คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Blue moon Hunter ศึกจันทรา ผ่ามิติ - บทที่ 2 สิ้นอายุขัย!?
เช้าวันรุ่งขึ้น พัฒน์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงียเนื่องจากเมื่อคืนเขานอนดึกกว่าคนอื่นๆ
และเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเจ้าพวกเพื่อนบ้ายังคงนอนกันอยู่ไม่มีใครตื่นกันสักคน
“เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ พีก็อีกคน ยิ่งอยู่กับไอ้พวกนี้ยิ่งดูจะทำตัวโรคจิตมากขึ้นทุกวัน ถ้าฉันไม่อยู่ พี แกจะเป็นยังไงนะ”
พัฒน์มองหน้าพีแล้วส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะนึกถึงคำพูดตัวเองที่พูดไว้กับรัตติกาลเมื่อคืนนี้
‘คุณรัตติกาลครับ ผมว่างานยมทูตของคุณนี่ก็ดูสนุกดีเหมือนกันนะ แต่เอาไว้ผมตายก่อนดีกว่าก็แล้วกันนะครับ’
นั่นสิ ถ้าหากว่าพีไม่มีเขาอยู่ข้างๆ จะเกิดอะไรขึ้นนะ แล้วถ้าหากว่าเขาไปเป็นยมทูตจริงๆ เขาจะสามารถอยู่เคียงข้างพีได้อีกไหมนะ
“นายสามารถที่จะอยู่เคียงข้างเขาได้เสมอนั่นแหละ เพราะยมทูตสามารถสร้างกายหยาบที่เป็นสิ่งที่เหมือนร่างกายมนุษย์ได้ เพียงแต่จะไม่มีลมหายใจเท่านั้น”
คำพูดของใครบางคนตอบคำถามในใจของพัฒน์ เขาหันไปมองเตียงสองชั้นที่เขาใช้นอนทุกวัน ก็พบกับยมทูตคู่ปรับที่เขาเองก็ไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่นัก
“คุณสาธิตนี่เอง ผมก็นึกว่าเป็นเสียงนกเสียงกาที่ไหนซะอีก หึๆ”
“แก...ไอ้ปิยะพัฒน์ ดูเหมือนว่าแกจะอยากตายก่อนจะถึงฆาตนะ”
ยมทูตสีม่วงพูดก่อนจะเรียกทวนวิญญาณสีม่วงออกมา แล้วจ่อเข้าที่ลำคอขาวของคนปากดี แต่พัฒน์ก็ไม่ได้กลัวการกระทำของยมทูตตรงหน้าแม้แต่น้อย
“ทำแบบนี้ไม่ดีมั้งครับคุณสาธิต เดี๋ยวก็โดนท่านทิวาเรียกไปดุเอาอีกหรอก”
เสียงของยมทูตสีน้ำเงินครามดังขึ้น สาธิตรีบหันไปมองก่อนจะเก็บทวนของตนไปทันที เพราะกลัวว่าทิวาจะมองเขาอยู่ แล้วเขาจะโดนพญายมบาลทิวาเรียกไปดุอีก ครั้งก่อนเขาก็หูชามากพอแล้ว
“โธ่ คุณรัตติกาล อย่าขู่ผมแบบนี้สิ ผมแค่อยากจะสั่งสอนเจ้าเด็กมนุษย์ปากดีนี่ก็เท่านั้นเอง”
“แต่มันก็ไม่สมควรนะครับ คุณเป็นยมทูตมาตั้งหกร้อยปีแล้วยังไม่รู้กฎข้อนี้อีกเหรอครับ ว่าเราไม่ควรทำร้ายมนุษย์ที่ยังไม่ถึงฆาตน่ะ”
รัตติกาลดุสาธิต เล่นเอายมทูตที่ดูอวดเก่งเมื่อกี้สงบเสงี่ยมเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้เลยทีเดียว พัฒน์มองอย่างขำๆ
“อ้อ จริงสิคุณพัฒน์ครับ เรื่องเมื่อวานขอบคุณมากนะครับ ที่เจอวิญญาณดวงนั้นก่อนพวกผมอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณรัตติกาล มันเป็นความสามารถพิเศษของผมที่มักจะเจออะไรก่อนคุณอยู่แล้ว”
คำพูดของรัตติกาลดูท่าทางจิกกัดผู้ฟังมากโข แต่ของพัฒน์นั้นจิกกัดได้เจ็บแสบมากกว่าของรัตติกาลเป็นร้อยเท่า รัตติกาลส่ายศีรษะอย่างยอมแพ้
“ผมยอมแพ้ครับ คุณนี่ยังพูดอะไรได้เจ็บแสบไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”
พัฒน์ยิ้มอย่างมีชัย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
หลังจากที่พัฒน์เข้าห้องน้ำไปแล้ว สองยมทูตก็ออกมาจากห้องพักแล้วมานั่งคุยกันอยู่ที่ศาลาริมน้ำบริเวณหอพักนักเรียน
“คุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหมครับ ถึงได้มาหาคุณพัฒน์”
รัตติกาลเป็นคนเปิดประเด็น สาธิตเลิกคิ้ว ก่อนจะนึกออกว่าเรื่องที่รัตติกาลพูดถึงนั้นเป็นเรื่องอะไร
“ถ้าคุณรัตติกาลพูดถึงเรื่องนั้นล่ะก็ ใช่ครับ เมื่อคืนหลังจากที่ผมกลับจากสวนนั่น ผมก็ไปหาท่านทิวาเรื่องเด็กนั่น เพราะผมสงสัยในพลังของเจ้าเด็กนั่น”
“ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อสักครู่นี่เอง ว่าวันนี้เป็นวันสิ้นอายุขัยของคุณปิยะพัฒน์ ทวีวัฒนานนท์ ทายาทของบริษัทนายทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกมนุษย์”
รัตติกาลนึกถึงคำพูดของพัฒน์เมื่อคืน แล้วยิ้มออกมานิดๆ
“อีกไม่นานแล้วสินะครับคุณสาธิต คนที่ผมหมายตามานานก็จะได้มาทำงานร่วมกันสักที”
สาธิตมองค้อนรัตติกาลเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมเบาๆเพื่อให้หัวหน้าของเขาหยุดเพ้อฝันถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้
“แต่เจ้านั่นมีสิทธิที่จะเลือกนะคุณรัตติกาล คุณก็รู้ว่ามนุษย์ที่ตายไปแล้วเป็นวิญญาณบริสุทธิ์น่ะ มีสิทธิที่จะเลือกว่าจะเป็นยมทูตหรือเป็นเทวทูต”
“เรื่องนี้มันก็จริงอย่างที่คุณพูดนะครับ หากแต่ว่าผมก็ภาวนาให้สิ่งที่คุณพัฒน์เลือกนั้นคือยมทูต ไม่ใช่เทวทูต”
รัตติกาลกล่าวเข้าข้างตัวเอง ความคิดของเขานั้นอาจจะถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพัฒน์จะเลือกตามที่เขาคิดเอาไว้
“ก็ถ้าเจ้าว่างพอที่จะคิดแบบนั้น เอาเวลาไปทำงานดีกว่าไหมฮะ รัตติกาล สาธิต”
เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทำเอาสองยมทูตสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะหัวเราะแหะๆ
“ท่านทิวา แอบดูอยู่หรือครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ คิดว่าถ้าฉันไม่เป็นคนคอยตรวจดูว่าพวกเจ้าทำงานกันอยู่หรือเปล่า ใครกันจะคอยมาทำหน้าที่นี้ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าก็หาเรื่องโดดงานกันน่ะสิ ที่เขตเก้าสิบสอง ของพวกเจ้ามีวิญญาณอาฆาตตัวหนึ่งกำลังจะทำร้ายมนุษย์ อยู่พิกัดที่สามสิบสี่ ไปดูที่นั่นเดี๋ยวนี้”
สิ้นคำสั่ง สองยมทูตก้มหัวรับคำสั่งแล้วรีบบินไปยังพิกัดที่ว่านั่นทันที ทิวาที่ดูผ่านกระจกม่านน้ำของตนก็นั่งกุมขมับ งานที่โลกวิญญาณก็ล้นมือ แต่ละวันมีดวงวิญญาณที่มารอรับการพิพากษาจากเขานั้นมากมายล้นทางเดินของโลกวิญญาณ เขาเองก็ไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลยแม้แต่น้อย แถมยังต้องมาคอยจับตาดูเจ้าพวกยมทูตอู้งานอีก
“คอยดูนะ ถ้าพวกเจ้าอู้งานอีก ฉันจะสั่งให้พวกเจ้าไปทำความสะอาดสวนโลกวิญญาณทั้งหมด”บ่นกับตัวเองก่อนจะพิพากษาดวงวิญญาณตรงหน้าต่อ
.
.
หลังจากที่พัฒน์อาบน้ำเสร็จ เขาก็เรียกเจ้าเพื่อนตัวดีทั้งหลายให้ไปอาบน้ำ ก่อนที่พวกเขาจะไปเรียนสาย เครื่องแบบของโรงเรียนอุดมมั่นวิทยา(UMU.) เป็นแบบธรรมดาทั่วไป เครื่องแบบมีเพียงเนคไทสีฟ้า เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นปักอักษรย่อของโรงเรียน และกางเกงขายาวสีดำเท่านั้น
เมื่อทุกคนแต่งตัวเสร็จกันแล้ว ทั้งหมดจึงเดินออกมาจากหอพักพร้อมกัน
“เออ พัฒน์ เมื่อคืนแกได้ซื้อเป๊ปซี่มาหรือเปล่าวะ”
ไท หรือ แทนไท ถามถึงเป๊ปซี่ที่เขาใช้เพื่อนหน้าสวยคนนี้ไปซื้อมาเมื่อคืน พัฒน์ขว้างค้อนใส่เพื่อนรักวงใหญ่ก่อนจะตอบ
“เออ ซื้อมาแล้ว อยู่ในตู้เย็น เย็นนี้ก็กรุณากลับมากินด้วยล่ะ เพราะฉันไม่อยากไปเสียเที่ยว ...ไปแล้วก็เจอวิญญาณ”ประโยคหลังพัฒน์พูดเสียงแผ่วราวกับพูดกับตัวเอง แต่อย่าหวังว่าจะหลุดพ้นหูนรกของไอ้เพื่อนตัวดีไปได้เลย
“นี่แกไปเจอวิญญาณมาอีกแล้วเหรอ”กาล หรือ โชติกาล ถาม พัฒน์ยิ้มแหยก่อนจะพยักหน้าตอบ
“เออสิ ฉันไปเจอวิญญาณมา ในสวนสาธารณะนั่นแหละ โดนข่มขืนแล้วก็ฆ่า เลยกลายเป็นวิญญาณอาฆาต แถมยังเจอก่อนยมทูตอีก เฮ้อ ชีวิตฉัน เคยเจออะไรดีๆกับเขาบ้างไหมเนี่ย”
“จะมีครั้งไหนไหมล่ะที่พัฒน์จะไม่เจอวิญญาณก่อนยมทูตสองตนนั่น ก็ไม่มีใช่ไหมล่ะ”
พี หรือ พีรวิชญ์พูด พัฒน์หันไปมองพีอย่างงอนๆ
“โหย พี ไม่เข้าข้างกันก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะ”
ทั้งหมดหัวเราะให้กับการกระทำที่ดูจะติงต๊องของพัฒน์ พัฒน์มองหน้าเพื่อนๆก่อนจะหัวเราะตาม แต่ภายในใจกลับมีความรู้สึกแปลกๆ
‘ถ้าหากฉันตายไปจริงๆ พวกแกจะเป็นยังไงกันนะ’
.
.
ชั่วโมงเรียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน
“เฮ้ย พัฒน์ แกว่างหรือเปล่าวะ ฉันจะวานแกให้ไปซื้อของทำงานให้หน่อย พอดีกระดาษกับสีมันหมด แกไปซื้อให้หน่อยได้ไหมวะ”
ไทเดินเข้ามาหาพัฒน์หลังจากที่ชั่วโมงสุดท้ายได้หมดเวลาลง พัฒน์หันไปมองอย่างเคืองๆ
“แกนี่ จะใช้ฉันทุกอย่างเลยใช่ไหมไอ้ไท”
“เอาน่า ไปให้หน่อยนะ ฉันไหว้ล่ะ การบ้านที่จะส่งพรุ่งนี้ฉันยังทำไม่เสร็จเลย นะๆ ไปให้หน่อยนะพัฒน์นะ”
ไทพนมมือก่อนจะยกขึ้นไหว้พัฒน์อย่างขอร้อง มีหรือที่คนอย่างปิยะพัฒน์จะไม่ใจอ่อน ถ้าเพื่อนมันขอร้องขนาดนี้ คนอย่างเขาจะไม่ทำให้ก็คงไม่ได้
“เออๆ ก็ได้ แต่พรุ่งนี้แกต้องเลี้ยงข้าวฉันตอบแทนที่แกใช้ฉันไปซื้อของสองรอบ โอเคไหม”
“โอเคเลย ขอบใจมากเพื่อนรัก ไปแล้วรีบกลับนะเว้ย เดี๋ยวพีพวกฉันดูแลให้ ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลย ฮ่าๆ”
ไทพูดติดตลก เพราะเขารู้ดีกว่าเพื่อนของเขามันหวงน้องชายฝาแฝดคนนี้แค่ไหน พีเองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันก็เพื่อนกันทั้งนั้น
“เออ งั้นฉันไปก่อนนะ งานคณะกรรมการนักเรียนที่พวกแกนั่งทำกันเมื่อคืน ฉันมานั่งเรียงกับสรุปรายละเอียดให้แล้ว ฉันวานให้แกไปส่งให้ผอ.ด้วยก็แล้วกันนะ”
พัฒน์สั่งงานที่เขานั่งทำเมื่อตอนกลางวันให้ไทเอาไปส่งให้ท่านผอ.โรงเรียน ไทพยักหน้ารับ พัฒน์จึงเดินออกมานอกห้องเรียนเพื่อไปซื้อกระดาษกับสีให้ไทตามที่สั่ง โดยไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังตามสะกดรอยเขาตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียน...
.
.
หลังจากที่ได้ทำการส่งวิญญาณอาฆาตไปยังโลกวิญญาณแล้ว รัตติกาลกับสาธิตก็ได้กลับมาดูความเคลื่อนไหวของพัฒน์ ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มเดินทอดน่องไปยังร้านขายเครื่องเขียนเพื่อซื้อของให้เพื่อน
“หมอนั่นไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่ามีคนตามมา ประสาทสัมผัสช่างเชื่องช้าจริงๆ”
สาธิตค่อนแขวะพัฒน์ในขณะที่กำลังนั่งดูพัฒน์ผ่านคอมพิวเตอร์ขนาดเท่าโทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้ต่างแทนโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับคนในโลกวิญญาณได้ รัตติกาลหันไปมองรองหัวหน้าหน่วยของตนก็ถอนหายใจเฮือก
ด้านพัฒน์เอง เขาไม่ใช่ไม่รู้สึกตัวว่ามีคนตามมา เพียงแต่เพิ่งรู้สึกตัวเท่านั้น เพราะหลังจากที่เขาก้าวเข้าร้านขายเครื่องเขียน บุคคลหน้าสงสัยก็ทำทีเป็นรออยู่หน้าร้านโดยไม่เข้ามา ทั้งๆที่แอบตามเขามาโดยตลอด แถมยังคอยลอบมองเขาเป็นระยะๆอีกด้วย
“เฮ้อ เอาแล้วไงไอ้พัฒน์ ใครมันตามมาวะเนี่ย”
พัฒน์ถอนหายใจก่อนจะรีบซื้อของแล้วออกมาจากร้าน
ในขณะที่กำลังเดินกลับ พัฒน์เดินผ่านสวนสาธารณะ แล้วจู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืน
“แล้วนี่ฉันจะนึกถึงเรื่องเมื่อคืนทำไมวะ”พัฒน์หยุดเดินก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง โดยไม่ได้สนใจบุคคลที่เดินตามหลังตัวเองมาแม้แต่น้อย
ในชั่วพริบตาที่พัฒน์กำลังยืนนิ่งอยู่นั้น วัตถุมีคมก็พุ่งเข้าหาเขาทันที ปลายมีดปักเข้าที่หัวใจของเขาอย่างแรง ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มทรุดลงกับพื้นหญ้า เลือดสีแดงแผ่กระจายบนเสื้อนักเรียนสีขาวเป็นวงกว้าง ถุงใส่ของที่ไทสั่งเขามาซื้อร่วงลงบนพื้น ก่อนที่เขาจะล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นหญ้า
.
.
ตาย!? นี่ฉันตายแล้วจริงๆหรือเนี่ย
พัฒน์ที่อยู่ในสภาพวิญญาณลอยมองร่างไร้วิญญาณของตัวเองอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเกาหัวเบาๆ
“โธ่เว้ย...อะไรวะเนี่ย”พัฒน์สบถ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรมากไปกว่า ยมทูตประจำเขตทั้งสองตนก็ปรากฏกายให้เขาเห็นเสียก่อน
“สวัสดีครับคุณพัฒน์ ไม่คิดว่าเราจะเจอกันในสภาพนี้นะครับ”
รัตติกาลกล่าวทักทายพลางยิ้มให้ ผิดกับสาธิตที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ด้านหลังรัตติกาล
“คุณรัตติกาล นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมผมถึงได้ตายเร็วแบบนี้”
พัฒน์ชี้ไปที่ร่างตัวเอง แล้วมองหน้ารัตติกาลอย่างต้องการคำตอบ
“ก็หมายความว่านายตายแล้วไง วันนี้คือวันสิ้นอายุขัยของนาย”สาธิตตอบคำถามนั่นแทนรัตติกาล ดวงตาสีเหล็กเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหู
“ถูกอย่างที่คุณสาธิตบอกครับ แล้วพวกเราก็จำเป็นจะต้องส่งวิญญาณของคุณไปรับการพิพากษาที่โลกวิญญาณ”
รัตติกาลกล่างพลางทำสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่านี่คือเรื่องปกติ หากแต่นี่คือเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของพัฒน์
“ผมสิ้นอายุขัยแล้ว แถมยังต้องไปรับการพิพากษาที่โลกวิญญาณอีก เฮอะ นี่มันเป็นเรื่องที่โคตรเหลือเชื่อเลย ให้ตายสิ”
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แล้วถ้าหากนายไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเราดีๆ ฉันก็คงจะส่งนายไปโลกวิญญาณแบบดีๆไม่ได้เหมือนกัน”
สาธิตพูดก่อนจะเรียกทวนวิญญาณสีม่วงของตนออกมา พัฒน์ถึงกับผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะทำท่าครุ่นคิด แล้วตัดสินใจออกมาในที่สุด
“ก็ได้ ผมจะยอมไปกับพวกคุณ แล้วผมก็หวังว่าผมคงจะได้รับคำพิพากษาที่น่าพึงพอใจนะครับ”
“แน่นอนครับ คำพิพากษาของท่านทิวาจะต้องเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับคุณอย่างแน่นอน”รัตติกาลยิ้มให้พัฒน์ ก่อนที่สาธิตจะใช้ทวนเรียกประตูมิติวิญญาณของตนออกมา แล้วสั่งให้มันเปิดออก แรงดึงดูดมหาศาลดูดร่างวิญญาณของพัฒน์ให้หายไปในทันที
ความคิดเห็น