ตอนที่ 7 : คู่กัดรอบที่หก : ใครเป็นหมาก่อน
เช้านี้ผมตื่นเร็วกว่าปกติ แต่เอาเข้าจริง ๆ อย่าเรียกว่าตื่นเลยดีกว่า เหมือนแค่คนหลับตาแล้วรอเวลานาฬิกามันปลุกให้ลุกเฉย ๆ
ไอ้เรื่องเมื่อวานที่พี่นายบอกว่าย้ายออกวันนี้แล้วก็เป็นอย่างที่พี่เขาพูดจริง ๆ เพราะเสียงที่เหมือนคนมักจะทำอาหารอยู่ทุกเช้าพร้อมกับกลิ่นไหม้ของอาหารก็หายไปแล้วด้วย ไอ้เรื่องพี่นายย้ายออกไปผมยังไงก็ได้เพราะพี่นายให้ไมโครเวฟมาแล้ว แต่ไอ้การที่มีคนอย่างไอ้หน้าแป๊ะยิ้มมาอยู่ต่อนี่แม่งไม่ใช่เรื่องตลกจริง ๆ
ผมยืนมองประตูห้องฝั่งตรงข้ามที่ปิดสนิทด้วยสายตาเคือง บางครั้งก็นึกสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าช่วงนี้จะอารมณ์เสียบ่อยไปหรือเปล่า แต่กับมันผมไม่เคยมีความอดทนมากพอเลยจริง ๆ
ผมเดินลงมาจากบันไดด้วยความเคยชินเพราะที่หอไม่มีลิฟต์ให้ใช้ ก่อนจะเดินตรงมาทางที่จอดรถของหอที่มีรถจอดทิ้งไว้อยู่ไม่กี่คันเพราะทั้งหอมีคนเช่าอยู่แค่ไม่กี่คนเพื่อที่จะไปเรียนในคาบเช้าของวันนี้
“...” ผมเหลือบสายตามองใครบางคนที่กำลังขนอะไรสักอย่างวางลงบนพื้นตรงพื้นที่ลานจอดรถ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแนบกับอกของตัวเอง
ชุดช็อปกับรถนินจาสีดำ...
“อรุณสวัสดิ์” มันเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับส่งยิ้มให้
ผมส่งเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ ทำไมต้องมาเจอหน้ามันตั้งแต่เช้าด้วยวะ
“ที่หน้ามึงสิ” ผมย้อนกลับไป ก่อนจะเดินอ้อมมาที่รถของตัวเองที่ข้าง ๆ มีมันเสนอหน้ามาจอดอยู่ใกล้ ๆ
“ดุเดือดแต่เช้าเลยนะ” มันว่าติดตลก ที่กูเป็นแบบนี้เพราะมึงคนเดียวนั่นแหละ!
“เสือก” ผมถลึงตาใส่มัน หยิบหมวกกันน็อกมาใส่เพื่อที่จะรีบขับไปเรียนหนีมันให้เร็วที่สุด
“ปกติคนที่หอนี้เขาทักทายตอนเช้ากันแบบนี้นี่เหรอ”
“แล้วมันทำไม”
“เปล่า อารยธรรมดิบเถื่อนดีนะ” มันพูดพลางหัวเราะออกมาด้วย
“ฟังนะ...” ผมว่าเสียงเข้ม
“มึงจะย้ายมาอยู่นี่ จะอยู่ยังไงก็เรื่องของมึง แต่กูกับมึงต้องไม่มาเกี่ยวข้องกัน ไม่ยุ่งเรื่องของกันและกัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ไป...มึงเข้าใจไหม?”
“เกมเหรอ ก็น่าสนอยู่นะ”
ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อที่จะไม่โมโหออกไปที่เป็นผลทำให้การเจรจาครั้งนี้มันไม่สำเร็จผล ถึงแม้ว่าคำพูดของมันจะกวนส้นอยู่ก็ตามที...เกมที่หน้ามึงสิ!
“ถ้างั้น...พนันกันไหม?”
“พนันอะไร”
“ถ้าใครมายุ่งเรื่องของคนอื่นก่อน...คนนั้นแพ้”
“มึงต้องการอย่างนั้น?” ผมเลิกคิ้วมองมัน ก่อนที่มันจะยักคิ้วกลับเป็นการตอบว่าใช่
“หึ...” ผมแสยะยิ้มออกมาแทบจะทันที ในเมื่อแม่งเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับผมอยู่ “...ได้ เอาอย่างที่มึงคิดแล้วกัน”
“ใครแพ้เป็นหมา”
“ดีล” ผมตอบตกลงแทบจะทันที
เกมนี้กูชนะใส ๆ ส่วนคนที่จะเป็นหมากับใจหมาน่ะ รู้กันเห็น ๆ
“ถ้างั้นตั้งใจเรียนนะ” มันว่างั้นก่อนจะก้าวเท้าเดิน
“เดี๋ยว...” ผมเรียกมันไว้ ก่อนจะเปิดเบาะรถของตัวเองขึ้นแล้วหยิบเอาเสื้อกันฝนของมันออกมา “...เอาของมึงไปด้วย กูไม่ต้องการ”
มันเลิกคิ้วข้างหนึ่งมองผม ก่อนจะยกยิ้มบาง “เก็บไว้เถอะ เผื่อได้ซ้อนท้ายจะได้มีใช้”
“มึงนี่มโนแลนด์ยังไม่เลิกอีกนะ” ผมยิ้มเหี้ยม
“น่า...อาจเผื่อเป็นหมาจะได้มีผ้าคลุมหัวไว้ อายคน” มันว่างั้นพร้อมยิ้มมุมปากจนคิ้วผมกระตุก กัดฟันกรอด
“มึงน่ะสิไม่ว่า”
“เหรอ...” ไอ้ชนินครางในลำคอ “...อ้อ”
“อะไร”
“แต่ถ้าคืนนี้เหงาอยากมีคนคุยด้วย...เคาะห้องได้นะ อันนี้จะไม่นับให้แล้วกัน”
ปึ้ด!
เหมือนผมได้ยินเสียงเส้นความอดทนมันขาดไปเส้นนึง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ฝืนยิ้มให้มัน ก่อนที่ไอ้ชนินจะขยิบตาข้างหนึ่งแล้วเดินหนีขึ้นบันไดไป
ผมเหลือบสายตาเห็นรถมันที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะตั้งใจขว้างเสื้อกันฝนอัดรถมันเต็มแรงด้วยความแค้นเคือง ดี! ลงที่ตัวมันไม่ได้ก็ลงที่รถมันนี่แหละ!
หึ กูจะรอดูว่าใครหมาไม่หมา ไอ้ชนิน!
…
หลังจากวันที่ผมกับมันแข่งกันว่าใครยุ่งเรื่องของคนอื่นก่อนเป็นหมาก็ผ่านมาเกือบสามวันได้แล้ว ซึ่งผมกับมันแทบจะไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าจะเปิดประตูออกมาในตอนเช้าจะต้องเจอมันส่งยิ้มให้ผมอยู่ตลอดสามวันก็ตามที แต่แบบนี้มันก็ดีอยู่เหมือนกันที่เจอรอยยิ้มกวนประสาทแทนคำพูดกวนประสาทของมัน
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นในจังหวะที่กำลังจะเข้าห้องน้ำเพื่อจะไปอาบน้ำช่วงเย็นหลังจากกลับมาจากเรียนคาบสุดท้ายอยู่พอดิบพอดี โชคดีที่วันนี้ไม่งานเข้าและยิ้มก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ผม เลยได้พักผ่อนอยู่ในห้อง แต่การที่ไอ้ลมโทรมาแบบนี้ก็ทำให้สงสัยอยู่นิดหน่อยเพราะเพิ่งจะแยกกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว
“ว่า”
( เบส มึงสอนวิชาอาจารย์นิคให้กูหน่อยดิ กูงงอ่ะ )
อาจารย์ที่เรียนเมื่อตอนเย็นน่ะนะ ผมขมวดคิ้ววุ่นก่อนจะเดินหมุนตัวกลับไปหยิบเอาหนังสือกับกองชีทขึ้นมาดูว่าวันนี้เรียนอะไรไปบ้าง มันก็ไม่ได้ยากอะไรนี่
“ตรงไหน”
( อ่า มึงคุยในดิส ๆ )
“แป๊บนึงแล้วกัน กูยังไม่ได้เปิดคอม”
( ได้ ๆ )
ลมวางสายไปแล้ว ผมเลยถือโอกาสเปิดคอมพ์ของตัวเองทิ้งแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเพิ่งเปลี่ยนจากเล่นโน้ตบุคเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไปเมื่อช่วงที่กำลังจะขึ้นปีสองพอดี ไม่ได้ใช้เงินพ่อเงินแม่หรอก ก็เก็บเงินจากการทำงาน เอาแบบถูก ๆ พอทำงานเล่นเกมได้เป็นพอ แต่ช่วงนี้ก็แทบไม่ได้ซื้ออะไรเพราะไม่ค่อยจะมีเงินเก็บเท่าไหร่
หลังจากที่เข้าห้องน้ำเสร็จ ผมก็เดินออกมานั่งแล้วเปิดโปรแกรมพูดคุยที่ส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้ตอนที่เล่นเกมหรือบางครั้งก็เอามาใช้ร่วมกับสอนไอ้ลมทำการบ้านด้วย
“พี่มังกรไม่อยู่เหรอวะ” ผมถามออกไปเมื่อเข้าโปรแกรมแชทเชื่อมต่อกับไอ้ลมเรียบร้อยแล้ว
( ไม่อ่ะ ไปถ่ายแบบ วันนี้กลับดึก... ) เสียงมันตอบกลับมาหงอย ๆ เหมือนลูกหมาถูกเจ้าของทิ้ง นี่ก็เล่นใหญ่เขาก็แค่ไปทำงานเฉย ๆ
( ทำเสร็จเล่นเกมกันนะ ว่างอ่ะ ) จู่ ๆ ไอ้ลมก็ทำเปลี่ยนเรื่องซ้ำยังมีสีหน้าที่ดูดีผิดปกติเหมือนกับกำลังรอเวลานี้มานานแล้ว
“พี่มังกรให้มึงเล่นหรือไง”
( เล่น ๆ แต่เดี๋ยวสี่ทุ่มเลิก พี่มังกรจะโทรมา ) สุดท้ายก็ฟังผัวตัวเองอยู่ดี
ผมว่าการที่พี่มังกรตาบอดไปชอบไอ้ลมมันก็ดีอยู่อย่างนึงเหมือนกันตรงที่ทำให้มันไม่ต้องติดเกมมากเกินไป ช่วงแรก ๆ ที่รู้จักกันคือมันเล่นเกมหนักมากจนผมไม่โอเค ไม่รู้ว่าแม่มันรู้บ้างหรือเปล่า
“อวดจังไอ้สัด” เพราะงั้นขออิจฉามึงหน่อยแล้วกัน
( อ อะไร ไม่ได้อวดสักหน่อย! ) เสียงของไอ้ลมพูดตะกุกตะกัก
( ข ข้อนี้ด้วย ข้อที่... )
“เปลี่ยนเรื่องทำไม กูยังไม่ได้พูดอะไร”
( ไม่ได้เปลี่ยน! จะรีบทำการบ้าน! )
ร้องเสียงหลงมาขนาดนี้กูไม่รู้เลยมั้งว่ามึงเขินน่ะ ไอ้ลม
“หึหึ เออ ว่ามา” ผมใจอ่อนยอมไม่แกล้งมันต่อ ก่อนที่จะเข้าเรื่อง
( ก็ที่อาจารย์บอกว่า... )
...
( เสร็จเฉย! )
ไอ้ลมร้องตะโกนออกมาอย่างสุขใจเมื่อการบ้านเกือบครึ่งผมได้สอนมันเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ส่วนอีกครึ่งมันเป็นคนทำเองอย่างน่ามหัศจรรย์ใจ เอาจริง ๆ ไอ้ลมมันไม่ได้โง่ ขอแค่สอนให้ตรงประเด็นที่เหลือเดี๋ยวมันก็ไปต่อยอดเอาเอง
อยากให้คุณมอง มองตรงนี้ คนแอบรักคุณอยู่ตอนนี้ แอบส่งยิ้มเสมอ แต่คุณคงไม่สนจายยยยยย~
สัด เสียงอย่างเพี้ยน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!~
“สัด!” ผมเผลอสบถออกมาอย่างนึกรำคาญใจที่จู่ ๆ เสียงเหมือนคนกำลังหอนดังลั่นออกมาจากตรงข้ามห้อง และคาดว่าน่าจะมีคนประมาณเกือบสิบคนกำลังจัดปาร์ตี้ฉลองอะไรสักอย่างอยู่ถึงได้เสียงดังเข้ามาถึงห้องผมขนาดนี้
ไอ้เหี้ย มึงเริ่มแล้วสินะ
จริง ๆ นอกจากรอยยิ้มที่ส่งมาในทุก ๆ เช้าของมันแล้วก็มีอยู่อีกเรื่องหนึ่งที่มันทำอยู่ตลอดสามวันก็คือการทำเสียงดังตลอดช่วงกลางคืน ซึ่งผมพอทนได้ แต่วันนี้แม่งล่อเอาเพื่อนมาด้วย!
( อ้าว มึงด่ากูทำไมอ่ะ! )
“เปล่า ไม่มีอะไร หมามันหอน” ผมว่าอย่างหัวเสีย
ผมต้องไม่ไปสนใจมัน ท่องไว้ ต้องไม่สนใจ
( เค )
( ครั้งแรกเลยที่กูทำเสร็จเร็วขนาดนี้ ปกติคิดหัวแทบแตก ได้นอนก็เที่ยงคืนนู่นอ่ะ )
“ไม่เสร็จก็แปลก จากบางข้อเสือกสอนทุกหน้า ตกลงมึงไปเรียนกับกูไหม” ผมว่าอย่างติดตลกไม่ได้จริงจังอะไร เพราะยังไงช่วงเวลาเรียนคนที่ตั้งใจเรียนที่สุดก็เป็นไอ้ลมนี่แหละ ส่วนผมก็นั่งหลับบ้างนั่งฟังบ้างแล้วแต่อารมณ์
( ไม่ได้ทุกหน้าสักหน่อย แล้วในห้องกูก็เรียนด้วย เข้าใจไหมว่าบางข้อกูก็เข้าใจแต่ก็อยากให้มันแจ่มแจ้งไง )
“อืม”
( ป่ะ เล่นเกมกัน )
“เกมไร เลือกมา”
( อยากโดดร่มว่ะ )
ผมไม่ได้ตอบกลับแต่ก็เลือกที่จะกดคลิกเข้าเล่นเกมก่อนที่จะรอชวนไอ้ลมให้เข้ามาเล่นด้วย
...
“สี่ทุ่มแล้วนะลม” ผมหาวออกมาพลางเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาใกล้จะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว นอนดึกบ่อย ๆ แล้วร่างกายมันเพลียฉิบหายเลย
( อ้าวเหรอ...แต่พี่มังกรยังไม่โทรมาเลยอ่ะ สงสัยยังไม่เลิกงานแน่เลย ) ไอ้ลมพูดออกมาน้ำเสียงเป็นห่วงเจือปน
“มึงลองโทรแล้วหรือยัง”
( ยังอ่ะ เดี๋ยวจบตานี้จะลองโทรดู )
“อืม...”
( เออ...แล้วมึงไม่โทรหาแฟนเหรอ ) ไอ้ลมถามออกมาทำให้อารมณ์ของผมที่กำลังใกล้จะหลับเข้าไปเต็มทีแล้วถึงกับชะงัก
“...กูโทรไปแล้วไม่รับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับการที่ยิ้มไม่รับโทรศัพท์ของผมเลยสักนิด
( มึงโอเคเปล่า เบส )
โอเคไหมเหรอ...มันบอกไม่ได้ว่าผมรู้สึกยังไง เรียกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยน่าใช่กว่า
“...” ผมเหม่อมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง
เชี่ยยยยยยย ไอ้ชนินโดนแล้วว่ะ!!!
ผมสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ เสียงของห้องตรงข้ามก็ดังขึ้นมาอีกรอบจนเผลอปล่อยเมาส์
( เสียงอะไรอ่ะไอ้เบส )
...
“ไอ้ลม เดี๋ยวกูมา ถ้ามึงจะออกก็ออกไปเลยไม่ต้องรอกู”
ผมพูดแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินไปเปิดประตูห้องตัวเองแล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องตรงข้าม ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตูรัว ๆ กอดจะยกขึ้นมากอดอกตัวเองแล้วกระดิกเท้าตัวเองระบายความร้อนในหัว
กูสุดจะทนแล้ว
“ครับ?” มันเปิดประตูออกมาทำหน้าตาใสซื่อใส่
“รู้จักไหมมารยาท เสียงมันดังรบกวนคนอื่นเขา” ผมเค้นเสียงออกมา
“คนอื่นนี่ใคร...อ๋อ”
มันครางในลำคอก่อนจะสอดส่ายสายตาสำรวจตัวผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเลื่อนมาสบตากัน “ต้องนับว่าเป็นเพื่อนบ้านด้วยเหรอ”
“ชั้นนี้ไม่ได้มีแค่มึงคนเดียว” ผมตาลุกวาวไปกับคำพูดของมัน
“มีใครบ้าง”
“มี?”
ผมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากางให้มันดูก่อนจะเริ่มนับ “กู กู กู กู และกู...”
“...กูรำคาญ มึงเข้าใจไหม”
“แล้วทำอะไรอยู่” มันไม่ตอบคำถามผมแต่กลับถามกลับมาเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนผมแทบจะใกล้เดือดเต็มที
“กูจะทำอะไรอยู่มันก็เรื่องของกู แต่ตอนนี้คือกูต้องการให้มึงลดเสียงลง มึงเข้าใจกูไหม!” ผมพูดเสียงดังตอบกลับจนมันเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น
“เสียงอย่างกับหมาหอน คนชั้นอื่นเขาไม่แจ้งเทศบาลมาจับมึงก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ไม่แจ้งน่ะดีแล้ว เดี๋ยวก็โดนจับไปด้วยหรอก”
“กู?”
“ก็...ปากปีจอไม่ใช่เหรอ” มันยักไหล่ด้วยท่าทางที่กวนส้นตีนสุดขีด!
“ไอ้เหี้ย นี่มึงจะแถไปไหนไอ้สัด!”
“ชู่...” มันยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะเข้าที่ริมฝีปากของตัวเอง “...อย่าเสียงดัง”
ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์เมื่อนึกขึ้นได้ว่ากำลังอยู่ในหอพักและเสียงน่าจะดังเกินจนลงไปชั้นล่างแน่ ๆ ก่อนที่ไอ้ชนินจะยกยิ้มมุมปากพอใจกับการกระทำของผม
“แต่...ถ้าไม่อยากให้เสียงดัง” มันเอามือล้วงกระเป๋าพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ
“อะไร”
“เข้ามากินด้วยกันสิ” มันพยักเพยิดหน้าเข้าไปในห้องของมันที่ผมเพิ่งจะแอบสำรวจไปว่ายังมีเพื่อนของมันนั่งอยู่กันเต็ม แถมยังไม่มีใครสงสัยด้วยว่าไอ้ชนินคุยกับใครเพราะน่าจะเมากันได้ที่แล้ว
“...นี่มึงกวนตีนกูอยู่ใช่ไหม” ผมเชิดหน้าขึ้นพร้อมหาเรื่อง
“งั้นก็ใส่หูฟังสิ”
“กูใส่แล้วไหมถึงได้เดินออกมาด่ามึงเพราะมันดังกว่าไง!”
“หมวกกันน็อก?”
“หมวกกันน็อกพ่อมึงสิกั้นเสียงได้”
“ถ้าใจบอกว่ากั้นได้ มันก็ต้องได้นั่นแหละ”
“มึงจะเอายังไงไอ้ชนิน?” ผมคว้าเข้าที่คอเสื้อของมันแทบจะทันที
“อืม...”
มันครางในลำคอ สอดส่ายสายตาไปมาเหมือนคนกำลังคิด ก่อนจะแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างกับคนเพิ่งนึกอะไรออก
“เรื่องเสียงคงลดให้ไม่ได้ แต่...” มันจับมือของผมแล้วบิดออกเบา ๆ เพื่อให้ผมปล่อยคอเสื้อมันเป็นอิสระ
“มีออฟชั่นให้นะ”
“เหี้ยไร”
ผมขมวดคิ้ว ใจเริ่มมีไฟประทุจนร่างกายอยากประทะเต็มแก่อยู่แล้ว แต่มันก็ยังยกนิ้วชี้ขึ้นมาโชว์ตรงหน้าผมเป็นเชิงว่าให้รออยู่ตรงนี้ ก่อนที่มันจะปิดประตูห้องกลับไป ผมเลยได้แต่ยืนกลอกตามองบน เท้าสะเอวเดินไปเดินมา อึดอัดจะตายห่า ความอยากต่อยคนนี่ผมสามารถไปลงกับใครได้บ้างวะ!
แต่รอไม่นานมันก็เปิดประตูออกมา แต่จังหวะที่ผมกำลังจะหันไปมองมันก็ยัดอะไรสักอย่างแน่น ๆ ลงเข้าที่หัวผม อีหูปิดทั้งสองข้างที่กำลังแนบกับหูของผมก็นุ่มนิ่มแปลก ๆ...เหี้ยไรเนี่ย?!
“...เหมาะดี” มันว่าแล้วแย้มยิ้มออกมา
“แต่เสียดายมีแต่หูกระต่าย ไม่มีหูหมา”
“...”
“เลยอดเป็นหมาเต็มตัวเลย”
ผมยกมือขึ้นคว้าออกมาดู เป็นที่ปิดหูกันหนาวสีชมพูขนนุ่ม มีหูกระต่ายอยู่ตรงด้านบนทำให้เพิ่มความน่ารักเข้าไปอีก!
“ราตรีสวัสดิ์ หมาขี้แพ้ ไม่ใช่สิ...” มันว่าออกมาในขณะที่กำลังเอื้อมมือปิดประตูของตัวเองทั้งรอยยิ้ม
“...ราตรีสวัสดิ์ กระต่ายขี้แพ้”
ปัง!
“ไอ้ชนิน! มึงเปิดประตูออกมา ไอ้สัด!”
TBC
#ก่อสร้างดีที่สุด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านวน 3 4 รอบ ดิฉันก็ยังอยู่เรือ #ชนินเบส มันบั่บบบอ๋อยยย