ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เหตุเกิดที่ซอย47 ( ชื่อเรื่องชั่วคราว)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 51


    ตอนที่ 1

    รถเบนซ์คันหรูสุดหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบลาดจอดรถในท่าอากาศยาน  ฝีเท้ารีบเร่งอย่างรวดเร็วด้วยไม่สังเกตรอบข้างที่เหลียวมองดูชายหนุ่มที่โดดเด่นสะดุ้งตาใครต่อใครจนต้องเหลียวตามไป ...ทว่าสายตาอันคมกริบเห็นหญิงสาวรูปร่างโปร่งบางอย่างคุ้นตา ริมฝีปากได้รูปฉีกยิ้มกว้างพร้อมถอนแว่นตากันแดดออกเมื่อหญิงสาวได้ย่างก้าวเข้ามาตรงที่เขา

                ไง ..สาวน้อยสบายดีนะกานต์หรือใคร ๆ ที่เรียกเขาคุณชายกานต์ ท่วงท่าในมาดคุณชายที่สมบูรณ์แบบไม่ว่ากิริยาที่สุภาพบุรุษสุดขั้วแล้วยังรอยยิ้มที่ตรึงสาวๆ ได้ง่าย นี่อาจเป็นเพราะกานต์นั้นถูกอบรบมาอย่างดีด้วยคุณแม่ที่เป็นผู้ดีเก่าและพี่สาวของเขานั้นเอง

                อื้อ.. รู้สึกเพลีย ๆ เหมือนกัน   หญิงสาวนามว่าสรัยพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับ ..ก่อนมือเรียวแข็งแรงนั้นปัดเส้นผมของหล่อนอย่างอย่างเบามือ  แววตาที่จ้องมองหญิงสาวด้วยความรักและเอ็นดูหากคนรอบข้างต่างมองสองหนุ่มด้วยความรู้สึกอิจฉาไม่ได้เมื่อสองหนุ่มสาวไม่ต่างอะไรคู่รักที่ต่างฝ่ายหญิงก็สวยฝ่ายชายก็หล่อ

                ไปเถอะครับสรัย ผมจัดที่พักให้เรียบร้อยแล้ว มาครับสรัยเดี๋ยวผมถือให้ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงที่เรียบแฝงด้วยความเป็นห่วง แขนแข็งแรงโอบเอวบางเบา ๆ อย่างสุภาพเมื่อหล่อนยิ้มให้ด้วยสายตาที่ขอบคุณ...

                หญิงสาวเดินตามแรงของชายหนุ่มพลางลอบถอนใจโดยไม่ให้ชายหนุ่มได้เห็นแม้แต่นิดเดียว ..แลตามองเพื่อนชายที่หล่อนเชื่อใจที่สุด ตั้งแต่ที่หล่อนได้ย่างก้าวออกจากบ้านด้วยความเจ็บช้ำ สองขาและสองมือของหล่อนแทบหมดแรงไร้กำลังในการดำเนินชีวิตในต่างแดดอย่างโดดเดี่ยว หล่อนยังจำได้ดีในวันที่หล่อนล้มลงในวันนั้น ..กานต์คนนี้ได้ช่วยเธอพร้อมยื่นมือให้เธอได้ยืนขึ้นอย่างมั่นคงจนถึงวันนี้         

    กานต์เป็นทั้งพ่อแม่ เป็นทั้งเพื่อนของหล่อนนับตั้งวันนั้น ...ความเป็นเพื่อนที่รักและห่วงกันมาด้วยตลอดทำให้หล่อนมีกำลังใจที่ร่ำเรียนอย่างตั้งใจพร้อมกับการทำงานไปด้วย..ทว่าในช่วงไม่กี่ปีสรัยและกานต์ได้เปิดบริษัทเล็ก ๆ ด้วยกัน ซึ่งมันก็เป็นที่น่าพอใจนักกับการผลตอบรับในการเป็นผู้ผลิตสื่อในด้านบันเทิง ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากทุกช่องก็ว่าได้ จากบริษัทเล็ก ๆ  ถึงกับต้องขยายงานเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ

     วันหนึ่งก็มาถึงเมื่อกานต์ตัดสินใจที่ขยายงานไปเมืองไทยตามอย่างที่คิดไว้ สร้างความตกใจแก่สรัยเป็นที่สุด ..ซึ่งกานต์ได้ควบคุมงานด้วยตนเอง โดยให้หญิงสาวดูแลงานทางนี้ ...10 ปีมานี้ ที่หญิงสาวไม่เคยคิดจะกลับมาเมืองไทย ..นับจากเรื่องวันนั้นจนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนที่หล่อนจะลืมได้ลง ไม่เคยลืมสายตาที่ทุกคนมองหล่อน สายตาที่จับจ้องมองหล่อน...ซึ่งหล่อนหวังว่าทุกคนลืมเรื่องเมื่อ 10 ปีไปเสียให้สิ้น 

      แล้วทางนี้เป็นเป็นไงล่ะ เห็นว่าทำรายการไปได้สวยนี้...แล้วจะให้สรัยมาทำไมอีก ไม่มีงานอะไรให้สรัยทำสักหน่อยหล่อนว่าเมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว มือเรียวหยิกเอกสารที่อยู่หลังรถมาอ่านโดยไม่สังเกตรอยยิ้มอีกฝ่าย ก็ให้สรัยมาประเมินพนักงานให้หน่อย งานนี้อย่างให้สรัยจัดการด้วยตัวเองชายหนุ่มบอกเสียงราบทว่าน้ำเสียงจริงจังนัก  

       ทำไมให้ใครทำไปล่ะกานต์ ..เรื่องแค่นี้เองสรัยพูดไปสายตาดูเอกสารไปมาด้วยไม่สนใจคนข้าง ๆ 

       สรัย เธอก็เป็นผุ้บริหารคนหนึ่งนะ อย่าลืม ..พนักงานทุกคนควรรู้จักเธอในฐานะผู้บริหารเหมือนกัน ทุกคนต้องรู้ …” ชายหนุ่มเตือนความจำลอบมองหญิงสาวถอนใจเบา ๆ สีหน้าที่บ่งบอกไม่เต็มใจนัก ก่อนเอ่ยต่อว่า

      สรัย เรารู้ว่าว่าเธอลำบากใจ แต่เธอก็ต้องสะสางเรื่องนี้  แล้วเรื่องนั้นมัน 10 ปีมาแล้ว  ..สรัยควรยอมรับความเป็นจริงได้แล้ว ใครจะมองยังไงก็ชั่งเมื่อเราไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างน้อยเราก็อยู่ข้างสรัย ใครจะกล้าว่า ฉันนี่ล่ะจะจัดการเสียให้น่วม ไม่เชื่อก็คอยดู

    หญิงสาวหันมามองชายหนุ่มพลางอดยิ้มขึ้นไม่ได้...

     

    เสียงฝีเท้าที่ดังอย่างรีบร้อนเข้ามาใกล้ ทำให้บุญนำละสายตาจากการทำงานตรงหน้า หันไปมองเสียงด้านหน้า ...ประตูที่เปิดออกนั้นปรากฏร่างบางสูงโปร่ง เส้นผมยาวสสวยเป็นลอนเล็ก ๆ เป็นประกายถึงกับอึ้งไปชั่วขนาดราวกับไม่เคยหญิงสาวตรงหน้านี้มานาน ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นเด็กกะโปโลและเป็นเพื่อนรัก ครั้งหนึ่งที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ..วันนี้หญิงสาวสวยผู้นี้กำลังเดินเข้าอย่างไม่นึกไม่ฝัน …10 ปีที่ผ่านมา เขาตามหาเพื่อนสาวที่หายไป ไม่ได้ข่าวคราวนอกจากข่าวลืองี่เง่านั้นทำให้เขาเสียกำลังใจทั้งที่เขาสืบหาตัวหล่อนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็เห็นหญิงสาวเดินเข้าในบริษัทอย่างมั่นใจ...ท่าทางทะมัดทะแมงไม่ต่างอะไรจากเมื่อก่อนเลย

                สรัย.. นี่เราตาฝาดหรือเปล่า สรัย... เสียงพำพึมอย่างตกใจ  ขยี้ตาตัวเองมองอีกครั้งทว่าหญิงสาวหายแว๊บไปไหนไม่รู้ ก่อนเอ่ยอย่างเศร้า ๆ ” ..นี่เราคิดมากขนาดเห็นสรัยจริง ๆเลยหรอกนี่ เฮ้อ..สรัย ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงนะ สรัยฉันผิดไปแล้วพื่อน

                ชายหนุ่มบ่นพึมพำส่ายศีรษะไปมา เดินไปที่โต๊ะทำงานอย่างเซ็ง ๆ มือที่จับดินสอขีดเขียนไปเรื่อยเปื่อย แววตาเหม่อลอยอดนึกถึงวันเวลาที่ล่วงเลยมานานนับ 10 ปีกับการรอคอยที่เขาหวังจะเอ่ยปากขอโทษเพื่อนสาว ทว่ามันสายเกินไปเมื่อสรัยได้จากไปด้วยไม่ร่ำลาใครเลย การจากไปของหล่อนสร้างความเจ็บปวดให้แก่บุญนำเป็นอย่างมาก   เขายังยังจำสายตาเพื่อน ๆ มองสรัยด้วยความรังเกียจ  ...เขายังจำได้ดี มันยิ่งให้เขาเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกถึงสายตาของสรัยมองเขาทั้งอ้อนวอน ขอร้อง เวลานั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ได้แตหลบสายตาคู่นั้นด้วยความระอาแก่ใจตัวเอง ...10 ปีที่ได้ทอดทิ้งเพื่อนสาวได้ลงคอด้วยไม่ไต่ถามเลยสักนิด อาจเพราะเขานั้นยังเด็กนักที่เห็นเพื่อนๆ ต่างรังเกียจไม่ยอมคบหา เขาไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรนอกจากให้มันผ่านเลยตามเลยเสีย อดนึกตำหนิตัวเองไม่ได้เมื่อเขาก็ไม่ต่างจากเพื่อน ๆ เท่าไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×