ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blue moon Hunter ศึกจันทรา ผ่ามิติ

    ลำดับตอนที่ #3 : Blue moon Hunter ศึกจันทรา ผ่ามิติ - บทที่ 2 สิ้นอายุขัย!?

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 53






            เช้าวันรุ่งขึ้น พัฒน์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงียเนื่องจากเมื่อคืนเขานอนดึกกว่าคนอื่นๆ และเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเจ้าพวกเพื่อนบ้ายังคงนอนกันอยู่ไม่มีใครตื่นกันสักคน 

    “เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ พีก็อีกคน ยิ่งอยู่กับไอ้พวกนี้ยิ่งดูจะทำตัวโรคจิตมากขึ้นทุกวัน ถ้าฉันไม่อยู่ พี แกจะเป็นยังไงนะ”

    พัฒน์มองหน้าพีแล้วส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะนึกถึงคำพูดตัวเองที่พูดไว้กับรัตติกาลเมื่อคืนนี้

     คุณรัตติกาลครับ ผมว่างานยมทูตของคุณนี่ก็ดูสนุกดีเหมือนกันนะ แต่เอาไว้ผมตายก่อนดีกว่าก็แล้วกันนะครับ

    นั่นสิ ถ้าหากว่าพีไม่มีเขาอยู่ข้างๆ จะเกิดอะไรขึ้นนะ แล้วถ้าหากว่าเขาไปเป็นยมทูตจริงๆ เขาจะสามารถอยู่เคียงข้างพีได้อีกไหมนะ

    “นายสามารถที่จะอยู่เคียงข้างเขาได้เสมอนั่นแหละ เพราะยมทูตสามารถสร้างกายหยาบที่เป็นสิ่งที่เหมือนร่างกายมนุษย์ได้ เพียงแต่จะไม่มีลมหายใจเท่านั้น”

    คำพูดของใครบางคนตอบคำถามในใจของพัฒน์ เขาหันไปมองเตียงสองชั้นที่เขาใช้นอนทุกวัน ก็พบกับยมทูตคู่ปรับที่เขาเองก็ไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่นัก

    “คุณสาธิตนี่เอง ผมก็นึกว่าเป็นเสียงนกเสียงกาที่ไหนซะอีก หึๆ”

    “แก...ไอ้ปิยะพัฒน์ ดูเหมือนว่าแกจะอยากตายก่อนจะถึงฆาตนะ”

    ยมทูตสีม่วงพูดก่อนจะเรียกทวนวิญญาณสีม่วงออกมา แล้วจ่อเข้าที่ลำคอขาวของคนปากดี แต่พัฒน์ก็ไม่ได้กลัวการกระทำของยมทูตตรงหน้าแม้แต่น้อย

    “ทำแบบนี้ไม่ดีมั้งครับคุณสาธิต เดี๋ยวก็โดนท่านทิวาเรียกไปดุเอาอีกหรอก”

    เสียงของยมทูตสีน้ำเงินครามดังขึ้น สาธิตรีบหันไปมองก่อนจะเก็บทวนของตนไปทันที เพราะกลัวว่าทิวาจะมองเขาอยู่ แล้วเขาจะโดนพญายมบาลทิวาเรียกไปดุอีก ครั้งก่อนเขาก็หูชามากพอแล้ว

    “โธ่ คุณรัตติกาล อย่าขู่ผมแบบนี้สิ ผมแค่อยากจะสั่งสอนเจ้าเด็กมนุษย์ปากดีนี่ก็เท่านั้นเอง”

    “แต่มันก็ไม่สมควรนะครับ คุณเป็นยมทูตมาตั้งหกร้อยปีแล้วยังไม่รู้กฎข้อนี้อีกเหรอครับ ว่าเราไม่ควรทำร้ายมนุษย์ที่ยังไม่ถึงฆาตน่ะ”

    รัตติกาลดุสาธิต เล่นเอายมทูตที่ดูอวดเก่งเมื่อกี้สงบเสงี่ยมเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้เลยทีเดียว พัฒน์มองอย่างขำๆ

    “อ้อ จริงสิคุณพัฒน์ครับ เรื่องเมื่อวานขอบคุณมากนะครับ ที่เจอวิญญาณดวงนั้นก่อนพวกผมอีกแล้ว”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณรัตติกาล มันเป็นความสามารถพิเศษของผมที่มักจะเจออะไรก่อนคุณอยู่แล้ว”

    คำพูดของรัตติกาลดูท่าทางจิกกัดผู้ฟังมากโข แต่ของพัฒน์นั้นจิกกัดได้เจ็บแสบมากกว่าของรัตติกาลเป็นร้อยเท่า รัตติกาลส่ายศีรษะอย่างยอมแพ้

    “ผมยอมแพ้ครับ คุณนี่ยังพูดอะไรได้เจ็บแสบไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”

    พัฒน์ยิ้มอย่างมีชัย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

    หลังจากที่พัฒน์เข้าห้องน้ำไปแล้ว สองยมทูตก็ออกมาจากห้องพักแล้วมานั่งคุยกันอยู่ที่ศาลาริมน้ำบริเวณหอพักนักเรียน

    “คุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหมครับ ถึงได้มาหาคุณพัฒน์”

    รัตติกาลเป็นคนเปิดประเด็น สาธิตเลิกคิ้ว ก่อนจะนึกออกว่าเรื่องที่รัตติกาลพูดถึงนั้นเป็นเรื่องอะไร

    “ถ้าคุณรัตติกาลพูดถึงเรื่องนั้นล่ะก็ ใช่ครับ เมื่อคืนหลังจากที่ผมกลับจากสวนนั่น ผมก็ไปหาท่านทิวาเรื่องเด็กนั่น เพราะผมสงสัยในพลังของเจ้าเด็กนั่น”

    “ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อสักครู่นี่เอง ว่าวันนี้เป็นวันสิ้นอายุขัยของคุณปิยะพัฒน์ ทวีวัฒนานนท์ ทายาทของบริษัทนายทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมนุษย์”

    รัตติกาลนึกถึงคำพูดของพัฒน์เมื่อคืน แล้วยิ้มออกมานิดๆ

    “อีกไม่นานแล้วสินะครับคุณสาธิต คนที่ผมหมายตามานานก็จะได้มาทำงานร่วมกันสักที”

    สาธิตมองค้อนรัตติกาลเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมเบาๆเพื่อให้หัวหน้าของเขาหยุดเพ้อฝันถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้

    “แต่เจ้านั่นมีสิทธิที่จะเลือกนะคุณรัตติกาล คุณก็รู้ว่ามนุษย์ที่ตายไปแล้วเป็นวิญญาณบริสุทธิ์น่ะ มีสิทธิที่จะเลือกว่าจะเป็นยมทูตหรือเป็นเทวทูต”

    “เรื่องนี้มันก็จริงอย่างที่คุณพูดนะครับ หากแต่ว่าผมก็ภาวนาให้สิ่งที่คุณพัฒน์เลือกนั้นคือยมทูต ไม่ใช่เทวทูต”

    รัตติกาลกล่าวเข้าข้างตัวเอง ความคิดของเขานั้นอาจจะถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพัฒน์จะเลือกตามที่เขาคิดเอาไว้

    “ก็ถ้าเจ้าว่างพอที่จะคิดแบบนั้น เอาเวลาไปทำงานดีกว่าไหมฮะ รัตติกาล สาธิต”

    เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทำเอาสองยมทูตสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะหัวเราะแหะๆ

    “ท่านทิวา แอบดูอยู่หรือครับ”

    “ก็ใช่น่ะสิ คิดว่าถ้าฉันไม่เป็นคนคอยตรวจดูว่าพวกเจ้าทำงานกันอยู่หรือเปล่า ใครกันจะคอยมาทำหน้าที่นี้ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าก็หาเรื่องโดดงานกันน่ะสิ ที่เขตเก้าสิบสอง ของพวกเจ้ามีวิญญาณอาฆาตตัวหนึ่งกำลังจะทำร้ายมนุษย์ อยู่พิกัดที่สามสิบสี่ ไปดูที่นั่นเดี๋ยวนี้”

    สิ้นคำสั่ง สองยมทูตก้มหัวรับคำสั่งแล้วรีบบินไปยังพิกัดที่ว่านั่นทันที ทิวาที่ดูผ่านกระจกม่านน้ำของตนก็นั่งกุมขมับ งานที่โลกวิญญาณก็ล้นมือ แต่ละวันมีดวงวิญญาณที่มารอรับการพิพากษาจากเขานั้นมากมายล้นทางเดินของโลกวิญญาณ เขาเองก็ไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลยแม้แต่น้อย แถมยังต้องมาคอยจับตาดูเจ้าพวกยมทูตอู้งานอีก

    “คอยดูนะ ถ้าพวกเจ้าอู้งานอีก ฉันจะสั่งให้พวกเจ้าไปทำความสะอาดสวนโลกวิญญาณทั้งหมด”บ่นกับตัวเองก่อนจะพิพากษาดวงวิญญาณตรงหน้าต่อ

    .

    .

    หลังจากที่พัฒน์อาบน้ำเสร็จ เขาก็เรียกเจ้าเพื่อนตัวดีทั้งหลายให้ไปอาบน้ำ ก่อนที่พวกเขาจะไปเรียนสาย เครื่องแบบของโรงเรียนอุดมมั่นวิทยา(UMU.) เป็นแบบธรรมดาทั่วไป เครื่องแบบมีเพียงเนคไทสีฟ้า เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นปักอักษรย่อของโรงเรียน และกางเกงขายาวสีดำเท่านั้น

    เมื่อทุกคนแต่งตัวเสร็จกันแล้ว ทั้งหมดจึงเดินออกมาจากหอพักพร้อมกัน

    “เออ พัฒน์ เมื่อคืนแกได้ซื้อเป๊ปซี่มาหรือเปล่าวะ”

    ไท หรือ แทนไท ถามถึงเป๊ปซี่ที่เขาใช้เพื่อนหน้าสวยคนนี้ไปซื้อมาเมื่อคืน พัฒน์ขว้างค้อนใส่เพื่อนรักวงใหญ่ก่อนจะตอบ

    “เออ ซื้อมาแล้ว อยู่ในตู้เย็น เย็นนี้ก็กรุณากลับมากินด้วยล่ะ เพราะฉันไม่อยากไปเสียเที่ยว ...ไปแล้วก็เจอวิญญาณ”ประโยคหลังพัฒน์พูดเสียงแผ่วราวกับพูดกับตัวเอง แต่อย่าหวังว่าจะหลุดพ้นหูนรกของไอ้เพื่อนตัวดีไปได้เลย

    “นี่แกไปเจอวิญญาณมาอีกแล้วเหรอ”กาล หรือ โชติกาล ถาม พัฒน์ยิ้มแหยก่อนจะพยักหน้าตอบ

    “เออสิ ฉันไปเจอวิญญาณมา ในสวนสาธารณะนั่นแหละ โดนข่มขืนแล้วก็ฆ่า เลยกลายเป็นวิญญาณอาฆาต แถมยังเจอก่อนยมทูตอีก เฮ้อ ชีวิตฉัน เคยเจออะไรดีๆกับเขาบ้างไหมเนี่ย”

    “จะมีครั้งไหนไหมล่ะที่พัฒน์จะไม่เจอวิญญาณก่อนยมทูตสองตนนั่น ก็ไม่มีใช่ไหมล่ะ”

    พี หรือ พีรวิชญ์พูด พัฒน์หันไปมองพีอย่างงอนๆ

    “โหย พี ไม่เข้าข้างกันก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะ”

    ทั้งหมดหัวเราะให้กับการกระทำที่ดูจะติงต๊องของพัฒน์ พัฒน์มองหน้าเพื่อนๆก่อนจะหัวเราะตาม แต่ภายในใจกลับมีความรู้สึกแปลกๆ

    ถ้าหากฉันตายไปจริงๆ พวกแกจะเป็นยังไงกันนะ

    .

    .

    ชั่วโมงเรียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน

    “เฮ้ย พัฒน์ แกว่างหรือเปล่าวะ ฉันจะวานแกให้ไปซื้อของทำงานให้หน่อย พอดีกระดาษกับสีมันหมด แกไปซื้อให้หน่อยได้ไหมวะ”

    ไทเดินเข้ามาหาพัฒน์หลังจากที่ชั่วโมงสุดท้ายได้หมดเวลาลง พัฒน์หันไปมองอย่างเคืองๆ

    “แกนี่ จะใช้ฉันทุกอย่างเลยใช่ไหมไอ้ไท”

    “เอาน่า ไปให้หน่อยนะ ฉันไหว้ล่ะ การบ้านที่จะส่งพรุ่งนี้ฉันยังทำไม่เสร็จเลย นะๆ ไปให้หน่อยนะพัฒน์นะ”

    ไทพนมมือก่อนจะยกขึ้นไหว้พัฒน์อย่างขอร้อง มีหรือที่คนอย่างปิยะพัฒน์จะไม่ใจอ่อน ถ้าเพื่อนมันขอร้องขนาดนี้ คนอย่างเขาจะไม่ทำให้ก็คงไม่ได้

    “เออๆ ก็ได้ แต่พรุ่งนี้แกต้องเลี้ยงข้าวฉันตอบแทนที่แกใช้ฉันไปซื้อของสองรอบ โอเคไหม”

    “โอเคเลย ขอบใจมากเพื่อนรัก ไปแล้วรีบกลับนะเว้ย เดี๋ยวพีพวกฉันดูแลให้ ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลย ฮ่าๆ”

    ไทพูดติดตลก เพราะเขารู้ดีกว่าเพื่อนของเขามันหวงน้องชายฝาแฝดคนนี้แค่ไหน พีเองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันก็เพื่อนกันทั้งนั้น

    “เออ งั้นฉันไปก่อนนะ งานคณะกรรมการนักเรียนที่พวกแกนั่งทำกันเมื่อคืน ฉันมานั่งเรียงกับสรุปรายละเอียดให้แล้ว ฉันวานให้แกไปส่งให้ผอ.ด้วยก็แล้วกันนะ”

    พัฒน์สั่งงานที่เขานั่งทำเมื่อตอนกลางวันให้ไทเอาไปส่งให้ท่านผอ.โรงเรียน ไทพยักหน้ารับ พัฒน์จึงเดินออกมานอกห้องเรียนเพื่อไปซื้อกระดาษกับสีให้ไทตามที่สั่ง โดยไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังตามสะกดรอยเขาตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียน...

    .

    .

    หลังจากที่ได้ทำการส่งวิญญาณอาฆาตไปยังโลกวิญญาณแล้ว รัตติกาลกับสาธิตก็ได้กลับมาดูความเคลื่อนไหวของพัฒน์ ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มเดินทอดน่องไปยังร้านขายเครื่องเขียนเพื่อซื้อของให้เพื่อน

    “หมอนั่นไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่ามีคนตามมา ประสาทสัมผัสช่างเชื่องช้าจริงๆ”

    สาธิตค่อนแขวะพัฒน์ในขณะที่กำลังนั่งดูพัฒน์ผ่านคอมพิวเตอร์ขนาดเท่าโทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้ต่างแทนโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับคนในโลกวิญญาณได้ รัตติกาลหันไปมองรองหัวหน้าหน่วยของตนก็ถอนหายใจเฮือก

    ด้านพัฒน์เอง เขาไม่ใช่ไม่รู้สึกตัวว่ามีคนตามมา เพียงแต่เพิ่งรู้สึกตัวเท่านั้น เพราะหลังจากที่เขาก้าวเข้าร้านขายเครื่องเขียน บุคคลหน้าสงสัยก็ทำทีเป็นรออยู่หน้าร้านโดยไม่เข้ามา ทั้งๆที่แอบตามเขามาโดยตลอด แถมยังคอยลอบมองเขาเป็นระยะๆอีกด้วย

    “เฮ้อ เอาแล้วไงไอ้พัฒน์ ใครมันตามมาวะเนี่ย”

    พัฒน์ถอนหายใจก่อนจะรีบซื้อของแล้วออกมาจากร้าน

    ในขณะที่กำลังเดินกลับ พัฒน์เดินผ่านสวนสาธารณะ แล้วจู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืน

    “แล้วนี่ฉันจะนึกถึงเรื่องเมื่อคืนทำไมวะ”พัฒน์หยุดเดินก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง โดยไม่ได้สนใจบุคคลที่เดินตามหลังตัวเองมาแม้แต่น้อย

    ในชั่วพริบตาที่พัฒน์กำลังยืนนิ่งอยู่นั้น วัตถุมีคมก็พุ่งเข้าหาเขาทันที ปลายมีดปักเข้าที่หัวใจของเขาอย่างแรง ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มทรุดลงกับพื้นหญ้า เลือดสีแดงแผ่กระจายบนเสื้อนักเรียนสีขาวเป็นวงกว้าง ถุงใส่ของที่ไทสั่งเขามาซื้อร่วงลงบนพื้น ก่อนที่เขาจะล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นหญ้า

    .

    .

    ตาย!? นี่ฉันตายแล้วจริงๆหรือเนี่ย

    พัฒน์ที่อยู่ในสภาพวิญญาณลอยมองร่างไร้วิญญาณของตัวเองอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเกาหัวเบาๆ

    “โธ่เว้ย...อะไรวะเนี่ย”พัฒน์สบถ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรมากไปกว่า ยมทูตประจำเขตทั้งสองตนก็ปรากฏกายให้เขาเห็นเสียก่อน

    “สวัสดีครับคุณพัฒน์ ไม่คิดว่าเราจะเจอกันในสภาพนี้นะครับ”

    รัตติกาลกล่าวทักทายพลางยิ้มให้ ผิดกับสาธิตที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ด้านหลังรัตติกาล

    “คุณรัตติกาล นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมผมถึงได้ตายเร็วแบบนี้”

    พัฒน์ชี้ไปที่ร่างตัวเอง แล้วมองหน้ารัตติกาลอย่างต้องการคำตอบ

    “ก็หมายความว่านายตายแล้วไง วันนี้คือวันสิ้นอายุขัยของนาย”สาธิตตอบคำถามนั่นแทนรัตติกาล ดวงตาสีเหล็กเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหู

    “ถูกอย่างที่คุณสาธิตบอกครับ แล้วพวกเราก็จำเป็นจะต้องส่งวิญญาณของคุณไปรับการพิพากษาที่โลกวิญญาณ”

    รัตติกาลกล่างพลางทำสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่านี่คือเรื่องปกติ หากแต่นี่คือเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของพัฒน์

    “ผมสิ้นอายุขัยแล้ว แถมยังต้องไปรับการพิพากษาที่โลกวิญญาณอีก เฮอะ นี่มันเป็นเรื่องที่โคตรเหลือเชื่อเลย ให้ตายสิ”

    “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แล้วถ้าหากนายไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเราดีๆ ฉันก็คงจะส่งนายไปโลกวิญญาณแบบดีๆไม่ได้เหมือนกัน”

    สาธิตพูดก่อนจะเรียกทวนวิญญาณสีม่วงของตนออกมา พัฒน์ถึงกับผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะทำท่าครุ่นคิด แล้วตัดสินใจออกมาในที่สุด

    “ก็ได้ ผมจะยอมไปกับพวกคุณ แล้วผมก็หวังว่าผมคงจะได้รับคำพิพากษาที่น่าพึงพอใจนะครับ”

    “แน่นอนครับ คำพิพากษาของท่านทิวาจะต้องเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับคุณอย่างแน่นอน”รัตติกาลยิ้มให้พัฒน์ ก่อนที่สาธิตจะใช้ทวนเรียกประตูมิติวิญญาณของตนออกมา แล้วสั่งให้มันเปิดออก แรงดึงดูดมหาศาลดูดร่างวิญญาณของพัฒน์ให้หายไปในทันที



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×