คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [NielWink] Not Now, Maybe Later — 70%
Not Now, Maybe Later
One Shot | Hogworts AU
Pairing: Kang Daniel x Park Jihoon
Genre: Fantasy, Hurt/Comfort
Rate: PG-13
“นายดูเหมาะกับสลิธิลินดีนี่ มาอยู่บ้านเดียวกันเถอะ”
จีนไม่ได้ตอบรับในครั้งแรก เมื่อเด็กผู้ชายผมทองที่แนะนำตัวเองว่าดิมิทรอฟ เคร้าช์ออกปากชวน เขาเพียงแค่เหลือบมองเจ้าของน้ำเสียงไร้กังวลด้วยความกังขา
ยอมดื่มน้ำฟักทองร้อยแก้วยังได้ ถ้าคนคนนี้ไม่ลงเอยที่กริฟฟินดอร์
“ทำเป็นเมินกันนี่” ดิมิทรอฟเลิกคิ้ว รอคอยคำตอบโต้ที่ไม่มาถึง ยิ่งนานยิ่งทำให้อับอาย “ก็ได้ แต่เผื่อนายไม่รู้นะ ที่หลังประตูบานนั้นมีมังกรถูกล่ามเอาไว้ พวกเราจะได้สู้กับมัน” คนไม่เคยชินกับการถูกเมินไม่ยอมรู้สึกแย่คนเดียว
จีนตีสีหน้าเย่อหยิ่งแต่ในใจหวั่นวิตก เขาเผลอแทะเล็บของตัวเองอย่างเสียนิสัย และความเย็นเฉียบจากปลายนิ้วชี้ก็ทำให้ริมฝีปากสั่น
“ช่าย พี่ชายฉันกระดูกมือพังยับ เขาบ่นด้วยว่ายาปลูกกระดูกทำให้คันยุบยิบแทบตาย”
ด้วยการรับรองจากเด็กผู้ชายอีกคนที่มีจุดเด่นที่จุดสามจุดบนข้างแก้ม ดิมิทรอฟประสบความสำเร็จในการปั่นประสาท
จีนกลืนน้ำลายลงคอ เขาทำเป็นจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเพื่อไม่ให้ตัวเองคลั่งไปเสียก่อน แต่ใช่ว่าดิมิทรอฟจะปล่อยให้เขาอยู่อย่างสงบ
ถึงไม่เงี่ยหูฟัง เสียงพูดคุยอย่างออกรสก็ดังพอให้ได้ยิน
“นายนามสกุลอะไรนะ — เดี๋ยว ฉันว่าฉันรู้ — ผมดำเหมือนหมึก แถมเอื้อเฟื้อไม่เว้นแม้แต่กับเหล่าคนที่ —” ดิมิทรอฟลากเสียงยาว เขาหันไปมองเด็กผู้ชายตาตกอีกคนที่อยู่ใกล้กัน แล้วกระตุกยิ้มร้าย “— ต่างไปจากเรา — ออสวอลด์ล่ะสินายน่ะ พวกทรยศต่อเลือด”
จีนเริ่มไม่แน่ใจกับความคิดที่ว่าดิมิทรอฟคือกริฟฟินดอร์เต็มขั้น
ออสวอลด์ดึงเพื่อนที่ตื่นตกใจมาซ่อนไว้ข้างหลัง เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ทว่าใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดง จีนคิดว่าเขากำลังโมโห “ใช่ ฉันซีร์ซี ออสวอลด์ และฉันรวย หมดปัญหาของนายรึยังเคร้าช์”
“เรียกแค่ดีเถอะ ฉันชอบนายเป็นบ้า ยี่สิบแปดสกุลศักดิ์สิทธิ์จะน่าสนใจยังไงถ้าคนตรงหน้านายขึ้นรถไฟมักเกิ้ลเป็น จริงไหม” ว่าแล้วดิมิทรอฟก็ฉีกยิ้มมากกว่าเดิมจนฟันหน้าสองซี่เผยออกมา “หลบไปไหนของนายน่ะ เจ้าตัวเล็ก มักกอนนากัลบอกให้พวกเรารวมกลุ่มกันไว้นะ”
แล้วบทสนทนาต่อมาก็เป็นเรื่องของเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ รถยนต์ และโทรศัพท์มือถือ จนกระทั่งศาสตราจารย์มักกอนนากัลย้อนกลับมา
ดิมิทรอฟไม่ใช่กริฟฟินดอร์ แม้จะใกล้เคียง แต่ไม่ใช่
ไม่มีมังกรที่หลังประตู ถ้ามองข้ามความรู้สึกเหมือนถูกรุกล้ำเมื่อมีใครมายุ่งกับความคิดในหัวไปได้ การคัดสรรนั้นทั้งเรียบง่ายและชวนให้โล่งอก
“เพฟเวอเรลล์, จินเซ่น” ถัดจากที่ออสวอลด์ถูกส่งบ้านไปกริฟฟินดอร์ ชื่อของจีนก็ถูกเรียก
“สลิธีลิน!” หมวกประกาศ
เสียงปรบมือต้อนรับดังเปาะแปะจากโต๊ะทางขวามือและจากดิมิทรอฟที่นั่งอยู่ก่อน
จีนไถลตัวลงจากม้านั่งอย่างมีชีวิตชีวาที่สุดเท่าที่จะแสดงออกได้ หน้าที่ตึงเหมือนผ้าใบบนโครงไม้ค่อย ๆ ผ่อนคลาย
ในเมื่อเขาไม่อยากได้จดหมายกัมปนาทจากป้าขี้โมโหของเขาและยังอยากมีที่เหลือให้กลับไปซุกหัวนอนในช่วงปิดภาคเรียน สลิธิลินจึงเป็นตัวเลือกเดียวท่ามกลางบ้านอื่น ๆ ที่มีพวกเลือดสีโคลนอยู่เต็มไปหมด
“ฉันเดาไว้ไม่เคยพลาด” พอจีนทรุดตัวลงตรงที่นั่งที่ถูกแหวกไว้ให้ ดิมิทรอฟก็เอาแขนโอบทั้งตัวเขาแล้วเขย่าไม่ยั้งแรงด้วยสีหน้าชื่นมื่น “น้ำฟักทองไหม”
ร้อยแก้วที่จีนต้องดื่ม
“อ่อ อือ เอาไว้ก่อน” เขาว่า รู้สึกท้องโล่งและพะอืดพะอมเท่า ๆ กัน
Not Now, Maybe Later
Kang Daniel x Park Jihoon
เอาไว้ก่อน
น่าโล่งอกว่าไหม อย่างน้อยจีนก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาเสียทีเดียว
ผ่านมาแล้วราวสองเดือนนับจากคืนงานเลี้ยง แต่ดิมิทรอฟยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ขึ้นใจ จีนรับน้ำฟักทองจากเลฟสกี้ โรลว์ พริจด์ชาร์ด กระทั่งพอตเตอร์ รุ่นพี่ปีห้า เชสเชอร์ประจำทีมกริฟฟินดอร์
จีนรับไมตรีจากทุกคนยกเว้นเขา และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
ดิมิทรอฟส่งเสียงเหอะในลำคอ เขาคิดว่าตัวเองโดดเด่นพอตัวและไม่สมควรถูกละเลย การที่จีนปฏิบัติต่อเขาไม่ต่างจากบารอนเลือดหรือผีตนอื่น ๆ ในฮอกวอตส์ถือเป็นการท้าทาย
และเขาไม่เคยยอมอ่อนข้อให้กับการท้าทายทุกรูปแบบ
“เถอะน่าออส แค่ครั้งเดียว”
ดิมิทรอฟวาดแผนการไว้ในหัวสมองอันปราดเปรื่องของเขา และมันกำลังเกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง เพียงแค่เพื่อนกริฟฟินดอร์ทั้งสองยอมให้ความร่วมมือ
“ไม่ต้องเสียเวลามาอ้อนวอนฉันดี ถ้าจิมเอาด้วย ฉันก็เอาด้วย” ออสกระซิบ
ดิมิทรอฟหันดูลาดเลา จังหวะที่สเนปชะโงกจมูกงองุ้มเหนือก้อนขุ่นคลั่กในหม้อใหญ่ของวีสลีย์ด้วยสีหน้าถมึงทึง เขายื่นตาของปลาปักเป้าให้เพื่อนที่กำลังเร่งไฟให้น้ำยาเดือดกรุ่น “จิมมี่ นายจริงจังเกินไปแล้วเพื่อน เล่นสนุกกันดีกว่า”
จิมส่ายหน้าที่มีเขม่าจับอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมร่วมมืออยู่ดี ดิมิทรอฟติดสินบนเขาด้วยลายเซ็นของสตับบี้ บอร์ดแมน นักร้องนำของวงเดอะฮ็อบก๊อบลินส์
น้ำยาปัญญาเฉียบที่ไม่มีรากขิงปิดท้ายเปลี่ยนจากสีเขียวมะนาวเป็นม่วงดอกไลแลค ก่อนจะเดือดปะทุ ทิ้งรอยไหม้ไว้ทุกจุดที่กระเด็นใส่
“รายชื่อวัตถุดิบถูกเขียนไว้ชัดเจนในยาวิเศษและยาพิษ แต่ดูเหมือนคุณคิทเทิ่ลเบิร์นจะมีปัญหาด้านการอ่าน” สเนปโฉบมาถึงจุดเกิดเหตุเร็วเกินกว่าที่จิมจะทันปกปิดหลักฐาน เขามัวแต่ตบลูกไฟเล็ก ๆ ที่ติดบนเสื้อคลุมให้ดับ “หักสิบแต้มจากกริฟฟินดอร์ และ — คุณฮาเปอร์จะพาเธอไปที่ห้องพยาบาล” สเนปเสริมเมื่อมองเลยไปเห็นไอพวยพุ่งสีฟ้าที่ดูเป็นอันตรายด้านหลัง
สโนว์ ฮาเปอร์อ้าปากค้างเมื่อน้ำยาที่เขาทำมาเกือบทั้งคาบหายวับไปต่อหน้าต่อตาด้วยการตวัดไม้กายสิทธิ์เพียงครั้งเดียว “แต่ศาสตราจารย์ ผม —” เขาพยายามท้วง แต่ถูกเพื่อนที่จับคู่กันกระทุ้งเอวเตือนสติ จึงก้มหน้ายอมรับแต่โดยดี
ไม่ต้องรอให้กริฟฟินดอร์สองคนพยุงกันออกไปพ้นคุกใต้ดิน สเนปก็กลับมาตรวจความคืบหน้าอีกครั้ง “คนตามเข็มนาฬิกาคุณเพฟเวอเรลล์ แล้วเธอจะเห็นว่าน้ำยาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง” เขากำกับ
สเนปมีมาตรฐานสำหรับนักเรียนจากบ้านของตัวเองที่ต่างออกไป ไม่ใช่ความรักใคร่ แต่เป็นความลำเอียง
จีนยอมรับว่าเขาไม่ได้เกลียดความลำเอียงแบบนี้ ยกเว้นเวลาที่มันทำให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องน่าปวดหัวในภายหลัง
“เพิ่งรู้ว่าสลิธิลินนอกจากจะเป็นพวกคลั่งเลือดก็ยังเป็นจอมหาเรื่อง” ออสวอลด์ตัวสูงแต่ผอมกระหร่อง อย่างไรก็ตาม ใบหน้าที่ซูบตอบจนเห็นเหลี่ยมมุมของกระดูกทำให้เขาดูเหมือนมนุษย์หมาป่า และนั่นมากพอจะใช้ข่มขวัญ “นายตั้งใจสลับวัตถุดิบบนโต๊ะเพื่อนฉัน เพฟเวอเรลล์”
จีนกรอกตาด้วยความเบื่อหน่าย การที่ออสวอลด์มุ่งเป้ามาที่เขา ไม่ได้ทำให้จีนแปลกใจสักนิด
ถ้าพูดถึงวิชาปรุงยา คิทเทิ่ลเบิร์นถือเป็นมือหนึ่งของชั้นปี น้ำยาที่เขาปรุงมักอยู่ในเกณฑ์พอใช้จนถึงดี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพลาด และมันเกิดขึ้นในวันที่คิทเทิ่ลเบิร์นถูกจับให้คู่กับจีน
กริฟฟินดอร์ไม่ใช่บ้านที่ดีเด่นเรื่องมีหัวคิด และอาจไม่ใช่กล้าหาญด้วย — คำอวดอ้างล้วน ๆ — จีนไม่เคยเจอใครที่พอเข้าข่ายจากบ้านนั้นสักคน หรือถ้าจะมี ก็แค่พวกบ้าพลังที่หาที่ลงไม่ได้
จีนคาดถึงเหตุการณ์ประมาณนี้ไว้แล้ว และเขาไม่อยากเจ็บตัว จึงเก็บของอย่างเงียบเชียบ กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา ถึงอย่างนั้นก็ยังช้าเกินไป
“ไม่ใช่ฉัน ไปหาข้อแก้ตัวให้คิทเทิ่ลเบิร์นที่อื่นออสวอลด์” เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ไม่ขยับเขยื้อนส่วนใดอีกนอกจากแขน ซึ่งแค่นิดเดียวก็แตะถึงไม้กายสิทธิ์
จีนคือทายาทของตระกูลเพฟเวอเรลล์ ตระกูลที่เป็นต้นตอของเครื่องรางยมทูตในนิทานของบีเดิลยอดกวี แต่น่าเสียดาย — เขาไม่ได้รับสมบัติตกทอดแม้สักชิ้น
ของวิเศษทรงอำนาจในตำนานมีอยู่จริง หลักฐานสำคัญคือผ้าคลุมล่องหนที่ทำให้เอ็ดมันด์ พอตเตอร์เล็ดลอดสายตาของฟิวช์ได้เสมอ
แต่จีนไม่ได้รู้สึกอิจฉา
ผ้าคลุมไม่ให้ประโยชน์กับเขา ตัวตนของเขาไม่ถึงกับจืดจาง ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ใช่ศูนย์กลางความสนใจ
ถ้าเลือกได้ เขาปรารถนาจะครอบครองไม้เอลเดอร์แกนขนหางเธสตรอล ไม้กายสิทธิ์ที่จะช่วยให้เขารอดพ้นการกลั่นแกล้งไร้สาระโดยไม่ต้องขมวดคิ้วเป็นปม เพราะไม้แอชแกนขนหางยูนิคอร์น ไม้กายสิทธิ์มือสองที่ป้าเจียดเงินซื้อให้จากร้านของโอลิเวนเดอร์ไม่เคยเชื่อฟังเจ้าของใหม่
ไม่ต้องผูกร่างสำเร็จ จีนพอใจแค่คู่ต่อสู้ชะงัก และลงมือคนแรกได้เปรียบ “เพ็ตตริฟิคัส โททา—”
“ริกตัสเซมปร้า” แต่ออสวอลด์ไวกว่านั้น
“โพรเทโก้” ส่วนดิมิทรอฟที่ตามมาทีหลังไวที่สุด “คาถาจั๊กจี้หรือออส ฉันผิดหวังนะ นายต้องเลือกคาถาที่น่าเบื่อน้อยกว่านั้นสิ”
“ดี!” ออสวอลด์ตะคอก
“แย่เลยแฮะ ฉันดันเป็นสลิธิลินเหมือนเจ้านั่นเสียได้” ดิมิทรอฟยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ แต่ไม่มีเค้าความสำนึกบนใบหน้า “เอาน่า เลิกโมโหแล้วไปกินมื้อเที่ยงกันเถอะ ฉันได้กลิ่นของโปรดนายลอยมาถึงนี่เชียวล่ะ”
แน่นอนว่า ดันเจี้ยนที่มืดสลัวไม่มีกลิ่นใดที่น่าอภิรมย์นอกจากความอับชื้น จีนมองข้ามความปลิ้นปล้อนของดิมิทรอฟ เขาเก็บไม้กายสิทธิ์เข้ากระเป๋า ตั้งใจปลีกตัวออกจากรัศมีคุกคามของออสวอลด์โดยเร็วที่สุด
“เฮ้ พัมคิน-พัมคิน” ไม่ใช่ชื่อเขา แต่เขาคิดว่าใช่ ดิมิทรอฟจงใจเรียกเขาอย่างนั้น เด็กชายผมทองสร้างสรรค์วิธีก่อกวนแบบใหม่สำหรับเขาเสมอ
ทั้งที่ควรทำเป็นไม่สนใจอย่างทุกที จีนกลับตวัดสายตามอง แต่แล้วก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อพบว่ามีปลายไม้กายสิทธิ์ชี้อยู่ตรงหน้า
ดิมิทรอฟส่งเสียงหัวเราะขบขัน ก่อนจะสะบัดข้อมือด้วยท่าทางเกียจคร้าน ซึ่งอย่างไรก็กระฉับกระเฉงกว่าจีนในยามปกติ
“เรปาโร”
จีนเพิ่งรู้ว่าเสื้อคลุมมีรอยไหม้ก็ตอนที่คาถาซ่อมแซมกำลังทำหน้าที่ของมัน คงเป็นตอนที่น้ำยาในหม้อใหญ่ของคิทเทิ่ลเบิร์นปะทุ เขาคิด รอยเล็กกว่าออกคามี่ในขวดแก้วขนาดจิ๋วของศาสตราจารย์สเนป แต่ดิมิทรอฟก็ยังสังเกตเห็น
“นั่นดีขึ้นมาหน่อย นายคงไม่อยากดูซอมซ่อไปมากกว่านี้หรอกนะ เสียดายหน้าตาน่ารัก ๆ ของนายออก” ดิมิทรอฟหลิ่วตาให้จีนหลังจากคำพูดทิ้งท้าย แล้วเดินจากไปด้วยช่วงขายาว ๆ ของเขา
Not Now, Maybe Later
Kang Daniel x Park Jihoon
จีนจัดดิมิทรอฟไว้ในกลุ่มบุคคลที่ไม่ควรข้องแวะ
ไม่ใช่ว่าเขามีนิสัยน่ารังเกียจหรือกลิ่นตัวเหม็น แต่เพราะเขาเหลี่ยมจัดและบางครั้งก็เกินคาดเดา
จีนไม่ได้กล่าวหา ดิมิทรอฟทำให้เขาเชื่อแบบนั้นตอนที่นั่งแกว่งขาบนเก้าอี้ โน้มน้าวไม่ให้หมวกคัดสรรส่งตัวเองไปกริฟฟินดอร์ คนทั้งห้องโถงใหญ่ก็ได้ยิน
จีนไม่ใช่พวกชอบแสวงหาความตื่นเต้น แต่มีครั้งหนึ่งดิมิทรอฟท้าให้เขาไปฮอกส์มี้ดด้วยกัน
เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับนักเรียนที่ยังไม่ขึ้นปีสาม แต่ใช่ว่าดิมิทรอฟจะยอมถูกขัดขวางเพียงเพราะเรื่องแค่นั้น เขารู้ความลับของรูปปั้นแม่มดตาเดียว สุดท้ายพวกเขาในร่างของสลิธิลินปีสี่สองคนก็เดินผ่านอุโมงค์ไปโผล่ที่ร้านฮันนี่ดุกส์จนได้
หลังจากนั้นพวกเขาก็มักไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง บ่อยครั้งจนหลาย ๆ คนที่เคยติดภาพท่าทีปั้นปึ่งของจีนต่อดิมิทรอฟต้องแปลกใจ เพราะแม้จะยังไม่เรียกได้ว่าสนิทสนม แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่แย่เลยสักนิด ซึ่งมันอาจเพราะจีนยอมเปิดใจด้วยส่วนหนึ่ง
ใครจะคิดว่าคนจากตระกูลดังที่ดีแต่เล่นสนุกจะมีบรรยากาศรอบตัวที่น่าสบายใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งยังน่าพึ่งพาเสียเหลือเกิน จีนกำลังถูกหลอกล่อให้เคยชินกับความอบอุ่นที่เขาไม่เคยได้รับมากขึ้นเรื่อย ๆ เลวร้ายที่สุดก็คงขาดไม่ได้ในสักวัน
หลังจากมีดิมิทรอฟตามวนเวียนเกือบสามเดือน จีนก็คิดแทบไม่ออกว่าเขาเคยใช้ชีวิตอย่างไรมาก่อน และนั่นทำให้เขานึกกลัว เพราะอย่างไร พวกเขาก็ยังต่างกันมากทั้งในแง่สังคมและชีวิตประจำวัน
ยกตัวอย่างเช่น ของขวัญกองใหญ่ที่ดิมิทรอฟมักได้รับในวันพิเศษ แน่ล่ะ เขาเป็นคนประเภทที่คงจะมีตู้นิรภัยประจำตระกูลอยู่ที่ชั้นลึก ๆ ของกริงกอตส์
ของขวัญ — ตามมารยาท — จากจีนก็เป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นอมยิ้มรสเลือดกล่องเล็ก ๆ ที่ถูกของขวัญชิ้นอื่นทับจนบุบเบี้ยว ไม่ได้ห่อหรือผูกโบว์ด้วยซ้ำ แต่แค่นั้นกลับทำให้ดิมิทรอฟลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นได้ในวันเกิด
จีนจำสภาพริมฝีปากเลอะสีแดงเป็นปื้นคล้ายผีดิบของดิมิทรอฟได้ดี เขาได้แต่สงสัยว่าดิมิทรอฟจะยังดีใจอยู่หรือไม่ ถ้าวันนั้นเขาเลือกหยิบลูกอมก้อนรสแมลงสาบมาแทน
“ไม่ขอบคุณกันหน่อยหรือ” เป็นอีกครั้งที่ดิมิทรอฟยื่นมือมาช่วยเขาจากเรื่องยุ่งยาก
“ไม่ได้ขอ” จีนตอบกลับอย่างเย็นชาขณะไล่ดูสารบัญของหนังสือเล่มหนึ่งที่หยิบออกมาจากชั้น
ดิมิทรอฟเพียงแค่ขยับยกมุมปากอย่างไม่ถือสา “โบวทรัคเกิลสงบมากนะ แค่นายส่งหมัดต้นไม้ให้มันเคี้ยว” เขาวางมาดเป็นนิวท์ สคามันเดอร์
พูดกันตามจริง ดิมิทรอฟทำให้โบวทรัคเกิลของตัวเองเชื่องด้วยวิธีอื่น — ก็แค่เหวี่ยงมันให้เฉา — แต่ใช่ว่าเขาจะต้องบอกจีนเรื่องนั้น
“แล้วนายคิดว่าฉันพยายามทำอะไรตลอดทั้งคาบล่ะ ตัวที่ฉันได้มันดื้อด้าน” จีนเถียง
“นั่นสิ ทั้งที่น่าเอ็นดูขนาดนั้น แต่ทำไมถึงดื้อด้านนักนะ ไม่ยุติธรรมเลย” ดิมิทรอฟวางปากกาขนนกและขวดน้ำหมึกที่รื้อออกจากกระเป๋าบนโต๊ะ แล้วพูดขึ้นพร้อมสายตาวิบวับประหลาด
“พิลึกคน” จีนบ่นด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก จากใจคนที่เพิ่งรอดพ้นจากการถูกนิ้วแหลมคมควักลูกตามาได้อย่างหวุดหวิด เจ้ากิ่งไม้สีเขียวตัวจิ๋วนั่นไม่มีทางน่าเอ็นดู
อย่างไรก็ตาม — ทั้งยังไม่หายจากอาการอกสั่นขวัญแขวน — ตอนนี้เขานั่งอยู่หลังกองหนังสือ กำลังจัดการกับปริมาณการบ้านที่เริ่มกองเป็นภูเขา
ห้องสมุดช่วงห้าโมงเย็นของวันศุกร์เงียบสงบ ดวงตาสีเทาสนิมของมาดามพินส์ที่พร้อมเฉือดเฉือนใครก็ตามที่ทำเสียงดังมากกว่าพลิกหน้ากระดาษยังคงทำงานเต็มประสิทธิภาพเสมอ
จีนเขียนเรียงความเรื่องสูตรปุ๋ยมูลมังกรเสร็จแล้ว และภาพวาดวงโคจรของดาวเสาร์ก็ใกล้เสร็จเช่นกัน เขาพบว่ากลิ่นหนังสือช่วยให้มีสมาธิได้อย่างน่าประหลาด แต่ตอนนี้มีบางอย่างทำให้เขาชักรำคาญ
เสียงขีดลากปากกา ลมหายใจหนัก ๆ และเสียงขยี้ผมดังมาเป็นระยะ ดิมิทรอฟที่ไม่ถือไม้กายสิทธิ์หาประโยชน์ไม่ได้ไม่ต่างอะไรกับหนอนฟลอบเบอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์
ในเมื่อการลุกฮือของพ่อมดเฒ่าผู้ที่กระตือรือร้นเกินกว่าจะพอใจแค่นั่งจับเจ่าอยู่บ้าน หรือการประท้วงหยุดงานของปีศาจแมวป่าที่เกียจคร้านตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์น่าฟังพอ ๆ กับเสียงบรรยายของศาสตราจารย์ประจำวิชา สิบนาทีสิบสองวินาทีคือสถิติที่ดีที่สุดก่อนที่คนอยู่ไม่สุขจะฟุบตัวหลับ
ตามความเห็นของดิมิทรอฟ การจะต้องมานั่งแต่งเรียงความให้ได้ความยาวสองม้วนกระดาษสำหรับวิชาประเภทความสำคัญต่ำเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องเสียเวลาอย่างน่าหงุดหงิด
“อยากให้ฉันตรวจเรียงความให้ไหม” จีนม้วนการบ้านวิชาดาราศาสตร์ที่เสร็จสมบูรณ์เก็บ เขาเสนอขึ้นตอนที่ดิมิทรอฟเริ่มโขกศีรษะกับโต๊ะด้วยท่าทีเหี่ยวเฉา
“นายน่ะหรือ” เขาเงยหน้าขึ้นอย่างมีหวัง ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างจับผิด “ใจดีผิดปกตินะพัมคิน ทำเอาฉันระแวงเลยแฮะ”
กล้ามเนื้อมัดหนึ่งบนใบหน้าจีนกระตุก “ก็แล้วแต่นะ ถ้าไม่อยากให้ช่วยก็ไม่เป็นไร หวังพึ่งไม้อารมณ์มังกรของนายเอาแล้วกัน” เขาพูดต่อด้วยเสียงขุ่น
“เดี๋ยวซี่ เกือบชั่วโมงฉันเขียนได้เท่านี้เองเห็นไหมไม้กายสิทธิ์ของฉันหรือจะช่วยได้อย่างนาย” ดิมิทรอฟว่า ท่าทางประจบประแจง “ต้องรบกวนคุณแล้วครับ คุณเพฟ” เขารีบยัดกระดาษที่เลอะเทอะไปด้วยร่องรอยการแก้ไขใส่มือจีนราวกับกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ
“ถือว่าหายกันกับเรื่องเมื่อกี้” จีนยื่นข้อแลกเปลี่ยนระหว่างที่ใช้ไม้กายสิทธิ์ดูดหมึกส่วนหนึ่งออกให้เหลือแค่ตัวอักษร
“ถือว่าหายกัน” ดิมิทรอฟยอมตกลงโดยไม่ต้องคิด เขานั่งเอนตัวบนสองขาเก้าอี้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่ศีรษะกลมที่ก้ม ๆ เงย ๆ เหนือแผ่นกระดาษอยู่หลายนาทีก่อนบรรยากาศสงบสุขจะถูกทำลาย
“จีน! รู้อยู่แล้วว่าต้องเจอนายที่นี่” เอ็ดส่งเสียงนำ แล้วเดินมาหยุดที่หัวโต๊ะในอึดใจต่อมา รอยยิ้มโชว์เขี้ยวที่เขาส่งให้จีนถูกเผื่อแผ่ไปถึงคนที่นั่งอยู่ด้วยกันอย่างเป็นมิตร
“มีเรื่องจะคุยหรือ” จีนเลือกถามด้วยเสียงเบา แวบหนึ่งของสายตาฟาดฟันจากมาดามพินส์ถึงเอ็ดทำเขาเสียววาบ
“มีสิ ฉันจะ —” เอ็ดชะงักไปก่อนจะได้ตอบคำถามเมื่อเหลือบเห็นลายมือที่ไม่คุ้นเคยบนกระดาษที่จีนถือ “เฮ้ ฝนได้ตกลงมาเป็นนกฮูกแน่ ๆ ตัวขี้เกียจอย่างนายก็ยอมทำงานให้คนอื่นเป็นด้วย” เขาอดทักขึ้นมาไม่ได้
“ถ้าไม่มีอะไรดี ๆ จะพูด ก็เงียบเถอะน่า” จีนบ่น
“ถ้าฉันไม่เงียบ ตัวกะเปี๊ยกอย่างนายจะทำอะไรฉัน” เอ็ดย้อน เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“รออีกสี่ปีเถอะ ฉันจะโตได้มากกว่านายอีก” จีนกัดฟันเถียง
“นายโต ฉันก็โต ถึงตอนนั้น ฉันก็คงทิ้งห่างนายแบบไม่เห็นฝุ่นแล้วเจ้าโง่” เอ็ดว่าพลางแกล้งดันหน้าผากจีนสองสามที กว่าจะวกเข้าเรื่องได้ก็ตอนที่จีนเริ่มมีน้ำตาคลอ “เจสันเพิ่งมาบอกฉันว่าพรุ่งนี้ไม่มีซ้อม แล้วเผื่อว่านายยังหาทางทำให้สับปะรดลุกขึ้นมาเต้นแท๊ปไม่ได้ —”
“ยังไม่ได้ นายว่างฝึกให้ฉันแล้วใช่ไหม” เอ็ดพูดได้แค่นั้นจีนก็โพล่งขึ้นมา ดวงตาเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายเมื่ออารมณ์โมโหถูกสลัดทิ้งไปจนหมด
“ว่างเสียยิ่งกว่าว่าง” เอ็ดยักไหล่
“เจ๋ง” จีนปรบมือเข้าหากันพร้อมยิ้มร่า “พรุ่งนี้ฉันจะเกาะติดนายไม่ยอมปล่อย เตรียมตัวไว้เลย”
“แล้วอย่ามาบ่นทีหลังแล้วกัน ไว้เจอกันหลังมื้อเช้า” เอ็ดกระตุกยกมุมปากให้กับความกระตือรือร้นของจีน พอนัดกันได้แล้วเขาก็เตรียมจากไปทันที
“จะไปเลยหรือ ไม่นั่งด้วยกันก่อนล่ะ” จีนรั้ง
“ที่ห้องสมุดนี่นะ — ไม่ดีกว่า แถม —” เอ็ดเว้นวรรค ก่อนจะลดเสียงให้ได้ยินกันแค่สองคน “เพื่อนนายจ้องฉันเขม็งเสียขนาดนั้น ดูท่าคงหวงนายน่าดู”
“หวงบ้าอะไร แล้วก็อย่ามาพูดว่าฉันเป็นเพื่อนกับเจ้านั่นด้วย สนิทกันขนาดนั้นที่ไหน” แก้ตัวจบ เสียงกลั้วหัวเราะของเอ็ดก็ดังขึ้นพร้อมกับที่แก้มของจีนขึ้นสีระเรื่อ
“น่าเชื่อตายล่ะ” จีนก็แค่นี้ แสร้งทำทีเคร่งขรึมเก่งอย่างไร ก็ไม่เคยโกหกเขาสำเร็จสักที “ไม่ใช่เพื่อนแล้วจะเป็นอะไรได้ถ้างั้น”
“ก็ — ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น” จีนหน้าแดงกว่าเดิม “ทีมนายคงเลื่อนมาซ้อมวันนี้แทนละสิ ใช่ไหม รีบไปเลย รีบ ๆ เลย” เขาดันแขนของเอ็ดอย่างผลักไส
“นึกว่าปีห้าจะยุ่งกับว.พ.ร.ส.จนหัวหมุนเสียอีก” พอพ้นหลังของเอ็ด ดิมิทรอฟก็ออกปากวิจารณ์
ระหว่างที่ถูกกันออกจากบทสนทนาเมื่อครู่ เขาได้แต่เท้าคางมองดูเหตุการณ์อย่างเงียบเชียบพร้อมกับความรู้สึกคันยุบยิบเหมือนถูกแมวข่วน
คิดไม่ออกเลยสักนิด ว่าพอตเตอร์มีเรื่องอะไรให้กระซิบกระซาบกับจีนนักหนา ทำอย่างกับทุกวันนี้ไม่ได้เดินมาคุยกันที่โต๊ะสลิธิลินอยู่บ่อย ๆ อย่างนั้น
“เป็นอะไรเนี่ย” จีนพึมพำด้วยความเคลือบแคลง
“ไม่มีอะไร” ดิมิทรอฟตอบหน้ามุ่ย เขาพับหนังสือที่อยู่ตรงหน้าปิด แต่คงใส่แรงมากเกินไป จีนจึงถามย้ำอีกครั้งอย่างสงสัยในพฤติกรรมของเขา
“เป็นอะไรของนายกันแน่”
“ฉันก็แค่เบื่อ การบ้านคงต้องเอาไว้ก่อน”
Not Now, Maybe Later
Kang Daniel x Park Jihoon
เอาไว้ก่อน
คราวนี้คนที่บ่ายเบี่ยงไม่ใช่จีน แต่เป็นเขา
โดยพื้นฐานแล้วจีนไม่ชอบเข้าสังคม
นั่นคือเท่าที่ดิมิทรอฟรู้จากตลอดสี่เดือนที่รับฟังโคลและเพื่อนสลิธิลินคนอื่น ๆ ปรับทุกข์
หัวข้อปัญหาไม่เคยต่างกัน จีนทำตัวห่างเหินกับทุกคนเสมอ เขาทำให้ใครก็ตามเห็นเส้นแบ่งชัดเจนโดยไม่เคยต้องเอ่ยปาก แต่ไม่ใช่กับพอตเตอร์ เมื่อเส้นแบ่งดังกล่าวถูกลบทิ้งด้วยมือเจ้าของ
จีนที่เป็นแบบนั้น จีนที่ทั้งเปิดเผยและเข้าถึงง่ายคนนั้น ราวกับใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก และเขาไม่ชอบใจเอาเสียเลย
ไม่ชอบใจ ที่เขายอมให้ความน้อยเนื้อต่ำใจแสดงผลต่อความรู้สึก และไม่ชอบใจ ที่เขาไม่โทษว่าเป็นความผิดของจีนหรือแม้แต่พอตเตอร์ เพราะถึงไม่อยากยอมรับอย่างไร เขาก็ไม่มีเอกสิทธิ์ผูกขาดในตัวจีน
ดิมิทรอฟเข้าใจข้อจำกัดนั้นเป็นอย่างดี แต่การฝืนใจทำเฉยเป็นคนละเรื่องกัน
ระหว่างสองตัวเลือกคือนั่งต่อให้เกิดบรรยากาศน่าอึดอัดเล่น ๆ หรือลุกออกมาอย่างที่ควรทำก่อนจะเผลอไปโวยวายใส่จีนเข้า อย่างหลังเป็นการตัดสินใจที่ดีกว่า และบางทีเขาอาจจะแวะคุยบางอย่างกับออสสักหน่อย
เขาไม่คิดว่าไม่นานจีนจะลุกตามออกมา
จีนไม่มีความจำเป็นต้องนั่งต่อหลังจากแก้ไขเรียงความวิชาประวัติศาสตร์เวทมนต์ที่ดิมิทรอฟฝากฝังไว้เสร็จ เขากำลังเดินกลับหอพัก ตอนที่บทสทนาของเด็กชายสองคนทำให้เขาหยุดชะงัก
“ถึงไม่นับว่าอยู่บ้านเดียวกัน ฉันก็ไม่อยากไปยุ่งกับเจ้าคนบ้าพลังนั่นนักหรอก”
“ยังไงสองคนนั้นก็จะคบกันอยู่แล้ว พวกเราก็แค่ช่วยเร่งให้มันเร็วขึ้น”
ถ้าเสียงหนึ่งเป็นของดิมิทรอฟ อีกเสียงก็คงเป็นออสวอลด์ จีนคาดเดา เขาซ่อนตัวหลังชุดเกราะสนิมเขรอะตัวหนึ่ง พยายามเงี่ยหูฟังโดยไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ อย่างนั้น
“ถ้าเป็นฉันจะไม่เรียกว่าช่วย นายจำตอนที่ยัยเอจคอมป์นั่นคบกับอันโทนี่ได้ไหม พวกเขายิ่งกว่าถูกคาถาติดแน่น ฉันแทบทนมองไม่ไหวเลยล่ะ”
“เอาน่า นายปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าสาวประเภทขี้อ้อนน่ะมีเสน่ห์ และพอตเตอร์ก็หลงเธอจะตายไป”
“นี่รู้อะไรไหม” ออสวอลด์พ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนพูดต่อ “ฉันรู้จักนายดีพอจะรู้ว่านายไม่ใช่พวกใจบุญ แล้วการมานั่งจับคู่ใครก็ใช่เรื่องสนุกแบบที่นายชอบเสียที่ไหน จริง ๆ แล้วนายน่ะพยายามกัน —”
“พาราเซลซัสพอทำให้นายสงบปากและยอมช่วยฉันเงียบ ๆ ไหม”
“ดีนายก็รู้ เสียสิบแต้มครั้งนั้นฉันต้องทนเห็นจิมยกมือตอบคำถามไม่หยุดตลอดทั้งคาบ แค่พาราเซลซัสกับความเสี่ยงแบบนั้นเนี่ยฉันว่า —”
“กับเฮอร์โปผู้ชั่วร้าย” ดิมิทรอฟเสนอ
“ไม่รู้สิ พอดีว่าฉันยังขาดปโตเลมีอีกใบน่ะ” ออสวอลด์ต่อรอง
“ก็ได้ ๆ ฉันยอมแลกทั้งสามใบนั่นเลย” ดิมิทรอฟชั่งน้ำหนักอยู่พักหนึ่งก่อนตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้ “ให้ตายเหอะออส ฉันต้องขอบคุณนายด้วยรึเปล่าที่ไม่ขอการ์ดทองทั้งหมดที่ฉันมี”
“เอางี้ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนหรอกนะ ฉันจะยกก็อดดริกให้ถือว่าปลอบใจแล้วกัน” ออสวอลด์เสนออย่างใจกว้าง “เพิ่งเปิดได้อีกใบเมื่อสองวันก่อนเองจะบอกให้” เขาเกทับ
“ได้ไง การ์ดนั่นหายากมากไม่ใช่หรือ” ดิมิทรอฟพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ “กริฟฟินดอร์เกลียดฉัน” เขาโอดครวญ
“แหม พูดอย่างกับนายจะสน ที่นายอยากมีไม่ใช่การ์ดกบ 101 ใบแต่เป็นเจ้าลูกฟักทองนั่นต่างหาก”
“แน่สิ นายคิดว่ากว่าจะได้ลายเซ็นโง่ ๆ ของสตับบี้มาตอบแทนจิมฉันต้องเสียให้โคลไปกี่เกลเลียนล่ะ คนอย่างฉันลงทุนไปขนาดนั้นเลยนะ ฉันไม่มีทางล้มเลิกง่าย ๆ แน่”
คุยกันมาถึงตรงนี้ทั้งดิมิทรอฟและออสวอลด์ก็พร้อมใจกันลดเสียงลง
จีนกำมือแน่นเมื่อเห็นรอยยิ้มร้ายกาจของพวกเขา เขาเคยหวังว่าเห็ดโทดสตูลมีพิษจะเปลี่ยนที่ขึ้น เขาหวังเข้าไปได้อย่างไร ดิมิทรอฟเป็นจอมปลิ้นปล้อน เขายังคงเป็นอย่างนั้นมาตลอด
“ตกเป็นเป้าของจอมวางแผนอย่างนาย โชคร้ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว” ออสวอลด์ว่า สีหน้าเห็นอกเห็นใจผิดกับน้ำเสียง
ดิมิทรอฟหัวเราะหึ “จีนจะมีหัวใจขึ้นขนก็แล้วยังไงล่ะ ฉันนี่แหละจะถอนมันให้เอง — แบบเส้นต่อเส้น” เขาว่า
“เส้นต่อเส้นเลยใช่ไหม” ได้ยินประโยคล่าสุดนั้นแล้ว จีนก็แทรกขึ้นมาอย่างไม่อยากอดกลั้นอีก เขาโกรธมากจริง ๆ
“ใช่ เส้นต่อเส้น” ดิมิทรอฟยืนยันด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความมั่นใจ เขาไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีอีกคนเพิ่มขึ้นมาในบทสนทนา
และนั่นยิ่งทำให้จีนหงุดหงิดและเจ็บปวด “ถ้าอย่างนั้นฉันก็เอาใจช่วย”
“ตัวประหลาดตะลุย! เพฟเวอเรลล์!” เสียงอุทานเป็นของออสวอลด์ แต่นั่นดึงความสนใจของจีนไปจากคนที่กำลังเบิกตากว้างไม่ได้ ดิมิทรอฟตะลึงงันราวกับเห็นว่าเขามีสองหัว
“ถ้าฉันเป็นนายนะดี ฉันจะเริ่มต้นด้วยมัฟฟลิอาโต้ก่อนจะพูดลับหลังใครสักคนแบบแย่ ๆ นี่” จีนแนะ เขาแสร้งทำเป็นเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร การไม่ถูกให้ความสำคัญเป็นสิ่งที่คนอวดดีอย่างดิมิทรอฟทนไม่ได้ เขาสมควรได้รับมัน จีนคิดอย่างเจ็บใจ
เขาควรรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ดีจริงจะไม่เกิดขึ้นกับเขา หรือถ้าเกิดขึ้นก็จะอยู่ได้ไม่นาน
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าทุกอย่างพังไม่เป็นท่า แต่ด้วยความหวัง เขาเลือกจะไม่เชื่อในสัญชาตญาณแรกของตัวเอง
และผลลัพธ์คือความอับอาย
ดิมิทรอฟไม่ได้เข้าหาเขาด้วยใจบริสุทธิ์ ฉันอยู่ข้างนายหรือ โกหกทั้งเพ พูดว่าเมอร์ลินเคยมีเคราย้อมสีม่วงยังน่าเชื่อกว่า
จีนเดาไม่ออกเลยว่า ขณะที่เขาตื่นอกตื่นใจกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่เรียกว่า ‘การมีเพื่อน’ เขาถูกหัวเราะเยาะมากแค่ไหน
จีนสงสัยว่าจะมีสักหนึ่งอึดใจไหมที่ดิมิทรอฟรู้สึกกับความสัมพันธ์นี้ไปมากกว่าการเล่นสนุก
“จีน นายต้องฟัง —” ดูเหมือนว่าดิมิทรอฟเพิ่งหาเสียงของตัวเองเจอ
“ไม่” จีนส่ายหน้าแรง ๆ “นี่เรียงความของนาย ได้คืนแล้วก็ไปให้พ้นหน้าฉันดี ขอร้องล่ะ” เขาว่าพร้อมกับปาม้วนเรียงความของดิมิทรอฟที่เขานั่งแก้อย่างตั้งใจใส่หน้าเจ้าของ
Not Now, Maybe Later
Kang Daniel x Park Jihoon
ไม่ใช่เอาไว้ก่อน แต่เป็นไปให้พ้น
ดิมิทรอฟหวังว่าจีนจะไม่ได้หมายความตามที่พูด จีนคงแค่โมโห จีนมีสิทธิ์โมโห
“โบกไม้แบบนั้นช้าไป นายต้องใช้ข้อมือด้วยสิ” ดิมิทรอฟแนะตอนที่อีกฝ่ายพยายามร่ายคาถากระแทกกลับ
ผลคือเขาถูกจีนออกปากไล่ — อีกครั้ง
ถึงอย่างนั้นดิมิทรอฟก็ยังคงทำอย่างที่เคยทำ จับตาทุกความเคลื่อนไหวของจีน และเฝ้ารอโอกาส
แต่เพราะครั้งนี้จีนระวังตัวมากกว่าเดิม เขาจึงต้องหาวิธีใหม่
มันเป็นสองอาทิตย์แสนปกติ แต่ก็แปลกประหลาด โคล เลฟสกี้โผล่ไปในหลาย ๆ ที่ที่จีนไม่คิดว่าเขาจะไป ในทุก ๆ ที่ที่จีนลงปักหลัก เลฟสกี้จะปรากฏตัวภายในสิบนาที
อย่างเช่นตอนนี้ แค่ชะเง้อมองก็จะเจอว่ามีเด็กชายผมแดงตัวสูงเก้งก้างคนหนึ่งยืนอยู่ห่างจากเขาไปไม่เกินสิบก้าว และเรื่องของเรื่องคือ ช่วงนี้จีนชะเง้อมองบ่อยเกินไปแล้ว
สงครามประสาทขนาดย่อมกำลังบีบให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข จีนอยากให้เลฟสกี้เลิกทำอย่างนี้ และเขารู้ว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างไร
มันเป็นมื้อเย็นที่เร่งรีบ หลังจากจีนกระดกน้ำฟักทองครบแก้วที่ร้อย — และสาบานได้เลยว่านี่จะเป็นแก้วสุดท้ายที่เขายอมดื่ม — เขาก็รู้สึกหึกเหิมขึ้นมา
จีนเริ่มตามหาตัวดิมิทรอฟ กระทั่งสวนเข้ากับเพื่อนสนิทต่างบ้านของเขา
ออสวอลด์กับคิทเทิ่ลเบิร์นเดินเอื่อย ๆ มาพร้อมกัน พวกเขากำลังถกกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับการลงโทษแบบแขวนห้อยจากเพดานที่ฟิลช์เสนอต่อดัมเบิลดอร์เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งถ้าถามความเห็นของจีน แม้อาจารย์ใหญ่ของพวกเขาอาจจะดูเพี้ยนไปสักหน่อย แต่มาตรการเช่นนั้นจะไม่ทางถูกอนุญาตให้ใช้
“เฮ้ ออสวอลด์ —” จีนกำลังอ้าปากถามแต่เขาไม่ถูกเปิดโอกาสให้พูดจนจบ
“ฉันหิวเหมือนจะกินฮิปโปกริฟฟ์ได้ทั้งตัวแล้ว หวังว่าจะมีซี่โครงแกะนะ” อยู่ดี ๆ ออสวอลด์ก็ทำตัวเร่งรีบขึ้นมา เขาบ่นกับคิทเทิ่ลเบิร์นแบบนั้นแล้วแทบจะวิ่งจากไปเลย
จีนกับลูกมักเกิ้ลถูกทิ้งไว้กับความกระอักกระอ่วน
บอกตามตรงว่าเขาไม่ประสงค์จะยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้ เขามีเหตุผลที่หลีกเลี่ยงมาตลอด
ไม่ใช่เพราะถือดีในสายเลือดบริสุทธิ์อันสูงส่ง ไม่ เขาห่างจากคำนั้นมากทีเดียว มันก็แค่ — เขามีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนักและค่อนไปทางเลวร้าย
กรงของคุณบาร์นาบี้ แมวแก่ของป้าที่วัน ๆ ทำแค่นอนพ่นเสียงครืด ๆ ออกจากจมูกทั้งแคบและไม่ได้ทำความสะอาดบ่อยนัก ถูกขังในนั้นครั้งเดียวเขาก็เข็ดขยาด
เมื่อการผูกมิตรกับมักเกิ้ลสักคนก่อปัญหามากเกินสมควร จีนจึงเลือกถอยห่างจากพวกเขา จนกระทั่งตอนนี้ — โดยยังไม่ถึงขั้นจนตรอก — เขาเดินเข้าหาเพื่อนตัวเล็กของดิมิทรอฟ
อย่างที่เอ็ดเคยบอก ฮอกวอตส์เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ที่นี่ เขาจะรอดพ้นสายตาสอดส่องของป้า เขาวางใจได้ เขาเชื่ออย่างนั้น
“เพื่อนนายหายไปไหนคิทเทิ่ลเบิร์น” จีนถาม ความภูมิใจที่ว่าตัวเองกำลังเข้าสู่วัยต่อต้านทำให้เขาลืมที่จะควบคุมเสียงให้เป็นมิตร
“อยู่ที่ว่านายกำลังถามถึงใคร เพื่อนฉันไม่ได้มีคนเดียว” คิทเทิ่ลเบิร์นย้อน สองแขนยกขึ้นกอดอก
ยอดเยี่ยม ความพยายามครั้งแรกเป็นอันล้มเหลว
จีนติดนิสัยความเป็นสลิธีลิน และนั่นเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ต้องพึ่งตรารูปงูบนเครื่องแบบ แค่ท่าทีหยิ่งยะโสโดยธรรมชาติก็มากพอที่จะทำให้เด็กบ้านอื่น ๆ พร้อมใจกันย่นจมูกใส่ด้วยความเหม็นขี้หน้า
“ก็ได้ ดูเหมือนฉันจะไม่อยากรู้แล้ว” เมื่อคิทเทิ่ลเบิร์นเลือกที่จะตอบแบบนั้น จีนไม่สามารถทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา ไม่ใช่กลางทางเดินที่สลิธิลินปีห้ากำลังยืนจับกลุ่ม
จีนกำไม้กายสิทธิ์ในเสื้อคลุม เขาคิดถึงคำสาปที่ไม่ทำให้ถึงกับเจ็บปวดร้ายแรง ก่อนจะคิดได้ว่าไม่มีคำสาปไหนร้ายแรงถ้าร่ายผ่านไม้ที่ไม่ยอมโอนอ่อนในมือ เขาก็หายกังวล
มากที่สุดคิทเทิ่ลเบิร์นจะลงไปดิ้นเพราะแสงวูบวาบทำให้จั๊กจี้ แต่นั่นคือในกรณีที่เขามีโอกาสได้ร่ายคาถา
“จะไม่มีการใช้เวทมนตร์ที่โถงทางเดิน” ฮอบเคิร์กเข้ามาขัดขวาง บางอย่างในแววตาของพรีเฟ็คผู้เคร่งครัดประจำบ้านเรเวนคลอเตือนให้รู้ — โดยไม่มีการเย้ยหยัน — ว่าเขาสามารถปลดอาวุธจีนได้ในพริบตา “ไปที่ทะเลสาบ นายจะหาเคร้าช์เจอที่นั่น”
เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการ จีนก็ยอมรามือ เขาไม่มีความจำเป็นจะต้องปลุกมังกรที่ยังหลับ
มาเชล ฮอบเคิร์กคือตัวอย่างของพวกครึ่งเลือดที่น่าเกรงขาม ด้วยทักษะอันยอดเยี่ยม เขาชนะการประลองเวทไตรภาคีที่ถูกจัดขึ้นที่โบซ์บาตงเมื่อปีก่อน จีนชื่นชมเขาจากใจจริง แต่จะไม่มีทางพูดออกมาดัง ๆ แน่นอน
จีนเดินต่อมาเรื่อย ๆ จนพ้นตัวปราสาท ลมแรงทำให้เขาต้องกอดเสื้อคลุมเอาไว้ ไม่เหลือมือจัดการกับเส้นผมที่ถูกลมตีระใบหน้า
เขาเพ่งสายตากวาดไปทั่วลานโล่ง อ้อยอิ่งอยู่ที่ทะเลสาบชั่วขณะ มองดูแสงจากดวงอาทิตย์ที่กำลังตกสะท้อนบนระลอกน้ำ ประกายระยับเปลี่ยนไปทุกครั้งที่สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เคลื่อนไหว
“นายอาจจะสนใจฉันมากขึ้น ถ้าฉันลงไปว่ายในนั้นบ้าง”
เพื่ออดใจไม่สาปดิมิทรอฟให้กลายเป็นหมึกยักษ์ จีนเลือกทำเป็นไม่ได้ยิน “ฉันไม่เห็นนายที่ห้องโถงใหญ่ คิดว่านายจะเสียใจถ้าพลาดมื้อเย็น”
“ดีใจจังที่นายก็สังเกต” ดิมิทรอฟพูดด้วยเสียงรื่นเริงที่ไม่เป็นธรรมชาติ แบบที่โจอี้ เจนคินส์ บีตเตอร์คนดังของชัดลีย์ แคนนอนส์จะใช้ตอนพยายามหวดลูกบลัดเจอร์ใส่ใครสักคน “เชพเพิร์ดส์พายหรือ ของโปรดฉันเลย — แลกกับอะไรล่ะ”
สำหรับสลิธิลิน ผลประโยชน์มาก่อนความเอื้อเฟื้อ
ในเมื่อดิมิทรอฟมองจุดประสงค์ของเขาออกทะลุปรุโปร่ง จีนก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม “แลกกับการที่นายเลิกให้เลฟสกี้ตามฉันไปทั่ว”
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าดิมิทรอฟเรียกใช้บริการของโคล เลฟสกี้อีกครั้ง เจ้านั่นรับจ้างทำทุกอย่างในราคาเริ่มต้นหนึ่งเกลเลียน และดิมิทรอฟก็เงินเหลือพอจะจ่ายแม้กับเรื่องไร้สาระ
“ถ้าอย่างนั้น นายก็ต้องเลิกให้พอตเตอร์เข้ามาวุ่นวายกับนายเหมือนกัน” ดิมิทรอฟยื่นข้อแลกเปลี่ยน
“ฉันไม่ต่อรองกับนายเรื่องนี้ดี” จีนปฏิเสธทันควัน
ดิมิทรอฟกำลังเรียกร้องสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เอ็ดไม่ใช่แค่เพื่อนเพียงคนเดียวของจีนที่ฮอกวอตส์ แต่เขาเป็นลูกพี่ลูกน้อง
แม้เอ็ดกับครอบครัวจะไม่ได้มาเยี่ยมเขาบ่อยนัก แต่การที่ยังเหลือบางอย่างให้รอคอยก็ทำให้แต่ละวันของจีนที่บ้านป้าก็ไม่สิ้นหวังเกินไป
“ฉันรู้ว่านายโกรธ แต่ฉันทำแบบนั้นเพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะได้คุยกันนาย” เขาพูดอ้อมแอ้มด้วยน้ำเสียงที่จีนไม่เคยได้ยิน
“นายชวนฉันคุยตลอดอยู่แล้ว” จีนค้าน
“ฉันหมายถึงคุยแบบปกติ ไม่ใช่แค่สองคำนายก็โมโห อีกสามคำนายก็ทำเป็นไม่ได้ยิน” ดิมิทรอฟพยายามอธิบาย
“อ้อ เพราะฉันเป็นคนไม่เอาสังคมที่น่าเศร้า นายก็เลยเลือกหลอกฉันเพื่อตัวฉัน นั่นช่วยได้มากเลยดี ในสายตานาย ฉันคงไม่ต่างจากโทรลล์ภูเขาตัวใหญ่” ถึงจะว่าแบบนั้น แต่น่าแปลกที่จีนไม่ได้รู้สึกโมโหเท่าที่ควร
ด้วยท่าทางหูลู่หางตกแบบเดียวกับลูกสุนัขของชายร่างยักษ์ที่อาศัยอยู่ในกระท่อมทรุดโทรมที่ชายป่าต้องห้าม ดิมิทรอฟคงตระหนักกับการกระทำของตัวเขาอยู่ไม่น้อย
“จีน ฉัน —“ เขามีท่าทีอับจน ดวงตาสีน้ำตาลที่มักเปล่งประกายซุกซนเศร้าหมอง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถบังคับตัวเองให้พูดคำว่าขอโทษ “— นายจะมองข้ามเรื่องนี้ไปไม่ได้หรือ ฉันไม่อยากย้อนกลับไปเป็นเหมือนตอนแรกที่เราเมินใส่กัน”
“แล้วถ้านั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำล่ะ” จีนตั้งคำถาม
“นายกำลังบอกว่า นายสบายใจที่จะกลับไปยืนคนเดียวที่มุมห้องอีกครั้ง ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ ในเมื่อตรงนี้ — ข้างฉัน นายไม่มีอะไรต้องกังวล นายก็รู้นี่ว่าฉันพยายาม ฉันปรับปรุงเรื่องที่ต้องปรับปรุง ใช่ ฉันอาจจะเลิกกวนประสาทนายไม่ได้ แต่ฉันพยายาม”
“แล้วทำไมนายต้องลำบากด้วยล่ะ มันไม่จำเป็นเลย ฉันไม่มีอะไรดี ๆ มาตอบแทนหรอก นายก็รู้” จีนเลิกใช้น้ำเสียงห่างเหินแล้ว แต่เขาไม่รู้ตัว
“แน่นอนว่านายมีจีน” ดิมิทรอฟตะปบสองข้างแก้มของจีนเอาไว้แกมบังคับ เขาจริงจังกับสิ่งที่กำลังจะพูดและจีนต้องได้เห็น “และฉันได้รับการตอบแทนมากเกินพอ เพราะเวลาอยู่กับนาย — ฉันรู้สึกดี”
จู่ ๆ ความประดักประเดิดก็ลั่นกราวอยู่ในทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา ทั้งสองลืมวิธีการสบตากันไปชั่วขณะ
อย่างไรก็ตาม จีนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเขินอาย
“ไปฝึกพูดอะไรแบบนั้นมาจากไหนกันน่ะ มัน — มันแปลกมากไม่ใช่หรือที่ต้องมาได้ยินประโยคเลี่ยนๆ แบบนั้นจากนาย” จีนพูดติดขัด การออกเสียงแต่ละคำยากลำบากกว่าปกติ แต่เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเขินอายเลยจริง ๆ
“ไม่รู้สิ ฉันก็แค่พูดตามที่คิด” ดิมิทรอฟพูดต่อ น้ำเสียงของเขาดีขึ้นมากถึงขนาดโล่งอก
แล้วสุดท้ายมันก็เกิดขึ้น เสียงเต้นตุบ ๆ ของกล้ามเนื้อแถวหน้าอกของจีนดังขึ้นกว่าปกติอย่างน่ารำคาญใจ
มันผิดจากแผนของเขามากทีเดียว จีนเม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยอารมณ์ว้าวุ้น เขาเริ่มคิดแล้วว่าการมาเจอดิมิทรอฟไม่ใช่การตัดสินใจที่ดี
“เลิกยิ้มที มีอะไรน่ายิ้มนักล่ะ” จีนขมวดคิ้ว รอยยิ้มมุมปากนั่นกำลังทำให้เขาลืมความตั้งใจแรกไปจนหมด
“ก็แค่ — กำลังคิดว่าหรือบางทีฉันควรทำมันให้บ่อยขึ้น” ดิมิทรอฟว่า
ถ้าเป็นปกติจีนอาจคิดหาคำพูดเหน็บแนมสักคำสองคำมาตอกกลับ แต่บางอย่างเกี่ยวกับดิมิทรอฟในแบบนี้ดูจะรับมือด้วยยากกว่านั้น
เขาไม่ได้พูดจายั่วโมโห และจีนก็ไม่ได้โกรธ แต่โดยไม่รู้สาเหตุ แก้มทั้งสองข้างของจีนกลับร้อนผ่าวราวใกล้ระเบิดรอมร่อ
จีนคิดว่าเขากำลังจะไม่สบาย
“จีน” ดิมิทรอฟเรียก เสียงของเขาไม่เคยนุ่มทุ้มเท่านี้ มันทำให้จีนมวนท้อง แต่เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้กำลังรู้สึกคลื่นไส้หรืออะไรอย่างนั้นสักนิด
“อะไร” จีนถาม เขาถึงกับกลั้นหายใจตอนที่รอประโยคต่อมา
“พรุ่งนี้ฉันจะเก็บน้ำฟักทองไว้ให้นาย” จู่ ๆ ดิมิทรอฟก็พูดถึงอย่างอื่นขึ้นมาราวกับรู้ว่าถึงเวลาที่เขาควรเปลี่ยนเรื่อง
แต่ดิมิทรอฟสุ่มได้หัวข้อที่ไม่ดีนัก
มันเป็นตลกร้าย ในขณะที่จีนต้องกล้ำกลืนดื่มน้ำสีเหลืองเนื้อแหยะเป็นร้อยแก้ว ดิมิทรอฟที่เป็นต้นเหตุกลับคิดว่านั่นเป็นของโปรดของเขา
“ฉันเลิกดื่มน้ำฟักทองแล้ว — ถ้าเป็นทาร์ตน้ำตาลข้น ฉันจะลองคิดดูอีกที” และจีนคงเพี้ยนไปแล้วที่เสนอทางเลือกให้เขาได้ง่าย ๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ใช้โอกาสนี้เอาคืนให้สาสม
จีนล่ะเกลียดจริง ๆ ที่เขามักต้องแพ้ทางให้กับคนอวดดีอย่างดิมิทรอฟ เคร้าช์เสียทุกที
To be continued...
Writer’s Note:
เหลือเนื้อเรื่องอีกกระจึ๋งนึงแต่ยังไงก็ปิดไม่จบ ขออัพแค่นี้ก่อนละกันเนอะ 555
ด้วยความอยากคงความฟีลกู้ด ถึงเขาโกรธกันก็จะไม่นาน จีนก็คือจะใจอ่อนกับดิมิทรอฟง่าย ๆ ประมาณนี้แหละค่ะ
ความคิดเห็น