คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Kuchi ga sabishii || JinMark
Kuchi ga sabishii
Pairing : Park Jinyoung x Mark Tuan
Rate : PG-13
Author : wssw2801 (I AM)
Kuchi ga sabishii
(phr.)Eating, drinking or smoking when you don’t need to ; “My mouth is lonely”
จินยองชักจะเบื่อ สงสัยจะได้ย้ายที่ทำงานเร็วๆนี้
เป็นบาร์เทนเดอร์ก็ส่วนบาร์เทนเดอร์ ไม่เกี่ยวกับการทุกข์ทนวงจรเน่าเฟะในสถานรวมคนขี้เหงา บางคนมานั่งร้องไห้ คร่ำครวญถึงแฟนเก่า โดนด่าเป็นบางวันว่าเป็นบาร์เทนเดอร์ไม่ได้เรื่อง เอาแต่ชงเครื่องดื่มไม่หือไม่อือกับชาวบ้าน ลูกค้าอยากจะระบายก็ต้องรับฟัง ไม่เคยได้ยินหรือลูกค้าคือพระเจ้า ต่างๆนานาที่คนเมาจะสรรหาคำมาโทษปี่โทษกลอง ไม่สนใจว่าพฤติกรรมของตัวเองมันน่าสมเพชแค่ไหน
ส่วนบางคนก็มานั่งเฉยๆ สั่งเบียร์หนึ่งขวด ปลดกระดุมเม็ดบนออก ยกเบียร์ขึ้นดื่มช้าๆ วางมาดให้ดูเป็นคนที่น่าค้นหา ส่งสายตาวิบวับให้คนขี้เหงาคนที่สอง หลังจากนั้นเขาก็หยิบเบียร์ขวดที่สองออกมาโดยใช้เงินของคนขี้เหงาคนที่หนึ่ง แต่ส่งให้คนขี้เหงาคนที่สองไปดื่มแทน
สักพักสองคนนั้นก็เดินออกไป
ผ่านไปสองอาทิตย์ หนึ่งในนั้นก็กลับมา และร้องไห้คร่ำครวญเหมือนกรณีแรก
แต่ทุกคนไม่เคยเข็ด ไม่ว่าจะบุคคลที่หนึ่ง สอง สาม ต่างวนเวียนอยู่ในผับแห่งนี้ไม่เว้นวัน หลายครั้งที่จินยองเดาเหตุการณ์ได้จนของลากลับบ้านก่อนที่จะต้องมานั่งเก็บเศษขวดเบียร์แตกเวลาที่หนึ่งในสามคนนั้นทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นอดีตคู่ควงไปคบหากับคนใหม่
น่าเกลียดที่ลืมนึกไปว่าตัวเองก็มาผับแห่งนี้แล้วสอดส่องหาคนใหม่มาย้อมใจเหมือนกัน
จินยองเบื่อคนขี้เหงา เบื่อเรื่องเดิมๆมันวนเวียน เพียงคาดเดา แล้วอีกไม่กี่วิเหตุการณ์มันก็เกิดขึ้นจริง
เหมือนผู้ชายคนนั้น ที่นั่งอยู่หน้าบาร์ มานั่งได้สองสามวันแล้ว หล่อแบบนั้นอีกไม่นานก็คงได้คนขี้เหงาสักคนติดกระเป๋ากลับบ้านไป อีกไม่กี่นาที จินยองคาดเดา เขาจะพับแขนเสื้อ ปลดกระดุมเม็ดบน กระดิกนิ้วสั่งเบียร์กับเขา แล้วก็ยืดตัวมองไปมองมารอบร้าน หรี่ตาเล็กน้อย ยกเบียร์ขึ้นจิบ แล้วก็หันกลับมาหน้าบาร์ เป็นอันจบสเต็ปคนขี้เหงาหาคู่
สองนาทีผ่านไป จินยองเงยหน้าจากการผสมเครื่องดื่ม
ผู้ชายคนนั้นพับแขนเสื้อ ปลดกระดุมเม็ดบน กระดิกนิ้วสั่งเบียร์และกับแกล้ม
…แล้วลงมือกินอย่างเอาจริงเอาจัง…ไม่หันไปทางไหนเลยนอกจากจานถั่วใบจิ๋ว มือข้างหนึ่งยกเบียร์ขึ้นจิบ อีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สักพักก็มือข้างที่พึ่งวางเบียร์หยิบถั่วขึ้นกิน
อยู่ดีๆจินยองก็รู้สึกว่าถั่วจานนั้นอร่อยน่าดูถึงแม้เขาจะเคยชิมแล้วไม่แตะมันอีกเลยก็เถอะ
หลังจากหมดเซ็ทแรก (ที่หมายถึงถั่วหนึ่งจานกับเบียร์ที่ผันจำนวนขวดตามเวลากว่าถั่วจะหมด) ไอเท็มต่อมาคือบุหรี่หนึ่งมวนจากกระเป๋า คนที่นั่งข้างๆผู้ชายคนนั้นตาวาวหลังจากที่พึ่งสังเกตการมีตัวตน สะกิดขอไฟแช็คด้วยท่าทีเจ้าชู้ แน่นอนล่ะ จินยองเดาอีกว่าผู้ชายคนนั้นจะต่อไฟให้ด้วยบุหรี่ที่คาอยู่ในปาก
ผิดคาด…เพราะกลายเป็นจินยองที่ถูกเรียกพร้อมถั่วจานที่สองและไฟแช๊คในผ้ากันเปื้อนของเขาที่ถูกโยนให้บุคคลที่สาม จินยองแปลกใจที่ทุกอย่างผิดคาด ของกินมากมายถูกส่งเข้าปากพร้อมเบียร์อีกหลายขวด ไม่นับบุหรี่อีกหลายมวนที่สูบเข้าระหว่างเปลี่ยนเช็ทของกิน
เมาแล้วก็กลับ จบแค่นั้น
ยกเว้นตอนคิดเงินที่แปลกไปหน่อย
“คุณทำงานที่นี่ทุกคืนหรือเปล่า”
บุหรี่ในปากคุณลูกค้าขยับไปมาตามจังหวะการพูด จินยองเลิกคิ้ว พยักหน้าให้คนหน้าแดงก่ำ “มีอะไรหรือคุณ” เขาถามกลับ
“เปล่า คุณไม่พูดมากดี ผมชอบ” นิ้วเรียวคีบบุหรี่ออกจากปาก พ่นควันล่องลอย
คนทิ้งระเบิดวางเงินไว้เงียบๆ แล้วเดินจากไปเหมือนทุกวัน
ต่างกันแค่วันนี้มีบทสนทนาระหว่างกัน มันก็เท่านั้นเอง
จินยองเผยยิ้ม อย่างน้อยคืนนี้เขาก็เจอลูกค้าที่ต่อเวลาการทำงานให้ได้
กว่าจะรู้ว่าลูกค้าคนแปลกชื่ออะไรก็ล่วงไปเป็นอาทิตย์ที่สอง “ผมชื่อมาร์ค” ที่อีกฝ่ายเอ่ยก่อนเวลาเก็บเงินกระตุ้นให้จินยองบอกชื่อตัวเองออกไปเช่นกัน น่าแปลกที่ไม่ต้องมีการเปลี่ยนตำแหน่งไปเป็นคนเหงาคนที่สองและสาม หากแต่นั่งทำอะไรซ้ำๆเดิมๆทุกวัน จินยองกลับไม่เบื่อที่จะมอง จดจ้องเวลาว่าง ละเลยบ้างเวลาทำงาน
อาจจะเรียกว่าเพลิน ดูคนนั่งกินไม่หยุดปาก สูบบุหรี่ไม่หยุดหย่อน
“ปากคุณไม่ว่างเลยตั้งแต่ก้นติดเก้าอี้” จินยองถามออกไปหลังจากที่พบเจอติดต่อกันทุกวันเป็นเวลาสองอาทิตย์ อาจจะน้อย แต่มันก็มากพอที่จะทำให้มาร์คขยับมานั่งหน้าบาร์ตรงที่เขายืนประจำ จากที่นั่งหลบมุมมาหลายวัน
“My mouth is lonely”
มาร์คยักไหล่ แล้วหันไปกินถั่วจานที่สามของวัน จินยองเลิกที่จะใส่ใจ หันไปทำงานต่อจนเวลาล่วงเลยใกล้เวลาปิดร้าน คนขี้เหงาสองคนที่พึ่งเจอกันเดินมาหน้าบาร์ ส่งเสียงคุยกันหนุงหนิง คราวนี้เป็นผู้ชายทั้งคู่ ส่งเสียงที่จินยองมั่นใจว่าเป็นเสียงที่ผ่านการเกร็งลำคอมาแล้วเรียบร้อย เขาถอนหายใจ หันไปหาคนเดียวที่คิดว่าจะคุยได้ โชคดีที่อีกฝ่ายสบตามาอยู่แล้ว ไม่นับจานถั่วว่างเปล่าที่ยื่นใส่หน้ามาก็เถอะ
“คุณเป็นคนขี้เหงามั้ย”
มาร์คส่ายหน้าแล้วเงียบ “ไม่ใช่ หรือไม่รู้”
“ไม่แน่ใจ” เสียงทุ้มตอบระหว่างที่พ่นควันสู่เบื้องบน ถ้าไม่ได้เคี้ยวของกิน ก็ต้องสูบบุหรี่ “ดูจากปากคุณก็รู้ ไม่ต้องนึกก็ได้” จินยองส่ายหน้า หันไปมองคู่คนเหงานัวเนียกันแล้วก็ถอนหายใจ ภาพนี้ในอาทิตย์หน้าคงไม่มี
“คุณรู้มั้ย คนในผับนี้มีสามประเภท หนึ่งคือคนเหงาคนที่หนึ่ง สองคือคนเหงาคนที่สอง สามคือคนเหงาคนที่สาม คนหนึ่งคนเป็นคนได้หลายประเภท หนึ่ง สอง หรือสามแล้วแต่สถานการณ์”
มาร์คกำลังกินถั่ว
“เหมือนกับแฟนใหม่ของคุณกลายเป็นแฟนเก่าแล้วก็ไปเป็นแฟนใหม่ของคนอื่นแล้วก็เปลี่ยนไปเป็นแฟนเก่าอีกครั้งไม่ซ้ำคน ผมไม่ชอบคนเหงาตรงที่พวกเขาแสวงหา ทั้งที่รู้ว่ามันกำลังจะหายไปในอีกไม่ช้า”
“ไม่แน่ ผู้ชายตัวสูงคนนั้นอาจจะมาเป็นแฟนใหม่คุณก็ได้”
มาร์คกำลังสูบบุหรี่ มองผู้ชายตัวสูงคนข้างๆที่กำลังซุกไซร้ซอกคอคนตัวเล็กกว่า
มาร์คหยุดสูบบุหรี่...ส่ายหน้า...
“แฟนเก่า?” จินยองสะดุด ถามเสียงเบาเมื่อเห็นท่าทีผิดปกติ เลิกคิ้วเชิงถาม มาร์คหลบตา มือเรียวก้มหยิบถั่วในจานขึ้นมากินอีกครั้ง สายตาบางอย่างที่เปลี่ยนไปของมาร์คทำให้จินยองจับมือนั้นไว้ มาร์คมองมาทั้งที้นัยน์ตามีแววเสียใจ แต่เพียงชั่ววูบเท่านั้นที่มันปรากฏ หลังจากนั้นมาร์คก็ยิ้มโชว์เขี้ยวให้
จินยองรู้สึกผิดนิดหน่อยที่พูดไม่คิด แต่ก็รู้สึกดีที่มาร์คอกหักแล้วไม่ได้แสวงหาเหมือนคนทั่วไปที่เขาไม่ชอบ
มาร์คก็แค่กิน ทั้งที่ไม่อยากกิน
“เฮ่ ช่วยอะไรผมหน่อยจินยอง” จินยองแปลกใจมากที่แววตาเจ้าเล่ห์โผล่มาอย่างรวดเร็วราวกับความเสียใจเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น มาร์คเหล่ตาไปหาคนตัวสูงข้างๆที่เป็นแฟนเก่าแล้วหันมาจับจ้องที่จินยอง เคาะขวดเบียร์เสียงดังให้อีกผ่ายหันมาพร้อมกับนิ้วเรียวยาวที่แตะลงบนริมฝีปากตัวเอง
จินยองยิ้มร้าย เกลียดตัวเองหนึ่งวูบที่รู้ว่ามาร์คต้องการจะทำอะไร แถมยังยินดีที่จะเข้าร่วมกระบวนการเรียกร้องความเห็นใจจากคนเหงาคนที่สอง อย่าคิดว่าเขาจะน้อยอกน้อยใจที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ
หนึ่ง อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นมาร์ค
และสอง อาจจะเป็นเพราะมาร์คหรี่ตา ขยับปากเร็วๆให้เห็นกันสองคน
“สนุกๆหน่าคุณ”
จินยองหัวเราะ เป็นใครก็ต้องเชื่อถ้าได้เห็นแววตาของมาร์คตอนนี้ เรียกร้องความสนใจจากแฟนเก่าน่ะหรือ ลืมไปได้เลยเพราะตอนนี้มันเหลือแต่ความสะใจเท่านั้นที่มาร์คต้องการ
เขาจับปลายคางมน เชิดดวงหน้าอีกฝ่ายขึ้นแล้วก้มลงประทับจูบพร้อมกับที่คนทั้งสองหันมา มาร์คหลับตาพริ้ม ในขณะที่จินยองหันไปส่งสายตาให้กับแฟนเก่าที่ควงแฟนใหม่มาเยาะเย้ย ขบกัดกลีบปากล่างเบาๆ ลิ้นอุ่นชื้นละเลียดอยู่ภายนอกพอให้คนดูหน้าแดง บ่งบอกให้รู้ว่าการถูกทิ้งไม่ได้ทำให้คนที่เหลืออยู่เสียใจ และพร้อมจะเริ่มต้นใหม่อย่างมีความสุขกับคนที่ผ่านเข้ามา
พอเห็นคนหน้าซีด…ก็สนุกอย่างที่มาร์คพูดจริงๆ
หลังจากที่สองคนนั้นลุกไปอย่างรวดเร็ว มาร์คยิ้มเผล่ ค่อยๆผละออก แต่จินยองกลับจับใบหน้าอีกฝ่ายไว้ กระซิบแนบชิดกลีบปากบาง
“คุณเป็นคนขี้เหงา มาร์ค”
“คุณแค่แก้เหงาด้วยการพยายามทำให้ปากคุณไม่ว่าง”
“ผมไม่ชอบคนขี้เหงา แต่ผมก็ชอบวิธีคลายเหงาของคุณดี”
มาร์คหลุบตาลงระหว่างที่ฝ่ามือร้อนระอุปล่อยออกจากใบหน้า จินยองเปลี่ยนเป็นเท้ามือเข้ากับบาร์ทั้งที่ริมฝีปากยังคงชิดกัน มาร์คกระซิบเสียงแหบพร่า “คุณสนใจผมหรือ”
จินยองส่ายหน้าแล้วเงียบ
“ไม่สนใจ หรือไม่รู้” มาร์คถาม
“ปากผมไปอยู่บนปากคุณมาแล้ว มาร์ค”
เขาย้ำให้อีกฝ่ายรู้ ถ้าไม่สนใจคงไม่กล้าทำขนาดนั้น มาร์คก็คงสนใจไม่น้อยถึงกล้าให้เขาเล่นด้วยแบบนี้
จินยองขยับใบหน้า เคลื่อนไหวให้ริมฝีปากปัดป่ายกับกลีบปากอีกคน ลอบยิ้มเพราะเห็นมาร์คหน้าแดง ย้อนกลับไปคิดถึงวิธีที่ตนเองเคยมองพฤติกรรมการหาคนมาคลายเหงาของคนเหงาคนที่หนึ่ง พับแขนเสื้อ ปลดกระดุมเม็ดบน กระดิกนิ้วสั่งเบียร์กับเขา แล้วก็ยืดตัวมองไปมองมารอบร้าน หรี่ตาเล็กน้อย ยกเบียร์ขึ้นจิบ บางทีมาร์คอาจจะไม่ได้ใช้วิธีนั้น แต่ความเป็นตัวเองของมาร์คทำให้ทุกอย่างมันหลุดวงโคจรแห่งการคาดเดา และทำให้จินยองเขวจนหมดท่า
คนเหงาพวกนั้นจินยองไม่อยากให้เข้ามาวนเวียนในร้าน แต่สำหรับมาร์ค เขามีข้อยกเว้น
ริมฝีปากเย็นของมาร์คงับปากคนขี้แกล้งที่เอาแต่ปัดไปปัดมาแผ่วเบา
พวกเขาจูบกันอีกครั้ง เพราะหงุดหงิดที่จินยองเอาแต่เล่น
จินยองส่งเสียงหัวเราะเมื่อเริ่มมีแสงลอดผ่านระยะห่างของเขาและมาร์ค ปลายนิ้วเลื่อนไปที่กระเป๋ากางเกงยีนของคนที่นั่งหน้าบาร์ คีบแบงค์บางวางบนบาร์เย็นเฉียบ ผละกายออกเชื่องช้าพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“พรุ่งนี้มาใหม่นะคุณลูกค้า”
เจ้าของใบหน้าเรียวลุกขึ้น เขี้ยวเล็กโผล่เมื่อเจ้าตัวยิ้มเตือนให้เขาเตรียมตัว มาร์คกำลังจะจู่โจมด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขายิ้มค้าง
จินยองส่ายหน้า เช็ดบาร์เรื่องเปื่อยทั้งที่ปากยิ้มไม่หุบ
“แก้อาการเหงาปากให้ผมด้วยแล้วกัน คุณบาร์เทนเดอร์”
Kuchi ga sabishii
(phr.) Eating, drinking, smoking or KISSING when you don’t need to ;
“My mouth is lonely”
#iamjinmark
ความคิดเห็น