ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I AM JINMARK

    ลำดับตอนที่ #3 : Bibliophile | | JinMark

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 58







    Bibliophile

     

    Pairing : Park Jinyoung x Mark Tuan
    Rate : PG-13
    Author : wssw2801 (I AM)

     

     

     

     

     

    Bibliophile (n.)  A lover of books; one who loves to read, admire and collect books.

     

     

     

     

    ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ

     

     

     

    ความรู้สึกไม่พอใจในสาเหตุของการชอบอ่านหนังสือของผมจะมาเป็นระยะๆ อาจจะถี่พอๆกับจำนวนครั้งที่หยิบหนังสือขึ้นอ่านเลยก็ได้ แต่อย่างไร ผมก็เลือกที่จะมีความสุขเป็นชั่วโมงมากกว่าความทุกข์แค่เสี้ยววินาทีที่รู้สึกผิด

     

     

     

    เพราะผมไม่ชอบคนพูดมาก ผมถึงชอบอ่านหนังสือ หนังสือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมตั้งแต่เกิดมา หนังสือเล่าเรื่องด้วยความเงียบ เราสื่อสารกันด้วยตัวอักษรแล้วความคิด สติสัมปชัญญะของผมเป็นเหมือนมือล่องหนที่กอบกุมซึ่งกันและกันแล้วพากันท่องไปในห้วงความคิดของผู้เขียน

     

     

     

    ผมขอบคุณพระเจ้าที่สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา

     

     

     

    แต่ชีวิตของคนทั่วไปก็มักจะย้อนแย้งกันอย่างไม่มีเหตุผล ผมไม่ชอบคนพูดมาก ผมไม่ชอบคนเสียงดัง ผมไม่ชอบความวุ่นวาย

     

     

     

    แต่ผมเป็นไอดอล เมื่อสักครู่ผมขอบคุณพระเจ้า แต่ตอนนี้ผมอยากจะโยนเครื่องหมายคำถามใส่พระเจ้าแรงๆสักหนึ่งที

     

     

    จินยอง กินข้าวเสียงใครก็ไม่ทราบได้ ผมกำลังท่องไปในสมองของชายคนหนึ่งนามสตริคแลนด์จากหนังสือเรื่อง The Moon and Sixpence ช่างเป็นชายที่สถุลทางความคิดโดยแท้ ผมเห็นด้วยกับผู้เขียนโดยผลักความคิดของตัวเองที่กำลังประท้วงเสียงดังว่า นายก็ไม่ต่างกันกัน ปาร์คจินยอง

     

     

    “………….”

     

     

    นี่คือหนึ่งในความสถุลทางความคิดของผม ผมรู้ว่ามีคนมาเรียกแต่ผมเลือกที่จะตอบกลับด้วยความเงียบ ผมปัดความงุ่นง่านของคนเรียกทิ้งไปและทำในสิ่งที่เคยทำ ผมทำกริยาไร้มารยาทกับแจบอมบ่อย ส่วนเจ้านั่นจะตอบกลับด้วยเสียงดังน่ารำคาญ ตอกกลับกันด้วยความไร้มารยาทที่เผ็ดร้อน

     

     

    แต่ความเงียบครั้งนี้ทำให้ผมต้องเป็นคนมีมารยาทขึ้นมา

     

     

    มาร์คฮยองนี่เองผมเอ่ยทัก ดวงตากลมโตที่กะพริบปริบๆ กับมือที่ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ไหนทำให้ผมลอบยิ้ม

     

     

    น่ารักดี

     

     

    นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ชมใครว่าน่ารัก คงจะเป็นหกเจ็ดปีก่อน แต่สิ่งที่ผมชมคือแมวที่นั่งตัวตรงน่าขันอยู่ข้างทาง ไม่ใช่คน อย่างที่บอก ความชื่นชอบของผมค่อนข้างแปลกประหลาด

     

     

    มา...เรียกไป กินข้าวน่าแปลกที่เสียงยานคางๆมันไม่น่ารำคาญอย่างที่คิด

     

     

    ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ โทษทีที่เสียมารยาทผมโค้งหัวให้เล็กน้อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายมาตามผมให้ไปทำนู่นทำนี่ อย่างน้อยมาร์คก็เป็นรุ่นพี่ที่คนอายุน้อยกว่าควรให้ความเคารพ

     

     

    “………..….”

     

     

    เพราะมาร์คไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ความเงียบจึงทำหน้าที่เป็นความไร้มารยาทอีกครั้ง แต่ครั้นเมื่อผมจ้องไปที่ใบหน้าที่มีรอยยิ้มหวานประดับอยู่ของอีกฝ่าย ณ วินาทีนั้นผมตระหนักได้ทันที

     

     

    ผมคือคนไร้มารยาท

     

     

    ผมจ้องมอง

     







     

     

     

    อยู่ไปอยู่มาคนที่มาเรียกผมให้ผุดขึ้นจากหลุมแห่งจินตนาการกลับกลายเป็นคนๆเดียว มาร์คต้วนนั่นเอง ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ค่อยเห็นสมาชิกคนอื่นมาตามผมไปไหนต่อไหน ครั้งหนึ่งผมเคยถามแจบอม หมอนั่นยักไหล่ก่อนจะตอบกลับมาด้วยคำที่ทำให้ผมรู้สึกฉงนใจ

     

     

    ไม่รู้ตัวหรอ?”

     

     

    ทำไมต้องรู้ตัว

     

     

    หนังสือเล่มใหม่สนุกมั้ยล่ะ

     

     

    ผมรำคาญ ผมไม่ชอบการอ้อมค้อม ถึงผมจะเป็นพวกที่ชอบคิดตามหนังสือ แต่บางเวลามันก็น่าหมั่นไส้ไปหน่อยที่จะทำตัวคิดมากและโอ้อวดความคิดเรื่อยเปื่อยที่ไม่รู้ว่าถูกหรือไม่ ผมเบื่อจะฟังตาแก่พล่ามเรื่อยเปื่อย ผมจึงปิดประตูกลับไปหาพี่หมีและหนังสือเล่มโปรด

     

     

    ผมกลับมายังปัจจุบันที่ห้องแห่งจินตนาการ น่าแปลกที่ผมมีเพื่อนร่วมจินตนาการไปในโลกของหนังสือเพิ่มมาอีกหนึ่งคน มาร์คต้วนย้ายก้นสวยๆของตัวเองมาอยู่ที่ห้องของผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังท่องอยู่ในโลกของหนังสือสอนคัดภาษาเกาหลีของเด็กอนุบาล

     

     

    ทำไมมาอยู่ห้องนี้ผมถาม วูบหนึ่งที่ผมถามตัวเองว่า แล้วปล่อยให้มาร์คเข้ามาทำไม แต่ผมปัดมันทิ้ง ผมเป็นคนไม่ชอบความยากในชีวิตเหมือนตัวละครในนิยาย

     

     

    ไม่ชอบเสียงดัง

     

     

    แจ็คสัน….เสียงดัง

     

     

    ผมขำเสียงดังจนอีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ น่าจะเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวได้ลองนินทาคนด้วยภาษาเกาหลี คงจะกระอักกระอ่วนใจน่าดูที่ได้นินทาสมาชิกในวงให้สมาชิกอีกคนหนึ่งฟัง ใช่ คำว่าครั้งแรกมีความหมายเท่ากับคำว่าอาย

     

     

    ชอบอยู่คนเดียว?” ผมถาม น่าน้อยใจแทนหนังสือที่ผมเปิดค้างไว้ ยังไม่ได้รับความสนใจจากผม

     

     

    ชอบความเงียบ แต่ไม่ชอบอยู่คนเดียวคำถามแรกได้คำตอบน่าพอใจ

     

     

    แล้วไม่นึกหรอว่าผมอยากอยู่คนเดียวมาร์คเงียบไปหนึ่งอึดใจ เป็นความเงียบที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร

     

     

    รู้สิ…” ผมกลั้นหายใจ

     

     

    “…แต่ฉันสนใจความสุขตัวเองมากกว่าคำตอบที่สองน่าพอใจกว่าคำตอบแรกเป็นล้านเท่า อีกอย่าง ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง

     

     

    มีฉันหรือไม่มี ห้องนี้ก็เหมือนอยู่คนเดียวอยู่แล้วผมพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ เป็นความจริงที่มาร์คมานอนอ่านหนังสือคัดคำเด็กน้อยอนุบาลอยู่ในห้องแบบเงียบเชียบจนเหมือนไม่มีคนอยู่ มีเพียงอย่างเดียวที่เจ้าตัวรบกวนผมคือพี่หมีตัวใหญ่ที่ถูกยึดไป

     

     

    แต่ถ้านายไม่สะด…”

     

     

    ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย…” ผมพูดปัด

     

     

    อย่างที่แจบอมพูด มาร์คเป็นหนังสือเล่มใหม่ที่กำลังจะเป็นเล่มโปรด มาร์คมีคุณสมบัติของคำว่าหนังสือทุกประการ มาร์คไม่ใช่คนพูดไม่เก่ง แต่เป็นคนไม่พูดโดยนิสัย ผมชอบมันมาก เราสื่อสารกันด้วยความเงียบ ใช้ลมหายใจที่ล่องลอยอยู่ในห้องเดียวกันเป็นตัวอักษร

     

     

    เหมือนกับหนังสือทั่วๆไป เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คนอ่านจะรู้เองว่าหนังสือเล่มนี้สนุกหรือไม่สนุก การที่มาร์คบอกเป็นนัยๆว่าผมเป็นความสุขของเขาเมื่อสักครู่ทำให้ผมรู้ว่าหนังสือที่ชื่อมาร์คต้วนมันสนุกจนผมวางไม่ลง

     

     

    เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ใหม่ใช้ได้เลยล่ะ

     

     

    ลองคิดดู คนเราจะรู้สึกดีแค่ไหนที่ได้เป็นความสุขของใครคนหนึ่ง

     

     

    เป็นความรู้สึกที่น่ารักเป็นบ้า

     

     

    ผมเป็นความสุขของฮยอง?” ผมปล่อยให้ในห้องมีความเงียบปกคลุมไปนานมากก่อนที่จะเอ่ยถามคำถามที่คิดว่าเสี่ยงอันตรายสุดขีด อีกฝ่ายขยับตัวขึ้นมาจากตุ๊กตาหมีตัวใหญ่พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย สายตาใสซื่อของมาร์คทำให้ผมคิดว่ามาร์คจะไม่โกหก

     

     

    อืม นายล่ะ ความสุขของนายคืออะไรเกมพลิกเมื่อโดนอีกฝ่ายถามกลับ ผมขยับตัวหยุกหยิก ประหม่าที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นคนที่ต้องเดินตามสถานการณ์ที่ตัวเองเป็นคนสร้าง

     

     

    หนังสือ ผมลังเลได้ไม่นาน ไม่ว่าอย่างไรหนังสือคือสิ่งที่ผมชอบที่สุด ผมรู้สึกผิดที่เห็นอีกฝ่ายหลุบตาต่ำลงแล้วก้มลงไปคัดตัวหนังสือเกาหลีงี่เง่า

     

     

     เป็นธรรมชาติของคนที่ถามคำถามบางอย่างเพื่อตอบสนองความหวังของตัวเอง ทุกครั้งที่มีคำถามหลุดออกจากปาก คนถามมักจะเตรียมคำตอบที่ตนพอใจที่สุดเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เห็นได้จากผมที่หวังอยู่ลึกๆในใจว่ามาร์คจะตอบว่าผมคือความสุขของเขา มาร์คก็คงเป็นเช่นกัน ผมอ่านความผิดหวังในสายตาเขาออก

     

     

    แต่เขาคงไม่รู้ว่าสำหรับผมนั้น เขาก็เป็นหนังสือเล่มโปรดเหมือนกัน

     

     

    ผมมีความสุขที่ได้อ่านหนังสือผมขยับเข้าไปใกล้พี่หมีตัวใหญ่ที่ถูกยึดไป ฮยองรู้มั้ยว่าเล่มไหนที่มีผมอ่านแล้วมีความสุขที่สุด

     

     

    “The Moon and Sixpenceมาร์คไม่สบตาแต่ตอบผมเสียงแผ่วเบา ผมดีใจปนประหลาดใจที่มาร์คจำได้ว่าผมอ่านหนังสือเล่มไหนบ่อยที่สุด ไม่สิ ผมรู้สึกเหมือนถูกคนแบกขึ้นไปอยู่บนที่สูงๆ รู้สึกเป็นใหญ่อย่างบอกไม่ถูก เพียงชั่ววิที่ผมรู้สึกเกลียดตัวเองที่รู้ยินดีมากไปหน่อย ไม่ใช่

     

     

    “…………….” มาร์คเงียบแต่ส่งสายตาสงสัยไปให้เส้นประที่ลากพยัญชนะเกาหลี

     

     

    หนังสือเล่มนั้น…”

     

     

    “…..ชื่อมาร์ค

     

     

    มาร์คเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม แก้มแดงเปล่งปลั่งกับรอยยิ้มหวานช่างน่าหลงใหล

     

     

    ผมเป็นคนไร้มารยาทยิ่งกว่าเดิม

     

     

    เพราะผมไม่ทำแค่จ้องมอง






    END



    #iamjinmark


    I AM

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×