ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I AM JINMARK

    ลำดับตอนที่ #13 : Home Run Special : LA Boy (END)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 58



    Home Run Special : LA Boy (End)

    Pairing: Park Jinyoung and Mark Tuan 

    Rate: PG-13



    ขอโทษที่มาช้า

    มาร์คเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์ หลังจากได้รับคำสั่งผ่านทางข้อความว่าให้เจอกันที่ร้านอาหารร้านเดิมเวลาสามทุ่ม มาร์ครีบแต่งตัวออกจากบ้านด้วยรอยยิ้ม หัวใจที่เคยนิ่งสงบจนเกือบจะหยุดมีโอกาสเต้นเร็วอีกครั้ง นานแค่ไหนแล้วที่คนอย่างมาร์คต้วนจะรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากขนาดนี้

                    การได้รับคำสั่งให้ออกมาเจอกันที่เดิมทำให้มาร์ครู้สึกดีมากกว่า อาจแปลกประหลาดที่ว่าการเซอร์ไพรซ์ควรจะเป็นสถานที่ใหม่ๆ เหตุการณ์ตื่นตาตื่นใจเล่นเอาใจสั่น แต่มันไม่ใช่สำหรับชายผู้ชอบทำอะไรพื้นๆ อย่างเดียวที่ต้องการเป็นแค่เลือดเนื้อและเสียงอบอุ่นจนปวดร้าวของปาร์คจินยอง แม้จะเป็นอาหารมื้อเดิมบนโต๊ะตัวเดิม เพิ่มเติมคือความใส่ใจในวันสำคัญ อาจมีความเคอะเขินอยู่บ้างในบางครั้ง คาดว่าจะเป็นแบบนั้น แต่มาร์คคิดว่ามันจะไม่เป็นอะไร

    คนเราควรใฝ่หาความมหัศจรรย์ของความธรรมดา เพียงแค่นั้นความสุขจะโบยบินหาโดยที่ไม่ต้องกระดิกตัว

    เขาพร้อมจะหลงลืมเรื่องราวที่ผ่านมาเพียงเพื่อความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในปัจจุบัน หลายคนคิดว่ามันโง่เง่า แต่ถ้าไม่เจอกับตัวจริงๆคงไม่รู้หรอกว่าหัวใจคนเรามีพื้นที่สีหม่นอยู่จริงๆ

    ไม่เป็นไรหรอก นายเลี้ยงฉันใช่มั้ยมาร์คยิ้มแป้น เงยหน้ามองเพื่อนที่แต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ เสื้อคอเต่าสีดำคลุมด้วยสูทสีเทาโก้หรู ต่างจากเขาผู้ใส่เป็นแค่เชิ้ตสีพื้นกับกางเกงผ้าทรงหลวมโพรก

    แน่นอนอยู่แล้วสิคิดว่าเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ถามเพื่อให้บทสนทนาไหลลื่น วันนี้วันเกิดมาร์คทั้งทีจินยองจะไม่เลี้ยงก็คงแปลก

    เข้าร้านกันเถอะ อย่าเสียเวลาเลยคุณมาร์คคนผมทองหลุดขำออกมาเพราะเห็นเจ้านายสุดเนี้ยบโค้งตัวลงราวเป็นคนรับใช้เจ้านายผู้สูงส่ง เห็นแบบนั้นแล้วสองเท้าจึงก้าวเดินเข้าไปในร้านสเต็กร้านโปรดของทั้งสองคน ประตูไม้เปิดออกพร้อมเสียงกรุ๊งกริ๊ง โต๊ะประจำของพวกเขาอยู่ที่มุมร้าน ตำแหน่งที่เห็นวิวสวนของทางร้านชัดเจน เมื่อเดินเข้าไปบริเวณโต๊ะ รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นเพราะมีเมนูโปรดของเขาวางอยู่แล้ว เพียงแค่จินยองจำเมนูที่ตนสั่งเป็นประจำได้ แค่นี้ก็ไม่รู้จะเก็บความสุขไว้ที่ไหน แน่นอน มันต้องถูกเก็บไว้ชดเชยเวลาที่จินยองมีคู่ควงคนใหม่

    มันไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากหากเขายังอยู่ในตำแหน่งเพื่อนผู้รู้ใจ

    ทำไมมีไวน์ขาวด้วยล่ะ

    เด็กนอกประสาอะไรไม่รู้ว่าสเต็กปลาของนายต้องทานคู่กับไวน์ขาวจินยองยักคิ้วมาให้ก่อนที่จะรินของเหลวสีใสลงแก้วทรงสูง ต่างจากไวน์แดงของจินยองที่ทานคู่กับสเต็กเนื้อฉ่ำน่าทาน ครับ เจ้านาย ขอคนโง่คนนี้ทานเลยแล้วกัน

    เรื่องราวสัพเพเหระไหลผ่านโต๊ะมากมายจนมาร์คไม่รู้ว่าคนสองคนจะคุยกันได้มากเรื่องมากราวถึงเพียงนี้ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บนสนทนาราบรื่นไม่หยุดหย่อน ส่วนมากจะเป็นมาร์คที่ปิดประเด็นโดยมีจินยองเป็นคนตอบรับหรือปฏิเสธด้วยเสียงหัวเราะเบาๆตามสไตล์

    ไปเข้าห้องน้ำนะ

    ไปสิ

    เพียงอย่างเดียวที่เจ้าของวันเกิดสังเกตและรู้สึกกวนใจไม่น้อย

    จินยองมองนาฬิกาบ่อย

    อาจจะมีนัดตอบงาน

    นายรีบใช่มั้ย กลับกันก็ได้นะเมื่อจินยองกลับมา มาร์คไม่จำเป็นต้องปกปิดความสงสัย ทำไมการนัดกินข้าวที่แสนจะธรรมดาจะเลิกเร็วกว่าปกติไม่ได้ สบายๆอยู่แล้วแม้วันนี้จะเป็นวันสำคัญ อย่างไรเขากับจินยองก็ได้ทานอาหารด้วยกันบ่อยๆอยู่แล้ว

    ไม่หรอก…”

    แต่นายดูมีเรื่องสำคัญจะต้องทำ ฉันรู้

    “…………….”

    รอยยิ้มเจือบางอย่างของจินยองทำให้มาร์ครู้ รู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะดีใจอีกต่อไป

    ตั้งแต่คบกันมาจินยองไม่เคยแสดงสีหน้ารู้สึกผิดเลยครั้งเดียว

    ถึงมันจะมีอยู่น้อยนิดแทบไม่สังเกตเห็น แต่ตอนนี้มาร์ครู้แล้วว่าเหตุการณหลังจากนี้ไม่มีทางทำให้เขายิ้มกว้างเหมือนตอนที่เดินเข้าร้าน และเมื่อคำตอบของเรื่องเดินเข้ามา ความสุขที่เก็บไว้ในตอนต้นได้ถูกหั่นออกมาใช้ทันที

    มีดแหลมคมคือปาร์คจินยองและผู้หญิงในผับคนนั้นที่เดินเข้ามานั่งแนบชิดกับผู้ชายใจร้ายคนหนึ่ง

    สวัสดีค่ะ คุณมาร์ค

                    เขามองหน้าจินยอง

    ปาร์คจินยองผู้สนใจแต่เรื่องที่ตนต้องการ รอยยิ้มรู้สึกผิดถูกฝังกลบไปด้วยความต้องการที่ไม่เคยสิ้นสุดของผู้ชายคนหนึ่งผู้เอาแต่เรียกร้องหาความสัมพันธ์

    คนตรงหน้าน้อมตัวข้ามจากฝั่งตรงข้าม กระซิบถ้อยคำขณะที่หญิงสาวขอตัวไปล้างมือ

    ฉันชวนเธอมาเดทมาร์ค เธอให้เหตุผลว่าเธอไม่ต้องการมากับฉันสองต่อสองเพราะว่ามันจะทำให้เธอดูไม่ดี เธอจึงบอกให้ฉันชวนใครก็ได้มาด้วย พอฉันบอกว่านึกไม่ออกว่าจะชวนใคร เธอกลับเสนอว่าต้องการพบนายผู้ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน

    คนอย่างนายปฏิเสธได้อยู่แล้วปลายจมูกแหลมชนเข้ากับสันกรามสวยเพียงเพราะจะผินหน้ามาหยิบเครื่องดื่ม เขาไม่สนใจว่าจินยองไม่ยอมขยับหน้าออกไปแม้เพียงน้อยนิด ร่างกายเรียกร้องเครื่องดื่มจนสั่นสะท้าน ในขณะที่หัวใจกำลังรอฟังคำตอบที่เป็นตัวตัดสิน

    เธอบอกว่าถ้านายไม่มา เธอก็จะไม่มา

    เมื่อสบตาใกล้ชิดกับดวงตาดำสนิท มีประกายบางอย่างไม่สามารถอ่านออก แต่เขาไม่สนใจอ่านมันเพราะนั่นเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีใครเข้าใจ เลือกหันมาควบคุมลมหายใจที่เริ่มร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นน้ำหอมประจำกายจินยองคละคลุ้งในโพรงจมูก ร่างโปร่งถอยหลังออกจากการกระซิบที่ไม่จำเป็นพึงนึกเกลียดภาษาของร่างกายที่มีเฉพาะเขาสองคน ทันทีที่แผ่นหลังกระทบกับพนักพิง เสียงแหบพร่าจึงเคลื่อนออกจากลำคอ

    ไม่บอกฉันล่วงหน้าล่ะจินยอง ทำไมต้องเป็นความลับในวันที่ฉันถามนาย

    “……………….”

    ไม่ตอบล่ะจินยอง คนอย่างนายจัดการทุกอย่างได้เสมอ จริงมั้ยนิ้วเรียวเกี่ยวแก้วเปราะบาง เหม่อมองของเหลวเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการหมุนข้อมือ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเล็กน้อย

    “………………..”

    นายไม่ตอบพลันนั้นเสียงเบาหวิวเริ่มแข็งกร้าวขึ้น พร้อมดวงตากราดเกรี้ยวที่มาร์คไม่เคยใช้มันกับจินยองเลยสักครั้งเดียว ทำไมถึงไม่บอกฉันล่วงหน้า ฉันรู้คำตอบดีจินยอง เพราะนายรู้ว่าฉันไม่ต้องการที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากการติดต่อขอเบอร์ จัดการนัดสถานที่ จัดช่อดอกไม้ หรือตามชำระคดีที่นายก่อไว้

    และนายก็รู้ว่านั่นเป็นเพราะฉันไม่เคยต้องการที่จะเป็นผู้ยุ่งเกี่ยวใดๆกับความสัมพันธ์ของนายกับผู้หญิงคนอื่น นายถึงไม่บอกฉันล่วงหน้าเพราะฉันไม่มีทางยอมมาและนั่งสมเพชตัวเองบนโต๊ะอาหารแบบนี้ ฉันไม่ได้โกรธที่นายไม่บอกฉันล่วงหน้า จินยอง แต่ฉันโกรธนายเหลือเกินที่ทำให้ฉันต้องมาทำสิ่งที่เกลียดที่สุดนั่นก็คือการเป็นตัวแปรสำคัญของชีวิตรักไม่ว่าจะของใครก็ตาม ฉันไม่ต้องการให้ใครคู่นั้นต้องหยุดเดินเพียงเพราะฉันคนเดียวที่ต้องการจะพักหายใจ

    น่าเสียใจฉันได้บอกนายแล้วตั้งแต่วันแรกที่นายขอให้ฉันติดต่อผู้หญิงให้นาย แต่นายก็ไม่รักษาสัญญา

    ฉันสมเพชตัวเองมากที่สุด เพียงเพราะนายเอ่ยปากขอร้องจากคนที่ไม่มีทางปฏิเสธนายได้ลง ฉันถึงสมเพชตัวเองที่ปล่อยให้นายใช้ความรู้สึกของฉันเป็นเครื่องมือ

    และตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยนั่งกับนายไปจนจบมื้อ

    มาร์คหอบหายใจในขณะที่จินยองยังคงส่งสายตาหลากความหมาย เหมาะเจาะกับที่หญิงสาวกลับมาจากห้องน้ำ เธอนั่งลงสั่งอาหารและยิ้มให้กับมาร์คด้วยความอ่อนโยน

    เขายิ้มตอบกลับไป

    ขอบคุณคุณมาร์คที่มาในวันนี้นะคะมาร์คหัวเราะเย้ยตัวเอง เขาไม่ใช่หรือที่ควรเป็นคนที่ว่างที่สุดและเอ่ยคำขอบคุณกับแขกผู้เสียสละเวลามาในวันเกิดที่ไม่มีใครจำได้

    ได้โปรดอย่าขอบคุณเลยครับ วันนี้ผมไม่ได้ทำอะไรเพื่อใครเขาตอบเธอแต่สบตากับผู้เป็นเจ้านาย

    คุณมาร์คมีธุระที่นี่อยู่แล้วหรือคะ

    ใช่ครับ ตารางงานในวันนี้ของผมวงกลมด้วยดินสอ ดูจากลักษณะคุณน่าจะชอบจดบันทึกด้วยสมุดใช่หรือไม่ครับมาร์คถามเธอเพราะเห็นว่ามีปลายกระดาษสีอ่อนโผล่ออกจากกระเป๋าใบค่อนข้างใหญ่ของเธอ

    คุณจดบันทึกด้วยดินสอหรือปากกาครับ

    ปากกาค่ะ

    ของผมใช้ทั้งปากกาและดินสอ

    ทำไมถึงมีดินสอล่ะคะ

    มันวงด้วยดินสอเพราะความจริงแล้ววันนี้ไม่ได้มีธุระ แต่ว่าสิ่งที่คนอย่างผมควรทำในวันนี้ก็คือ…”

    เขาสูดลมหายใจ สบตากับจินยอง

    ฝ่ามือเรียวไม่ได้ถูกวางลงบนโต๊ะ มันสั่นระริกอยู่บนบนใบหน้าเมื่อเจ้าตัวพยายามลูบหน้าลูบตาควบคุมไม่ให้เสียงแหบพร่าสั่นเทา มันชื้นเหงื่อทั้งที่อยู่ในอุณหภูมิเย็นเฉียบรอฟังทางโทรศัพท์ รอดูโนติฟิเคชั่นบนเฟซบุ๊ค รอเสียงแจ้งเตือนจากไลน์

    และรอคำอวยพรวันเกิดจากใครบางคน…”

    ความหมายของดินสอมันก็มีเท่านี้แหละครับ

    มาร์ค…”

    ทานอาหารกันต่อเถอะครับ

    เขาตัดบทเพราะจินยองเอ่ยเรียกชื่อด้วยเสียงอ่อนแรง มื้ออาหารดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นมาร์คที่สร้างบรรยากาศเป็นกันเองจากตัวช่วยที่เรียกว่าไวน์ขาว ต่างจากผู้ชักชวนผู้เอาแต่นั่งจ้องหน้าเพื่อนสนิทหน้ามนที่ไม่สบตากันอีกเลย แต่เหมือนกับหญิงสาวจะฉลาดพอที่จะรู้เรื่องราว เธอจึงรับรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วและไม่เรียกร้องของหวาน มาร์คสังเกตว่าเธอใกล้จะรับประทานเสร็จ เขาจึงเอ่ยขอตัวเพราะอยากให้สองคนได้อยู่ด้วยกันสักนิด

    พรุ่งนี้เข้าทำงานมั้ย…” จินยองถามขณะที่มาร์คลุกขึ้น

    เงียบไปครู่หนึ่ง มาร์คใช้เวลาคิดอยู่สักพัก จึงเอ่ยขึ้นชัดเจน

    ทำสิไม่ได้เป็นอะไรทำไมจะต้องหยุดงาน…”

     

     

    ถูกแล้วที่ตอบไปอย่างนั้น

    เพราะอยากจะใช้เวลาทบทวนในสิ่งที่ตัวเองทำ เขาจึงเลือกเดินกลับจากร้านอาหารมาที่สำนักงาน ด้วยเหตุผลรองคือต้องการเอางานกลับไปทำดีกว่านั่งคิดถึงไร้สาระ

                    เขารู้สึกอย่างไรที่โดนทำแบบนี้ หนึ่ง จินยองไม่ยอมบอกกันเรื่องที่จะให้มาเป็นตัวช่วย มาร์คทบทวน สอง จินยองรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเกลียดการไปเป็นส่วนร่วมของความสัมพันธ์ เหตุผลที่สองทำให้เขาโกรธจินยองมาก สาม ความรู้สึกของเขาถูกจินยองใช้เป็นเครื่องมืออีกครั้ง และสี่ คือวันเกิดของเขาที่ถูกลืม

                    มาร์คผิดหวัง นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มาร์คตอบจินยองไปแบบนั้น สื่อความนัยว่าเขาจะไม่เป็นไรและสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้เป็นปกติ ความเสียใจทำตัวเหมือนเชื้อโรคร้ายในร่างกาย เมื่อมันอ่อนแอลงด้วยความเคยชิน ตัวมันจะกลายร่างและทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันเชื้อโรคตัวเดียวกันได้อย่างดีเยี่ยม และนั่นเป็นสาเหตุของความผิดหวังที่ไม่ถึงกับเสียใจ

                    ยกเว้นที่เชื้อตัวใหม่ที่เรียกว่าความน้อยใจเข้ามาเจาะในพื้นที่สำคัญ

                    และเวลาที่สำคัญ

                    มาร์คน้อยใจที่ความสำคัญของเขาถูกลดระดับลงจนกระทั่งวันเกิดถูกลืม และนั่นคือเรดโซนที่ถูกเจาะ

                    ถึงอย่างไร มาร์คจะผ่านมันไปได้ เขาเชื่อว่ามันจะเป็นแบบนั้น

                    เซแต่ไม่ถึงกับล้ม

                    หนุ่มน้อยเจอกันอีกแล้ว

                    กลุ่มวัยรุ่นที่มาร์คคุ้นหน้าคุ้นตาดีจากเมื่อปีก่อน แสงไฟข้างถนนสลัวเหลือเกิน เขาไม่สามารถที่จะคิดทางหนีทีไล่ได้ทัน ยิ่งใบหน้าของสามคนนั้นใกล้เข้ามาพร้อมของมีคม สายฝนในจินตนาการไหลรินอย่างบ้าคลั่ง ในวันนี้จินยองไม่อยู่ช่วยเขาอีกต่อไป ทางสุดท้ายคือการอยู่ได้ด้วยตัวเอง

                    วันนี้ผมไม่ให้อะไรคุณหรอกนะแม้แต่นาฬิกาที่เป็นเข็มแทงหัวใจเมื่อมองเห็น แต่มาร์คต้องการอยู่กับมันให้ได้

                    เอ่ยเจตนาเสร็จแล้วก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกัน ชายร่างใหญ่ต่อยหน้าเสียจนเขาหน้าหัน หมดแรงจนปล่อยให้ทั้งสองคนกักตัวจากทางด้านหลัง เหลืออีกหนึ่งคนที่ถือมีดเตรียมจ้วงแทง วืดหนึ่งที่หน้าจินยองลอยเข้ามา น้ำตาพลันไหลรินอย่างไม่รู้สาเหตุ มาร์คยกปลายเท้าขึ้นถีบที่หน้าอกของชายคนนั้น สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมแล้วรีบวิ่งไปที่ที่ท่อเหล็กอันหนึ่งวางอยู่ เขากระหน่ำตีผู้ชายเหล่านั้น เหยียบย่ำไปที่หน้าอกพร้อมหยาดน้ำอุ่นที่ใบหน้า มาร์ครู้ มันเหมือนกับเด็กผู้หญิงวัยรุ่นที่พร่ำบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรยามอกหัก พอแม่อันเป็นที่รักถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นน้ำตากลับไหลอาบหน้าอย่างง่ายดาย

                    เมื่อตำรวจมาถึง เขาล้มลงด้วยความอ่อนแรง

    แต่เมื่อเข่ากระแทกพื้น มาร์คไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองล้มแต่อย่างใด

     

     

    มาร์คยิ้มให้สีหน้างุนงงของพี่พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัท

    อาจจะเป็นเพราะหน้าที่เริ่มจะบวมตุ่ยจนเกือบจะเรียกว่ายับเยิน แต่ก็ไม่สนใจ รีบขึ้นลิฟต์ไปยังห้องทำงานของจินยองเพื่อเอาเอกสารบางส่วนกลับไปทำงานที่ห้อง

                    เขาไม่ได้เปิดไฟเพราะคิดว่าจะใช้แค่แสงไฟจากด้านนอก สองขาก้าวเดินผ่านพรมไปที่โต๊ะตัวใหญ่ของหัวหน้า เปิดแฟ้มหาอย่างใจเย็น

                    กะแล้วว่านายต้องมาที่นี่

    มาร์คสะดุ้งขณะที่คุ้ยหยิบเอกสาร ข้อมือถูกกระชากด้วยความรุนแรง เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจเมื่อพบว่าเสียงคุ้นหูและหน้าตาเลือนลางนั้นเป็นของปาร์คจินยอง สายตาดุเข้มขึ้นในความมืด เขากลั้นลมหายใจเมื่อเจ้าของร่างสูงเดินไปเปิดไฟ และเมื่อจินยองเห็นหน้ามาร์คเข้าชัดๆ ความเงียบทำหัวใจเต้นระรัวจนเสียงดังก้องอยู่ในหู ลำตัวกลับถูกผลักให้ล้มลงนอนบนโต๊ะตัวใหญ่ ตามทาบทับด้วยวงแขนแข็งแรง เสียงฝ่ามือกระแทกกับผิวโต๊ะจนคนด้านล่างอย่างมาร์คสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง ดวงตาคมเข้มจ้องเขม็งที่บาดแผล เสียงทุ้มนุ่มลึกพูดเสียงเย็นเยียบ มาร์ครู้ จินยองไม่เคยโกรธขนาดนี้

    “…อะไร

    “……………”

    ฉันถามว่าโดนอะไรมาพูด

    โดนจี้เหมือนวันนั้น…” ริมฝีปากขยับช้าๆ แทบไม่มีเสียงเล็ดรอด

    แล้วผ่านมาได้ยังไงช่องว่างระหว่างลำตัวลดลงจนหน้าใจหาย ลำตัวบอบช้ำถูกเติมเต็มด้วยกลิ่นน้ำหอม ผิวกายทาบทับจากแผ่นอก วงแขนลดระดับลงจนเหลือเพียงข้อศอกค้ำโต๊ะ มาร์คเริ่มควบคุมระดับการหายใจไม่ได้เพราะช่องว่างระหว่างปลายจมูกของกันและกันนั้นหวุดหวิดจะหายไปเหลือเกิน

    “..สู้สิ…” เขาหัวเราะ ดีใจนะ ที่สู้จะได้ไม่ต้อง…”

    เขาเงียบ พูดไม่ออก

    พูดต่อสิ มาร์คเกร็งปลายเท้า

                    “…ไม่ต้องพึ่งนายอี…”

                   เขาคงพูดอะไรสักอย่างผิดเพราะช่องว่างระหว่างปากของกันและกันไม่เหลืออีกต่อไป เสียงครางทุ้มต่ำเล็ดลอดออกมาเพราะความเจ็บปวดที่มุมปาก ความชื้นจากด้านบนเริ่มละเอียดทั่วกลีบปาก มาร์คเริ่มเบี่ยงปลายจมูก ยกใบหน้าขึ้น แอ่นลำตัวตามจังหวะที่คนด้านบนเคลื่อนไหว เผยอปากรอให้เจ้านายทดลองชิมไวน์ขาวรสชาติละมุนลิ้น ไม่นานนักที่เขากลายเป็นลูกนกรออาหารจากเบื้องบน อ้าปากรอฟันแหลมคมที่เริ่มจะซุกซน ไรหนวดบางเบาเสียดสีที่ปลายคาง สัญญาณแห่งความรัญจวนส่งผ่านเชื่องช้าจากเรียวขายาวที่กระทบช่วงสะโพกสอบ ไม่รู้ว่ารองเท้าหลุดไปตั้งแต่เมื่อไร รู้อีกทีปลายเท้าก็เริ่มลูบไล้แผ่นหลังแน่นตึง กลีบปากล่างถูกปล่อยให้เจ้านายหนุ่มขบเม้ม เกี่ยวรั้งตามใจเมื่ออีกฝ่ายผละออกตั้งใจให้ด้านล่างปรนเปรอบ้าง

                    เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ประสบการณ์จากแอลเอ  

                    มาร์คหอบหายใจหนักหลังจากทำหน้าที่รุกล้ำในภายหลัง เขาปล่อยมืออกจากใบหน้าชุ่มเหงื่อ ทิ้งตัวลงพื้นโต๊ะเย็นเฉียบ ปลายลิ้นชาหนึบเคลือบรสหวาน ลมหายใจกระเส่าดัดแปลงเป็นคำพูด กระซิบชิดริมฝีปากหนา

    ต้องถามมั้ยว่าทำไม…”

                    ห้ามพูดว่าไม่ต้องการกันเขารับฟัง หลับตาเงยหน้ารับจูบที่ลำคอ ฉันไม่อนุญาต

                    มาร์คจับสาบเสื้อที่กำลังจะโดนแหวกออกไว้แน่น ไม่รู้ว่าริมฝีปากร้ายๆนั้นจะปลอดกระดุมออกได้รวดเร็วเช่นนี้

    ผมขอเหตุผล คุณหัวหน้า

                    “ฉันไม่อยากให้นายตอบว่าจะมาทำงานในวันพรุ่งนี้เมื่อถอดเสื้อไม่ได้ ก็กลายเป็นซิปกางเกงที่ถูกรูดลงเชื่องช้า

    ทำไมรู้มั้ย เพราะนั่นหมายถึงการที่นายไม่รู้สึกอะไรกับฉันอีกต่อไปเสียงเนื้อผ้าสวบสาบ กางเกงผ้าของเขาถูกรูดไปกองที่ข้อเท้า

    มาร์คหวีดร้อง เส้นเลือดทุกเส้นร้อนระอุ บางสิ่งบางอย่างเริ่มก่อตัว และนั่นเป็นสิ่งที่ฉันค้นพบว่าฉันทนไม่ได้

    ฉันต้องการให้นายตอบว่า ผมจะไม่มาทำงาน เพราะผมทนเห็นหน้าคนอย่างคุณไม่ได้ เพราะนั่นมันแสดงถึงความรู้สึกของนายที่ยังมีอยู่ครบถ้วน

    …” เนื้อขาวเนียนบริเวณต้นขาบีบรัดสะโพกไว้แน่น อุณหภูมิจากฝ่ามือถ่ายเทผ่านการเสียดสีรวดเร็วแทบลุกเป็นไฟ ผิวเนื้อแดงก่ำปรากฏสู่สายตาเพียงเน้นจังหวะที่ปลายนิ้ว มือที่กำชายเสื้อจึงเปลี่ยนเป็นจิกรั้งต้นคอหนาแทน

    ฉันรู้ว่านายรู้สึกเช่นไร แต่ตราบใดที่มันทำให้เรารู้สึกพอใจเมื่ออยู่ใกล้กัน มันก็ควรจะหยุดอยู่แค่ระดับนั้นการสนทนาเป็นจริงเป็นจังไม่ควรเกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ มาร์คคิดพลางบิดกาย อ้าปากหอบหายใจรินรดใบหน้าคม จินยองยังคงกลั่นแกล้งให้เขาฟัง ทั้งที่เขาไม่พร้อมจะตั้งสติระหว่างที่ใกล้จะถึงจุด

    แต่เมื่อมันลดลงจนเราสามารถแยกห่างจากกันได้อย่างเป็นอิสระ ฉันก็ควรจะเพิ่ม และทำให้มันหยุดลดลงเสียที

    มาร์คใช้มือหยุดเครื่องมือสร้างความร้อนของจินยอง จับข้อมือใหญ่ไว้แน่น หอบหายใจจนตัวโยน เหงื่อเม็ดโตผุดซึมทั่วไปหน้า ลิ้นชื้นเลียรอบริมฝีปาก กลืนน้ำลายช้าๆก่อนจะพูดออกมาด้วยความยากลำบาก

    บอกรักอยู่หรือ

    คิดเอาเองสิ

                    “อึก….” เจ้านายคนเก่งมีมากกว่ามือที่ใช้ประโยชน์ได้ กลายเป็นมาร์คที่ต้องเชิดหน้า หลับตากรีดร้องภายใต้ฝ่ามือที่ยกขึ้นมาปิดกลั้นเสียงร้อง ร่างโปร่งเกร็งตัวจนกล้ามเนื้อสวยเรียงตัว เบียดต้นขาเข้าที่ข้างแก้มสากกระทั่งเรียวขาโดนจับกดลงบนพื้นโต๊ะ ลิ้นอุ่นทำเอาร่างกายไม่ติดพื้น สลับกับทิ้งตัวกระแทกเสียงดังในบางครั้งที่อีกฝ่ายใจดีผ่อนปรนจังหวะ

                    พอก่อนจินอึก…” มาร์คเป็นลูกน้อง แน่นอนว่าไม่สามารถสั่งอะไรเจ้านายอย่างจินยองได้ กลายเป็นความอ่อนนุ่มด้านหลังที่ได้รับการลงโทษ

                    เสียงกรีดร้องดังลั่นเมื่อทั้งสองอย่างเริ่มพร้อมกัน นักเปียโนอย่างจินยองใช้นิ้วมือพลิ้วไหวอย่างชำนิชำนาญ ในขณะที่ปากยังทำหน้าที่เรียกเสียงไพเราะไปทั่วห้อง แม้ความคับแน่นจะทำให้ปลายนิ้วเคลื่อนไหวลำบาก แต่ความอุ่นร้อนของเนื้อนุ่มก็ตอบรับกับบทเพลงได้ดีจนสัมผัสกับจุดเร้าหลายครั้ง

                    สายธารอุ่นร้อนพวยพุ่งเมื่อร่างใหญ่บรรเลงเพลงแรกจบลง มาร์คก้มลงมองร่างกายสั่นไหวของตนเอง นิ่วหน้าเมื่อส่วนคับแน่นดึงรั้งปลายนิ้วเรียวไว้แน่น หน้าท้องหดเกร็งเป็นจังหวะ หน้าร้อนวูบเมื่อสบตากับจินยองตอนใช้ของเหลวเหล่านั้นกับด้านหลังอีกครั้ง

                    เกลียดตัวเองเหลือเกินที่แยกปลายขาออกกว้างกว่าเดิม

                    นายจะทำมันหรือ มันใจนะไม่มีใครตอบคำถามเมื่อก้มทาบทับ ความร้อนผ่าวแทรกซึมเข้ารวดเร็วจนร้องไม่ออก มือขาวขึ้นเส้นเลือดคว้าไปที่ใบหน้าหล่อเหลา เจ็บเจ็บ  มาร์คพูดเร็วๆ ใบหน้าเรียวแหงนหน้าจูบหนักๆบนริมฝีปากหนาแรงๆลดความอึดอัด

                    อืมทำเป็นคำตอบที่สายเกินไปนัก

                    และแล้วบทเพลงที่เร่าร้อนกว่าสิ่งใดบนโลกถูกบรรเลงขึ้นโดยปาร์คจินยอง

                    มาร์คจับหน้าท้อง เปิดร่างกายให้อีกฝ่ายสอดแทรกตามใจ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซุปร้อนๆ เก็บกักและค่อยๆปลดปล่อยอุณหภูมิยามคนหรือตักตวง สักพักจึงกลายเป็นเนื้อสวยๆบนเตา ร้อนฉ่าจนผิวเนื้อแดงสด หยาดเหงื่อผุดซึมไหลเยิ้ม ผิวเนื้อกระทบกันเกิดเสียงหน้าอาย สองมือรั้งใบหน้า หยัดปลายเท้าลงบนโต๊ะ ขยับสะโพกมนตอบรับอารมณ์หนักหน่วง พุ่งทะยานสุดการรับรู้ โสตประสาทปิดรับทุกสิ่งยกเว้นเสียงหอบครางของชายหนุ่มด้านบน

                    ดี….มากเรียวแขนยาวเกี่ยวรอบลำคอแน่น ใจหายวูบเพราะร่างทั้งร่างถูกยกขึ้นสูง ก่อนจะถูกบังคับให้อยู่ในท่าน่าอายบนพื้นพรมสีดำสนิท

                    ขยับหน่อยสิเขาตัวสั่น โอบรัดตัวตนของเจ้านายไว้แน่นกว่าเมื่อครู่ ปลายเท้าแยกออกกว้างโดยมีมือแข็งแรงรองรับที่ข้อพับ ร่างเล็กกว่าขยับขึ้นลงช้าๆ เผยอปากค้างเพราะความล้ำลึก แหงนลำคอให้อีกฝ่ายขบเม้ม พลางจิกเล็บลงบนต้นขาแน่นก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นตามใจเจ้านาย เส้นเลือดปูนโปนปรากฏขึ้นบริเวณลำคอทั้งสองฝ่าย มาร์คกรีดร้องสุขสมผสมกับหอบหายใจ ผิวเนื้อมันปลาบสะท้อนแสงจันทร์นอกหน้าต่าง ขับใบหน้าติดสวยให้นวลผ่องท่ามกลางความเร่าร้อน

                    “I’m gonna… ” เสียงแหบเพ้อออกมาในขณะที่ดูดดึงริมฝีปากหนา ระบายอารมณ์ที่ใกล้เข้าสู่เป้าหมาย ก้อนเนื้อด้านหลังถูกนวดคลึง แหวกช่องทางให้เปิดรับทุกส่วนเข้าลึกล้ำ กระทั่งร่างทั้งร่างล้มนอนลงกับพรมนุ่ม สะโพกถูกตรึงไว้ด้านบนโดยมือกร้าน มีเพียงความร้อนด้านล่างขยับถี่รัวจนมาร์คแทบหยุดหายใจ เสียงหวีดร้องขาดห้วง เงียบหายเพราะกลั้นหายใจ ดังก้องเพราะส่วนล่างกระทบจุดอ่อนไหวถี่รัว

                    อ๊า…”ลมหายใจสุดท้ายปลดปล่อยพร้อมกับเขี้ยวแหลมคมกัดลงที่ต้นคอร้อนผ่าว ต้นขาเรียวกระตุกเร่า บีบรัดตัวตนอีกฝ่ายไม่หยุด หอบหายใจรุนแรง ลมอุ่นร้อนรินรดใบหน้า ริมฝีปากอ้าค้าง ดวงตาปรือปรอย แอ่นเกร็งลำตัวด้านบน สั่นระริกตามจังหวะธารอุ่นร้อนที่พุ่งกระทบโพรงนุ่ม ดูดกลืนราวเด็กน้อยหิวโหย น้ำนมค่อยๆล้นทะลักออกตามมุมปากช้าๆ ไหลเยิ้มประปรายไปทั่วบริเวณ

                    จินยองพรมจูบไปทั่วใบหน้าเรียว เกี่ยวกระหวัดร่างเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมกอด ในขณะที่มาร์คยังคงหอบหายใจรวยริน ดวงตาปรือปรอยลงอีกครั้ง สุขสันต์วันเกิด เสียงกระซิบอ่อนโยนดังขึ้นชิดใบหู มาร์คได้แต่กอดรัดร่างหนาเป็นการตอบรับ อย่างน้อยเชื้อร้ายของวันนี้ก็ได้ถูกทำลายไป มาร์คคิดขึ้นได้ และค่อยๆผล็อยหลับไป

     

     

    เขาตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องพักสำรองของจินยอง กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยออกมาจากแก้ววางตั้งไว้บนโต๊ะ ขนมปังร้อนๆสองแผ่นวางคู่กันในจานเล็ก มาร์คขยับตัวขึ้นนั่งคุกเข่า ดึงผ้าห่มออก เตรียมตัวไปทำความสะอาดร่างกาย หากกลับต้องเจอคุณเจ้านายเดินถือแก้วกาแฟเข้ามาเสียก่อน

                    เซ็กซี่ว่ะ

                    กว่าจะรู้ตัวฝ่ามืออุ่นๆจากแก้วกาแฟก็เข้าลูบไล้ที่ต้นขาด้านใน มันจะไม่ทำให้เขาพูดไม่ออกเลยถ้ามันยังไม่มีคราบขาวขุ่นจับตัวเป็นก้อนของใครบางคนเหลือเป็นหลักฐานจากเมื่อวาน คนที่นั่งคุกเข่าได้แต่จับบ่าแกร่งรับการสั่นเทา จนกระทั่งถูกบังคับมอร์นิ่งคิสไป มาร์คถึงนึกขึ้นได้ว่าต้องการจะพูดอะไร

                     เราจะเป็นอย่างนี้ต่อไปใช่มั้ยจินยอง

                    คนตรงหน้าเขายกยิ้ม ต่างไปแค่ฉันจะไม่มีใครให้นายต้องวุ่นวายอีกไงคำตอบของจินยองทำให้เขาพอใจ ถึงแม้จะไม่ได้บอกว่ามาร์คต้องขยับความสัมพันธ์ขึ้นมาอีกหนึ่งก้าวโดยตรง แต่การไม่มีใครของจินยองมันก็เปรียบว่าเขาได้ขยับขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ จากที่บอกไว้เมื่อคืน เมื่อความรู้สึกของมาร์คลดลงจนสามารถแยกห่างจากกันได้อย่างเป็นอิสระ จินยองก็ควรจะเพิ่ม และทำให้มันหยุดลดลงเสียที

                    มาร์คพึงใจ และขออนุญาตคิดว่ามันคือคำบอกรัก

                    ฉันเป็นจินยองคนเดิม สั่งให้นายเป็นมาร์คคนเดิมที่สนใจแต่เจ้านายคนนี้คนเดียว

                    ถ้างั้นก็.มาร์คยิ้ม

    ได้โปรดใช้ความรู้สึกของผมในจุดประสงค์ที่ถูกต้องสักทีนะครับ

    “My Boss …”

     

     

    FIN


    #iamjinmark


    ได้โปรดให้อภัยหญิงชั่วคนนี้ด้วยค่ะ TT ป่วงเหลือเกิน อยากให้ทุกคนค่อยๆอ่าน ค่อยเดินตามทางไปนะคะ นี่เป็นเรื่องแรกที่เป็นจินมาร์คแบบยาวหน่อย แล้วก็แป็นแบบที่พยายามแหวกออกมาจากทางเดิม ที่คงไว้คือบุคคลิกของพี่จินกับพี่มาร์คค่า แต่ก็นะ จินมาร์คไอแอมก็ต้องมีลายเซ็นสักสองหน้าใช่ป่ะคะ 555555 /หลบขวด 

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×