ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Ships Rarely Sail Themselves l DanHoon

    ลำดับตอนที่ #5 : [NielWink] Keep a Weather Eye on the Cloud (3/5)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 61


    EPISODE 02 

    Keep a Weather Eye on the Cloud



    Part: 3/5

    Pairing: Kang Daniel x Park Jihoon

    Genre: Slices of Life, Fluffy

    Rate: PG-13




              “คนเราจำเป็นต้องหยุดสังเกตลักษณะของเมฆบนท้องฟ้าก่อนออกจากบ้านไปเพื่ออะไร ในเมื่อแค่ติดตามรายงานสภาพอากาศก็รู้แล้วว่าวันนี้ควรพกร่มกันฝนหรือซื้อโคล่าดับกระหาย ถึงโอกาสที่การคาดการณ์เกิดผิดพลาดจะมีเกินครึ่ง แต่ใช่ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงเสียเมื่อไหร่ คุณอาจจะแค่เปียกโชกหรือเสียเหงื่อมากหน่อยก็เท่านั้น”



    — องซองอู, 2017




    -  Keep a Weather Eye on the Cloud - 

    Kang Daniel x Park Jihoon





    วันนี้อากาศเย็นขึ้นกว่าเมื่อวานเกือบเท่าหนึ่ง คังดาเนียลจับปลายแจ็คเก็ตเข้าหากันแล้วรูดซิปขึ้นจนสุด ซุกคางเข้ากับคอเสื้อ ก่อนจะขยับตัวให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดที่ส่องลงมาตามช่องว่างของใบไม้ 


    เขาตระหนักแล้วว่าการนั่งจับกลุ่มกลางแจ้งไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีนัก และสิบห้านาทีที่เสียไปกับการอดทนให้ลมเย็นยะเยือกพัดกระทบผิวเท่ากับช้าเกินไปแล้วที่จะคิดแย่งชิงที่นั่งในหอสมุดกลางที่อบอุ่น


    หนาว


    เขาบ่นในใจเมื่อความเย็นพัดมาอีกระลอก นิ้วแข็งเกร็งที่วางอยู่เหนือคีย์บอร์ดพิมพ์และลบอยู่อย่างนั้นเพราะสมองโฟกัสอยู่กับงานน้อยมาก ผ่านไปเกือบชั่วโมงการเก็บรายละเอียดที่ตกหล่นที่เขากะเอาไว้คร่าว ว่าจะเสร็จภายในสิบนาทีก็ยังคืบหน้าไม่ถึงครึ่ง 


    ยัดข้อความเต็มหน้าแบบนั้นสไลด์ก็น่าเบื่อแย่ดิวะ มึงดู มันย่อยเป็นกราฟได้อยู่นะ เซตกราฟแรกจากเหตุการณ์จริง กราฟสองจากเรื่องที่เราวิเคราะห์ แล้วเทียบคู่กัน” 


    เริ่มจากเหยียดกันช่ะ มากเข้าความขัดแย้งแบ่งคนเป็นสองกลุ่ม การประท้วงเข้มข้นขึ้นเรื่อย พีคสุดที่การเสียเลือดเนื้อ กลับสู่ภาวะสงบเมื่อมีการหาข้อตกลงร่วมกันยูซอนโฮพูดไปเรื่อย ขณะที่ร่างลำดับเหตุการณ์ลงบนกระดาษโดยมีไลควานลินเป็นผู้ฟัง ถึงจะขัดกับภาพลักษณ์เปื่อย ของเจ้าตัวอยู่มาก แต่พอได้มาทำงานด้วย ปรากฏว่าเด็กหน้าง่วงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาตอนนี้ก็มีด้านที่เอาจริงเอาจังอยู่เหมือนกัน


    ไม่มึง เวลมันไม่ลงสุด ปัญหามันไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิงนะกูว่า แค่คนไม่แสดงออกโจ่งแจ้งเหมือนเดิมไลควานลินแก้ไขตอนจบ ทำท่าครุ่นคิดอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะเสนอความคิดมึงว่าทำเป็นไทม์ไลน์เป็นไง ไม่ได้เป็นเส้นตรงตลอด แต่บิดเป็นเส้นโค้งขึ้นลงตามความรุนแรงของเหตุการณ์ สองเส้นเวลาคู่กันตามมึงว่า


    เออ แบบนั้นดี นั่นแหละที่กูหมายถึง มึงทำเลย เอาข้อมูลลงก่อนเดี๋ยวรูปกูหามาเติมเอง” 


    ดูเหมือนงานของฝั่งนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จได้ง่าย ไม่ต่างกัน คังดาเนียลผ่อนลมหายใจ สะบัดศีรษะซ้ายขวาแรง จนได้ยินเสียงกระดูกคอลั่นดังกรอบแกรบ จังหวะที่ขยับแว่นตาให้เข้าที่หางตาของเขาเหลือบไปเห็นอเมริกาโน่เย็นที่ซื้อติดมือมาตามความเคยชินและถูกตั้งทิ้งไว้อย่างไม่แยแส ภาพของคนโชคร้ายที่ถูกเจ้าน้ำสีเหลือบดำนี่หกใส่ก็แวบขึ้นมาในหัว


    จะซักออกรึเปล่านะ เลอะซะขนาดนั้น


    เมื่อวานหลังจากกลับถึงหอ เขาก็ถือโทรศัพท์ไว้กับตัวตลอดเวลา ถ้ามีปัญหาอะไรคนที่เขาเพิ่งทิ้งคอนแทคไว้ให้คงติดต่อกลับมาแล้ว แต่ในเมื่อปลายทางยังคงนิ่งเฉย มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาจะไปทวงถาม คังดาเนียลคิดอย่างนั้นขณะที่ไล่ดูแจ้งเตือนและกล่องข้อความที่แทบไม่เคยเปิดเช็ก ความย้อนแย้งนั้นทำเอาสามสิบนาทีของเขาเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ ไม่มีความเคลื่อนไหวใด จากพัคจีฮุน


    พักก่อนมั้ยดาเนียลชเวมียองเสนอขึ้นหลังจากสังเกตท่าทีของเขามาสักพัก ก่อนจะสลับหน้าที่อ่านจบไปไว้ท้ายสุด แล้วตอกปึกเอกสารกับโต๊ะให้สันกระดาษเสมอกัน อย่างกับไม่ได้เพิ่งเอ่ยประโยคที่เรียกให้ดวงตาอีกสองคู่จับจ้องมาที่เขา


    ผมก็ว่าพี่ดูหลุด อ่ะยูซอนโฮรีบสนับสนุน เมื่อสายตาของเขาลากไปหา


    กูดูเป็นงั้นหรอคังดาเนียลถามย้ำ 


    แต่คราวนี้เป็นไลควานลินที่ตอบไม่เลยมั้ง เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวขมวดคิ้ว พี่เหมือนคนเมากาวเลยว่ะ” 


    คังดาเนียลคิ้วกระตุก เท้าของเขาขยับไปหนึ่งมิลแล้วตอนที่ยูซอนโฮกระทุ้งศอกเข้าที่เอวเพื่อนของตัวเองหนึ่งที ตามด้วยการด่าว่าหุบปาก ใส่หน้าอึน ๆ นั่นอย่างไร้เสียง 


    ผมจัดการมันให้พี่แล้วนะเจ้าเด็กหน้ายิ้มอวดผลงาน สองมือง่วนอยู่กับการเขย่าเยลลี่ใส่มือของตัวเอง ก่อนสองชิ้นที่เหลืออยู่ในซองจะถูกยื่นให้เขาด้วยความลังเลถ้ายังไม่อยากพัก จะกินเยลลี่ของผมแก้ง่วงไปก่อนก็ได้นะ


    มึงเอาเหอะ ถ้าไม่พอเอาของกูไปเพิ่มด้วยก็ได้เขาพูดแกมประชด แต่ยูซอนโฮที่ไม่ได้รับรู้ความหมายแฝงกลับทำหน้าตื้นตันใจอย่างสุดซึ้ง มันหยิบเยลลี่ของเขาไปเทรวมกับที่มีอยู่จนเต็มกำมือ ก่อนจะตบเข้าปาก เคี้ยวและพึมพำว่าเขาใจดีไม่หยุดไปพร้อมกัน


    ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นอีกพักใหญ่ ต่างคนต่างหันกลับไปสนใจงานที่ค้างอยู่ตรงหน้า กระทั่งเลยเวลากินข้าวเที่ยงมาเกือบชั่วโมงงานในส่วนของเขาก็เสร็จเป็นคนแรก


    “กูไปก่อนนะ ลองเช็คไฟล์ที่ส่งไปในเมล์ดู จะเพิ่มอะไรก็บอก” คังดาเนียลพับฝาแล็ปท็อป ขยับแว่นตาที่ไหลลงไปที่ปลายจมูกให้เข้าที่ แล้วโกยของเข้ากระเป๋า แต่ก่อนจะได้มุ่งหน้ากลับหอพักอย่างที่ตั้งใจก็ถูกหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนเรียกเอาไว้เสียก่อน


    เขาหันไปหาต้นเสียงที่กำลังโบกมือให้จากอีกฟากของตึก เธอปลีกตัวจากกลุ่มและตรงปรี่เข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก พัคซูยองผอมลงกว่าเมื่อก่อนมาก จากเดิมที่เคยนุ่มนิ่มน่ารัก กลับกลายเป็นสาวหุ่นเพรียวแสนดึงดูด แต่นั่นแหละสาเหตุที่ทำให้เธอกับอีเดวิดมีปากเสียงกันไม่เว้นวัน กระทบถึงคนกลางอย่างเขาที่มักถูกน้องชายข้างบ้านลากไปสร้างกล้ามเนื้อที่ฟิตเนสอยู่บ่อยครั้ง 


    ‘เอาไว้ข่มพวกเวรที่เข้ามาจีบแฟนไอไง’ เจ้าตัวพูดเอาไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ อีเดวิดยังคงผอมแห้งไม่เปลี่ยน ในขณะที่ไหล่ของเขาขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ 


    องซองอูที่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นคนแรกถึงกับเอ่ยปากเตือนว่าถ้าสองคนนั้นยังคงปรับความเข้าใจกันไม่ได้อยู่อย่างนี้ เขาคงได้กลายพันธุ์จากหมาซามอยด์เป็นหมีขั้วโลกไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งเขาก็เห็นด้วยและเริ่มหวาดระแวงทุกครั้งที่อีเดวิดโผล่หน้ามาให้เห็น


    “ถามพี่อย่างสิ วี่เคยบ่นเรื่องฉันให้พี่ฟังบ้างมั้ย” พัคซูยองเท้าแขนลงกับโต๊ะ เอียงศีรษะลงมาให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา 


    “อย่างเช่น” 


    “ก็เช่น—“ เธอลังเลครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าอยากได้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังถามจริงหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจรัวคำพูดออกมาในที่สุด “รู้สึกอายเวลาควงฉันไปไหนมาไหน”


    คังดาเนียลเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ จะว่าน่าขำก็น่าขำ น้องชายข้างบ้านของเขาคงเอาไปคุยโวไม่หยุดถ้ารู้ว่าพัคซูยองกังวลกับเรื่องของมันขนาดนี้ “ทำไมคิดงั้นล่ะ”


    คนถูกถามไหวไหล่ ไม่แน่ใจว่ามีความคิดพวกนั้นอยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอได้เริ่มคำพูดตัดพ้อทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมา “ก็ทุกทีที่ไปไหนกับพี่ เขาไม่เคยชวนฉันไปด้วยเลยสักครั้งนี่ อย่างเมื่อกี้เขาโทรมาบอกฉันว่าจะไปโยนโบกับเพื่อน ขอไปด้วยก็ไม่ให้ไป ฉันไม่ได้อยากทำตัวงี่เง่าเลยนะ ฉันไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนั้นด้วย แต่มันอดไม่ได้” 


    “ซูยอง ถ้าเป็นเรื่องนี้มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรอกนะ เจ้านั่นน่ะ—“ คังดาเนียลหยุด เขาพอรู้เหตุผลที่อีเดวิดพยายามกันพัคซูยองออกจากกลุ่มเพื่อน เจ้านั่นเป็นโรคหวงแฟนขึ้นสมอง แต่บอกไปก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังฟังดูเหมือนเป็นการแก้ต่างแทน ดังนั้นหน้าที่ของเขาจึงมีแค่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าสงบลง “มันแค่อายเวลาที่ต้องมารวมกลุ่มกับพวกเรา”


    “อายอะไรกันนะ งี่เง่าชะมัด” พัคซูยองรู้ว่าเขาไม่ได้พูดทุกอย่างที่รู้ แต่ก็ยอมให้ตัวเองหลุดยิ้ม


    “มีอะไรอีกรึเปล่า” เขาลุกขึ้นยืน เหวี่ยงกระเป๋าขึ้นบ่า ก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง คังดาเนียลไม่เคยเป็นตัวเลือกแรกในการปรับทุกข์ของพัคซูยอง การที่เธอมาหาเขาครั้งนี้ต้องมีอะไรพิเศษกว่านั้น


    “ก็อย่างที่พี่รู้ พรุ่งนี้จะวันเกิดกีวี่ของฉันแล้ว แต่ฉันยังหาของขวัญดี ๆ ให้เขาไม่ได้เลย” 


    “จะให้ช่วยเลือกว่างั้น”


    “อ่าฮะ พี่ว่างมั้ย”


    วันนี้เขาไม่ติดธุระอะไรอยู่แล้ว ไปเดินเล่นแก้เบื่อเสียหน่อยก็ไม่ใช่ความคิดที่เลวร้าย คังดาเนียลกำลังจะตอบรับพอดีตอนที่ถูกเสียงที่คุ้นเคยดึงความสนใจ 


    “เนียลจะเทนัดผมหรอ” 


    เขาตาพร่าเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า ผมของพัคจีฮุนที่เคยถูกย้อมสีอ่อนเปลี่ยนเป็นดำสนิท ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าใบหน้าของอีกฝ่ายที่เคยคิดว่าน่ามองที่สุดแล้วยังน่ามองมากขึ้นไปได้อีก พัคจีฮุนแทบจะเปล่งประกายวิ้ง ๆ ออกมาได้อยู่แล้ว


    “นัดหรอ” คังดาเนียลกระพริบตาช้า ๆ จำไม่ได้เลยว่าไปนัดกับพัคจีฮุนไว้ตอนไหน แต่เพราะเจ้าตัวตอบว่า ‘ใช่’ ทันทีที่ถูกถาม บางทีเขาอาจจะพลาดข้อความของพัคจีฮุนก็เป็นไปได้


    “ถ้างั้น ขอโทษนะซูยอง พี่คงไปด้วยไม่ได้แล้ว” เขาพูดพร้อมกับตบไหล่ให้กำลังใจหญิงสาวเบา ๆ “เรื่องของขวัญน่ะไม่ต้องกังวลหรอก แค่เป็นของที่เราตั้งใจเลือกให้เดฟมันก็ชอบทั้งหมดนั่นแหละ”


    ถ้าพี่ติดนัดแล้วก็ช่วยไม่ได้นี่ ฉันจะลองเลือกเองดู” 


    เขามองตามหลังพัคซูยองไปจนถึงป้ายรอป๊อบบัส แล้วค่อยหันกลับมาหาคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “โทษทีว่ะ นัดกับมึงไว้แต่จำไม่ได้ซะงั้น”


    “จำไม่ได้ก็ไม่แปลก เราเพิ่งนัดกันตอนที่เนียลปฏิเสธสาวสวยคนนั้นไปนั่นแหละ” 


    โอเค เขาไม่ได้พลาดอะไรไปทั้งนั้น แต่ให้ตายเหอะ จะให้อดหลับอดนอนรอโทรศัพท์อีกกี่คืนเขาก็ยอม ถ้ารู้ว่าวันรุ่งขึ้นพัคจีฮุนจะพาตัวเองมาหาเขาถึงที่แบบนี้




    -  Keep a Weather Eye on the Cloud - 

    Kang Daniel x Park Jihoon




    คังดาเนียลเดินตามพัคจีฮุนออกมาจนถึงทางเข้าซับเวย์หลังจบมื้อเที่ยง ขณะที่ก้าวเท้าอย่างเงียบเชียบก็ลอบสังเกตอีกคนให้ได้มากที่สุด สีหน้าเรียบเฉยอย่างทุกทีคงไม่ใช่สัญญาณที่เลวร้ายถ้าเขาจะเริ่มต้นบทสนทนา แต่ระหว่างที่กำลังชั่งใจว่าจะพูดถึงฟ้าฝนก่อนหรือเข้าคำถามที่อยากรู้เลย พัคจีฮุนก็เปิดประเด็น 


    ผู้หญิงคนนั้นใคร


    ผมม่วงน่ะหรอเขาเลิกคิ้ว ไม่แน่ใจกับคำตอบเท่าไรนักชเวมียอง ทำงานครอสเค้าเจอร์ด้วยกัน


    คนตั้งคำถามส่ายหน้าชเวมียองผมรู้จักแล้วล่ะ แต่อีกคน คนที่ขอเนียลเดท


    ไม่ใช่เดท ไม่ได้ขอเดทคังดาเนียลไม่ได้คาดหวังคำถามแบบนั้น เขารีบปฏิเสธจนแทบสำลัก แต่จากสีหน้าที่ดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็เห็นความจำเป็นที่จะต้องอธิบายต่อให้เข้าใจตรงกันนั่นแฟนน้องชายข้างบ้านกู คบกันมาเกือบปีละ แล้วพรุ่งนี้วันเกิดมัน ซูยองเลยมาขอให้ไปช่วยเลือกของขวัญ” 


    หรอพัคจีฮุนครางรับในลำคอก่อนจะพูดเสริมถ้าได้ฉลองครบรอบก็คงดี


    ว่าไงนะเขาถามซ้ำทั้งที่ได้ยินประโยคที่พัคจีฮุนพูดชัดเจน รู้สึกเหมือนกำลังถูกเตือนหรือไม่ก็แค่คิดไปเอง 


    เปล่านี่บรรยากาศแปลก หายไปทันทีที่อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม พัคจีฮุนเลือกวิธีเลี่ยงคำถามได้ดีทีเดียว เขาล้มเลิกความคิดที่จะซักไซ้ พัคจีฮุนจึงได้โอกาสพูดต่อผมเอาเสื้อที่ยืมไปมาคืน


    อ่อ โอเคคังดาเนียลพึมพำพร้อมรับถุงกระดาษที่มีสเวตเตอร์ของเขาพับอยู่ข้างในจากมือของคนตรงหน้า เผลอสูดลมหายใจเข้าแรงจนเกิดเสียงฟืดน่าเกลียดเมื่อกลิ่นหอมละมุนของน้ำยาปรับผ้านุ่มลอยขึ้นมากระทบกับจมูก เขาไอกลบเกลื่อนแล้วเสื้อมึงอ่ะ ซักออกช้ะ


    ออกนะพัคจีฮุนตอบถึงหอก็แช่จนลืม พอควานลินกลับมาเจอเสื้อตัวเองอยู่ในกะละมังเท่านั้นแหละ บ่นจนผมหูชาไปหมด” 


    ควานลิน ไลควานลินอ่ะนะคังดาเนียลถามต่อ คิดย้อนกลับไปว่า ถ้าไลควานลินไม่ออกไปซื้อข้าวตอนที่พัคจีฮุนมาที่โต๊ะพอดี เขาคงได้เห็นทั้งสองคนทักทายกัน


    อื้อ ควานลิน ไลควานลิน เราพูดถึงคนเดียวกันอยู่ถูกแล้ว เขาเป็นรูมเมทผม


    เอาล่ะ เขาเกลียดเด็กนั่น


    พูดถึงควานลินก็นึกขึ้นได้ ผมเจอกระดาษนี่ในกระเป๋าสเวตเตอร์ของเนียลเลยเก็บไว้ให้ เหมือนเป็นจดหมาย รูมเมทผมเกือบเปิดอ่านแล้วแต่ผมห้ามไว้ก่อน ไม่แน่ใจว่าสำคัญหรือเป็นความลับรึเปล่าพัคจีฮุนว่า ก่อนจะยื่นพับกระดาษยับยู่ยี่คืนให้เขา


    ไม่สำคัญหรอก แค่ข้อความจดกันลืม” 




    -  Keep a Weather Eye on the Cloud - 

    Kang Daniel x Park Jihoon




    คังดาเนียลพบว่ามีสายเรียกเข้าจากองซองอูในช่วงเย็นของวันหนึ่ง แผนการถล่มร้านบุฟเฟต์มื้อดึกกับเพื่อนในกลุ่มวิจัยถูกพับเก็บกะทันหัน เมื่อจุดหมายใหม่เปลี่ยนเป็นคลับที่อยู่เลยออกไปไม่ไกลจากหอพักขององซองอูแต่ไกลจากหอพักของเขาพอสมควร 


    แค่ได้ยินเสียงจากปลายสายก็พอที่จะเดาได้ว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ คังดาเนียลเปลี่ยนชุดเพียงสิบนาทีก่อนจะรีบพุ่งตัวออกจากหอโดยไม่เสียเวลาถามให้มากความ และพอมาถึง ฮวังมินฮยอนที่รออยู่ที่ลานจอดรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก็ลากเขาเข้าไปข้างในทันที 


    คงไม่พ้นทะเลาะกับซูยองอีกแล้วองซองอูสันนิษฐาน ตบหัวคนเมาด้วยแรงไม่เบานักเมื่ออีกฝ่ายชูแก้วเหล้าขึ้นแล้วตะโกนขอเพิ่ม


    “แต่ครั้งนี้หนักกว่าทุกทีไม่ใช่หรอวะ” เขาบ่น มองสภาพเละเทะเป็นกะหล่ำปลีต้มของน้องชายข้างบ้านประโยคแปลก ของพัคจีฮุนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วก็ย้อนกลับมา


    ถ้าได้ฉลองครบรอบก็คงดี


    “ดีที่พวกมึงมาเจอ” เขาปัดคำพูดนั้นทิ้ง ปฏิเสธเครื่องดื่มแก้วใหม่จากบาร์เทนเดอร์ ‘ลูกค้าอาการร่อแร่ขนาดนี้ยังไม่ยอมหยุดรับออเดอร์อีกนะมึง’ ด่าทางสายตาไปหนึ่งที แล้วยื่นบัตรเครดิตให้พร้อมกับสั่งคิดเงิน “มันเมามากแล้ว เดี๋ยวกูพากลับเอง”


    “มึงไม่ต้องหรอก เพิ่งออกจากมาแลปไม่ใช่หรอ กูให้องมันโทรเรียกมึงมาจ่ายตังเฉย ๆ ส่วนเดวิด คืนนี้ให้มันค้างหอเพื่อนมันไปก่อน ส่งกลับบ้านทั้งยังงี้ไม่ได้หรอก คุณนายอีหัวใจวายแน่” ฮวังมินฮยอนหยุดเขาเอาไว้


    คังดาเนียลไม่คัดค้าน ทุกอย่างจะเรียบร้อยเมื่อฮวังมินฮยอนเข้ามาจัดการ “แล้วเพื่อนมันจะมาเมื่อไหร่”


    “ไม่นานหรอก กูโทรเรียกละ” องซองอูตอบ ชะเง้อคอมองหาคนที่พูดถึงท่ามกลางแสงไฟวูบวาบและฝูงคน ก่อนจะตะโกนแข่งกับเสียงบีทและโบกแขนเรียกร้องความสนใจเมื่อพบว่าแพจินยองและพัคอูจินแทรกตัวมาใกล้ถึงจุดที่พวกเขายืนอยู่แล้ว “นั่นไงมาพอดี”


    เด็กสองคนทักทายพวกเขาเร็ว ๆ พร้อมกับสีหน้าเป็นกังวล ตอบคำถามของเขาสองสามข้อ ก่อนจะหิ้วปีกอีเดวิดคนละข้างแล้วพาเพื่อนของตัวเองออกไปอย่างทุลักทุเล 


    อีเดวิดกับพัคซูยองเลิกกันแล้วในที่สุด


    “เลิกกับแฟนก็น่าเห็นใจอยู่ แต่ออกมาดื่มคนเดียวแบบไม่ประเมินตัวเองก็เกินไปหน่อยว่ะ เด็กสมัยนี้คิดอะไรอยู่วะ” ฮวังมินฮยอนออกความเห็น สะกิดไหล่เขาให้กลับไปเซ็นชื่อบนสลิป


    “บ่นเป็นลุงเลยสัด เดวิดมันเกิดช้ากว่ามึงแค่สองปีมั้ย” องซองอูแย้ง คังดาเนียลรู้ว่ามันไม่ได้เห็นด้วยกับพฤติกรรมของอีเดวิด แต่การกวนประสาทฮวังมินฮยอนเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่อยู่เหนือการสั่งการของสมองของมันไปแล้ว


    “สองปีที่เป็นช่วงรอยต่อของเจนวายกับแซดพอดีน่ะสิ“ แน่นอน ฮวังมินฮยอนตอกกลับ เขาเหลือบมองรอยยิ้มสนุกสนานขององซองอูแล้วก็ได้แต่คิดว่าการต่อปากต่อคำกับมันน่าจะเป็นอย่างสุดท้ายที่เขาคิดจะทำ คังดาเนียลรักชีวิตสงบสุข


    “วายแซดคือเหี้ยอะไรครับ เกลียดกูหรอ พูดภาษาคนกับกูสิมินนี่เพื่อนรัก” 


    “มินนี่พ่อง” ฮวังมินฮยอนถลึงตา


    “พ่อกูอ่ะน่ะ เบบี้บูมเมอร์แล้วมั้งนั่น” องซองอูหัวเราะให้กับมุขตลกของตัวเอง กระดกแก้วที่ไม่รู้ว่าสั่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ให้ของเหลวใสไม่มีสีไหลเข้าปาก ฮวังมินฮยอนแพ้แล้วและต่อไปก็ถึงคิวของเขา “เจนแซดมันต้องคนนั้นเว้ย ใช่มั้ยเนี่ยว พ่อมึงมานั่งทำอะไรที่นี่คนเดียววะ” 


    คังดาเนียลมองตามสายตาขององซองอู คนในชุดออลนีออนบลูบนเก้าอี้บาร์ถัดไปอีกสามตัวจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพัคจีฮุน ถึงสามในสี่ของใบหน้าจะถูกบดบังไปด้วยหมวกแก๊ปสีเดียวกันเขาก็ไม่มีทางจำผิด


    คังดาเนียลตัดสินใจได้แล้วว่าควรเข้าไปทัก แต่นี่คงไม่ใช่ซีนของเขา จึงถูกหญิงสาวริมฝีปากสีชมพูเหลือบทองแวววาวคนหนึ่งชิงตัดหน้าก่อนที่จะทันได้ก้าวเท้าเสียอีก


    “ฮงกูซึลค่ะ” เธอแนะนำตัวเสร็จสรรพ เสนอเครื่องดื่มแก้วหนึ่งในมือให้กับคนที่นั่งอยู่ก่อน แล้วทิ้งตัวลงตรงที่ว่างใกล้กันอย่างถือวิสาสะ


    พัคจีฮุนเหลือบมองหญิงสาวแค่แวบเดียว ก่อนจะหันกลับไปสนใจเครื่องดื่มของตัวเองอีกครั้ง แต่ฮงกูซึลยังไม่ละความพยายาม


    “จะรบกวนมั้ยคะ ถ้าฉันขอเซลฟี่กับคุณ”


    “รบกวนครับ” 


    เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงที่ความสำเร็จของฮงกูซึลหรือที่ความอดทนของพัคจีฮุน แต่องซองอูดึงเขากลับมากลางคัน “ตรง ๆ เลยนะ กูว่าพัคจีฮุนนี่มันแปลก ๆ ว่ะ”


    “ตรงไหนแปลก พัคจีฮุนเป็นพวกอินโทรเวิร์ด ใครก็รู้ คนพวกนี้แค่หวงพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองมาก นอกนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากเรา” มินฮยอนขัด ส่วนเขาขมวดคิ้ว 


    “กูกำลังพูดถึงของคนรอบตัวของเนี่ยวที่แม่งค่อย ๆ หายไปทีละคน แล้วมึงไม่ต้องมาเบรคกูเลยเชี่ยมิน มึงก็ติดใจเรื่องนี้เหมือนกู เอาแบบไม่รวมน้องนาแรที่จู่ ๆ ก็ดรอปคลาสที่เรียนเซคเดียวกับเนี่ยวก็ได้” องซองอูอธิบายต่อ ดูเหมือนบทสนทนานี้จะพุ่งเป้ามาที่เขา 


    “นาแรไหน” คังดาเนียลถาม


    “ซอนาแรมีเดียอาร์ต น้องที่ขาว ๆ น่ารัก ๆ ที่มึงเล่าว่าเขาให้หมากฝรั่ง แต่ไม่ให้เข้ากลุ่ม”


    “แล้วมึงไปรู้จักชื่อเขาได้ไง” เป็นปกติที่เขาสามคนจะแชร์ทุกเรื่องที่เจอระหว่างกัน แต่ที่ไม่ปกติคือองซองอูข้อมูลแน่นกว่าเขาที่เป็นเจ้าของเรื่องเสียอีก


    “ความขี้เสือกล้วน ๆ เลยกูตอบแทนให้” ฮวังมินฮยอนว่า


    “เออ กูสะดวกแบบนี้” แต่มีหรือคนอย่างองซองอูจะสะทกสะท้าน มันยอมรับคำแดกดันหน้าตาเฉย ก่อนจะเล่าต่ออย่างไม่อยากให้ขาดตอน 


    “ตอนนั้นมึงสงสัยใช่มั้ย ว่าทำไมมียองที่ทำงานกลุ่มกะมึงไม่มาวันพรีเซนไฟนอลโปรเจค งานสำคัญที่แค่มาให้อาจารย์เห็นหน้าก็รอดเอฟแบบฟรี ๆ ใครจะยอมขาดถูกมะ 


    มียองเรียนลอจิสติกส์ แล้วกูก็มีเพื่อนในนั้นพอดี มันบอกว่าอาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ไม่มีใครเห็นมียองเลย เจออีกทีก็วันเสาร์ที่มีเมคอัพคลาส แต่เข้าไปนั่งได้ไม่ถึงชั่วโมงมียองก็เกิดช็อกจนต้องถูกส่งตัวเข้าแอดมิท เล่าแค่ตรงนี้เจอคีย์เวิร์ดอะไรมั้ย”


    “มึงพยายามจะสื่ออะไรก็พูดมาเลยดีกว่า” คังดาเนียลคาดคั้นเสียงแข็ง เขามองเข้าไปในดวงตาที่เริ่มฉ่ำเยิ้มและแดงก่ำเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์


    “มึงคิดว่าชื่อพัคอาถรรพ์ที่คนเขาเรียกกัน มันมีขึ้นมาเล่น ๆ หรอวะเนี่ยว”




    TBC





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×