ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Ships Rarely Sail Themselves l DanHoon

    ลำดับตอนที่ #6 : [NielWink] Keep a Weather Eye on the Cloud (4/5)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 61


    EPISODE 02 

    Keep a Weather Eye on the Cloud



    Part: 4/5

    Pairing: Kang Daniel x Park Jihoon

    Genre: Slices of Life, Fluffy

    Rate: PG-13




              “ผมใช้เวลาส่วนมากอยู่บนดาดฟ้าของตึก ทิ้งตัวลงนอนโดยไม่สนว่าพื้นคอนกรีตจะร้อนระอุหรือเย็บเฉียบ จากจุดนั้นการมองเห็นของผมจะกว้างขึ้น เฝ้าสังเกตกลุ่มเมฆที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ใกล้ชิดขึ้น จดจ่ออยู่กับมัน จินตนาการว่าคิวมูลัสสีขาวในวันที่แสงอาทิตย์ส่องสว่างเป็นฟองนมที่เปลี่ยนอเมริกาโน่รสเฝื่อนให้เป็นกาแฟเพียงชนิดเดียวที่ผมพอจะดื่มได้อย่างคาปูชิโน่ที่แสนกลมกล่อม”



    — ไลควานลิน, 2017




    -  Keep a Weather Eye on the Cloud -

    Kang Daniel x Park Jihoon




    บรรยากาศในตอนนี้อึมครึมเสียจนเพลงอีซี่ลิสซึนนิ่งบอกรักลมฟ้าอากาศที่ถูกสุ่มจากอัลกอริทึมห่วย ๆ ของแอปเพลงก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก 


    ความพยายามของฮวังมินฮยอนที่จะให้เขากับองซองอูกลับมาคุยกันอีกครั้ง ตั้งแต่การนัดพวกเขาออกมาดื่มที่บาร์ กระทั่งตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนรถขากลับถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาพร้อมใจกันไม่ให้ความร่วมมือ


    “ได้ กูไม่พูดอะไรแล้วก็ได้” ฮวังมินฮยอนคุมเสียงให้ราบเรียบ ไม่ดันทุรังต่อ มันเลือกระบายอารมณ์กับปุ่มปิดเครื่องเสียง แล้วปล่อยความเงียบและความอึดอัดผลักดันให้เพื่อนสองคนเปิดบทสนทนากันเอง


    “กูไม่ได้เป็นคนเริ่ม” คังดาเนียลละสายตาจากจอมือถือที่เปิดค้างไว้ที่หน้าแชทของพัคจีฮุน เพื่อลอบมองสีหน้าของคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับผ่านกระจกมองหลัง รู้ว่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดโมโหมากกว่าที่ตั้งใจไว้ แต่แม่งเอ้ย ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้วตั้งแต่วันที่เขาทะเลาะกับมันเรื่องพัคจีฮุน สอบไฟนอลเสร็จก็แล้ว เริ่มภาคเรียนใหม่ก็แล้ว องซองอูก็ยังตึงใส่เขาไม่เลิก


    “กูพูดแล้วมึงฟังมั้ยล่ะ ก็ไม่” คนถูกพาดพิงสวนกลับ


    “แล้วมึงจะติดลบอะไรกับจีฮุนนักหนาล่ะวะ” 


    “มึงเดือดอีกแล้ว พอเป็นเรื่องของพัคจีฮุนเมื่อไหร่ มึงแม่งแปรปรวนยิ่งกว่าผู้หญิงมีเมนส์อีก เครซี่อะไรมันนักวะ” 


    องซองอูไม่ได้กระแทกเสียง มันเพียงแค่เลิกคิ้วถาม แต่นั่นก็พอแล้วที่จะทำให้คังดาเนียลรู้สึกว่ากำลังถูกกวนประสาท “กูไม่รู้ว่าเรื่องนี้หนักหัวมึง” 


    “ก็นิดนึง อาทิตย์นี้มึงเจอพัคจีฮุนกี่ครั้งเข้าไปแล้วล่ะ” คังดาเนียลไม่ตอบ องซองอูจึงเพิ่มเชื้อไฟเข้าไปอีก “ถ้านับไม่ครบ มึงจะบอกว่าทุกที่ที่มึงไปก็ได้นะ ตอนแรกที่มึงเจอมันทุกวันอังคารจะเรียกว่าบังเอิญก็ยังพอฟังขึ้น แต่เกือบทุกวันแบบนี้จนดูจงใจไม่ใช่ไง เป็นกูตงิดใจฉิบหายไปละ แต่มึงเฉยมาก ไม่ดิ คงตื่นเต้นมากจนลืมสงสัยไปเลยมั้ง” 


    พวกเขาเขม่นกันผ่านกระจกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่องซองอูจะเสริมว่า “หูตั้งหางกระดิกเป็นหมา”


    คังดาเนียลขบกรามแน่น อารมณ์ของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกคำพูดที่หลุดมาจากปากขององซองอู แต่ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปมากกว่านี้ ฮวังมินฮยอนก็ตัดสินใจแทรกขึ้นมา “มึงคิดมากไปเองรึเปล่าอง หลัง ๆ มานี้ดาเนียลมันทักไปคุยกับพัคจีฮุนบ่อยจะตาย เอาดี ๆ เพื่อนมึงนี่แหละตัวนัดเขามาเจอเองด้วยซ้ำ”


    “โอเค จบเรื่องนั้นก็ได้” องซองอูกระตุกยิ้มเยาะ ทำท่าเหมือนจะยอมแพ้ทั้งที่ยังไล่ต้อนเขาไม่หยุด “แล้วที่มึงเคยบ่นกับพวกกูว่าชอบมีคนเอาของมาใส่ผิดในล็อกเกอร์มึงตอนนี้ยังมีอยู่มั้ย”


    หัวข้อในการถกเถียงเปลี่ยนไปแล้วก็จริง แต่บางอย่างในน้ำเสียงขององซองอูที่ทำให้เขาลังเลที่จะตอบ อย่างไรก็ตามคังดาเนียลไม่อยากแสดงให้องซองอูเห็นว่าเขาหวาดระแวงกับสิ่งที่มันกำลังตั้งคำถาม “ไม่มี”


    “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันหายไป พร้อม ๆ กับวันที่มึงได้จดหมายท้าดวลครั้งล่าสุดคืนจากพัคจีฮุนถูกมั้ย” องซองอูส่งเสียงหึในลำคอ “เจอในกระเป๋าสเวตเตอร์เลยเอามาคืนหรอ กูขำ มันเป็นคนเขียนเองรึเปล่าเหอะ”


    ดวงตาขององซองอูเต็มไปด้วยประกายของความมั่นใจ ทั้งที่มันกำลังพูดในสิ่งที่เป็นเพียงการคาดเดา คังดาเนียลกำมือกับเบาะรถ เขาอยากจะพุ่งตัวข้ามไปตั๊นหน้าเพื่อนปากดีของเขาสักที ตอนนี้เลย แต่ฮวังมินฮยอนตบไฟเลี้ยวเข้าจอดใต้หอของมันแล้ว และองซองอูก็ลงจากรถทันทีที่จอดสนิท


    “อย่าหงุดหงิดขนาดนั้นเลยว่ะเนี่ยว ผ่อนคลายหน่อย ก่อนที่หน้ามึงจะคงสภาพยับน่าเกลียดอย่างตอนนี้ไม่หาย” มันตะโกนทิ้งท้าย


    ไอ้สัดอง


    “โกรธมันหรอ” ฮวังมินฮยอนออกรถอีกครั้ง มันถามทั้งที่ยังเอี้ยวตัวมองหลังขณะถอยรถกลับเข้าถนนหลัก


    “เปล่า กูแค่—ไม่คิดเลยว่ะว่าวันนึงจะต้องมาทะเลาะกับไอ่องเพราะเรื่องหมา ๆ แบบนี้” คังดาเนียลปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทะเลาะกับองซองอู เป็นไปไม่ได้เลยเมื่อเพื่อของเขาถูกจัด (โดยยุนจีซองพี่ภาคที่ใจเย็นและอ่อนโยน) ให้เป็นบุคคลที่มีความกวนตีนอยู่เวลสิบ แต่มากสุดก็แค่บิดหัวนมให้ร้องแล้วจบกัน มันไม่เคยมาถึงขั้นนี้ คังดาเนียลเคยถูกมันตะโกนใส่หน้า ไม่ใช่พูดใส่ด้วยน้ำเสียงเฉยชา เขารับมือกับมันไม่ถูก


    “แต่มึงก็ทะเลาะกับมันไปแล้ว ไม่ใช่นิสัยมึงเลย”


    “ก็มันไม่ฟังเหี้ยอะไรเลย ทำตัวน่าโมโหฉิบหาย แล้วเหี้ยกว่านั้นคือกูก็คล้อยตามมันด้วย บางคำถามที่มันถามกู มึงคิดหรอว่ากูไม่เคยถามกับตัวเองเหมือนกัน”


    “ก็เพราะมึงไม่ได้สนใจใครขนาดนี้บ่อย ๆ ไง พอมันเกิดขึ้น องมันเลยคิดว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องดึงสติมึงในฐานะเพื่อน”


    “มึงก็ด้วยหรอวะ” หลังจากคำถามขององซองอู ก็เป็นคำแนะนำของฮวังมินฮยอน ถึงอย่างหลังจะชวนให้ฉุกคิดมากกว่า แต่เขาอยากพอแล้วสำหรับเรื่องนี้


    “กูเป็นกลาง ไม่ตัดสินใครทั้งนั้นโอเคมั้ย”


    “พัคจีฮุนอาจถูกเข้าใจผิด” คังดาเนียลผ่อนลมหายใจ เขาเท้าศอกกับขอบกระจก แล้ววางคางลงบนมือที่ยังกำไม่คลาย


    “หรืออาจจะถูก” ฮวังมินฮยอนแก้ “แต่อย่าลืมว่าพัคจีฮุนที่ไอ่องพูดถึงคือพัคจีฮุนตามคำบอกเล่าของคนอื่น ผ่านอคติ ผ่านการเติมแต่งมาแล้ว เราไม่รู้แน่หรอกว่าจริงๆ เจ้านั่นเป็นคนยังไง ทั้งกูทั้งอง แต่มึงที่ได้คุยกับพัคจีฮุนตัวเป็น ๆ สิที่รู้มากกว่าใคร มึงไม่ต้องสร้างกำแพงเพราะคนอื่นพูดว่าหรอก แต่มึงก็ต้องไม่ปิดกั้นตัวเองจากการหาคำตอบให้กับข้อสงสัยเหมือนกัน”


    “กูทำไปแล้วมึงรู้มั้ย” คังดาเนียลสารภาพ น้ำเสียงของเขาเหนื่อยอ่อน “ทำอยู่ตลอด แทบทุก ๆ สิบนาทีด้วยซ้ำถ้าสมองโล่ง แต่ภาพจำของเขาในหัวกูมันดีมาก เป็นฟิลเตอร์ครอบทับที่ไม่ว่าจีฮุนจะทำตัวเลวร้ายให้เห็นต่อหน้า กูก็จะยังคงมองเขาว่าดีไม่เปลี่ยน”


    “ดาเนียลมึง—“


    “เออ กูชอบเขามากกว่าที่คิด ได้ไงก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ กูว่ากูถอยห่างออกมาไม่ได้แล้วว่ะ”




    -  Keep a Weather Eye on the Cloud -

    Kang Daniel x Park Jihoon




    คังดาเนียลยัดเท็กซ์บุ๊คเล่มหนากับเครื่องเขียนอีกสองสามอย่างใส่เป้แล้วกระชากซิปปิดทันทีที่คลาสของอาจารย์จางสิ้นสุด เขาบอกลาฮวังมินฮยอนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนกระโจนออกจากโต๊ะเลกเชอร์ทั้งที่ชื่อเอนไซม์เกือบยี่สิบชนิดและปฏิกิริยาอีกเป็นสิบยังตีกันยุ่งเหยิงในหัว 


    การเข้าฟังบรรยายสามชั่วโมงไม่เคยยาวนานขนาดนี้มาก่อนในความรู้สึก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันดูดกลืนพลังชีวิตจนเขาจะต้องล้มกองลงกับพื้นเสียตอนนี้ กลับกันคังดาเนียลกำลังแทรกตัวไปข้างหน้าอย่างคล่องแคล่วผ่านเพื่อนร่วมคลาสคนแล้วคนเล่าพร้อมกับพึมพำขอทางไม่หยุดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น


    วันนี้มีเขามีนัด และสำหรับนัดที่กำลังจะมาถึงให้ต้องรออีกแค่นาทีเดียวเขาก็แทบทนไม่ไหว 


    พูดไปนั่น พอเห็นด้านหลังที่คุ้นเคยเข้าจริงคังดาเนียลกลับชะงักฝีเท้า เสื้อฮู้ดตัวโคร่งสีน้ำเงินดำอย่างละครึ่งตัวตัดโทนกับเส้นผมและกระเป๋าสีแดงสดที่โดดเด่นเช่นเคยทำให้เขาหาคนที่เขานัดไว้เจอได้ไม่ยาก


    คังดาเนียลหลบเข้าข้างตู้ใส่ถังดับเพลิงขนาดเล็กที่ใช่ว่าจะบังตัวเขาได้มิด ยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบผมให้เป็นทรงเท่าที่จะทำได้โดยมีน้ำที่ติดกระเป๋ามาเป็นตัวช่วย เช็คตัวเองกับเงาสะท้อนบนอะลูมิเนียมสีแดงอีกครั้ง ก่อนจะจบลงด้วยรอยยิ้มเจื่อนเพราะเนิร์ดใส่แว่นกับทรงผมเรียบแปล้ที่มองกลับมา


    ถ้าเป็นเขาตามปกติ ถึงจะรู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพยับเยินแค่ไหนก็ใช่ว่าจะสน แต่นี่ไม่เหมือนกัน ในเมื่อคนที่นัดเอาไว้คือพัคจีฮุน ไม่ใช่ฮวังมินฮยอนหรือองซองอูที่ช่วงนี้เขาเติมคำนำหน้าว่า ‘ไอ้หน้าโง่’ ให้ชั่วคราว เขาจึงกลายมาเป็นบุคคลน่าสงสัยที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่อย่างนี้


    “กู่ไม่กลับแล้วจริง ๆ ว่ะ แค่ไปกินข้าวเที่ยงเว้ยคังดาเนียล  จะอยากดูดีทำไมวะ” เขาบ่นกับตัวเองพลางขยี้ผมที่พยายามจัดทรงให้กลับเป็นเหมือนเดิม ยืดตัวจนเต็มความสูงแล้วเดินเข้าไปหาพัคจีฮุนทั้งอย่างนั้น


    “ไง” เขาเอ่ยทัก ตั้งใจว่าจะสะกิดเรียกแต่อีกคนดันหันมาก่อน มือที่ยกค้างอยู่กลางอากาศจึงถูกชักกลับอย่างรวดเร็ว คังดาเนียลซุกมันเข้ากระเป๋ากางเกง พยายามควบคุมอาการเลิ่กลั่กอย่างสุดกำลังเมื่อคนตรงหน้าดูเหมือนจะสงสัยในท่าทางแปลก ๆ เมื่อสักครู่ของเขา 


    พัคจีฮุนพยักหน้ารับพร้อมกับลุกขึ้นยืน ดวงตาทอประกายมองมาอย่างพิจารณาอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยประโยคคำถาม “เนียลเนี่ย ไม่ได้เรียนหนักไปใช่มั้ย” 


    เขากำลังตัดสินใจเลือกว่าจะตบมุขกับไหลไปตามน้ำ คำทักทายแรกจากพัคจีฮุนสำหรับวันนี้ฟังดูค่อนไปทางล้อเลียน ถึงอย่างนั้นคังดาเนียลที่รู้ตัวแต่แรกว่าเขาตอนนี้ดูโทรมไม่ต่างจากแคลมป์หนีบหลอดทดลองที่ขึ้นสนิมนอกจากจะไม่ได้ไม่พอใจอะไรยังต้องยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยด้วยความขัดเขินด้วยซ้ำ ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะเห็นพัคจีฮุนยิ้มออกมาเสียเต็มแก้ม


    น่ารักชะมัด น่ารักมากจริง ๆ นั่นแหละ


    คำว่าน่ารักที่ผุดขึ้นมาในหัวกำลังครอบงำเขาทีละน้อย คังดาเนียลเผลอเกร็งคอเมื่อพัคจีฮุนเดินเข้ามาใกล้ และเกร็งยิ่งขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายแตะลงมือลงที่กลางศีรษะแล้วค่อย ๆ สางผมของเขาให้เข้าที่เข้าทางอย่างตั้งใจ 


    อ่า จีฮุนเขย่งเท้านิดนึงด้วย—พ่อมึง แบบนั้นยิ่งน่ารักเข้าไปอีกไม่ใช่รึไง


    คังดาเนียลตัวแข็งค้างในที่สุด อาจเพราะความสามารถในการประมวลผลของสมองถูกดึงไปใช้สำหรับตอบคำถามเดียวที่ว่า ‘คน ๆ หนึ่งจะสามารถน่ารักขนาดนี้ได้อย่างไร’ แทบทั้งหมด การสร้างปฏิกิริยาโต้ตอบอื่น ๆ จึงถูกละเลย


    “โทษที ผมอดไม่ได้ มันฟูมากเลย” เขาต้องกำลังทำสีหน้าน่าเกลียดมากแน่ ๆ พัคจีฮุนถึงได้หลุดหัวเราะเมื่อช้อนตามองขึ้นมา 


    คังดาเนียลได้แต่ส่งยิ้มแกน ๆ ให้อีกคนเป็นการขอบคุณทั้งที่ในใจกู่ร้องไม่เป็นภาษา สรรเสริญตัวเองที่ตัดสินใจเดินออกมาด้วยสภาพเดียวกับฮาซองอุนในรูปที่ถูกโพสหลังจบคอนเสิร์ตเฮฟวี่เมทัลเมื่อคืนไปตลอดทาง กำลังฟุ้งซ่านได้ที่คนที่เดินนำก็หยุดยืนที่หน้าสเต็กเฮ้าส์ร้านหนึ่งในย่านที่เต็มไปด้วยร้านอาหารแล้วหันมาถามความเห็น เขาหุบยิ้มทันควัน พยายามเรียกสติตัวเองกลับมาระหว่างที่ทำทีเป็นเงยหน้าอ่านป้ายหน้าร้าน


    ค่อนข้างเป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อร้านที่พัคจีฮุนเลือกดันเป็นร้านเดียวกับที่เขาเพิ่งบ่นกับฮวังมินฮยอนว่าอยากมาโดนเมื่อสักครึ่งชั่วโมงที่แล้ว คังดาเนียลไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่ดึงประตูให้เปิดออกแล้วแตะหลังอีกฝ่ายเป็นเชิงให้เดินนำเข้าไปก่อน กลิ่นเนื้อสัตว์ เครื่องเทศและน้ำมันที่โชยออกมาต้อนรับทำให้นึกขึ้นได้ว่าพวกเขาเดินจากมอออกมาค่อนข้างไกล จนถึงตอนนี้ก็เลยเที่ยงมาครู่ใหญ่และเขาก็หิวโซอยู่ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว


    “ผมเอาอันนี้ครับ ไม่ใส่ผงปาปริก้า” พัคจีฮุนสั่งอาหารแทบจะทันทีที่พนักงานเดินมารับออเดอร์ รายการในมือของคนตรงหน้าถูกพับปิดและสอดกลับเข้าช่องเก็บบริเวณพนักพิงเรียบร้อยแล้วตอนที่คังดาเนียลเพิ่งเปิดไปถึงหน้าที่สองจากห้า การไล่หาเมนูที่อยากกินจากรายการที่แสดงแค่ชื่ออาหารโดยไม่มีภาพประกอบการตัดสินใจนั้นยากเย็นยิ่งกว่าหาของในเกมฮิดเดิลออบเจ็ค เขาเริ่มร้อนรน


    ริบอาย ริบอาย ริบอาย


    “เนียลลองเปิดหน้าสามดูมั้ย สเต็กเนื้อรายการที่สี่ที่ติดสตาร์ก็น่ากินนะผมว่า” พัคจีฮุนแนะนำ


    “หน้าสาม รายการสี่” คังดาเนียลพึมพำขณะค้นหาเมนูที่ว่า แล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ เป็นไปไม่ได้เลยที่พัคจีฮุนจะเดาได้ว่าเขาอยากกินอะไรอย่างถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยนขนาดนี้นอกจากจะ ‘ใส่ใจ’ 


    นี่มันบ้ามาก จู่ ๆ เขาก็บังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าของตัวเองไม่ได้ขึ้นมาเฉย ๆ คังดาเนียลฉีกยิ้มกว้างจนหน้ายับ อยากระบายความรู้สึกกับใครสักคน แต่ทำได้แค่สั่งเมนูในหน้าที่สาม รายการที่สี่ “ริบอายสเต็กซอสบลูชีสกับอันเยี่ยนริงครับ”


    พนักงานผละไปรับออเดอร์โต๊ะอื่นแล้ว หลังจากทวนรายการอาหารและจิ้มสองสามครั้งบนหน้าจอพีดีเอเพื่อบันทึกข้อมูล ที่เหลือก็แค่รอให้อาหารมาเสิร์ฟ คังดาเนียลพักสายตาไว้ที่คนตรงข้าม ส่วนคนตรงข้ามมองไกลออกไปนอกร้าน วันนี้แสงแดดจ้า เขาเห็นเมฆที่กำลังเคลื่อนตัวอ้อยอิ่งสะท้อนผ่านดวงตาใสแจ๋วคู่นั้น 


    อย่างหนึ่งเกี่ยวกับพัคจีฮุนคือ ถ้าอยู่คนเดียวท่ามกลางหมู่คนเจ้าตัวมักจะนั่งหลังตรงจนดูเหมือนเกร็ง ยกเว้นก็แต่เวลาอยู่กับเขาที่จะเปลี่ยนไปนั่งห่อไหล่เหมือนเด็กเล็ก ๆ ในลักษณะที่แทบเปลี่ยนรูปทรงสุดท้ายของร่างกายเป็นก้อนกลม ติดอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่พัคจีฮุนมีสถานะเป็นของแข็ง 


    คังดาเนียลไม่แน่ใจว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัว หรือพัคจีฮุนพอใจที่จะทำตัวสบาย ๆ ต่อหน้าเขา แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พอได้เห็นแบบนี้แล้วก็ยากทีเดียวที่จะจินตนาการภาพของอีกฝ่ายตามข่าวลือแย่ ๆ ให้ออก 


    “นี่เคยมีใครทักเนียลเรื่องนี้มั้ย” เขากำลังหลุดไปในห้วงความคิดตอนที่พัคจีฮุนเกริ่นด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง อีกฝ่ายยอมพูดต่อเมื่อเขาเลิกคิ้วอย่างรอฟัง “ที่เนียลเหมือนลูกหมา”


    ‘หูตั้งหางกระดิกเป็นหมา’ เขาแทบได้ยินเสียงล้อเลียนขององซองอู หมดกัน คังดาเนียลกระแอมในลำคอ เคยมั่นใจว่าควบคุมอาการได้ดีพอตัว แต่จีฮุนเห็นมันอย่างนั้นเหรอ 


    “ผมหมายถึงในทางที่ดี” พัคจีฮุนเสริม ดวงตากลมโตกรอกตามการเคลื่อนไหวของดวงตาเขาอย่างค้นหาอารมณ์


    ลูกหมาอาจฟังดูน่าเอ็นดูและถนอมน้ำใจเมื่อใช้ในเชิงเปรียบเทียบ แต่นั่นขึ้นก็อยู่กับการตีความ ลูกหมาสำหรับเขาไม่เท่เลยสักนิด อะเลิทเกินไป เรียกร้องความสนใจเกินไป แถมยังโง่เง่า ตัวหนึ่งที่เขาเจอบ่อย ๆ แถวร้านชานมไข่มุกชอบวิ่งวนงับหางตัวเองด้วยซ้ำ ลูกหมาแบบไหนกันที่พัคจีฮุนเห็นว่าเขาเป็น คังดาเนียลต้องการรู้ “เหมือนหมานะดี ยังไง” 


    “ตรงที่น่าเลี้ยง” พัคจีฮุนตอบเร็วเกินไป และมันฉุดบางอย่างในใจเขาให้สั่นไหว 


    คังดาเนียลอ้ำอึ้ง พยายามสรรหาคำพูดที่จะทำให้บทสนทนาดำเนินต่อได้แบบที่ไม่กระอักกระอ่วน “งั้นก็รับเลี้ยงซะสิ”


    เขากำลังฆ่าตัวตาย


    “ขอดูก่อนว่าเลี้ยงยากรึเปล่า” เจ้าของประโยคกระตุกยิ้มที่คิดว่าร้ายกาจเป็นที่สุด คังดาเนียลก็ยิ้ม แต่เป็นยิ้มในแบบที่ต่างออกไป เขาเกือบคาดหวังว่าจะได้เห็นกรงเล็บผลุบออกจากปลายนิ้วนุ่มนิ่มอมชมพูคล้ายอุ้งเท้าแมวในตอนที่อีกฝ่ายยกมันขึ้นมาเกี่ยวหลอดน้ำเข้าปาก


    อีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับพัคจีฮุนคือ ทุก ๆ ครั้งที่เจ้าตัวถูกท้าทาย ไฟแห่งการแข่งขันจะปะทุขึ้นในดวงตา คังดาเนียลไม่เคยเอาชนะพัคจีฮุนได้ หรือไม่เขาอาจแค่ยอมพ่ายแพ้ด้วยความยินดี เพราะรอยยิ้มพออกพอใจที่ได้กลับมามันคุ้มค่า 


    “ไม่เคยจะยอมอ่อนข้อให้กูหรอก” คังดาเนียลแกล้งตัดพ้อ พวกเขาแข่งจ้องตาอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะหลุดหัวเราะกันทั้งคู่ 


    “ผมน่ะนะ เวลาเห็นหมาทำหางตาตก ๆ จะเอ็นดูมันอ่ะ อยากเข้าไปลูบขนปลอบ อยากเล่นด้วยให้หายหงอย แล้วสามสี่วันมานี้เนียลเป็นแบบนั้น” พัคจีฮุนที่กลับสู่โหมดจริงจังได้ก่อนอธิบาย โอเค เขายอมเป็นหมาก็ได้


    “ก็แค่ไอ้องมันงี่เง่าเลยด่ามันไปนิดหน่อย ไม่มีอะไรเลย” คังดาเนียลบอกปัด ไม่ถึงกับประหลาดใจที่อีกฝ่ายสังเกตเห็นถึงความกังวลนี้ ในเมื่อจำนวนครั้งที่คำพูดขององซองอูย้อนกลับมาแปรผันตรงกับเวลาที่เขาใช้ร่วมกับพัคจีฮุน เขาไม่เคยซ่อนสีหน้าตัวเองได้แนบเนียนและพัคจีฮุนก็ความรู้สึกไวมากพอจะจับความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ จำพวกนี้ได้ราวกับเห็นมันลอยอยู่ในอากาศ


    “เพราะผมอีกแล้วสินะ ตั้งแต่เมื่อไหร่” พัคจีฮุนคาดเดาและตั้งคำถาม หยุดชะงักครู่หนึ่งตอนที่ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ และขยับอีกครั้งเพื่อเอ่ยขออนุญาตทั้งที่ไม่จำเป็น “ผมถามต่อได้มั้ย”


    “ศุกร์ที่แล้ว” คังดาเนียลตอบด้วยความเต็มใจ ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ความลับที่บอกให้ใครรู้ไม่ได้ แค่เรื่องทะเลาะกันไร้สาระ เขาเก็บเงียบเอาไว้เพราะคิดว่าพัคจีฮุนไม่ควรต้องถูกดึงเข้ามาเอี่ยว


    “อ่า คืนนั้นเนียลถึงได้ส่งเมจเสจมาบอกว่าจะกลับตั้งแต่ตีหนึ่ง” 


    “แล้วมึงที่ตีป้อมโต้รุ่งอยู่พอดีก็ส่งอีโมตอบกลับมาแค่ตัวนึงแล้วก็หายไปเลย“ 


    “แค่ตัวนึง” พัคจีฮุนทวนเสียงสูง ก่อนที่ความเข้าใจของเขาจะถูกแก้ใหม่ “ตั้งตัวหนึ่งต่างหาก ผมยอมเสียแรงค์เลยด้วย”


    “ติดเกมว่ะ” เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก


    “อันนั้นยอมรับ” พัคจีฮุนยืดอกอย่างภาคภูมิใจเสมือนได้รับคำชมแค่เสี้ยววิ แล้วเปลี่ยนเป็นหรี่ตาราวกับพยายามจับผิดในจังหวะที่คังดาเนียลรู้สึกว่ายิ้มมากจนเริ่มปวดแก้ม “หัวเราะไปเถอะ รู้หรอกว่าเนียลกำลังเปลี่ยนเรื่อง”


    “มึงไม่ต้องคิดมากหรอกน่า”


    “แต่นี่ก็จะครบอาทิตย์แล้ว ถ้ายังทิ้งเวลาไปมันจะไม่แย่กว่าเดิมหรอ ผมพอรู้ว่าองซองอูไม่ชอบหน้า แล้วการที่ผมเป็นต้นเหตุให้เนียลกับเพื่อนทะเลาะกันก็แย่ เพราะงั้นถ้ามีอะไรที่ผมทำได้ผมอยากให้เนียลพูด” 


    คังดาเนียลกำลังคิดตาม รู้สึกผิดอยู่หน่อยที่ปล่อยเบลอปัญหาของตัวเองทั้งที่มันแก้ไขได้ง่าย ๆ จนคนอื่นพลอยคิดมากไปด้วย 


    “งั้นจันทร์นี้ว่างมั้ย ดูหนังกัน” เขาไม่ได้หวังพึ่งความเป็นไปได้ แต่นี่คือทางแก้ที่จะได้ผลอย่างแน่นอน ถ้าได้ทำความรู้จัก เพื่อนสองคนของเขาจะเห็นพัคจีฮุนแบบเดียวกับที่เขาเห็น พัคจีฮุนที่ดี พัคจีฮุนในด้านที่เขาอยากเป็นคนเดียวที่ได้สัมผัส


    “อะไรกัน จู่ ๆ ก็มาชวนผมเดท” และอาจต้องรวมด้านที่เป็นกันเองมาก ๆ จนน่าตกใจเข้าไปด้วย


    “ชวนดูหนังพอ” คังดาเนียลถูนิ้วกับจมูก “เข้าใหม่วันนั้นวันแรกกูกับเพื่อนเลยนัดกันไปดู แล้วถ้ามึงไปได้—”


    “ฮวังมินฮยอนกับองซองอู?”


    “ใช่ ไปได้มั้ย หรือถ้ามึงอึดอัดจะชวนเพื่อนมึงไปด้วยก็ได้” 


    “ผมไม่อึดอัดหรอก ไม่เลย ผมอยากไปนะ” คังดาเนียลคลี่ยิ้มเมื่อฝ่ายที่ตอบตกลงมีท่าทีกระตือรือร้น จนได้ฟังประโยคถัดมา “เนี่ยแค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว รู้สึกยังกับถูกแฟนชวนเข้าบ้านไปไหว้พ่อแม่เลยรู้มั้ย”


    เขารีบกลืนน้ำอึกใหญ่ลงคอ ก่อนที่มันจะถูกพ่นออกมาจนเลอะเทอะกันไปหมด “เคยรึไง”


    “ไม่เคย” พัคจีฮุนยักไหล่ ไม่รู้เลยหรือแกล้งไม่รู้ว่าตัวเองวางกับดักอะไรไว้ แต่เป็นเขาที่เกือบเหยียบกับระเบิด


    “กินได้แล้ว กินเยอะ ๆ” คังดาเนียลผ่อนลมหายใจ ไม่รู้ว่าอาหารถูกนำมาวางตั้งแต่ตอนไหน แต่ก็ทันใช้เป็นข้ออ้างได้พอดี


    พวกเขานั่งแช่อยู่ในร้านหลังจากนั้นอีกสักพักโดยไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แค่คุยกันเรื่องสัพเพเหระ คังดาเนียลพบว่าตัวเองกับพัคจีฮุนมีหลายความชอบร่วมกัน และถ้าไม่ได้คิดไปเอง ช่องว่างระหว่างพวกเขาค่อย ๆ แคบลงเรื่อย ๆ แล้ว




    TBC


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×