คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอน 1/2
ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ ก่อนโถมตัวนอนแนบกับโต๊ะ หลับตาสมองยังครุ่นคิดวกไปวนมาอยู่อย่างนั้นพลางลุกพลุ่มพล่ามไม่สนคนรอบข้างตกอกตกใจกิริยาร้อนรนของเจ้าตัว ตรงไปห้องน้ำทันที ไม่สนใจว่าตนเองเป็นตลกขบขันไปเสียแล้ว...บุญนำจ้องกระจกตรงหน้า ปากก็พำพึมไปตามประสา
สรัย แน่นๆๆ ต้องใช่ ...ไม่ได้ต้องไปดูให้เห็นกับตา...” ว่าไม่ว่าเปล่าวิ่งหน้าตั้งไปที่ห้องผู้บริหารทันที เสียงหอบแรง ๆ พลางตั้งสติยกมือหมายจะเคาะกับต้องค้างเอาไว้เมื่อประตูเปิดออกมาพอดี ภาพที่เห็นถึงตาค้าง ตัวแข็งทื่อ พูดไม่ออกอยู่นานเมื่อเจ้านายทำหน้าดุใส่ ส่วนหญิงสาวได้แต่หัวเราะด้วยความขบขับกับท่านางวกของชายหนุ่ม
“ ไม่เปลี่ยนเลยนะ...” น้ำเสียงใส ๆ ราวกับประชดใส่ แต่ในเวลานี้ชายหนุ่มไม่รู้จะทำกิริยายังไงเมื่อเจอเพื่อนสาวเวลานี้แบบไม่ทันตั้งตัว
“ อ้าว ! รู้จักกันด้วยหรอก ...” กานต์ว่าทำหน้างุนงงมองหญิงสาวทีชายหนุ่มที ก่อนเอ่ยต่อไปว่า “ ..ไงก็ดีเลย ผมขอฝากสรัยกับคุณน่ะ ...สรัยยังใหม่กับที่นี่อยากให้คุณเป็นพี่เลี้ยงช่วยสอนงานให้น้องเขาหน่อย .. ผมไว้ใจคุณ ฝากด้วยล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยราวไม่ไว้ใจนัก น้ำเสียงดูจะจำใจสุด ๆในความคิดของเขา ...แถมท้ายยังตบไหล่หนาของเขาอย่างไม่เบามือเลย
บุญนำยิ้มรับด้วยความยินดีมองผู้เป็นเจ้านายเดินไปในห้องก่อนเหลียวตามองหญิงสาวที่มองอยู่ก่อนแล้วพลอยเซมองทางอื่นราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
“ เอ่อ ๆๆ นำว่าสรัยไปนั่งที่โต๊ะนำก่อนดีไหม ผมจะได้สอนว่าสรัยต้องทำอะไรบ้าง” น้ำเสียงนอบน้อมด้วยความเกรงใจกอปรด้วยกิริยาเกร็ง ๆ ของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ก่อนตีหน้าขรึมใส่
“ คุณก็นำไปซิค่ะ...” หญิงสาวว่าเรียบ ๆ ใบหน้านิ่งมองชายหนุ่มยิ้มแห้ง ๆ เดินไปที่ตรงโต๊ะทำงาน หญิงสาวมองเพื่อนชายจัดข้าวของ มือปัดนู่นปัดนี่พร้อมผาดมือเชิญให้หญิงสาวนั่งรอซักครู่ หล่อนยื่นคอมองบุญนำเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่งก่อนกลับมาด้วยน้ำส้มกับผลไม้ในมือมาด้วย
หล่อนมองคนข้างๆ ที่มองมาต่างซุกซิบ หล่อนค้อนตาใส่ไม่ชอบใจที่ทำเช่นนี้ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ใส่ใจ กลับนั่งข้าง ๆ แถมยิ่มแป้นใส่เสียนี่ ...
“ นำ ...หยุดทำแบบนี้เดี๋ยวนี้นะ” หล่อนเอ็ดเบา ๆ มองชายหนุ่มที่จ้องหน้าสวยไม่วางตายิ่งให้สรัยฮัดอึดอย่างบอกไม่ถูก จนต้องเดินหนีออกไปที่ลอดจอดรถไม่สนเสียงตะโกนไล่หลังกระชั้นชิด ...สรัยหันมาถลึงตาใส่ทันทีจนชายหนุ่มเบรกแทบไม่ทัน พลางเอ็ดเสียงเขียวว่า “ ..ทำไมต้องทำแบบนี้เธอเป็นหัวหน้า ไม่ใช่ฉันเป็นหัวหน้า อย่าลืม ...”
“ นำไม่ลืมครับ ไม่ลืม ...” เขาว่าเสียงอ่อย ๆ
“ ไม่ลืมทำไมไม่ทำให้สมเป็นหัวหน้า ทำไมต้องให้เราต้องบอกด้วย แล้วก็ไม่ต้องจ้องหน้าเราด้วย” หญิงสาวว่าเรียบ ไม่บ่งบอกว่าหล่อนไม่พอใจอะไร
“ เราไม่ได้เจอกัน10 ปี ...10 ปีที่เราไม่ได้เห็นหน้าเห็นตา วัน ๆ ได้แต่ดูรูปเก่าๆ ที่เรามองหน้าสรัยแบบนั้นก็ขอโทษด้วยแต่ที่มองเพราะกลัวว่าสรัยจะหายไปดื้อ ๆ ..แล้วจะไม่กลับมา เราคิดถึงสรัยนะ คิดถึงมากด้วย” น้ำเสียงเศร้าสลด แววตาจริงจัง ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออกได้แต่เบี่ยงหน้าหนีไม่สนใจด้วยความรู้สึกไม่ถูก
เธอไม่อยากคาดหวังอะไรมาก ที่มาก็เพื่อทำงานเท่านั้น หญิงสาวคิดเช่นนั้นจริง ๆ แต่กลับบ้างเรื่องก็ทำให้หล่อนใจอ่อนได้เหมือนกัน..โดยเฉพาะคำว่าเพื่อนนี่แหละ
“ ฉันขอโทษ ... ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อเธอเลย เวลานี้ฉันก็กลับมาแล้ว เธอจะไม่ต้อนรับฉันหน่อยหรือในฐานะ...เพื่อน” หล่อนเอ่ยช้า ๆ ด้วยความรู้สึกผิดในใจ จับจ้องอีกฝ่ายที่ใบหน้าเศร้าราวยอมรับผิด ทว่าคำสุดท้ายกับฉีกยิ้มขึ้น
“ งั้นเราไปเที่ยวกัน ...มะเพื่อน ไปไหนไปกัน ...”ชายหนุ่มเอ่ยเปลี่ยนน้ำเสียงยียวน ทะเล้น ทะลึงราวกับเป็นคนละคนทันที ดึงร่างบางไปที่รถทันที
“ แกจะบ้าหรือไง เวลาทำงานยังคิดจะไปเที่ยวอีก หาเรื่องตกงานไหมล่ะเจ้านี่.. มาเลยไปทำงานเดี๋ยวนี้” หญิงสาวสั่งไม่จริงจังนัก ... ใบหน้างอก่อนฉีกยิ้มเดินไปที่ห้องทำงานด้วยไม่สนคนข้างหลังตะโกนเรียกน้ำเสียงเสียดายที่เพื่อนสาวรู้ทัน
หญิงสาวก้มดูนาฬิกาข้อมือด้วยความเคยชิน ก่อนเหลียวมองคนข้างๆ กำลังทะมันทะแม่งที่โต๊ะทำงานข้าง ๆ หล่อนอยู่ รอยยิ้มบาง ๆปรากฏาขึ้นไม่รู้ตัวก่อนก้มทำงานต่อไป ภายในใจรู้สึกแปลก ๆ ต่อสิ่งแวดล้อมใหม่ ที่ทำงานใหม่ มันบอกไม่ถูกเลยหรือเธอยังไม่ชินกันแน่น...
หล่อนลอดมองที่หน้าต่างแววตาเศร้าไม่รู้ตัว ไม่สังเกตเห็นอีกฝ่ายที่ดูเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกสงสารระคนเห็นใจ
สรัย...เธอจะรู้ไหมว่ามีคนที่ห่วงใยและรอคอยการกลับมาของเธออยู่ ...เธอจะรู้ไหมนะ ชายหนุ่มเอ่ยในใจด้วยความหนักใจ ก่อนเหลียวมองมือถือดังขึ้น มือเรียวแข็งแรงคว้า พลางดูเบอร์กลับรู้สึกอึดอัดพลางมองหญิงสาวที่หันมาด้วยความสงสัย
หญิงสาวสังเกตอีกฝ่ายที่ได้ อื่มมๆ ครับ ๆ แค่นั้นก่อนจะวางสายไป ยิ่งสร้างความสงสัยมากขึ้น ราวมีอะไรในใจไม่กล้าจะบอกหล่อนตรง ๆ ได้แต่เงียบไปดื้อๆ มือไม้ก็คว้าเอกสารโน่นนี่ใส่กระเป๋ากลางเก่ากลางใหม่
หญิงสาวพยามยามจะเอ่ยถามกับต้องปิดปากเงียบเสีย เมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า..
“ เดี๋ยวสรัยไปกับผมแป๊ปหนึ่งนะ ...” ชายหนุ่มว่าแค่นั้น ลุกขึ้นไปสั่งงานลูกน้องอย่างรวดเร็วก่อนหันมาพยักหน้าให้หล่อนให้เป็นเชิงรับรู้ ว่าต้องไปแล้ว ...
นี่แหละ บุญนำตัวจริงเวลาเป็นการเป็นงาน เขาจะขรึมเป็นคนละคนจนคนข้างๆ ตั้งตัวไม่ทันทั้งที่ใบหน้าก็ไม่ได้หล่ออะไรมากมาย แต่กลับมีเสน่ห์อย่างประหลาด อาจเป็นเพราะบุลลิกที่สูงใหญ่ และชอบทำหน้าทะเล้นใส่ก็เป็นไปได้....
บ่ายคล้อยมากแล้วหญิงสาวยังนั่งในรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ รอบตัวมีแต่ต้นไม้น้อยใหญ่ข้างทางตลอดทาง รถราผ่านน้อยนักอาจเป็นเพราะเป็นทางชันและถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง ....หญิงสาวเหลียวมองคนข้าง ๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่คนเดียว
หญิงสาวพยามยามไม่ให้เสียงถอนใจเล็ดลอดให้บุญนำได้ยินเมื่อรถได้เลี้ยวเข้ารีสอตร์และจอดสนิทตรงบ้านเล็กๆ ที่มีป้ายติดตัวโตด้วยไม้สักแท้ ...สายตาไปเหลียวเห็นคนวิ่งไกล ๆ ใบหน้าที่เต็มไปเหงื่อพุดเต็มไปหมด ทว่าเจ้าตัวไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เหมือนมีเรื่องคนขาดบาดตายอยู่ตรงหน้านี่ ...ใบหน้าที่ร้อนรนจนหล่อนรู้สึกสงสัย
“ พี่นำครับ เร็วเถอะ...” น้ำเสียงดูร้อนรนจนชายหนุ่มชะงัก คิ้วหนาขมวดอย่างไม่รู้ตัว ก่อนถอนใจยาวหนัก ๆ รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา
“เอาอีกแล้วหรอก ...คราวนี้เป็นใครล่ะผู้กำกับหรือนักแสดง” ชายหนุ่มว่าอย่างเบื่อหน่ายระคนระอา ส่วนหญิงสาวยิ่งสร้างความสงสัยหันไปมองชายหนุ่มทันที
“ คราวนี้เป็นทั้งผู้กำกับและคุณไอซ์เลยแหละครับพี่ ตอนนี้จะเป็นโรงมวยอยู่แล้ว...” น้ำเสียงคนพูดถึงกับให้สองหนุ่มสาวนึกภาพออกทันที มือบางสะกิดไหล่หนาของเพื่อนชายทันที ราวกับบอกให้รีบไปซะ...
“ อยู่ที่นี้รอนะ สรัย เดี๋ยวฉันมา” น้ำเสียงไม่สู้ดีนักเอ่ยบอกอีกครั้ง
หญิงสาวพยักหน้ารับน้อย ๆ มองเพื่อนวิ่งด้วยสีหน้ารีบร้อน ทว่าจิตใจของหล่อนตอนนี้รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย มันคงไม่ใช่...ไม่หรอก ...เธอคงคิดมากไปเอง
ความคิดเห็น