ายยย~ พูดเหมือนจะดูดีนะ(หรา)
แอบดีใจที่มีคนเชียร์ติณภัทรกับภัทรติณ ดีค่ะดี จะได้ลุ้นๆกันหน่อย อิอิ -.,-
ตอนนี้ดูเอื่อยเฉื่อยไปไหมน้าา ยาวแต่มีแค่น้ำยังไงไม่รู้ ไร้เนื้อ ฮืออ
จะพยายามมีเนื้อให้มากกว่านี้นะคะ ปมปัญหาหลักยังไม่ออกมาเล้ยย
ใครก็ได้ออกมาแย่งซีนเลิฟของพวกมันที! 555 ถ้าชอบก็บอกกันด้วยน่ะจ้าาา จ๊วบ <3 !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบอ่ะ สนุกๆ ><
ต้องเรียกว่าพรหมลิขิต คึคึ