คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Bibliophile | | JinMark
Bibliophile
Pairing : Park Jinyoung x Mark Tuan
Rate : PG-13
Author : wssw2801 (I AM)
Bibliophile (n.) A lover of books; one who loves to read, admire and collect books.
ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ
ความรู้สึกไม่พอใจในสาเหตุของการชอบอ่านหนังสือของผมจะมาเป็นระยะๆ อาจจะถี่พอๆกับจำนวนครั้งที่หยิบหนังสือขึ้นอ่านเลยก็ได้ แต่อย่างไร ผมก็เลือกที่จะมีความสุขเป็นชั่วโมงมากกว่าความทุกข์แค่เสี้ยววินาทีที่รู้สึกผิด
เพราะผมไม่ชอบคนพูดมาก ผมถึงชอบอ่านหนังสือ หนังสือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมตั้งแต่เกิดมา หนังสือเล่าเรื่องด้วยความเงียบ เราสื่อสารกันด้วยตัวอักษรแล้วความคิด สติสัมปชัญญะของผมเป็นเหมือนมือล่องหนที่กอบกุมซึ่งกันและกันแล้วพากันท่องไปในห้วงความคิดของผู้เขียน
ผมขอบคุณพระเจ้าที่สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา
แต่ชีวิตของคนทั่วไปก็มักจะย้อนแย้งกันอย่างไม่มีเหตุผล ผมไม่ชอบคนพูดมาก ผมไม่ชอบคนเสียงดัง ผมไม่ชอบความวุ่นวาย
แต่ผมเป็นไอดอล เมื่อสักครู่ผมขอบคุณพระเจ้า แต่ตอนนี้ผมอยากจะโยนเครื่องหมายคำถามใส่พระเจ้าแรงๆสักหนึ่งที
“จินยอง… กินข้าว” เสียงใครก็ไม่ทราบได้ ผมกำลังท่องไปในสมองของชายคนหนึ่งนามสตริคแลนด์จากหนังสือเรื่อง The Moon and Sixpence
“………….”
นี่คือหนึ่งในความสถุลทางความคิดของผม ผมรู้ว่ามีคนมาเรียกแต่ผมเลือกที่จะตอบกลับด้วยความเงียบ ผมปัดความงุ่นง่านของคนเรียกทิ้งไปและทำในสิ่งที่เคยทำ ผมทำกริยาไร้มารยาทกับแจบอมบ่อย ส่วนเจ้านั่นจะตอบกลับด้วยเสียงดังน่ารำคาญ ตอกกลับกันด้วยความไร้มารยาทที่เผ็ดร้อน
แต่ความเงียบครั้งนี้ทำให้ผมต้องเป็นคนมีมารยาทขึ้นมา
“มาร์คฮยองนี่เอง” ผมเอ่ยทัก ดวงตากลมโตที่กะพริบปริบๆ กับมือที่ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ไหนทำให้ผมลอบยิ้ม
น่ารักดี
นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ชมใครว่าน่ารัก คงจะเป็นหกเจ็ดปีก่อน แต่สิ่งที่ผมชมคือแมวที่นั่งตัวตรงน่าขันอยู่ข้างทาง ไม่ใช่คน อย่างที่บอก ความชื่นชอบของผมค่อนข้างแปลกประหลาด
“มา...เรียก…ไป …กิน…ข้าว” น่าแปลกที่เสียงยานคางๆมันไม่น่ารำคาญอย่างที่คิด
“ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ โทษทีที่เสียมารยาท” ผมโค้งหัวให้เล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายมาตามผมให้ไปทำนู่นทำนี่ อย่างน้อยมาร์คก็เป็นรุ่นพี่ที่คนอายุน้อยกว่าควรให้ความเคารพ
“………..….”
เพราะมาร์คไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ความเงียบจึงทำหน้าที่เป็นความไร้มารยาทอีกครั้ง แต่ครั้นเมื่อผมจ้องไปที่ใบหน้าที่มีรอยยิ้มหวานประดับอยู่ของอีกฝ่าย ณ วินาทีนั้นผมตระหนักได้ทันที
ผมคือคนไร้มารยาท
ผมจ้องมอง
อยู่ไปอยู่มาคนที่มาเรียกผมให้ผุดขึ้นจากหลุมแห่งจินตนาการกลับกลายเป็นคนๆเดียว มาร์คต้วนนั่นเอง ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ค่อยเห็นสมาชิกคนอื่นมาตามผมไปไหนต่อไหน ครั้งหนึ่งผมเคยถามแจบอม หมอนั่นยักไหล่ก่อนจะตอบกลับมาด้วยคำที่ทำให้ผมรู้สึกฉงนใจ
“ไม่รู้ตัวหรอ?”
“ทำไมต้องรู้ตัว”
“หนังสือเล่มใหม่สนุกมั้ยล่ะ”
ผมรำคาญ ผมไม่ชอบการอ้อมค้อม ถึงผมจะเป็นพวกที่ชอบคิดตามหนังสือ แต่บางเวลามันก็น่าหมั่นไส้ไปหน่อยที่จะทำตัวคิดมากและโอ้อวดความคิดเรื่อยเปื่อยที่ไม่รู้ว่าถูกหรือไม่ ผมเบื่อจะฟังตาแก่พล่ามเรื่อยเปื่อย ผมจึงปิดประตูกลับไปหาพี่หมีและหนังสือเล่มโปรด
ผมกลับมายังปัจจุบันที่ห้องแห่งจินตนาการ น่าแปลกที่ผมมีเพื่อนร่วมจินตนาการไปในโลกของหนังสือเพิ่มมาอีกหนึ่งคน มาร์คต้วนย้ายก้นสวยๆของตัวเองมาอยู่ที่ห้องของผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังท่องอยู่ในโลกของหนังสือสอนคัดภาษาเกาหลีของเด็กอนุบาล
“ทำไมมาอยู่ห้องนี้” ผมถาม วูบหนึ่งที่ผมถามตัวเองว่า แล้วปล่อยให้มาร์คเข้ามาทำไม แต่ผมปัดมันทิ้ง ผมเป็นคนไม่ชอบความยากในชีวิตเหมือนตัวละครในนิยาย
“ไม่ชอบ…เสียงดัง”
“แจ็คสัน….เสียงดัง”
ผมขำเสียงดังจนอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ น่าจะเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวได้ลองนินทาคนด้วยภาษาเกาหลี คงจะกระอักกระอ่วนใจน่าดูที่ได้นินทาสมาชิกในวงให้สมาชิกอีกคนหนึ่งฟัง ใช่ คำว่าครั้งแรกมีความหมายเท่ากับคำว่าอาย
“ชอบอยู่คนเดียว?” ผมถาม น่าน้อยใจแทนหนังสือที่ผมเปิดค้างไว้ ยังไม่ได้รับความสนใจจากผม
“ชอบความเงียบ แต่ไม่ชอบอยู่คนเดียว” คำถามแรกได้คำตอบน่าพอใจ
“แล้วไม่นึกหรอว่าผมอยากอยู่คนเดียว” มาร์คเงียบไปหนึ่งอึดใจ เป็นความเงียบที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร
“รู้สิ…” ผมกลั้นหายใจ
“…แต่ฉันสนใจความสุขตัวเองมากกว่า” คำตอบที่สองน่าพอใจกว่าคำตอบแรกเป็นล้านเท่า อีกอย่าง ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง
“มีฉันหรือไม่มี ห้องนี้ก็เหมือนอยู่คนเดียวอยู่แล้ว” ผมพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ เป็นความจริงที่มาร์คมานอนอ่านหนังสือคัดคำเด็กน้อยอนุบาลอยู่ในห้องแบบเงียบเชียบจนเหมือนไม่มีคนอยู่ มีเพียงอย่างเดียวที่เจ้าตัวรบกวนผมคือพี่หมีตัวใหญ่ที่ถูกยึดไป
“แต่ถ้านายไม่สะด…”
“ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย…” ผมพูดปัด
อย่างที่แจบอมพูด มาร์คเป็นหนังสือเล่มใหม่ที่กำลังจะเป็นเล่มโปรด มาร์คมีคุณสมบัติของคำว่าหนังสือทุกประการ มาร์คไม่ใช่คนพูดไม่เก่ง แต่เป็นคนไม่พูดโดยนิสัย ผมชอบมันมาก เราสื่อสารกันด้วยความเงียบ ใช้ลมหายใจที่ล่องลอยอยู่ในห้องเดียวกันเป็นตัวอักษร
เหมือนกับหนังสือทั่วๆไป เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คนอ่านจะรู้เองว่าหนังสือเล่มนี้สนุกหรือไม่สนุก การที่มาร์คบอกเป็นนัยๆว่าผมเป็นความสุขของเขาเมื่อสักครู่ทำให้ผมรู้ว่าหนังสือที่ชื่อมาร์คต้วนมันสนุกจนผมวางไม่ลง
เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ใหม่ใช้ได้เลยล่ะ
ลองคิดดู คนเราจะรู้สึกดีแค่ไหนที่ได้เป็นความสุขของใครคนหนึ่ง
เป็นความรู้สึกที่น่ารักเป็นบ้า
“ผมเป็นความสุขของฮยอง?” ผมปล่อยให้ในห้องมีความเงียบปกคลุมไปนานมากก่อนที่จะเอ่ยถามคำถามที่คิดว่าเสี่ยงอันตรายสุดขีด อีกฝ่ายขยับตัวขึ้นมาจากตุ๊กตาหมีตัวใหญ่พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย สายตาใสซื่อของมาร์คทำให้ผมคิดว่ามาร์คจะไม่โกหก
“อืม นายล่ะ ความสุขของนายคืออะไร” เกมพลิกเมื่อโดนอีกฝ่ายถามกลับ ผมขยับตัวหยุกหยิก ประหม่าที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นคนที่ต้องเดินตามสถานการณ์ที่ตัวเองเป็นคนสร้าง
“หนังสือ” ผมลังเลได้ไม่นาน ไม่ว่าอย่างไรหนังสือคือสิ่งที่ผมชอบที่สุด ผมรู้สึกผิดที่เห็นอีกฝ่ายหลุบตาต่ำลงแล้วก้มลงไปคัดตัวหนังสือเกาหลีงี่เง่า
เป็นธรรมชาติของคนที่ถามคำถามบางอย่างเพื่อตอบสนองความหวังของตัวเอง ทุกครั้งที่มีคำถามหลุดออกจากปาก คนถามมักจะเตรียมคำตอบที่ตนพอใจที่สุดเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เห็นได้จากผมที่หวังอยู่ลึกๆในใจว่ามาร์คจะตอบว่าผมคือความสุขของเขา มาร์คก็คงเป็นเช่นกัน ผมอ่านความผิดหวังในสายตาเขาออก
แต่เขาคงไม่รู้ว่าสำหรับผมนั้น เขาก็เป็นหนังสือเล่มโปรดเหมือนกัน
“ผมมีความสุขที่ได้อ่านหนังสือ” ผมขยับเข้าไปใกล้พี่หมีตัวใหญ่ที่ถูกยึดไป “ฮยองรู้มั้ยว่าเล่มไหนที่มีผมอ่านแล้วมีความสุขที่สุด”
“The Moon and Sixpence” มาร์คไม่สบตาแต่ตอบผมเสียงแผ่วเบา ผมดีใจปนประหลาดใจที่มาร์คจำได้ว่าผมอ่านหนังสือเล่มไหนบ่อยที่สุด ไม่สิ ผมรู้สึกเหมือนถูกคนแบกขึ้นไปอยู่บนที่สูงๆ รู้สึกเป็นใหญ่อย่างบอกไม่ถูก เพียงชั่ววิที่ผมรู้สึกเกลียดตัวเองที่รู้ยินดีมากไปหน่อย “ไม่ใช่”
“…………….” มาร์คเงียบแต่ส่งสายตาสงสัยไปให้เส้นประที่ลากพยัญชนะเกาหลี
“หนังสือเล่มนั้น…”
“…..ชื่อมาร์ค”
มาร์คเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม แก้มแดงเปล่งปลั่งกับรอยยิ้มหวานช่างน่าหลงใหล
ผมเป็นคนไร้มารยาทยิ่งกว่าเดิม
เพราะผมไม่ทำแค่จ้องมอง
END
#iamjinmark
I AM
ความคิดเห็น