คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : I lie on top (end) || JinMark
I lie on top (end)
Pairing : Park Jinyoung x Mark Tuan
Rate : PG-13
Genre : AU, Mystery
Author : wssw2801 (I AM)
“ค...คุณหมอ…”
“ครับ?”
มาร์คไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะฝันว่ามีเซ็กส์กับจิตแพทย์ประจำตัว อีกทั้งในฝันเขาเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดเจน แค่สร้อยแบบเดียวกันจะให้คิดแบบนั้นมันก็ไม่ได้
“อ…เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ” สุดท้ายเขาก็อายเกินกว่าจะพูดมันออกไป
มาร์คสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกคุณหมอคนเก่งสอดมือเข้าใต้แผ่นหลังก่อนจะพยุงให้เขาลุกขึ้นมา เขากลั้นหายใจตอนเอ่ยปฏิเสธการช่วยเหลือ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมามันทำให้เขาเถียงไม่ออก
“ผมไม่มีอารมณ์ลวนลามคนไข้ที่ดูป่วยจนเหมือนศพแบบนี้หรอก”
“คุณเป็นเคสสุดท้ายของวันนี้ ผมจะไปส่งที่คอนโด รับยาแล้วไปด้วยกันเลย” สถานการณ์เริ่มน่ากลัวขึ้นจนมาร์คเลือกตัดประเด็นเรื่องสร้อยคอทิ้งไป
บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ…
“แต่ว่…” มาร์คคงไม่ทำร้ายตัวเองด้วยการอยู่กับคนแบบปาร์คจินยองนานๆ โดยเฉพาะในรถที่เป็นที่โปรดปรานของความอึดอัด
“ผมเป็นจิตแพทย์ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรเวลาอยู่ใกล้ผม” อยากจะขอหลับต่อลงไปเดี๋ยวนั้น ยิ่งคนตรงหน้าพูดแบบนี้เขาก็ยิ่งอึดอัด
“ผมคงเป็นคนที่โง่มากแน่ๆที่ปล่อยให้คนป่วยเหมือนจะตายแบบคุณกลับบ้านเอง เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่อยากให้ผมลวนลามคุณจริงๆก็ไปกับผมซะ”
ทุกอย่างเหมือนจะดับวูบลงเมื่อคุณหมอเอ่ยปากถึงเรื่องที่มาร์คค่อนข้างเซนส์ซิทีฟ ถ้าเป็นอื่นคงไม่แย่เท่าเขาหรอก แต่นี่เขากำลังพูดเรื่องใต้สะดือกับคนที่เขาคาดว่าเขาฝันว่ามีอะไรด้วย…
ไร้คำพูดใดๆออกจากปาก
“ถ้าผมจะทำอะไรคุณ ผมทำที่ไหน เมื่อไรก็ได้ ยิ่งสภาพคุณเป็นแบบนี้คุณสู้ผมไม่ได้หรอก”
“อีกอย่างนะ เรื่องพวกนั้นน่ะ ไม่ใช่รถก็ทำได้”
“คุณอ่านหนังสือแนวนี้ด้วยหรอครับ”
เขานั่งอยู่บนรถของ ปาร์คจินยอง ระหว่างการจราจรที่ติดขัดจนทรมานใจ เขาเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่วางอยู่หน้ารถ ด้วยความเป็นคนชอบอ่านหนังสือจึงหยิบมาดูโดยไม่คิดจะถาม แค่เห็นปกก็รู้สึกได้เลยว่ามันเป็นหนังสือที่คงไม่มีคนอ่านมันมากนักหรอก
หนังสือที่ว่าด้วยปีศาจร้ายในตำนาน
ในรถของจิตแพทย์
“ผมว่ามันน่าสนใจดี”
“ดูแค่หน้าปกก็รู้แล้วล่ะว่าน่าสนใจ” มาร์คพึมพำและพยายามไม่สนใจรอยยิ้มมุมปากขี้กวนใจ มาร์คลูบไปมาที่หน้าปกของหนังสือเล่มหนา มันเป็นภาพของรูปชายหนุ่มรูปงาม ร่างกายกำยำ กล้ามเนื้อเรียงตัวสวย ใบหน้าหล่อเหลางดงามเหมือนปั้นสลัก ร่างสมส่วนที่มีปีกขยายแผ่กว้างออกมาจากแผ่นหลังกำลังทาบทับอยู่บนร่างเปลือยเปล่าที่หลับใหลของสตรี
เดี๋ยวก่อน…
“น…นี่คืออะไร”
“แน่ใจหรอว่าอยากรู้”
อะไรกัน
เป็นครั้งที่สองของวันที่มาร์ครู้สึกเหมือนโดนน้ำสาดใส่หน้า ครั้งแรกคือที่เขาเห็นสร้อยคอของคนข้างกาย ครั้งนี้คือการทำความรู้จักกับปีศาจที่ดูจะใกล้เคียงกับชีวิตเขาเหลือเกิน มันทรมานแค่ไหนที่เรื่องที่ไม่น่าเชื่อมันเกิดขึ้นกับตัวเอง เรื่องไหนที่ควรเชื่อ ตำนานไร้สาระที่ไม่อยากจะเชื่อ หรือความจริงที่มันเกิดขึ้นกับตัวเอง
มาร์คไม่ใช่คนหัวแข็งที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ เขาเชื่อมันก็จริงแต่พอถึงเวลาที่เกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆเขาก็อยากจะให้มันเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ
“ค…คุณหมอ ผมขอยืมอ่านหน่อยได้มั้ย” มาร์คถามขึ้นเมื่อรถจอดเทียบใต้คอนโด เขากำหนังสือไว้แน่น ค่อยๆระบายความกลัวออกทางลมหายใจที่เริ่มขาดห้วง
“ถ้าคุณแน่ใจก็เอาไปสิ” สัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้มทำให้มาร์คตกใจจนเผลอปัดมืออีกคนออกไปอย่างแรง สัมผัสเมื่อครู่มันน่าสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันทีหลังจากที่เขาเริ่มคิดอะไรบางอย่างได้
ตอนนี้เขาควรกลัว เขารู้แค่นั้น
“คุณกำลังกลัวผม”
“ป...เปล่าครับ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”
มาร์คพึ่งเข้าใจคำว่าเร่งฝีเท้าสุดชีวิตก็ในวันนี้
อินคิวบัส เป็นปีศาจที่มีรูปร่างเป็นชายหนุ่มรูปงาม มีพลังในการสะกดจิต และสั่งหญิงสาวผู้โดนสะกดจิตให้มามีอะไรกับตนเพื่อเป็นการดูดพลังจากร่างกายมนุษย์มาเป็นของตนเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ต่อไป มักจะเข้าฝันมนุษย์และทำการเสพสังวาส ซึ่งมนุษย์ส่วนใหญ่จะคิดว่าเป็นการฝันร้ายไปเอง
บางแหล่งข้อมูลชี้ให้เห็นว่ามีเพศสัมพันธ์ซ้ำไปซ้ำมากับสิ่งที่เป็นวิญญาณ อาจจะนำไปสู่ความเสื่อมโทรมทางสุขภาพจนกระทั่งเสียชีวิตได้เลยก็ได้
ความหวาดกลัวเกาะกินไปถึงขั้วหัวใจ
หลังจากอ่านเนื้อหาแค่บางส่วนในหนังสือร่างกายเขาสั่นเทิ้มเพราะความกลัว เขาไม่กล้าแม้แต่จะเปิดหน้าถัดไป มือสั่นเทายกขึ้นมากุมหัวที่มันใกล้จะระเบิดขึ้นทุกที
ทุกอย่างในบทความนี้มันสนับสนุนเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในตอนแรกเขาพยายามพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์โดยการไปพบแพทย์ สอบถามถึงอาการอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนป่วย รวมถึงทุกอย่างที่ทำให้เขาเหมือนศพเดินได้ แต่พอตรวจดูร่างกายแล้วกลับไม่พบอะไรที่ผิดปกติ ผลทางการแพทย์บอกได้เพียงแค่ว่าร่างกายอ่อนแอจากการทำงานหนัก
มาร์คแทบจะเขวี้ยงทุกอย่างที่อยู่บนใส่หน้าแพทย์ที่ทำการตรวจ ทุกวันที่ผ่านมาตั้งแต่มาอยู่ที่เกาหลีมาร์คไม่เคยกลับบ้านเลทกว่าเวลาเลิกงานสักครั้ง เขาไม่เคยโหมร่างกายทำงานหนัก แม้แต่วันเดียวก็ไม่เคย ส่วนเรื่องอาหารการกิน เขาฝากท้องที่ร้านของยองแจแทบทุกมื้อ มั่นใจได้ว่าทุกอย่างที่เขากินเข้าไปมันไม่มีทางทำให้เขาเป็นซอมบี้โง่ๆแบบนี้
…ส่วนความฝัน…
ความฝันเขาทวีความรุนแรงขึ้นพอๆกับร่างกายที่ทรุดเอาๆ สองอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ไปหาหมอปาร์คจินยองทั้งๆที่เจ้าตัวโทรมาตาม มาร์คเลือกที่จะไม่รับและดำเนินชีวิตต่อไป
เขากลัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
แต่ทุกอย่างเริ่มบิดเบี้ยว ไม่ใช่แค่เวลาหลับเท่านั้นที่เขาจะเห็นว่าตนเองกำลังมีเซ็กส์กับใครคนหนึ่งที่ไม่เห็นหน้า ทุกวันนี้เขาเริ่มเห็นเป็นภาพหลอนแม้กระทั้งเขากำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิซ มีบางวันที่เขาหลุดเสียงครางน่าขยะแขยงออกมากลางที่ประชุม จากที่โต้เถียงกันเรื่องงานกลายเป็นความเงียบที่น่าอับอายที่สุดในชีวิต
“อาหารเช้าครับ”
อิมแจบอมเดินเข้าไปเสิร์ฟอาหารเช้าหอมกรุ่นให้ลูกค้าประจำที่สภาพแย่กว่าสองอาทิตย์ที่แล้ว แจบอมเคยถามว่าทำไมไม่นอนพักอยู่ที่ห้องทั้งๆที่ลาป่วย แต่คนตรงหน้าให้เหตุผลว่าไม่อยากเครียดอยู่ในห้องคนเดียว แจบอมหาสาเหตุของความเครียดได้ไม่ยาก หนังสือเล่มหนาหน้าตาน่ากลัวที่พกไปมาอยู่ทุกวันแต่อ่านอยู่แค่สองหน้าแรกน่าจะเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด
“อ…อือ”
เกิดอะไรขึ้น
“จ..เจ็บนะ อ…อึก..”
แจบอมยืนตัวแข็งทื่อ ตกใจที่อยู่ดีๆดวงตาลึกโหลค่อยๆหลับตาลง มือเรียวบอบบางของคนตรงหน้าจิกทึ้งที่เสื้อของเขา ริมฝีปากแห้งแตกเผยอขึ้นหอบหายใจ ร่างทั้งร่างของมาร์คสั่นเทิ้มก่อนจะทิ้งตัวจากเก้าอี้ลงสู่กระเบื้องของร้าน แต่เพราะมือของอีกคนกำเสื้อเขาไว้ ทำให้ทั้งสองคนล้มลงไปพร้อมกันในตำแหน่งที่ไม่สมควร
ข้าวของกระจุยกระจายเกิดเสียงดังจนลูกค้าท่านอื่นๆหันมามองด้วยความตกใจ แจบอมเห็นคนรักของตัวเองวิ่งออกมาจากครัวแล้วยืนหน้าซีดมองตัวเองกับลูกค้าประจำอยู่ในท่าทางที่เหมาะแก่การเข้าใจผิด โชคดีที่ยองแจคนรักของเขาไม่ใช่คนงี่เง่าขนาดนั้น เด็กน้อยของเขาฉลาดพอที่จะเข้าใจเรื่องทุกอย่างว่าเป็นอุบัติเหตุเพียงแค่เขาส่งสายตาไปให้ ยองแจพยักหน้ารัวๆก่อนจะจัดการให้ลูกค้าออกไปจากร้านก่อน
“มาร์คฮยองเป็นอะไร”
ยองแจวิ่งมาถามเขาทันทีหลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างเสร็จ เด็กน้อยของเขาหน้าแดงขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเรียวขาของลูกค้าประจำยกขึ้นมาเกี่ยวกระหวัดขึ้นที่เอวของแจบอม
“ฮ…อา… ” จากที่จิกทึ้งที่เสื้อ วงแขนเรียวค่อยๆยกขึ้นมาโอบลำคอหนาของแจบอมไว้ เสียงครางผะแผ่วดังขึ้นมาอีกรอบ ยองแจยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น แจบอมเห็นอาการของมาร์คแล้วก็นึกถึงหนังสือที่เจ้าตัวพกมาทุกวัน รวมถึงบรรยากาศดำมืดที่เขาสัมผัสได้ตั้งแต่มาร์คเข้าร้านตั้งแต่ครั้งแรก เขาคิดได้เลยในวินาทีนั้น
ปีศาจ
ถึงแม้สัมผัสที่หกของเขาจะไม่ได้แม่นอะไรมากมาย แต่ความดำมืดที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายทรุดโทรมของมาร์คมันทำให้เขามั่นใจ
“ยองแจ หนังสือบนโต๊ะชื่ออะไร”
“อ…อินคิวบัสครับ”
“อ…อือ”
อีกแล้ว…
เขารู้สึกถึงความอุ่นชื้นในโพรงหู มันวาบหวามจนต้องจิกทึ้งบนลำตัวของคนตรงหน้าเพื่อระบายไฟอารมณ์ที่พุ่งพล่าน ร่างที่ทาบทับพาเขาเอนกายลงบนพื้น แผ่นหลังเขาสัมผัสกับพื้นเย็นๆที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นที่ไหน มืออุ่นร้อนของคนด้านบนจับปลายเท้าเขาให้แยกออกก่อนที่น้ำหนักกายจะโถมทับ เขาตวัดขารอบเอวสอบที่ไร้ตัวตนด้วยความคุ้นชิน
“จ..เจ็บนะ อ…อึก..”
ส่วนแผดเผาแทรกเข้ามาในร่างกายในคราเดียว ความเจ็บเสียดพุ่งจากสันหลังไปถึงสมอง ร่างบางแอ่นกาย บดเบียด รัดรึงตัวตนของอีกฝ่ายไว้แน่น เสียงครางหลุดออกมาเป็นห้วงปนเสียงหอบหายใจ เขาครวญครางแทบไม่เป็นภาษา ความเจ็บปวดนี้กำลังพาเขาสู่ห้วงนรกที่เร่าร้อน เสพความสุข หลงมัวเมาในความเสียวซ่านจนไม่อยากจะกลับขึ้นมา
“ฮ…อา”
อยู่ดีๆความคับแน่นก็จางหายไป รู้สึกถึงลมพัดที่เย็นวูบ ความมืดมิดรอบกายค่อยเปลี่ยนเป็นสีเทาก่อนที่จะสว่างขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ตัวว่าเวลาแห่งการบอกลากำลังจะมาถึง แต่คราวนี้มันมันรวดเร็วเกินไป นึกละอายใจที่ฝ่ามือของตนยังรั้งอีกฝ่ายให้ฝังกายเข้าหาตนให้ล้ำลึกมากกว่านี้ แต่มันไม่เป็นดั่งที่ใจปรารถนาเพราะส่วนร้อนผ่าวด้านล่างถูกถอนออกไปช้าๆ
แสงสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนแสบตา มาร์คตกใจที่เริ่มเห็นเค้าโครงหน้าของคนด้านบน สร้อยเส้นบางสะท้อนแสงวาววับเข้าสู่สายตา เขาละสายตาจากสร้อย เลื่อนสายตาไปตามลำคอหนา สันกราม จนไปถึงใบหน้าที่ค่อยๆเด่นชัด
มาร์คร้อนวูบไปทั้งร่าง ใบหน้าของคนที่อยู่บนตัวเขาไม่ใช่ใครอื่น
ปาร์คจินยอง
เฮือก
“คุณ! เป็นไงบ้าง”
มาร์คสะดุ้งตื่น ดวงตาพร่าเลือนเห็นว่าตนถูกกักขังอยู่ในวงแขนของอิมแจบอม หันซ้ายขวาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร้านกาแฟร้านประจำ มาร์คละสายตากลับมาที่แผ่นอกของคนด้านบน เขาเห็นมือตัวเองกำที่เสื้อสีเข้มของอีกฝ่ายไว้แน่น เห็นปลายเท้าเขาเกี่ยวกระหวัดอยู่ที่สะโพกสอบของเจ้าของร้าน
ในวินาทีนั้นมาร์คเริ่มรู้ตัวเอง
“ผ..ผมทำอะไรน่าเกลียดอีกแล้ว ช..ใช่มั้ย”
แจบอมค่อยลุกขึ้น ยองแจขยับเข้ามาช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้น ความเจ็บปวดแทรกซึมไปทุกอณูทำให้เขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่ปิดบัง แต่มันไม่เท่าความอับอาย ความเจ็บใจมันกรีดไปทั่วหัวใจ น้ำตาเขาไหลรินเหมือนคนบ้า สัมผัสแผ่วเบาที่ใบหน้าทำให้มาร์คเห็นว่ายองแจเกลี่ยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะดึงกายเขาให้เข้าไปเอนซบบนไหล่น้อยๆ
มาร์คแทบไม่มีแรงจะหายใจ มันรวดร้าวไปทั้งชายโครง แค่ยกมือขึ้นมากอดตอบเด็กหนุ่มน่ารักตรงหน้าเขายังทำไม่ได้เลย ทำไมเรื่องบ้าบอพวกนี้ต้องเกิดขึ้น มาร์ครู้ว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้เพื่อต้องการรักษาชีวิตของตนไว้ แต่เขาก็รักชีวิตของตนเอง เขามีคนที่รักไว้ให้ดูแล เขามีอนาคตที่จะต้องสร้าง
ชีวิตเขาที่เสียไปต้องแลกกับชีวิตของปีศาจร้ายที่คงอยู่
มันสมควรแล้วหรือ
“คุณเห็นหน้าเขารึเปล่า”
“ห...เห็นสิครับ”
ปีศาจร้ายตนนั้น
“ผมจะไปหาเขาเอง”
ปาร์คจินยอง
ปาร์คจินยองกำลังกังวลกับคนไข้ที่เวลานี้ควรจะมาปรากฏตัวในห้องนี้ได้แล้ว แต่คนที่เขาหวังให้อยู่ที่นี่ไม่ได้มาเป็นเวลาสองอาทิตย์แล้ว
จะว่าเป็นห่วงก็เป็นห่วง จะว่าคิดถึงก็คิดถึง หลายเดือนที่ผ่านมาทำไมเขาจะไม่รู้ตัวเองว่าเขาคิดอะไรกับคนไข้อย่างมาร์ค การทำงานอย่างหนึ่งของจิตแพทย์คือการพูดคุย งานนี้ทำให้เขาได้รู้จักตัวตนที่ดีและเป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้ชายอย่างเขา
หลายครั้งที่มาร์คพูดว่าชีวิตของตัวเองมันเรียบง่ายเกินไป ทุกอย่างเป็นเหมือนกระดาษที่ไม่มีแม้แต่ร่องรอยดินสอ ทำทุกอย่างซ้ำๆเหมือนคนที่พายเรือในอ่างน้ำกลมเล็กๆ แต่บางทีมาร์คก็ยังคงมีความสุขลึกๆกับการไม่เปลี่ยนแปลง และมาร์คก็เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง มาร์คจะรอจนกว่าจะถึงเวลานั้นและไม่เลือกที่จะเดินเข้าไปหามัน
จินยองสัมผัสได้ว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะเมื่อได้รับฟังความคิดของอีกคน เขาเป็นอีกคนที่มีชีวิตเป็นเส้นตรงมานาน หากจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าเขาเลือกที่จะมีชีวิตเป็นเส้นตรงต่างหาก หลายๆครั้งที่เห็นข้อความสร้างแรงบันดาลใจที่บอกว่าให้เปิดโลกแล้วลองทำอะไรใหม่ๆ หาสีสันให้ชีวิตก่อนที่ทุกอย่างจะหมดสิ้นลง
เขาไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก เขาเกลียดความไม่แน่นอน ความไม่รู้อะไรเลยมันอันตรายกว่าความเสี่ยงทั้งหลายทั้งปวง เขาเลือกที่จะทำอะไรในสิ่งที่ตนเองรู้และมั่นใจ นี่คือเหตุผลสนับสนุนที่จินยองหามาอ้างกับตัวเองโดยไม่สนใจเสียงประท้วงที่ดูจะขี้ขลาดในอีกฟากหนึ่งของสมอง
จนในที่สุดเขาก็เจอคนที่คล้ายๆกันทั้งๆที่เขาคิดว่าจะไม่มีคนแบบนี้อยู่ในโลก อย่างน้อยเขาก็ได้เจอคนที่มีไลฟ์สไตล์และความคิดที่คล้ายๆกัน และเขาก็ไม่โง่พอที่จะปล่อยให้คนที่เขาหามาทั้งชีวิตต้องหลุดลอยไป
มาร์คเป็นคนที่อ่านง่ายมากจนเหมือนอ่านหนังสือแค่เพียงได้จ้องตา แล้วเขาก็ชอบมากที่จะได้อ่านอารมณ์ที่แปรปรวนอย่างกับสภาพอากาศที่ผันผวนตามการกระทำของเขาที่บางครั้งจะตั้งใจทำก็เถอะ
มันน่ารัก
ความรู้สึกเริ่มต้นที่น่าจะเป็นตัวเริ่มความสัมพันธ์ที่ดี
นั่นเป็นสาเหตุของการทำตัวใกล้ชิดมากกว่าคนไข้คนอื่นๆ ไม่มีเหตุผลที่ต้องส่งคนไข้ที่บ้าน ไม่มีเหตุผลที่ต้องปล่อยให้คนไข้นอนหลับในห้องทำงานของตัวเอง แต่สำหรับคนไข้อย่างมาร์ค จินยองมีเหตุผลให้ตัวเองเสมอ
อาการทรุดโทรมที่เขาเห็นยิ่งน่าเป็นห่วง ถึงแม้เจ้าตัวจะบอกว่าอาการนอนไม่หลับนั้นดีขึ้น แต่ทำไมสภาพร่างกายไม่เห็นตอบคำถามได้ตรงอย่างที่เอ่ยปาก เขารู้จักมาร์คดีจนรู้ได้ว่ามาร์คไม่น่าจะเป็นคนที่ทำร้ายตัวเองด้วยการไม่ดูแลตัวเอง
ความสงสัยเริ่มคืบคลานเข้ามาเมื่อคนไข้ที่แสนจะโปรดปรานหายหน้าไป
ปัง
เขาลุกขึ้นและรีบหันไปหาที่มาของเสียง ตกใจที่เห็นคนที่ไม่ได้เห็นหน้ามาสองอาทิตย์มากับคนสองคนที่เขาไม่รู้จัก แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือสภาพที่เหมือนคนใกล้ตายของคนที่เขาคิดถึง
“ค…คุณหมอ” ยังไม่ทันจะทำอะไรร่างโปร่งก็เดินโซซัดโซเซเข้ามาผลักให้เขานั่งลงบนโซฟาที่เจ้าตัวเคยใช้รักษา นิ้วมือสั่นเทาที่เย็นเฉียบเคลื่อนมาที่ต้นคอของเขาก่อนจะดึงสร้อยที่เขาใส่เป็นประจำออกมา ดวงตาหมองคล้ำเริ่มสั่นระริกเมื่อเห็นจี้รูปตัวเจที่เขาใส่
“ปล่อยผมไปเถอะนะ อย่าฆ่าผมเลย” เสียงสั่นๆของร่างที่ทาบทับทำให้จินยองตกใจ เขาไปฆ่าใครตอนไหนกัน จินยองหันไปขอความช่วยเหลือกับอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หวังจะให้ใครสักคนพูดอะไรออกมาบ้าง แต่เขาเห็นแค่ความหวาดกลัวร่างเล็กของเด็กผู้ชายน่าตาน่ารักกับแววตาที่เหมือนกับประหลาดใจในอะไรบางอย่างของผู้ชายผมดำ
“มาร์ค คุณเป็นอะ…”
“อย่าโกหกผม! ผมรู้เรื่องหมดแล้ว คุณมันเป็นปีศาจ”
“แต่ผมขอร้อง ปล่อยผมไปเถอะนะ” จากเสียงเกรี้ยวกราดกลายเป็นเสียงร้องไห้ ร่างบอบบางฟุบลงกับหน้าอกของเขา จินยองรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นบริเวณหน้าอกจากน้ำตาของคนด้านบน
เกินที่จินยองจะรับไหวแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เขาเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนาที่อยู่ในมือของคนแปลกหน้า ทุกอย่างกระจ่างชัดขึ้นมาทันที
“มาร์ค คุณอ่านหนังสือเล่มนั้นใช่มั้ย บ้าเอ้ย ความจริงผมไม่อยากให้คุณอ่านมันเพราะผมกลัวคุณจะเป็นแบบนี้ไงเล่า ตอนนี้คุณอยู่ในช่วงรักษา ทุกอย่างที่คุณ…”
“มาร์คฝันว่ามีเซ็กส์กับคุณ เขาเห็นสร้อยคอของคุณในความฝัน แต่ระยะหลังมันไม่ใช่แค่ฝัน มาร์ครู้สึกว่ามีอะไรกับคุณแม้กระทั่งตอนทำงาน ร่างกายเขาทรุดโทรมลงเรื่อยๆทั้งๆที่เขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร” ชายแปลกหน้าที่ทั้งดวงตาและเส้นผมที่ดำสนิทกล่าวขัดขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น จินยองถึงกับไปไม่เป็นกับเรื่องทั้งหมด
“…………………”
“คุณก็รู้ว่าผมพูดถึงอะไร ปาร์คจินยอง”
“อินคิวบัสที่คุณพูดถึง ผมไม่ได้ไม่เชื่อว่ามันมีจริง แต่ผมไม่ได้เป็นแน่นอน”
“ผมเชื่อ…”
“แจบอมฮยอง!!”
“คุณมาร์ค ตั้งใจฟังนะ”
“คุณนั่นแหละ คืออินคิวบัส”
“แจบอม คุณพูดอะไรออกมา” จินยองลูบกลุ่มผมนิ่มบริเวณแผ่นอกของตนเอง เสียงสั่นๆที่ไม่ว่าใครก็รู้ว่าเจ้าตัวกลัวกับความจริงที่กำลังจะปรากฏแค่ไหน
“มาร์ค คุณอ่านมันทุกหน้ารึเปล่า”
“อินคิวบัสหากยังไม่โตเต็มที่จะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งอินคิวบัสจะเลือกเพศ อาการที่คุณเริ่มเป็นมันหมายความว่าคุณพร้อมแล้วที่จะหาเหยื่อ ที่คุณฝัน ที่คุณเห็นภาพหลอน ทั้งหมดเป็นอาการเตือนว่าคุณต้องหาเหยื่อได้แล้ว สภาพร่างกายที่แย่ลงของคุณมันเกิดจากที่คุณไม่ได้ออกล่าเหยื่อ ส่วนการที่คุณเห็นสร้อยและฝันว่าอีกฝ่ายเป็นคุณจินยองมันเกิดจาก…”
“เพราะคุณอยากได้ผม”
“ใช่รึเปล่า มาร์ค”
หลังจากที่ชายแปลกหน้าอธิบายออกมาจนหมดเปลือก จินยองก็ประติดประต่อเรื่องราวได้จนหมด มาร์ครีบยันกายขึ้นยืน ส่ายหน้าไปมาเหมือนคนเสียสติ
“ฮึก ไม่จริง คุณแจบอมโกหก”
“ผมไม่เห็นไอปีศาจจากคุณจินยองเลย แต่ผมเห็นมันจากคุณ ตอนแรกผมคิดว่าคุณเป็นเหยื่อเลยติดไอปีศาจมา แต่ตอนนี้ผมรู้ความจริงแล้วว่ามันไม่ใช่ ไอนั้นมาจากตัวของคุณเองมาร์ค”
“ตอนที่นั่งรถมา คุณบอกผมว่าแม่คุณก็เคยฝันแปลกๆเช่นกัน บางทีคุณอาจจะได้รับวิญญาณบางส่วนเข้ามาฝังในตัวคุณ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายทั้งหมด”
“หากคุณไม่ตอบสนองต่อความต้องการของมัน มันก็จะเล่นงานคุณ แต่เพราะว่ามันเพียงแค่เศษเสี้ยวของคุณเท่านั้น เพราะฉะนั้น…”
จินยองเห็นแจบอมทำหน้ากระอักกระอ่วนเมื่อสบตาเขา
“คนที่เป็นเหยื่อของมาร์ค น่าจะไม่เป็นอะไร”
“ขอผมคุยกับมาร์คได้มั้ย คุณสองคนกลับไปก่อนเถอะ” ในที่สุดช่องโหว่ทั้งหมดก็ถูกปิด สองคนผู้มาใหม่พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ เมื่อประตูห้องปิดลง คนข้างกายเขาก็ทรุดตัวลงบนพื้นพรมหนา ลมหายใจแผ่วเบาจนน่าใจหาย จินยองรีบก้มลงไป
“ไม่กลัวผมหรอ…ฮึก…ผมเป็นปีศาจ…”
“ค...คุณจะปล่อยให้ผมตายมั้ย”
“คุณไม่อยากตายพอๆกับที่ผมไม่อยากให้คุณตาย”
“ผมจะช่วยคุณเอง”
จินยองเลื่อนฝ่ามือไปรูดซิปกางเกงสีอ่อนแล้วถอดออกอย่างเบามือ ก้มลงประทับริมฝีปากแห้งผาก ละเลียดให้ความชุ่มชื้นบริเวณกลีบปากก่อนจะรุกเร้าเข้าภายใน ปลายลิ้นแทรกซึมทำความรู้จัก ความอุ่นชื้นขยับเกลี่ยไปมาในโพรงปากร้อนก่อนเข้าดูดดึงปลายลิ้นเล็กที่สั่นระริก เป็นเวลานานไม่รู้เท่าไรที่ทั้งสองตกอยู่ในห้วงแห่งความปรารถนา
ความปรารถนาหนึ่งเกิดจากเสี้ยววิญญาณปีศาจ แต่อีกความปรารถนาหนึ่งเกิดจากหัวใจ
“อะ…ฮึก” ลำตัวบางแอ่นเกร็งเมื่อเขาสอดแทรกปลายนิ้วเข้าสู่ความอุ่นร้อนที่คับแน่น อีกฝ่ายเหมือนคนที่สติล่องลอยไปแล้ว ดวงตาฉ่ำน้ำเหม่อมองขึ้นด้านบน จินยองจับข้อมือบางให้ขยับขึ้นมาโอบรอบคอของตน เขาเร่งจังหวะปลายนิ้วที่บรรเลงบนร่างกายอีกคน จนเสียงครางฮือต่ำๆหลุดออกมาให้ได้ยิน
“มองผมไว้ คุณกำลังจะได้ผมอย่างที่วิญญาณคุณปรารถนา”
“ผมให้คุณอย่างเต็มใจ”
“อึก…อ๊ะ…จ…จินยอง…” เขาแทรกกายลงเชื่องช้า รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายขยับรัดตัวตนเขารุนแรง เหมือนปีศาจที่ตระกรุมตระกรามรัดกินเหยื่อ เขาเป็นเหยื่อที่ถูกปีศาจรัดรึงไว้แน่นจนเขาแทบจะระเบิด
“อ๊ะ…อา…อื้อ...”เขาเร่งจังหวะเพราะเวลาอาจจะไม่เหลือให้เหยื่ออย่างเขาดื่มด่ำกับความหอมหวานจากการถูกปีศาจล่อลวง ชีวิตของมาร์คสำคัญกว่านัก เขาก้มลงประทับจูบบนหน้าผากชุ่มเหงื่อ ร่างด้านล่างบิดเร่า หอบครางกึงก้องไร้อาย ฝ่ามือกวาดสะเปะสะปะไปทั่วแผ่นหลัง จิกทึ้งระบายความสุขสม เมามัวไปในรสกามอารมณ์ที่วิญญาณร้ายในร่างกายใฝ่หา
“ผ..ผม..จะ..แล้ว..อ๊า…” เขาฝังกายหนักหน่วง กดย้ำๆในจุดที่ร่างข้างใต้ตอบสนองที่สุด แรงบีบรัดเป็นจังหวะทำเอาเขาคลั่ง ขยับกายรวดเร็วรุนแรงเหมือนตนเองเป็นปีศาจ ประสาทสัมผัสทั้งหมดปิดตัวลงเมื่อถึงฝั่งฝัน เขาจงใจปลดปล่อยความอุ่นร้อยเข้าสู่ร่างกายอีกคน โพรงอุ่นร้อนบีบรัดเป็นจังหวะ ดูดกลืนทุกอย่างจากร่างกายเขาเหมือนเป็นอาหารรสเลิศ ลำตัวบางกระตุกเกร็งจากการถูกเติมเต็ม บีบคั้นตัวตนเขาจนแทบตาย กอดรัดกันหอบหายใจหนักหน่วงแทบขาดใจ
เขาถอนกายออก กอดปลอบประโลมคนที่ยังคงตัวสั่นระริกจากแรงอารมณ์ที่พึ่งเสร็จสิ้น ดวงตาปรือปรอยขึ้นสบตา จินยองมั่นใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาด ดวงตาของมาร์คจากที่หมองคล้ำกลายเป็นสดใสเปล่งประกาย ถึงแม้หน้าตาจะไม่ได้กลับมาอวบอิ่มมีแก้มน้อยๆเหมือนเมื่อก่อน แต่สีหน้าของมาร์คก็เริ่มดีขึ้น
“ไม่น่าเชื่อเลย” เขาพูดทั้งๆที่ยังหอบหายใจ มาร์คขยับกายลุกขึ้นนั่งโดยมีเขาช่วยพยุง
“คุณกำลังผูกมัดชีวิตตัวเองไว้กับผม เพราะผมเชื่อว่าคุณจะไม่มีทางปล่อยให้ผมตาย” มาร์คหลบตา เขาจึงดึงอีกฝ่ายให้มาพิงที่แผ่นอกของตนเอง ซึ่งมาร์คก็ยอมทำแต่โดยดี
“คุณต่างหากที่กำลังถูกผูกมัดไว้กับผม”
“ไม่สิ เราต่างคนต่างผูกมัดซึ่งกันและกัน แต่ผมเต็มใจ” จินยองเอ่ยกับกลุ่มผมสีน้ำตาลที่เขาชื่นชอบ ลอบมองริมฝีปากที่เคยซีดเซียว บัดนี้เป็นสีแดงก่ำจากฝีมือเขาเอง
“ผมรังเกียจตัวเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ” เขาเคลื่อนมือไปลูบไล้ริมฝีปากอิ่มไม่ให้อีกคนพูดจาทำร้ายตัวเองอีก
“แต่ก็ขอบคุณที่เหยื่อของผมคือคุณ” มาร์คเงยหน้ามาสบตาเขา
“คนที่จะช่วยคุณได้เป็นผมคนเดียวเท่านั้น”
“แค่ผมคนเดียว”
เขาจูบกันอีกครั้ง
จากชีวิตที่คิดว่ามีความสุขกับความเรียบง่ายกลับต้องเปลี่ยนไปเพราะเจอเหตุการณ์ที่มันเหลือเชื่อจนเกินทน ความสุขที่เคยมีอยู่ในภาวะสั่นคลอน มันกำลังตัดสินใจว่ามันจะมีความสุขเพิ่มขึ้น หรือมันกำลังจะลดลง แต่สุดท้าย ผมก็โชคดีที่ว่าผมรู้สึกมีความสุขมากขึ้นจากเหตุการณ์ที่เรียกได้เลยว่าโลดโผน ถึงมันจะมากเกินไปหน่อยก็ตามที แต่ความสุขที่มีตอนนี้ก็มากพอที่จะกลบความโลดโผนแสนจะอันตรายนั้นไปได้
ผมได้คนสำคัญเข้ามาในชีวิตจากความบ้าบิ่นของพระเจ้า ถึงแม้เราจะมีข้อผูกมัดที่ต้องอยู่ด้วยกันแบบแปลกๆ บางทีอาจจะเป็นความสัมพันธ์ทางกาย แต่มันไม่ใช่หรอก ผมคิดว่าเรามีความสัมพันธ์ทางใจที่มีความสัมพันธ์ทางกายเป็นเครื่องประดับชิ้นงาม อย่าบอกให้เขารู้ล่ะว่าผมชอบมันมากเลยล่ะ
จนตอนนี้บางทีผมก็คิดนะว่าใครกันแน่ ที่เป็นปีศาจ ผม หรือเขาคนนั้น
10/01/2015
Park Jinyoung
“คุณหมอจินยอง คุณมาร์คมาค่ะ”
“เข้ามาเลยครับ”
“ทำไมไม่กลับคอนโดก่อน?”
“จินยอง ผมรู้สึก…เพลีย”
“งั้น…”
“ล็อคประตู”
“…แล้วนอนลง…”
END
Talk
กรี๊ดดดดด กรี๊ดดดด ฟังคนเขียนกรี๊ดไปก่อนนะคะ 5555
เรื่องนี้รู้สึกว่าย๊ากกกยากก ไม่รู้จะทำยังไงให้มันครบ แต่ก็นั่นแหละค่ะ
สุดท้ายก็ออกมาแบบอารมณ์คับจอ พล๊อตไม่สำคัญ 55555
หากผิดพลาดอะไรยังไงก็ขอประทานโทษกันด้วยค่า ฮือออ
ขอบคุณทุกๆคนที่หลงเข้ามาอ่านนะค๊า สามารถติชมกันได้ในนี้เลย หรือจะติดแท็กก็ได้นะคะ
#iamjinmark หรือทวิตเตอร์ @wssw2801 ก็ได้ค่ะ (เปลี่ยนแท็กน้า)
รักทุกคนน จุ๊บบ
I AM
ความคิดเห็น