คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [NielWink] Keep a Weather Eye on the Cloud (1/5)
EPISODE 02
Keep a Weather Eye on the Cloud
Part: 1/5
Pairing: Kang Daniel x Park Jihoon
Genre: Slices of Life, Fluffy
Rate: PG-13
“ถ้าลองเปรียบความเป็นพัคจีฮุนกับอะไรสักอย่าง เมฆคิวมูลัสคงจะทำให้เห็นภาพได้มากที่สุด กลุ่มหยดน้ำขาวสะอาด มองแล้วให้ความรู้สึกนิ่มฟูเหมือนฟองนมที่ไม่มีอยู่ในอเมริกาโน่เย็นที่ผมชอบดื่ม ลอยเอื่อย ๆ กระจัดกระจายเต็มท้องฟ้าในวันที่อากาศสดใส แต่ก็พร้อมจะรวมตัวกันเป็นคิวมูโลนิมบัส เมฆซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกการตั้งเค้าของพายุ”
— คังดาเนียล, 2017
- Keep a Weather Eye on the Cloud -
Kang Daniel x Park Jihoon
คังดาเนียลคิดว่าตัวเองกำลังกลายเป็นพวกย้ำคิดย้ำทำ
เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมตอนที่เดินผ่านหน้าตึกคณะวิศวกรรมในทุกเช้าวันอังคารจะต้องเหลือบสายตาไปที่เก้าอี้ม้าหินเก่ากรังเพื่อมองหาคน ๆ หนึ่ง
อันที่จริงเขาไม่ถนัดหาคำตอบให้กับคำถามจำพวกนี้ แต่ในเมื่อทำอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกค้างคาออกไปจากหัวได้ก็คงต้องพึ่งทริกของเจ้าแห่งปรัชญาผู้กวาดคะแนนเต็มในทุกควิสของคลาสจริยธรรมอย่างฮวังมินฮยอนมาช่วย
‘ดาเนียล มึงแค่จำหลักการกับทฤษฎีไปเขียนพอ ถึงตอนสอบจริงมึงจะตันยังไง อย่างน้อย 70 เปอร์เซนต์ของคะแนนก็เป็นของมึง เชื่อกู’ เจ้านั่นว่า และจะด้วยความสมเพชหรือใด ๆ ก็ตาม เขาก็รู้สึกขอบคุณในใจ คนไร้อารยธรรมอย่างเขาหลุดจากซีมาได้เพราะคำแนะนำของมันเลยทีเดียว
ก็พอได้ยินบ้างว่าคนเราถ้าทำอะไรซ้ำ ๆ กันในช่วงเวลาหนึ่ง จะกลายเป็นความเคยชินแบบที่ร่างกายขยับไปเองโดยสัญชาตญาณ แต่ในกรณีนี้จะใช้คำว่าเคยชินคงไม่ได้ มันมากกว่านั้นไปอีก เป็นขั้นกว่าที่เขายังคงพยายามหาคำจำกัดความมาเจาะจงจนถึงทุกวันนี้
ถ้าให้เล่า พฤติกรรมดังกล่าวของเขาน่าจะเริ่มขึ้นเมื่อเดือนก่อน ตั้งแต่ที่สังเกตเห็นว่าเก้าอี้ม้าหินอ่อนที่สภาพตั้งท้าแดดท้าลมอย่างโดดเดี่ยวมาแรมปีหรืออาจจะตั้งแต่มหาลัยก่อตั้งถูกจับจองด้วยคน ๆ หนึ่ง
ใบหน้าหวานที่ถูกล้อมรอบด้วยกรอบผมสีน้ำตาลกับผิวสีสว่างเป็นแค่ส่วนหนึ่ง เสื้อลายทางสีส้มเหลืองกับเอี้ยมยีนส์ต่างหากที่ทำให้คน ๆ นั้นเตะตาเสียจนหลายต่อหลายคนให้ความสนใจ แน่นอน รวมถึงเขาด้วย แต่ก็แค่แวบเดียวของความสงสัย ครั้งนั้นคังดาเนียลเดินผ่านมาอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก
หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้าเป็นพิเศษเมื่อต้องใช้เวลาอยู่กับอาหารเลี้ยงเชื้อ กล้องจุลทรรศน์ และโคโลนีของเชื้อรา เขาแทบลืมไปแล้วว่าเคยต้องเหลียวกลับไปมองคน ๆ หนึ่งในชุดสะดุดตาอย่างไร กระทั่งได้ออกมาเผชิญกับโลกภายนอกเป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดวันคังดาเนียลก็ถูกเตือนความจำ
เขาเห็นคนนั้น ๆ อีกครั้งบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนตัวเดิม คราวนี้อีกฝ่ายสวมสเวตเตอร์สีขาวแซมด้วยแถบสีแดง น้ำเงิน และเทา หมวกเบเร่ต์สีดำกับแว่นตากลมที่ถูกเพิ่มเติมมายิ่งทำให้คนหน้าหวานสะดุดตาขึ้นจากคราวก่อนเป็นเท่าตัว
“ยังยูนีคเหมือนเดิมเลยนี่" คังดาเนียลกระตุกยิ้มพร้อมพึมพำด้วยความชื่นชม จะมีสักกี่คนกันที่ยังเฉยอยู่ได้ทั้งที่ถูกจับจ้องด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นหลายคู่
อย่างกับว่าเจ้าของไอเดียการมิกซ์แอนด์แมตช์สุดล้ำเป็นจุลินทรีย์ที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกและจำเป็นต้องทำการจัดจำแนก คนพวกนั้นไม่พยายามซ่อนท่าทีที่แสดงออกอย่างประเจิดประเจ้อแม้แต่น้อยจนเขายังอึดอัดแทน แต่ก็นะ กับเรื่องนี้คังดาเนียลไม่ได้อยู่ในจุดที่จะวิจารณ์ใครได้เสียด้วย
"เฮ้ย ไอ้แว่นที่หน้าหมา ๆ อ่ะ” เขาสะดุ้ง ยังไม่ทันมองตามสายตาคมกริบภายใต้แว่นตากลมของคนบนเก้าอี้ม้าหินที่ตวัดไปหาต้นเสียง แขนหนัก ๆ ก็ถูกโถมลงมาที่ท้ายทอยจนเขาเซไปข้างหน้า “มึงนั่นแหละเนี่ยว มองหาใครวะ เรียกแค่นี้ทำหน้าตื่นยังกับกูเรียกชื่อพ่อ"
“ก็แว่นกันตั้งหลายคนป่ะ มึงแหกตาดู ถ้ามึงตะโกนงั้นแล้วทำใครตีนกระตุกอีก กูไม่ช่วยหามแบบคราวก่อนแล้วนะสาบานได้” คังดาเนียลสวน เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองก็เป็นไอ้แว่นคนหนึ่งเหมือนกัน
องซองอูเพื่อนของเขาเป็นพวกปากชวนหาเรื่อง และนั่นเข้ากับหน้าตากวนประสาทที่คล้ายกับยิ้มเยาะคนอื่นอยู่ตลอดเวลาของมันได้อย่างดี จำไม่ได้ว่ากี่ครั้งแล้วที่อีกฝ่ายต้องเจ็บตัวเพราะคำพูดล่อตีนของตัวเอง ล่าสุดก็ตอนที่มันไปแอ้วสาวแต่เธอดันเข้าใจว่ากำลังถูกสบประมาท จนถึงตอนนี้ภาพที่มันถูกตบปลิวไปกระแทกแนวรั้วคอนกรีตก็ยังติดตาเขาไม่หาย
คังดาเนียลละสายตาจากจุดที่มองอยู่เพราะต้องโยกหัวหลบมือของคนข้าง ๆ ที่ยกขึ้นมาขยี้ผม ทำให้พลาดที่จะเห็นว่าริมฝีปากอิ่มของคนบนเก้าอี้หินอ่อนตัวนั้นบิดเป็นรอยยิ้มขบขันส่งมาหรือเป็นเพียงมุมของแสงที่ตกกระทบ
สองสัปดาห์ต่อจากนั้นเป็นอีกวันที่อากาศเย็นสบาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการหมกตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาพร้อมกับเจ้าแมวสีส้มหน้าตาไม่สบอารมณ์ในอ้อมกอด แต่คังดาเนียลกลับกำลังก้าวเท้าอย่างเร่งรีบ
“มายัง” เสียงขององซองอูถูกส่งมาทันทีที่เขาสไลด์ปุ่มสีเขียวบนหน้าจอ
“ถ้าไม่ต้องหยุดรับโทรศัพท์ก็ถึงนานละ”
“เออ พูดขนาดนี้กูวางก็ได้ ขึ้นมาให้ไว อีกหนึ่งวิกูต้องเห็นมึงที่ประตูห้องแล้วถูกมั้ย”
“ถ้าเพื่อนมึงเป็นเดอะแฟลชน่ะนะ” เขาวางสายก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิด ยัดเบอร์เกอร์ที่เหลืออยู่เกือบครึ่งเข้าปากแล้วเคี้ยวตะกรุมตะกราม ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะสอดส่ายสายตาไปเก้าอี้หินอ่อน ไล่มองจากเชือกผูกรองเท้าสีสะท้อนแสงที่มีเฉดต่างกันโดยสิ้นเชิงขึ้นไป และ—
พัคจีฮุนอยู่ตรงนั้น
ใช่ เขากำลังหมายถึงคนหน้าหวานที่เขามองหาอยู่ทุก ๆ เช้าวันอังคาร เรื่องน่าแปลกคือ พอได้รู้จักชื่อข่าวลือหลายอย่างเกี่ยวกับอีกฝ่ายก็ลอยมาเข้าหูไม่หยุด
รุ่นพี่ปีสี่คนหนึ่งจากสาขาภาพยนตร์ต้องแอดมิทที่โรงพยาบาลเกือบหนึ่งเดือน คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นเพราะรุ่นพี่คนนั้นตามเซ้าซี้พัคจีฮุนให้รับบทในเรื่องสั้นของตัวเองไม่เลิกจนเจ้าตัวทนรำคาญไม่ไหว
อดีตดาวคณะการจัดการโดนรีไทร์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้งที่อยู่ในระดับท็อปขอรุ่นมาตลอด และอีกแค่ปีเดียวก็จะได้เข้าพิธีจบการศึกษา ผลการเรียนของเธอทิ้งดิ่ง หลังจากมีคนเห็นเธอถูกพัคจีฮุนบอกเลิกที่สวนพฤกษศาสตร์ข้างคณะวิทยาศาสตร์อย่างไร้เยื่อใย
กระทั่งอาจารย์ประจำภาควิชาสถิติที่จู่ ๆ ก็ถูกเชิญให้ออกหลังมีข่าวว่าถูกรื้อค้นห้องพัก พัคจีฮุนถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เจ้าตัวถูกเรียกเข้าไปสอบสวนหลายครั้ง แต่ก็เท่านั้น พัคจีฮุนยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ได้ ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันข้อกล่าวหา
ถ้าข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับพัคจีฮุนมีหนึ่งร้อยเรื่อง ที่จับนั่นชนนี่มั่วซั่วจนแทบไม่เห็นความเชื่อมโยงก็ปาไปแล้วแปดสิบ อย่างกับว่าแค่มีชื่อพัคจีฮุนปรากฏขึ้นมาจะช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับบทสนทนาได้เสียที่ไหน
เท่าที่เขาฟัง ๆ มาพัคจีฮุนคนนั้นมักจะถูกพูดถึงในทางร้ายเป็นส่วนใหญ่ แบบที่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปข้องแวะจะต้องเผชิญคราวเคราะห์หรืออะไรเทือกนั้น แต่ก็แปลกอีกนั่นแหละ ข่าวลือพวกนั้นดูไม่มีผลต่อความคลั่งไคล้ของสาว ๆ ที่มีต่อพัคจีฮุนแม้แต่น้อย
ผู้หญิงเป็นเพศที่เข้าใจยาก และเขาที่ยังขาดความเข้าใจในความชอบพวกเธอแต่มักจะบังเอิญต้องเข้าไปนั่งท่ามกลางหัวข้อสนทนาเหล่านั้นก็ทำได้แค่พยักหน้าเออออไปตามเรื่องเมื่อถูกถามความเห็น
โอเค ยอมรับก็ได้ว่าไอ้คำชมที่เคยผ่านหูเขาว่าหมอนั่นตาสวยอย่างนู้นอย่างนี้มันถูกต้องมาก ยิ่งบวกบรรยากาศรอบตัว ดวงตาเป็นประกายของคนที่ถูกพาดพิงนั้นลึกลับราวกับห้วงอวกาศที่รอการสำรวจ
นับเป็นสัปดาห์ที่สี่แล้วตั้งแต่เขาได้เจอพัคจีฮุนครั้งแรก คังดาเนียลมองไปที่อีกคนแล้วยกยิ้ม โค้ทตัวยาวสีเดียวกับท้องฟ้ากับผมที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีชมพูซีดทำให้เจ้าตัวดูน่ารักขึ้นเป็นกอง
แล้วก็อย่างทุกครั้ง วันนี้อีกฝ่ายยังคงนั่งที่เก้าอี้มาหินตัวเดิม ต่างออกไปหน่อยคือนอกจากพัคจีฮุนบนที่ประจำของเขาแล้ว ยังมีหญิงสาวหุ่นบอบบางอีกคนยืนอยู่ด้วย จากการสะบัดผมสีบลอนสลวยอย่างเกรี้ยวกราดของเธอบวกกับสีหน้าเบื่อหน่ายเป็นที่สุดของคนหน้าหวานทำให้เขาเดาได้ไม่ยากว่าคนทั้งคู่กำลังมีปากเสียงกันและดูท่าจะเคลียร์ไม่จบง่าย ๆ
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขา คังดาเนียลไม่ใช่คนประเภทที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน เขาเบี่ยงความสนใจมาที่เสียงขององซองอูที่ถูกส่งผ่านมาทางโทรศัพท์แทน
“จะมาถึงได้ยัง”
“อยู่หน้าคณะแล้วเนี่ย โทรมาเร่งกูเพื่อ" คังดาเนียลตอบเสียงเอื่อย นาฬิกาที่ข้อมือของเขาแสดงตัวเลข 9:04 am นั่นหมายความว่ายังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าคลาสจะเริ่มหรืออย่างน้อยก็ก่อนที่อาจารย์โฮจะเริ่มเช็คชื่อ
"ก็อยากให้รีบกว่านี้ไงคะ เค้าคิดถึงจะแย่แล้ว” ปลายสายดัดเสียงหวาน ซึ่งฟังแล้วก็น่าทำใจสละแอร์จอร์แดนที่เพิ่งซื้อมาไม่ครบอาทิตย์ยัดปากใช้ได้
"ให้กูกราบมั้ย เก็บเสียงสองของมึงไว้ใช้กับหมาที่หอมึงเถอะ” คังดาเนียลขอร้อง แค่ต้องฟังมันกระเง้ากระงอดกับพุดเดิลที่แอบลุงเจ้าของหอเลี้ยงไว้ทุกครั้งที่ไปหามันที่ห้องก็ต้องใช้ความอดทนอย่างมากแล้ว อย่าให้ต้องมาถึงจุดที่เขาเป็นคนที่ต้องฟังมันพูดด้วยเสียงนั้นใส่จะดีกว่า
“ใช่ซี่ กูมันคนไม่ใช่ อ้อนไปก็เท่านั้นอ่ะ” แต่องซองอูไม่หยุดแค่นั้น เขาแทบจะจินตนาการออกเลยว่ามันกำลังทำหน้าอ้อร้อแบบไหนอยู่
“อ้อนตีน” คังดาเนียลย่นจมูก หลุดทำสีหน้าสยองขวัญอย่างช่วยไม่ได้
“เออ ตีนที่จะไปอยู่บนหน้ามึงเร็ว ๆ นี้ไง”
“เดือดง่าย” โอเค สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ คังดาเนียลกลั้วหัวเราะ
"ก็เชี่ยมินแม่งไม่สนใจกูเลย มัวเต๊าะสาวอยู่ได้ กูจะเฉาตายอยู่ละเนี่ย”
"ไม่เคยมีใครตายเพราะถูกทิ้งให้นั่งคนเดียวไม่ถึงสิบนาทีนะเท่าที่กูรู้"
“มึงทำไมเข้าข้างมันอ่ะเนี่ยว”
“ตอนไหนวะที่กูเข้าข้าง”
“มึงไม่รู้สินะว่าที่มันเต๊าะอยู่อ่ะคือใคร”
“โฮจอง” เขาเดา จากสิบรายชื่อ ‘สาวในฝันขององ’ ที่เจ้าตัวแร็งค์ให้ฟังทุกครั้งที่มีโอกาสจนจำได้ขึ้นสมองโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม ลีโฮจองที่มีลงเซคชั่นเดียวกันน่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด
“โง้ย มึงรู้ มีแค่มึงที่รักกูจริง นั่นแหละ น้องโฮจองโลจิสที่กูเล็งไว้มาเป็นเดือน สัสเอ้ยแค่พูดก็ปวดใจ มึงต้องมาเห็น น้องเขินโคตรน่ารัก แต่น้องเขินเพราะไอ่มินอ่ะกูฟินไม่สุด”
องซองอูยังคงบรรยายความน่ารักของน้องโฮจองของมันและความหน้าม่อของฮวังมินฮยอนต่อไปไม่หยุด แต่คังดาเนียลจับใจความของประโยคต่อมาได้น้อยมาก เมื่อเห็นว่าพัคจีฮุนกำลังมองมาตรงจุดที่เขายืนอยู่ครู่หนึ่งอย่างสื่อความหมาย
เขายืนยันให้แน่ใจโดยการชี้นิ้วเข้าหาตัวและเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ซึ่งอีกฝ่ายก็กระพริบตารับ รู้ตัวอีกทีคังดาเนียลก็ตัดสายขององซองอูทิ้งไปแล้ว
"รอนานป่ะ" เขาโบกมือให้คนที่ทิศสิบนาฬิกาทั้งที่ยังกำโทรศัพท์ไว้ด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ เพิ่งพูดว่าตัวเองไม่ใช่พวกขี้เสือกไปไม่ทันไร ก็เผลอทำเรื่องไม่เข้าท่าไปเสียแล้ว
คนทั้งสองหยุดเรื่องที่กำลังคุยไว้ชั่วคราวก่อนหันมามองเขาเป็นตาเดียว และนั่นทำให้คังดาเนียลรู้สึกประหม่า เขาค่อย ๆ ลดมือลงมาชิดข้างตัว ค้างสายตาไว้แค่พัคจีฮุน พยายามทำให้สาวผมบลอนด์เป็นภาพเบลอที่ปลายหางตา
'ทำไมนิ่งวะ นี่เข้ามาช่วยแล้วนะ สายตาเว้าวอนของมึงเมื่อกี้คือขอความช่วยเหลือ กูเข้าใจถูกใช่ป่ะ' เขากัดริมฝีปากล่าง ไม่รู้จักกันแต่แรกอยู่แล้ว เอาเป็นว่าถ้าเข้าใจผิดก็ไม่เป็นอะไรมาก คงอับอายนิดหน่อย ไม่มีหน้าเดินผ่านเก้าอี้ม้าหินอ่อนตัวนี้เข้าตึกอีกแค่นั้น
"เนียล รออยู่พอดี ขึ้นเลยมั้ย" ก่อนที่เขาจะกังวลไปมากกว่านี้ เสียงติดห้าวก็ตอบรับกลับมาในที่สุด แม้การที่อีกฝ่ายเรียกชื่อของเขาถูกจะน่าประหลาดใจ แต่ยังเทียบไม่ได้กับแรงดึงที่แขน 'เนียลเลยหรอวะ แล้วยังถึงเนื้อถึงตัวกันหน้าตาเฉยอีก รู้สึกสนิทสนมกับมึงจัง เพื่อนรัก'
"จี้ เรายังคุยกันไม่จบนะ" หญิงสาวท้วงขึ้นทันทีที่เห็นว่าตัวเองกำลังจะถูกเท
"ขอโทษนะบลิน คลาสเริ่มเก้าโมงครึ่ง ผมต้องไปตอนนี้เลย" พัคจีฮุนบอกปัดเธออย่างสุภาพ ก่อนจะกระตุกแขนของเขาอีกครั้ง "ไปกัน"
ถึงจะรู้สึกผิดกับสาวสวยตรงหน้าอยู่หน่อย ๆ แต่เขาเสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว คังดาเนียลก้าวตามคนที่เดินนำไปอย่างว่าง่าย ใจอยากยกเพื่อนร่วมทางขึ้นพาดบ่าแล้ววิ่งขึ้นบันไดให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อเห็นว่าเขาจะถูกเช็กสายอย่างแน่นอนถ้ายังไม่ถึงคลาสภายในสามนาที
เอาเป็นว่า ถึงจะผิดจากที่ตั้งใจเอาไว้ค่อนข้างมาก แต่นี่แหละครั้งแรกที่เขาได้มีปฏิสัมพันธ์กับพัคจีฮุน และในเมื่อมีครั้งแรก ก็มักจะมีครั้งที่สอง สาม และต่อจากนั้นตามมา
TBC
ความคิดเห็น