ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    underwater baby.

    ลำดับตอนที่ #15 : ภารกิจในวันพิธีเปิดของสถาบัน WE - LAIN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 152
      0
      14 พ.ค. 52


    />

    ภารกิจในวันพิธีเปิดของสถาบัน WE - LAIN

               

    ตุบ!” 

    เท้าแตะลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา ร่างสูงเพียวของหญิงสาวสวย เจ้าของเรือนผมสีส้มเข้มแปลกตา ใช้นัยน์ตาคมกริบสีทองอร่ามมองไปรอบๆสถานที่ที่เธอตกลงมา พลางใช้มือเรียวข้างที่ไม่ได้ถือแผ่นคริสตัล นวดขมับให้ตัวเองไปด้วยเพื่อให้คลายจากอาการเวียนศีรษะตอนที่ตกลงมาเมื่อครู่

                เกลียดจริงๆ ไอ้การที่ร่วงลงมาแบบเนี่ย ทำเอาข้าปวดหัวได้ทุกทีสิน่า อูย~...

                ห้องพักกว้างถูกปูด้วยพรมสีแดงหรู รอบด้านจัดเป็นโซนแยกเป็นห้องต่างๆได้อย่างลงตัว ห้องที่เธอยืนอยู่หรือร่วงลงมา คือห้องโถงกลาง ทำให้สามารถสังเกตสิ่งต่างๆได้โดยรอบ และในขณะที่เรรีต้ากำลังเพลินกับการสังเกตสิ่งแวดล้อมใหม่อยู่นั้น

                ฟู!!!”

                จู่ๆตรงหน้าของหญิงสาวก็ปรากฎเปลวไฟสีแดงทองลุกโชนขึ้นกระทันหันอย่างไม่มีสาเหตุ แต่เธอกลับไม่ได้มีท่าทีตกอกตกใจอย่างที่ควรจะเป็น พริบตาเดียวเปลวเพลิงกองนั้นก็พลันมอดดับลง แทนที่ด้วยร่างสูงของชายหนุ่มรูปงาม ตาสีดำรัตติกาลจ้องหน้าผู้เป็นนายอย่างเบื่อหน่าย ปลายเท้าที่ไม่ได้แตะพื้น ทำให้รู้ได้ทันทีว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คน

                เฮ้อ! มัวแต่เสียเวลาอยู่นั่นแหละ รีบๆทำภารกิจให้เสร็จโดยเร็วเถอะเรรีส เจ้ามีเวลาอีกเยอะหลังจากนั้นนะ น้ำเสียงนิ่งๆ จากภูตหนุ่ม ทำให้หญิงสาวกลับมาจดจ่อความคิดอยู่ที่ภารกิจที่ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง อีกครั้ง

                อืม...เอางั้นก็ได้

                เจ้าของนัยน์ตาสีทองดั่งเพชรพลอยเริ่มอ่านข้อความเกี่ยวกับภารกิจที่ถูกสลักลงบนแผ่นคริสตัลใส

               

    แผ่นคริสตัลภารกิจพิธีเปิดของรีเรต้า

              เนื้อหา

              สวัสดี สาวน้อยผู้เปี่ยมด้วยพลัง อย่าคิดสงสัยว่าข้าเป็นใคร แต่จงสงสัยว่าจะตามหาข้ายังไง หึหึ เอาล่ะ ข้ามีคำใบ้ให้สามอย่างเท่านั้น ขอให้โชคดี และตามหาข้าให้พบ

              หนึ่ง ข้ามิใช่มนุษย์

              สอง ข้าเกลียดน้ำ

              สาม ความเงียบสงบที่หาได้ยากในโซนนี้คือสิ่งที่ข้าโปรดปราน

              เงื่อนไข

              1. บรรยายตั้งแต่ความรู้สึกที่ถูกหลุมดำดูดมาโผล่ที่ห้อง จนทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ และส่งภารกิจแล้ว ได้รับตราประทับรูปสัญลักษณ์สถาบัน

              2. ใช้สติปัญหา และพลังของเจ้าให้มากที่สุด อย่าโง่ อ่อนแอ เก่ง และฉลาดไป

              3. จำไว้ มีเวลา 10 ชั่วโมงเท่านั้น

              4. อนุญาตให้ใช้เพียงความสามารถของตนเอง และภูตเท่านั้น ห้ามใช้อาวุธ

              5. เก็บรายละเอียดทุกอย่างให้ดี เจ้าสามารถกำหนดว่าสิ่งที่เจ้าเจอเป็นอะไรก็ได้ แต่ห้ามเกินเงื่อนไข และขอให้โชคดี ทายถูกว่าสถานที่ที่ มัน อยู่คือที่ไหน

              คนที่ต้องส่งแผ่นคริสตัลให้ เพื่อรับตราประทับ

              เนพิวเลนร์

               

                ร่างบางขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ตัวสูงกว่า เจ้าคิดว่าไงเซร์ส?” เธอเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม พร้อมกับโยนแผ่นคริสตัลใสขึ้นบนอากาศ ก่อนที่มันจะค่อยๆจางหายไป

                ไม่ใช่มนุษย์ ก็ภูต หรือไม่ก็สัตว์ เขาเดินบนอากาศไปเปิดหน้าต่างที่อยู่ติดกับโซนห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มพูดต่อ มีเวลาเพียง 10 ชั่วโมงในการตามหา หึ...คงเจอได้ยาก ภารกิจไม่ง่ายเสียแล้วสิ...

                ร่างบางเดินตามภูตหนุ่มมาถึงริมหน้าต่างที่เปิดออก สายลมยามเย็นปะทะผิวหน้าเบาๆ เส้นผมสีส้มแปลกตาเคลื่อนไหวนิดๆไปตามแรงลมที่ไม่มากนัก เรียกได้ว่าอากาศกำลังดีทีเดียว ถ้าเจ้านั่นเกลียดน้ำก็ตัด ทะเลสาป เหมันต์ ซาเลค กับน้ำตกต้องสาปไป...เหลือแค่วิหารศักดิ์สิทธิ์ รูลวาร์ กับ ป่านิทรา เมโซล...

                ข้าว่าเจ้านั่นต้องอยู่ที่วิหาร เขาสันนิษฐาน พลางลอยตัวออกนอกห้องพัก ผ่านทางหน้าต่างบานใหญ่ ไปยืนกลางอากาศรับลมอยู่ด้านนอก หันหลังให้ผู้เป็นนาย แต่จำต้องหันหน้ากลับมาเมื่อได้ยินประโยคถัดไปของมือขวาคนสนิทของราชินีแห่งโลกปีศาจ

                ข้าว่าเป็นป่านิทรามากกว่า

                ทำไมเจ้าจึงคิดเช่นนั้น ภูตประจำสถาบันของที่นี้ก็บอกไปแล้วว่าป่าแห่งนั้นเป็นป่าต้องห้าม

                เจ้าลืมอะไรไปรึเปล่าเซร์ส

                ภูตหนุ่มตั้งถ้าจะเถียงกลับ แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ เจ้าอย่าบอกจะว่า...!”

                เป็นอย่างที่เจ้าคิด นัยน์ตาเป็นประกายกล้า หากทำให้ป่ายอมรับได้ เราก็สามารถไปถึงตัวภูตแห่งป่าได้ ส่วนเรื่องจะทำยังไงนั้นค่อยคิดอีกทีตอนไปถึง หึหึ อีกอย่างในวิหารนั่นนะ มีแต่วิญญาณเร่ร่อนเต็มไปหมด รอการชำระล้างในช่วงเย็น ตอนนี้ก็เย็นแล้ว ซีค...เอ่อ...ท่านซีค คงไม่ให้พวกเราไปรบกวนการทำพิธีนั่นหรอก

                ก็จริงของเจ้า...แต่เดี๋ยวนะ...แล้วการยอมรับจากภูตแห่งป่าล่ะ? ถึงป่าจะยอมรับ แต่ภูตแห่งป่าไม่ยอม...

                หญิงสาวกระโดดขึ้นเอาเท้าทั้งสองข้างเหยียบลงบนขอบหน้าต่างอย่างไปกลัวตก ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวค่อยคิดทีหลัง ที่สำคัญเจ้านั่น...ที่เราต้องตามหา อาจอยู่ในป่าก็ได้ ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก เธอตัดบทพูดของภูตรูปงาม แล้วยื่นมือไปให้เขา เหมือนเขาจะรู้หน้าที่ ส่งมือไปจับกับมือบาง พร้อมกับกระฉับให้แน่นขึ้น ก่อนจะดึงร่างเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอดกลางอากาศ 

                หมับ!”

                 ภูตหนุ่มอุ้มตัวหญิงสาวขึ้น ก่อนจะบินไปทางทิศตะวันออกของสถาบัน ที่ตั้งของป่านิทรา เมโซล เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ ในขณะที่กำลังบินอยู่หญิงสาวในอ้อมกอดก็บ่นงุบงิบไปตลอดทาง

                ให้ตายสิ! ถ้าปีกของข้าไม่ขาดไปเสียก่อนตอนอารักษ์ขาฝ่าบาท(องค์ราชินี)ล่ะก็นะ...ข้าคงไม่ต้องมาให้เจ้าคอยอุ้มเหมือนเด็กๆแบบนี้หรอก

                เฮ้อ! เอาน่า ปีกของเจ้ามันรักษาตัวเองได้ไม่ใช่รึไง?”

                ก็ใช่ แต่มันต้องใช้เวลาต้องสามอาทิตย์! เหลืออีกตั้งหนึ่งอาทิตย์กว่าจะใช้การได้นี่! เจ้าก็รู้

     

                ตุบ

                ภูตหนุ่มรูปงามวางร่างของผู้มีศักดิ์เป็นนายตนลงอย่างนิ่มนวลหน้าทางเข้าของป่านิทรา บรรยากาศรอบข้างดูวังเวงและเงียบเชียบ ไร้ผู้คนเดินผ่าน ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของคนที่อยู่ข้างๆ แล้วเสียงพัดผ่านเบาๆของสายลมยามสัมผัสต้นไม้

                นี่นะหรอ...ป่านิทรา เมโซล

                ใช่...แต่จะว่าไป บรรยากาศคึกครืนดีจังนะ

                ร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชัน จนสาวผมส้มอดหัวเราะนิดๆไม่ได้...ก็แหม หายากนะ ไอ้การพูดประชดเหน็บแนมแบบนี้จากเซร์สนะ...

                งั้นเข้าไปกันเลยดีกว่า...

                สิ้นเสียงหวานใสของเรรีต้า เจ้าตัวก็เร่งฝีเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วราวสายลมเข้าสู่อาณาเขตของป่าทันที พร้อมกับภูตประจำตัวที่เคลื่อนตัวตามมาด้านหลัง

                พริ้ว~!”

                เธอชะงักเท้ากระทันหันเมื่อเห็นเงาดำๆของอะไรบางอย่างวิ่งผ่านหน้าไป เธอพยายามสังเกตรอบด้านมองหาสิ่งแปลกปลอมนั้น สายตาคู่คมถูกปรับให้สามารถมองเห็นในที่มืดได้อย่างชัดเจน ประกายตาเรืองแสงอ่อนๆ

                พริ้ว~!!”

                เสียงของมันเคลื่อนไหวอีกครั้ง หญิงสาวรีบหันไปมองด้านซ้ายของตัวเองทันที แต่สุดท้ายก็พบเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ความอดทนอันน้อยนิดของเธอเริ่มหมดลง ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆหลับตาลงช้าๆ เปิดประสาทของการรับฟังให้มากที่สุด เอโอดา เกรเซส เสียงร่ายเวทย์แผ่วเบา ฝ่ามือของเธอปรากฎแสงสีทองขึ้นมา ตัดกับความมืดมิดรอบด้านโดยสิ้นเชิง

                พริ้ว

                เมื่อจับทิศทางได้ เรรีสไม่รอช้า สบัดข้อมือ แสงสีทองพุ่งตรงไปเชียวผ่านหน้าร่างๆนั้น ทำให้มันหยุดชะงักทันที

                เจ้าเป็นใคร

                เสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกถูกส่งไปให้ร่างเงา นัยน์ตาเรืองแสงอ่อนๆหรี่ตาจ้องมองใบหน้าของคนที่เดินออกมาจากความมืดช้าๆ

                ข้าคือตัวแทนแห่งป่านิทรา เมโซล ร่างกายภายนอกเหมือนเด็กผู้หญิงอายุสิบขวบธรรมดา แต่น้ำเสียง  กลับก้องกังวานไปทั่วป่า ใช่แล้ว...เสียงนั้นคือสายลมที่บีบตัวกัน จนเกิดเสียงขึ้น...ผิวกายสีเขียวอ่อนทำให้รู้ว่านางไม่ใช่มนุษย์ หรือภูต เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อข้าหรอเพราะข้าไม่มีชื่อ...ข้าถูกสร้างขึ้นด้วยอำนาจแห่งป่านี้เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดมา...บุกรุก!”

                แล้วข้าต้องทำเช่นไร ถึงจะผ่านเจ้าไปได้

                ฮ่าๆ ทำไมเจ้าถึงอยากเข้ามาที่นี้นักล่ะ มันไม่มีอะไรพิเศษหรอกนะ สาวผมส้มกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะตอบผู้ที่อยู่ตรงหน้า

                ทำไมจะไม่...ในเมื่อหากที่นี้ไม่ใช่สถานที่ที่ถูกต้องในการตามหาบางอย่างของภารกิจที่ข้าได้รับ...เจ้าคงจะทำให้ข้าหลับตั้งแต่ก้าวเท้ามาที่นี้ก้าวแรกแล้วล่ะ...จริงไหม?”

                เด็กหญิงกอดอก ยิ้มกว้างอย่างชอบใจ ถูกของเจ้า...ถ้างั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการทำภารกิจของเจ้าที่เหลืออีกแค่ 8 ชั่วโมง งั้นเรามาเริ่มกันเลยล่ะกัน

                นางว่าพลางลอยตัวขึ้นไปนั่งอยู่บนต้นไม้สูงใหญ่ต้นหนึ่ง ขาแกว่งไปมาอย่างสบายอารมณ์ ที่ข้าจะให้เจ้าทำคือการเอาชนะคู่ต่อสู้ของเจ้าให้ได้ ส่วนภูตของเจ้า ให้มานั่งดูเป็นเพื่อนข้าดีกว่า

                หญิงสาวหันกลับไปมองภูตของตัวเองที่มองมาอย่างเป็นห่วง เธอเพียงแค่พยักหน้าแล้วยิ้มกลับไปให้เท่านั้น ก่อนจะหันกลับมาทางเดิม ภูตหนุ่มบินขึ้นไปนั่งข้างๆคนที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนของป่า    

    ไหนล่ะ คู่ต่อสู้ที่ว่า

                แทบจะในทันทีร่างๆหนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้น ร่างสูงเพียวดูสง่า ใบหน้างดงามราวเทพธิดา ผมยาวสีส้มแปลกตา ดวงตาคมกริบสีทองอร่าม...!

                นั่นมันข้านี่!…

                เธอเบิกตากว้างก่อนจะส่ายหน้าอย่างตั้งสติ

    ไม่...ไม่ใช่...มันคือร่างมายาของข้าต่างหาก...

    ให้ตายสิ! เล่นของยากเลยหรอเนี่ย เธอสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะกลับมาสนใจคู่ต่อสู้ที่เหมือนตัวเองทุกกะเบียดนิ้ว

                ...ไหนดูสิ ทำอะไรเหมือนข้าได้บ้าง...

                เรรีต้าตัวจริงยกมือขึ้นลูบผมเบาๆ แน่นอนว่าตัวปลอมทำเหมือนเธอทุกอย่างทุกการกระทำถูกก๊อปปี้อย่างสมบูรณ์ ไม่ต่างอะไรกับกระจกสะท้อนเลยสักนิด

                ...แล้วแรงล่ะ เหมือนไหม...

                คิดได้ดังนั้นก็เร่งฝีเท้ารุกอีกฝ่ายก่อนทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามก็รุกเข้ามาด้วยท่วงท่าเดียวกัน

                ย้าก!”

                หญิงสาวใช้ปลายเท้าแตะที่สีข้างของศัตรู เหมือนกับฝ่ายนั้นที่แตะในที่ๆเดียวกันแต่คนละด้าน แน่นอนว่ามันควรเจ็บด้วยกันทั้งคู่ แต่กลับเป็นเธอคนเดียวที่กระเด็นไปชนกับต้นไม้ข้างๆเต็มแรง...ใช่แล้วร่างมายามันหลบทัน!

                บ้าเอ๊ย! มันรู้ทันเรา

                ถูกแล้ว...ร่างมายาเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนเงาตัวเอง แต่มีข้อแตกต่าง คือ มันรับรู้ได้โดยไม่ต้องคิดว่าการแตะของเธอมีลักษณะอย่างไร วิ่งเข้ามาแบบนั้นแล้วจะยกขาข้างไหนก่อน มันไม่จำเป็นต้องคิด แต่รับรู้ได้ด้วยความสามารถในการเลียนแบบอย่างสมบูรณ์!

                หญิงสาวลุกขึ้นใช้แขนปาดเลือดที่มุมปากออกไป วิ่งเข้าปล่อยหมัดรัวใส่ร่างมายาจนมองแทบไม่เห็น แต่มันก็รับได้ทุกหมัด

                ชิ!”

                เธอตีลังกาถอยหลังสามตลบเพื่อตั้งหลัก หาจุดอ่อนของมัน ...พลังเวทย์มันน่าจะลอกไม่ได้ ถึงจะเหมือน แต่ก็ใช่ว่าพลังจะมากกว่า...

                หญิงสาวตัดสินใจร่ายเวทย์เข้าจู่โจม เรหราซ่า เมซีกัส อาโนล สองเสียงจากตัวจริงและตัวปลอมร่ายขึ้นพร้อมกัน วงแหวนเวทย์สีดำทั้งสองปรากฎขึ้นใต้ร่าง อักขระเวทย์โบราณถูกเขียนขึ้นเรื่อยๆด้วยมือล่องหน มือประสานกันไว้ด้านหน้า ก่อนที่ฝ่ามือจะแบออก พร้อมกับกระแสพลังที่พุ่งตรงหาคู่ต่อสู้ ไม่มีใครหลบ พวกเธอทั้งคู่ยังยืนอยู่ที่เดิม

                พลังเวทย์สีดำทั้งสองเข้าปะทะ แต่แทนที่กระแสเวทย์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแตกออก กลับเป็นของทั้งคู่ที่สลายออกพร้อมกัน อย่างที่ไม่มีใครสู้ใครได้ หรือเรียกว่า พลังเท่าเทียมกัน นั่นเอง

                อั่ก!!”

    ...พลังเวทย์ก็เหมือนกันงั้นหรอ...!!...

                เรรีต้าขมวดคิ้วเครียด กุมบาดแผลที่เกิดจากพลังที่ถูกสะท้อนกลับตรงหน้าท้อง เลือดสีแดงฉาดไหลออกมาไม่หยุด...ตอนนี้เธอไม่มีเวลามานั่งรักษาแผลให้ตัวเองหรอก...สายตาจ้องมองร่างมายาที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ที่สำคัญร่างกายไม่มีบาดแผลปรากฎให้เห็น!

                หรือว่ามัน...! โอ้พระเจ้า! มันร่ายเวทย์ป้องกันไว้อีกชั้นหนึ่งงั้นหรอ...จริงสิ ลืมได้ไงว่ามันสามารถจับทางเราถูก มันต้องป้องกันตัวเองดีอยู่แล้ว...บ้าเอ๊ย!...

                สู้ต่อไปก็ไม่มีวันจบแน่ มันจะยิ่งทำให้เวลาที่เหลืออีกแค่ 6 ชั่วโมงของเราหมดไปเร็วขึ้นด้วยนะสิ! ต้องหาทางกำจัดโดยด่วน จุดอ่อนของมันคืออะไร!! คืออะไรกัน

                เรรีต้ากำมือแน่น เล็บจิบเข้าเนื้อจนเลือดไหลออกมา แต่เจ้าตัวไม่สนใจ ร่างมายาวิ่งเข้ามาแบบไม่บอกไม่กล่าว ถึงมันจะลอกแบบการกระทำ แต่มันก็สามารถใช้ลักษณะท่าทางของคนๆนั้นได้ด้วยเช่นกัน

                หญิงสาวรับลูกแตะของคู่ต่อสู้ด้วยสันมือ ทั้งคู่ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างรวดเร็ว บาดแผลเริ่มปรากฎตามตัวของทั้งคู่ ถึงแม้เรรีต้าจะมีแผลเยอะกว่าก็ตามที ในหัวของเธอกำลังคิดหาวิธีเอาชนะร่างมายาตรงหน้าอยู่ เพราะไม่ว่าเธอจะแกล้งทำเป็นต่อยและใช้เท้าแตะแทน อีกฝ่ายก็รู้ทันไปเสียหมด ลองกวนประสาทด้วยคำพูด มันก็ยังนิ่งไม่พูดไม่ตอบ ก็แน่ล่ะ มันเป็นร่างมายา คิดไม่เป็นนี่...หาทุกๆวิถีทางเท่าที่จะทำได้ จนเวลาล่วงเลยมาแล้วถึง 4 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าเธอเหลือเวลาอีกแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นก่อนหมดเวลา

                ...คิดสิเรรีส คิด! มีอะไรที่จะชนะมันได้ไหม! คิดสิ!! คิด!!! เวทย์ก็ลองแล้ว แรงก็เท่ากัน มันก็โต้กลับมาได้ รู้ทันไปเสียหมด อ่ะ! แต่เดี๋ยวนะ...

    ...รู้ทัน...การกระทำ...งั้นหรอก...

    เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นไป ทำให้เธอชะงักไปช่วงขณะ และทำให้ร่างมายาต่อยเข้าที่ท้องของเธอเต็มแรง ซ้ำกับแผลเดิมยิ่งทำให้เธอเจ็บแสบ ตัวกระเด็นลอยไปนอนอยู่กับพื้น ปากแทบพูดไม่ออก พลังเวทย์ก็เหลือ น้อยเต็มที ไม่สิ ใช้อีกบทเดียวก็คงหมดแล้ว อาวุธก็ใช้ไม่ได้...แม้สภาพจะย่ำแย่สักแค่ไหน แต่เจ้าตัวกลับหัวเราะ  ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำเอาภูตหนุ่มกับตัวแทนแห่งป่าที่นั่งดูอยู่บนต้นไม้รู้สึกแปลกๆแบบเสียวสันหลังชอบกล ส่วนร่างมายาก็ผงักถอยหลังไปอย่างไม่เข้าใจนิดๆ

    ...โง่มาตั้งนาน พึ่งมาเข้าใจเมื่อกี้! ฮ่าๆๆๆ น่าหัวเราะเยาะตัวเองชะมัด!...

    ร่างบางฝืนกาย ทรงตัวยืนขึ้นช้าๆ ใช้มือปัดฝุ่นที่อยู่ตามตัวอย่างไม่เร่งรีบ เธอกัดฟันแน่นระงับความเจ็บปวด สูดหายใจเข้าลึกๆ กำมือทั้งสองแน่น เตรียมบุกเข้าไปอีกครั้ง

    ...แบบเดิมงั้นรึ?... เด็กสาวที่นั่งดูอยู่ทำหน้าเซงๆอย่างเบื่อหน่าย ...ไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมสินะ เฮ้อ!... แต่ก่อนจะได้คิดอะไรไม่มากว่านี้ ร่างเล็กก็แทบจะตกต้นไม้ แต่ดีที่ตั้งตัวทัน เมื่อเป็นการกระทำของคนเบื้องล่าง รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าอีกครั้งอย่างชอบใจ

    เรรีต้าเตรียมจะต่อยลงบนใบหน้าของร่างมายา แต่แน่นอนมันรู้ทัน ร่างปลอมก้มตัวหลบ แล้วชกลงซ้ำ  แผลเดิมเป็นครั้งที่สามทำเอาเรรีสชะงัก แต่เธอก็พยายามข่มความเจ็บนั้นไว้ รอยยิ้มเย็นปรากฎขึ้นบนใบหน้า ร่างมายาหารู้ไม่ว่าเธอตั้งใจเปิดช่องโหว่ของตัวเอง เพื่อให้อีกฝ่ายเผลอเปิดช่องโหว่ตรงลำตัวออกมา หญิงสาวไม่รอช้าต่อยเข้าที่ท้องของร่างปลอมเต็มแรง

    กรี๊ดดดด~!!!!!!!!!!” 

    เสียงกรีดร้องดังลั่นสนั่นป่านิทรา พร้อมกับร่างมายาที่ค่อยๆสลายไปในที่สุด อาจจะคิดว่ามันง่ายไปไหมที่แค่หมัดเดียวก็แพ้แล้ว...เปล่าเลย ไม่ใช่แค่หมัดเดียว...แต่เป็นหมัดเดียวที่ซ่อนพลังเวทย์ชั้นสูงไว้เต็มเปี่ยม

    ใช่แล้ว...เรรีต้าหาจุดอ่อนของร่างมายาเจอ ถึงมันจะสามารถลอกเลียนแบบการกระทำและท่วงท่าต่อไปของเรรีสได้ แต่มันก็ไม่สามารถรู้ความคิดของเธอ มันรู้แค่ว่าถ้าเธอย่อขานี้ แล้วเธอจะออกหมัดไหน เธอจะแตะยังไง พูดง่ายๆคือ มันลอกแบบความเคยชินของคนๆนั้นนั่นเอง แต่ถ้าเธอร่ายเวทย์ไว้ในใจ ร่างมายาจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเรากำลังร่ายเวทย์อยู่ แถมแค่ถูกชกอีกที เจ็บนิดเจ็บหน่อย มันก็คุ้มกับการที่สามารถทำลายร่างมายานั่นได้

    แปะๆๆ

    เสียงตบมือจากร่างเล็กของเด็กสาวที่บินลงมาพร้อมเซร์ส สาวสวยหันไปมองก่อนจะยิ้มนิดๆไปให้ เธอเซไปเล็กน้อย โชคยังดีที่เซร์สรับเธอไว้ทัน ภูตหนุ่มร่ายเวทย์รักษาให้หญิงสาวทันที ในขณะที่ตัวแทนแห่งป่ากำลังคุยกับเธออยู่

    ฉลาด หลักแหลมมาก ข้าขอชื่นชม เรรีต้า

    ขอบคุณท่านมาก นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ข้าได้สู้กับร่างมายา แถมห้ามใช้อาวุธอีกต่างหาก หึหึ เธอหัวเราะแบบไร้อารมณ์ขัน

    เอาเถอะ! เอาเป็นว่าตอนนี้ป่านิทรา เมโซล ยอมรับเจ้าแล้ว...เจ้าสามารถเข้ามาที่นี้เหมือนไรก็ได้แต่... เด็กหญิงเว้นจังหวะหายใจ น้ำเสียงจริงจังขึ้น ท่านนาไลน์ต้องยอมรับเจ้าด้วย ถ้าหากนางไม่ชอบเจ้า เจ้าก็มาที่นี้ไม่ได้อยู่ดี

    แล้วข้าต้องทำเช่นไร นางถึงยอมรับข้า

    ข้าไม่รู้ แล้วแต่อารมณ์ของนางเองด้วย เพราะฉะนั้นขอให้เจ้าโชคดี...ให้เดินตรงไปจนถึงส่วนถึงสุดของป่า เจ้าจะเจอท่านเนไลน์และอาจจะเจอสิ่งที่เจ้ากำลังตามหาอยู่ด้วยก็ได้...แล้วพบกันใหม่ จอมมารพันหน้าแห่งความตายนิรันดร์ เรรีต้า ฮาโกรดาร์ก

    ร่างเจ้าของผิวกายสีเขียวอ่อนจางหายไปอย่างช้าๆ เช่นกันตัวแทนแห่งป่า...

    เหลือเวลาอีกเท่าไรนะเซร์ส

    เธอถาม ทั้งๆที่ไม่หันหน้ามามอง รีบเร่งฝีเท้าวิ่งตรงไปตามทางที่เด็กสาวเมื่อกี้บอกทันที

    “1 ชั่วโมง กับอีก 25 นาที เสียงทุ้มกล่าว พลางเร่งฝีเท้าให้ขนาบคู่กับผู้เป็นนายและคนรู้ใจที่สุด

    เหลือเยอะชะมัด!” เธอประชด พร้อมทำปากเบ้อย่างไม่สบอารมณ์นัก

     

    ร่างสูงทั้งสองชะลอความเร็วลงเมื่อถึงจุดหมายที่ต้องการ รอบๆยังคงเป็นต้นไม้สูงใหญ่ ความมืดที่ไม่ได้ต่างไม่จากเดิม รวมทั้งเสียงสายลมพัดผ่าน เสียดสีกับต้นไม้ทำให้รู้สึกขนลุกได้ง่ายๆ ข้างหน้าของทั้งคู่ คือหินขนาดใหญ่ ด้านบนสุดมีร่างของสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่ ข้างๆคือสัตว์สี่ขาคล้ายหมาป่าแต่ตัวใหญ่กว่าหน่อย ตามลำตัวเป็นสีทองเปร่งประกายงดงาม นัยน์ตาสีเงินคมดุฉายแววฉลาดรอบรู้ราวกับไม่ใช่สัตว์ธรรมดา พวกเขาค่อยๆลอยลงมาเบื้องล่าง คนมองทั้งสองรอให้อีกฝ่ายเริ่มพูดอย่างใจจดใจจ่อ

    มาที่นี้มีธุระอะไรมิทราบภูตสาวแห่งป่าถามเสียงราบเรียบยามจะคาดเดาอารมณ์

    ข้ามาตามหา...สัตว์ที่อยู่ข้างๆท่าน

    ภูตสาวเลิกคิ้วขึ้นสูง มาสาตรึ? ทำไม?” เช่นเดียวกับมาสาตที่ทำเป็นเอียงลำคอนิดๆอย่างสงสัย

    เพราะนั้นคือสิ่งที่ข้าต้องตามหาในการทำภารกิจให้ลุล่วง เรรีต้ายิ้มนิดๆอย่างมีชั้นเชิง

    เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าเป็นมาสาต เจ้าก็รู้ว่าข้าเกลียดมนุษย์เข้าไส้ วาล เลนร์ ไม่มีทางให้มนุษย์ตามหาสิ่งใดในอาณาเขตของข้าแน่

    หึ...ก็เพราะข้ามิใช่มนุษย์ไง อย่าโกหกข้าเลยท่านนาไลน์ ท่านหลอกข้าไม่เนียนเลยจริงๆ เจ้าก็ด้วย...เอ่อ...ชื่อ มาสาตสินะ คิดจะแกล้งทำเป็นซื่อ พูดไม่ได้งั้นรึ...หึ!...ความจริงหากข้าเป็นมนุษย์จริง ท่านคงไม่เสียเวลามาพูดคุยกับข้าเช่นนี้หรอก

    อีกอย่างสัตว์ที่อยู่ข้างกายท่านก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของท่านจริงๆสักหน่อย มันเป็นสัตว์พันธุ์โกลเดร รักสันโดษ ไม่เคยมีเจ้าของ มันเกลียดน้ำแน่นอนจากที่ข้าดูแล้ว บริเวณรอบๆนี้ไม่มีแหล่งน้ำแม้แต่ทีเดียว  และสัตว์ ชนิดนี้ก็ไม่เคยอาบน้ำ แต่ใช้เวทย์ชำ ระตัวแทน ส่วนข้อสันนิษฐาน อันดับสุดท้าย คือ  ที่นี้ไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามา แล้วเจ้านั่นก็เป็นสัตว์ที่รักสงบมากที่สุดชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้...ข้าพูดถูกไหม?”

    นาไลน์ถอดหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะกระตุกยิ้มนิดๆที่มุมปาก ไม่...ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย...เจ้าเยี่ยมมากเรรีต้าเช่นเดียวกับมาสาตที่ดวงตาเป็นประกายอย่างชอบใจ

    ไม่หรอก...ก็มันเป็นสัตว์ที่มาจากโลกปีศาจนี่ ท่านวาล เลนร์ คงรู้เรื่องนี้ ถึงให้ข้าตามหามัน

    เอาถอะ...ถือว่าข้าชอบเจ้า ชอบนิสัยของเจ้าก็แล้วกัน อีกอย่างเจ้าไม่ใช่มนุษย์ด้วย นั่นคือสิ่งที่ข้าพึงพอใจอย่างยิ่ง...เพราะงั้นเอาแบบง่ายๆสรุปสั้นๆเลยนะ...ข้ายอมรับเจ้าแล้ว

    แต่ก็ใช่ว่าเจ้าจะเอามาสาตกลับไปได้ เจ้าต้องทำตามเงื่อนไขของมันก่อน ซึ่งเรื่องนี้ข้าขอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยล่ะกัน

    ว่าแล้ว เจ้ามาสาตก็เดินเข้ามาใกล้เรรีสอีกนิด มันเอ่ยปากพูดออกมาแบบที่สัตว์หลายชนิดไม่มีทางทำได้

    สวัสดี ข้า มาสาต ก็อย่างที่ท่านนาไลน์พูดล่ะนะ แม้เจ้าจะสามารถตามตัวข้าพบแล้ว ใช่ว่าเจ้าจะเอาข้ากลับไปได้ เจ้าต้องตอบคำถามของข้าให้ถูกต้องเสียก่อน หึหึ

    ว่ามาสิ

    ห้ามภูตของเจ้าช่วยแม้แต่น้อย ถึงท่านวาล เลนร์ จะบอกให้ภูตช่วยได้ แต่ข้า...ไม่-ให้ มันเน้นย้ำชัดเจน

    ก็ได้...เซร์ส...ภูตหนุ่มเดินออกมาให้ห่างจากนายของตนพอสมควร ก่อนที่มาสาตจะเริ่มพูดอีกครั้ง

     งั้นมาเริ่มเลย...

    เมื่อต้องแสงเจ้าเห็นข้าได้ชัดเจน

    แต่ยามค่ำคืนกลับเลือนลางนัก

    ข้าแนบติดกับเจ้ามาแต่เกิด

    แม้โดยแทง โดยเผาก็ไม่รับรู้

    ขนาดเปลี่ยนไปไม่แน่นอน

    หากแต่รูปร่างคงอยู่ถาวร

    เจ้าคิดว่า ข้านั้นคืออะไร

     

    หญิงสาวก้มหน้าลงต่ำ ใช้สมาธิในการคิดหาคำตอบปัญหายาวเหยียดนี้ ทุกคน(ตนและตัว) นิ่งเงียบ จนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของแต่ละคนและตัวได้อย่างชัดเจน

    ...ตอนเช้าเห็นได้ชัด แต่ตอนกลางคืนดูเลือนลาง ติดตัวตลอดเวลา...

    ...อืม เสื้องั้นหรอ ไม่ ไม่ใช่ เสื้อโดยเผาก็ไหม้...

    ...ผิวหนังล่ะ ใช่ มันแนบติดตั้งแต่เกิด แต่โดยแทงก็เลือดออกแล้ว...

    ...เส้นผม? ก็ไม่ใช่อีก เผาก็เสร็จกันพอดี...

    ...แล้วอะไรกันล่ะ ที่เราติดตัวตลอดเวลา โดนเผา โดยแทงก็ไม่รู้สึก ตอนเช้าเห็นชัด กลางคืนมีอยู่แต่ก็ไม่เห็น ขนาดเปลี่ยน รูปร่างไม่...

    ...มันคืออะไ...เดี๋ยวก่อน! แทงหรือเผาก็ไม่รับรู้ ตอนเช้าเห็นชัด ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน ใช่แล้ว! ไอ้นั่นไง!...

    เรรีต้าเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งหลังจากคิดทบทวนคำตอบอยู่นาน เวลาเหลือเพียงแค่ 45 นาทีเท่านั้น ข้าได้คำตอบแล้ว

    ทุกคน(ตนและตัว)หันมาทางต้นเสียง มาสาตจ้องมองเรรีสอย่างรอคำตอบ คืออะไรล่ะ?”

    เงา เธอย้ำอีกครั้ง สิ่งนั่น คือ เงา

    เจ้าแน่ใจรึ ตอนนี้เจ้ายังสามารถเปลี่ยนคำตอบได้อยู่นะ มันถามซ้ำ แต่ร่างบางยังคงพยักหน้าอย่าง 

    มั่นใจ นัยน์ตาสีทองเป็นประกายกล้าแข่งกับขนตามลำตัวของมาสาตที่มีสีคล้ายกัน

                ข้าไม่เคยเปลี่ยนคำพูด

                มันตีหน้าเศร้า เสียใจด้วย... เรรีต้าขมวดคิ้วหน้าเครียด แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้เธอรู้สึกอยากถลกหนังเจ้ามาสาตมาทำเป็นเสื้อโค้ดเสียจริงๆ

                เสียใจด้วยที่เจ้าตอบคำถามของข้าถูก ถ้ามันไม่ใช่สัตว์ มันคงยิ้มแก้มปริไปแล้ว ที่นี้เจ้าก็สามารถพาข้ากลับไปได้แล้ว

                มันว่าก่อนที่ภูตสาวกับภูตหนุ่ม(ที่ถูกลืม)จะเดินบนอากาศเข้ามาสมทบ นาไลน์ลูบหัวเจ้ามาสาตเบาๆ ก่อนที่มันเดินมาหาปีศาจสาวสวย

                ในเมื่อเจ้าทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแต่เอางานไปส่งสินะ งั้นข้าจะช่วยพาพวกเจ้าไปส่งถึงหน้าทางเข้าป่าเมโซลก็แล้วกัน แล้วว่างๆมาเยี่ยมข้าด้วยล่ะเรรีส

                ยินดีเสมอ งั้นพวกข้าขอลา

                อืม นางเอ่ย ก่อนที่ภูตสาวจะเริ่มร่างเวทย์ส่งร่างทั้งสามออกจากป่าแห่งนี้ พาโพลอร์ คีซีน กรีม่า

                ใบไม้ที่ร่วงลงงตามพื้นค่อยๆลอยขึ้นปกคลุมร่างทั้งสามทีละนิด จนมองไม่เห็นคนที่อยู่ข้างใน ก่อนที่แตกตัวออก พร้อมกับร่างทั้งสามที่ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว

     

                วูบ!”

                 ทั้งสามมาปรากฎตัวอีกครั้งที่หน้าทางเข้าของป่าต้องห้าม เซร์สเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังนวดกล้ามเนื้อของตัวเองเบาๆคลายความเหน็บเหนื่อย

                เราต้องตามหาท่านเนพิวเลนร์ เจ้าจำได้ไหมว่าท่านชอบอยู่ที่ไหน เรรีสพยักหน้าก่อนจะตอบ

                ที่ทะเลสาบซาเลค กับโซน...ข้าว่าน่าจะเป็นทะเลสาป เพราะท่านชอบอยู่เงียบๆจากที่ท่านไอพิวเลนร์กล่าวตอนแนะนำบุคลากรในสถาบันให้ฟังน่ะ

                งั้นก็ไปกันมาสาตบอก พลางลอยตัวขึ้นสูง แล้วก้มลงมองทั้งคู่ที่อยู่เบื้องล่าง ก่อนจะรอให้ภูตหนุ่มอุ้มหญิงสาวขึ้น พร้อมกับบินไปสู่สถานที่ที่ต้องการทันที

     

                ตุบ!”

                ภูตหนุ่มวางร่างผู้เป็นนายของตนลง เบื้องหน้าของทั้งสามคือทะเลสาปสวยงามแต่ให้บรรยากาศลึกลับแบบแปลกๆ แต่ที่สำคัญมันเงียบยิ่งกว่าป่าต้องห้ามเสียอีก

                อ่ะ! นั่นไงท่านเนพิวเลนร์ อยู่ตรงโขดหินข้างแม่น้ำนั่นนะร่างสูงทั้งสองมองตามสายตาของสัตว์สี่เท้าไปยังโขดหินบริเวณที่อยู่ใกล้ๆกับแม่น้ำ ชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี ผมสีเงินยาว กับตาสีน้ำทะเลกำลังจับจ้องอยู่ ที่หนังสือเวทมนต์เล่มหนาในมือ

                ท่านเนพิวเลนร์ เสียงหวานใสเรียกเจ้าของชื่อให้หันมา หลังจากที่เดินมาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มแล้ว

                 ผู้คุมกฎเงยหน้าขึ้น พลางปิดหนังสือลงข้างตัว สายตามองยังคนตรงหน้าสักครู่ ก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน ข้าเรรีต้า ฮาโกรดาร์ก ได้รับคำสั่งว่าให้มาส่งภารกิจที่ท่าน

                เอาสิ่งที่เจ้าตามหาได้ มาให้ข้า น้ำเสียงเรียบ ดูนิ่งๆของชายหนุ่ม เรียกให้เรรีต้าหันไปส่งสายตาไปหามาสาตที่อยู่ข้างตัวเป็นเชิงบอก ทำตามที่ท่านเนพิวเลนร์บอกสัตว์สี่เท้าตัวทองเพียงพยักหน้าให้หญิงสาว ก่อนจะเดินไปอยู่ข้างๆผู้คุมกฎ

                รับไป

                ชายหนุ่มยื่นมือออกไป ก่อนจะปรากฎตราประทับรูปสัญลักษณ์สถาบันขึ้นมา หญิงสาวรับมันไว้ในมือ ก่อนจะโค้งให้คนตรงหน้าเล็กน้อย แล้วจึงหันหลังเดินจากไป พร้อมกับภูตหนุ่มข้างตัว เพื่อกลับไปนอนพักที่ห้องพักของตนเองหลังจากทำภารกิจมาเกือบสิบชั่วโมงเสร็จเรียบร้อยแล้ว...

     

    * T H E   E N D *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×