ตอนที่ 4 : คู่กัดรอบที่สาม : สงครามของคู่กัด
บอกตรง ๆ ว่าช่วงนี้ผมโคตรปวดหัว รู้สึกเหมือนคนอารมณ์หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาจนบางทีเพื่อนในห้องก็แทบจะไม่คุยด้วย ยิ่งไอ้ลมยิ่งแล้วใหญ่ พยายามนั่งห่างผมให้ได้เพื่อที่ตัวเองจะไม่โดนลูกหลงอารมณ์พายุของผม กูก็ไม่ได้ชั่วขนาดความหงุดหงิดไปลงกับคนอื่นนะ มึงนี่ก็เล่นใหญ่จริง ๆ เลย
“มึงคิดเหมือนกูใช่ไหมเบส”
ไอ้ลมถามขึ้นมาในขณะที่เรากำลังเตรียมของรับน้องกันอยู่ที่ลานกว้างที่เดิมของเมื่อวานที่ใช้รับน้อง ที่เดิมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ต้องมาเจอไอ้หน้าแป๊ะยิ้มตัวเดิมเอกเดิมเหมือนเมื่อวานนี่สิ ยิ่งคิดก็พาลให้หัวเสียไปกว่าเดิม
“คิดอะไร”
“ก็คือ...มึงจะไม่ยื่นมือเปื้อนสีมาตีหัวกูใช่ไหม” มันถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งยังขยับตัวถอยห้างออกมาจากผมเล็กน้อย
“แล้วมึงจะพูดอะไรล่ะ...คิดให้ดีก่อนพูดนะ กูขอเตือน”
“...ก็คือว่า”
“ช่วงนี้มึงกับชนินเจอกันบ่อยไปเปล่าวะ”
ผมหยุดมือของตัวเองที่กำลังง่วนอยู่กับการติดกาวลง เลื่อนสายตามองไอ้ลมอย่างหาเรื่องจนมันผงะ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากใช้หัวสมองของตัวเองคิดดู เออ มันก็จริงอย่างที่ลมพูด จากที่แทบไม่ได้เจอขี้หน้ามันมาเกือบปี แต่ตอนนี้กลับเจอหน้าไอ้ชนินบ่อยกว่าเจอหน้าเมียตัวเองอีก
ถ้าจะบอกว่าพรหมลิขิตบันดาล ผมก็ขอสาบานเลยละกันว่าเจอหน้าไอ้คนชื่อพรหมลิขิตเมื่อไหร่กูจะเดินเข้าไปซัดหน้าให้
“อย่าให้กูรู้นะว่ามึงมีส่วนรู้เห็น”
“จะบ้าเหรอ! กูไม่ได้คุยกับชนินมาเกือบปีเหมือนมึงนั่นแหละ!”
“เพราะอะไร พี่มังกรเหรอ ผัวหึงโหดล่ะสิ” ผมพูดจบไอ้ลมก็หน้าแดงออกนอกหน้า แถมยังไม่กล้าเถียงกลับจนต้องก้มหน้าลงไปผสมสีของมันต่อ กูก็พูดเล่นไปเรื่อย แต่เสือกเป็นเรื่องจริงเหรอ
ผมหัวเราะในลำคอนึกตลกมันเล็กน้อย ก่อนสายตาจะมองเห็นเท้าของคนหลายคนกำลังเดินเข้ามา คาดว่าอีกเซคคงจะเลิกเรียนกันแล้ว ไม่งั้นคงไม่เห็นไอ้กานกับเจียเดินมา
นี่ผมไม่ได้เห็นไอ้เจียมากี่วันแล้วนะ
“เซย์ไฮ ขุ่นพ่อและน้องรัก” ไอ้กานยิ้มร่าเดินมาพร้อมกับถุงขนมขบเคี้ยวถุงใหญ่ ส่วนไอ้เจียที่เดินตามมันมาข้างหลังก็ถือขวดน้ำมาด้วย
“ใครพ่อมึง เจีย มึงไปไหนมาวะ”
“โอ้โห ความสองมาตรฐานนี้คือไรอ่ะ ความแบ่งชนชั้นนี่มันคือไรอ้ะ!” ไอ้กานว่าดังลั่นแล้วอมลมในปากเพื่อทำแก้มพอง น่ารักตายสัด เห็นแล้วน่าเอาตีนแนบหน้าฉิบหาย
“ทำธุระที่บ้าน พอดีเปิดร้านใหม่”
“ร้านไรวะ”
“หนังสือ”
ผมเงียบ มองหน้าไอ้เจียที่ปกติมันก็ไม่ค่อยได้พูดอยู่แล้ว อย่าว่าแต่ยิ้มเลย มันยิ้มเป็นบ้างไหม นี่คนที่บ้านนั้นเขาส่งเสริมลูกชายให้เป็นเจ้าชายปากกืกไม่เข้าสังคมเหรอวะ ถึงได้เปิดร้านหนังสือให้มันเนี่ย ยิ่งตามตัวยากพอ ๆ กับไอ้กานเลย เวร
“เออ ตามสบาย” ผมบอกปัดก่อนจะนั่งก้มหน้าทำส่วนของตัวเองต่อ
“มีอะไรให้ช่วยมะ” ไอ้กานพูดขึ้น ขยับมานั่งลงข้าง ๆ ผมแล้วเอาตาจ้องผมแทบถลน
“ช่วยขยับไปไกล ๆ ก่อนไอ้สัด เกะกะจริง ๆ มึง” ผมว่าอย่างหัวเสียเมื่อมันเริ่มที่จะกวนตีนขยับเข้ามาหาผมเรื่อย ๆ จนแทบจะสิงผมได้อยู่แล้ว
“แล้วฐานมึงน่ะ เตรียมเสร็จรึยัง”
“ยัง คนอื่นกำลังไปซื้ออยู่ เดี๋ยวก็คงมา”
“ลม มึงไปเอาถังสีที่กูซื้อแล้ววางไว้ตรงนั้นให้หน่อย” ผมพยักเพยิดหน้าไปทางถุงอุปกรณ์ที่ผมเป็นคนหอบมา แต่มันดันอยู่ไอ้ลมมากกว่า บวกกับที่ผมขี้เกียจลุกไปด้วยก็เลยขอใช้มันซะเลย
“ถังสีแดงถังใหญ่อันนั้นเหรอ” มันว่าแล้วมองไปทางถังสีแดงที่ผมกะเอาไว้ว่าจะมาทาสีป้ายของฐานตัวเอง ผมพยักหน้าให้มัน ก่อนที่มันจะลุกไปหยิบเอา
ผมก้มหน้าทำต่อ ส่วนพวกไอ้กานก็นั่งคุยกันเฝ้าผม มันว่างกันมากเลยใช่ไหม
“...ช เชี่ย?!”
เสียงไอ้ลมดังขึ้นเหนือหัวผมดังลั่น ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองด้วยความสงสัย แต่ในเวลาแค่ไม่กี่เสี้ยววิ ร่างกายของผมกลับตอบสนองไปเองด้วยการหลบสีที่สาดกระจายลงสู่พื้นดิน แต่ก็พลาดไปเพราะมันไม่ทันได้เตรียมตัวและไม่ได้คาดคิด ทำให้ถังสีแดงตกลงมาใส่ป้ายงานของผมเต็ม ๆ แถมยังกระเด็นใส่กางเกงผมด้วย!
สัดลม!
“กรี๊ดดดด ไอโฟนกู!!!” ไอ้กานว่าดังลั่นพร้อมกับรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นไปกอดอย่างหวงแหน
ผมกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนพร้อม ๆ กันกับไอ้กานและไอ้เจียเพื่อหลบสีที่น่ากลัวยิ่งกว่าขี้ ก่อนจะพากันยืนเงียบหันหน้าไปทางตัวการที่เป็นคนทำงานผมเละไม่เป็นชิ้นดี
“ไอ้ลม!”
“ข ขอโทษ! ฝามันปิดไม่สนิทอ่ะ พอเอามาให้มันก็เลยหล่นอ่ะ!” ไอ้ลมว่าหน้าซีด ท่าทางสำนึกผิดจริง
...กูเองแหละงั้นที่ปิดไม่สนิท เพราะใช้อยู่คนเดียว
“มึงก็ถือก้นมันมาสิ! อย่าไปถือที่ฝา!” ไอ้กานว่าอย่างโอดครวญเพราะไอโฟนมันก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
แต่ผมได้แต่หลับตา ข่มอารมณ์ เพราะหมดคำจะพูด ไม่รู้ควรด่าตัวเองก่อนหรือด่าไอ้ลมก่อน แต่ความผิดมันก็ของผมอยู่ส่วนนึงเหมือนกัน
“ม มึงไปล้างตัวก่อนไหม เดี๋ยวงานตรงนี้กูแก้ให้” ไอ้ลมว่าอย่างลนลาน พยายามยกป้ายขึ้นมา
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อย เมื่อกี้มึงเปื้อนไหม ไปล้างไป”
“ไม่เปื้อน ๆ แต่มึงอ่ะ...” มันว่าแล้วก้มลงมองมาทางหว่างขาผม ผมเลยมองตาม
ไอ้สัด เปื้อนมือกูแล้วยังเปื้อนกางเกงยีนกูด้วย ดีจริง ๆ
“กูไม่รู้ควรจะขำดีไหม ไอ้เหี้ยแม่งเลอะตรงเป้าแล้วเหมือนคนเปื้อนประจำเดือน”
“สัด” ผมยกมือข้างหนึ่งที่ไม่ได้เปื้อนสีตบเข้าที่หัวไอ้กานข้อหาพูดจาหมา ๆ
“งั้นกูไปล้างก่อน ฝากมึงเคลียร์ตรงนี้ด้วย”
“เค” ไอ้กานว่าตามหลังผม
ผมเดินมาเรื่อย ๆ แถว ๆ สนามกีฬาที่น่าจะมีก๊อกน้ำให้ใช้อยู่บ้าง และมันก็ใช่ ที่มีก๊อกน้ำเกือบสามสี่ตัวตั้งอยู่เป็นแถว ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเอื้อมมือไปหมุนเพื่อเปิดก๊อกน้ำ ไม่รู้แม่งจะล้างออกไหม แต่น่าจะมีวิธีล้างออกอยู่ในอินเตอร์เน็ตนั่นแหละ ถึงมันจะเป็นสีโปสเตอร์ก็เถอะ
แต่ในจังหวะที่ผมกำลังหมุนก๊อกน้ำอยู่ เงาตะคุ่มอยู่ตรงหน้าบังแสงอาทิตย์ยามบ่ายสองจนหมดพร้อมกับเสียงคนเปิดน้ำ ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองคนตรงหน้า
ไอ้เหี้ยชนิน โคตรพ่อโคตรแม่บังเอิญอีกแล้วเหรอ
มันเองก็เงยหน้ามองผมด้วยความแปลกใจเช่นเดียวกัน เป็นเหี้ยอะไรอีกล่ะถึงต้องมาใช้ก๊อกน้ำตรงนี้แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากสนใจเรื่องของตัวเองต่อ ยกมือขึ้นล้างออกถูด้วยความแรงเพื่อหวังว่ามันจะออก แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกับมีคนกำลังจ้องมองอยู่จนต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ
แม่งยืนมองกูหน้าตาเฉยเลยนะมึง
“มองหน้ากูทำไม เพื่อนเล่นมึงเหรอ” ผมว่าออกไป มันอดไม่ได้จริง ๆ ไอ้เหี้ยนี่แม่งจงใจกวนส้นตีนผมออกนอกหน้าแบบนี้
“ถ้าไม่ให้เล่น งั้นจริงจังแทนได้ไหม?”
หึ จริงจังอะไรล่ะ คนอย่างมึงจริงจังเป็นด้วยเหรอ
“กูก็จะต่อยมึงจริงจังเหมือนกัน”
มันครางในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะปิดก๊อกน้ำ เอาแขนวางลงบนผนังกั้นระหว่างก๊อกสองตัวแล้วพูดตอบกลับผมมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“ถ้าทำจริง...คิดค่าทำขวัญนะ”
ผมยกยิ้มมุมปาก “เตรียมไว้เยอะ ๆ ล่ะ กูจะได้ซัดมึงถูกราคา”
“แล้ว...” มันเว้นระยะก่อนจะเลื่อนสายตามองมายังด้านล่างของผม “...ริดสีดวงเหรอ”
สัด! ริดสีดวงมึงสิ!
“เสือก”
ผมเค้นเสียงหนัก อยากจะซัดหน้ามันจริง ๆ แต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้เพราะจะใกล้ถึงเวลารับน้องแล้ว ไม่อยากมีปัญหาอะไรมากมาย นี่กูอุตส่าห์อยู่ของกูดี ๆ แล้วนะไอ้เหี้ย
แต่เหมือนจะขยี้ยังไงก็ไม่ออกเพราะมันตรงเป้ากางเกงผม พอคิดไปมันก็ดูแหม่ง ๆ ที่ต้องมายืนถูเป้าตัวเองให้ตัวเหี้ยดู
“...ดูลำบาก ให้ช่วยไหม” ผมเลื่อนสายตาสบเข้ากับคนหวังดีที่จะมาถูเป้ากางเกงให้ผม หวังดีผิดเวลาเถอะไอ้สัด
“ไม่ต้องยุ่ง ไม่ได้ขอ”
“น่า”
แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากด่ามันอีกรอบ มือของมันข้างหนึ่งก็เอื้อมยาวมาคว้าเข้าที่ก๊อกน้ำของผมแล้วเปิดเต็มแรง!
“สัด!”
แรงดันน้ำแรงขึ้นทำให้พุ่งเปียกเข้าที่เสื้อและกางเกงจนเปียกชื้นไปหมดยิ่งกว่าไอ้ลมทำ...เหี้ยไรเนี่ย!
“...ผิดด้าน” มันว่าแล้วหมุนก๊อกน้ำไปอีกทางจนน้ำที่พุ่งลงมาค่อย ๆ ผ่อนแรงลง
ได้...มึงจะเล่นสงครามน้ำกับกูใช่ไหม!
ผมคว้าสายยางที่วางอยู่ใกล้ ๆ และหัวสายยางอีกด้านหนึ่งกำลังต่อกับก๊อกน้ำข้าง ๆ ผม ผมหมุนเปิดก๊อกน้ำนั้นด้วยความรวดเร็วก่อนจะยกสายยางขึ้นฉีดไอ้ชนินจนมันเผลอขยับเท้าโยกหนีผมแต่ผมก็ยังใช้สายยางไล่ฉีดมันอย่างกับไล่งู
“หนาวไหมล่ะมึง” ผมว่าอย่างสะใจ
แต่ยังไม่ทันไรมือมันก็คว้าเข้าที่มือผมแล้วพากันยื้อหยุดสายยางกันยกใหญ่ ก่อนที่มันจะคว้าเอาสายยางไปได้สำเร็จ...เหี้ยละ
“...บอกว่าผิดด้านไง” มันว่าเสียงเย็นก่อนจะยกสายยางเอานิ้วอุดรูมันไว้เล็กน้อยทำให้น้ำที่ไหลออกมาจากสายยางแยกออกเป็นสองทางแต่พุ่งเข้าหาผมหมด!
กู สุด จะ ทน แล้ว!
หมับ!
“ชนิน! ทำอะไรวะ แค่บอกให้มาเติมน้ำใส่ถังแค่นี้มึงต้องใช้เวลานาน...”
เสียงเพื่อนไอ้ชนินดังขึ้นตรงกับจังหวะที่ผมคว้าเข้าคอเสื้อมันอยู่พอดี จนอยู่ในท่าที่หน้าผมกับหน้าไอ้ชนินใกล้กัน และมีเพียงแค่ก๊อกน้ำกั้นเอาไว้แค่นั้น ผมกับไอ้ชนินหันไปมองหน้าพร้อมเพรียง
“มีอะไรกันเปล่าวะ” เพื่อนมันสลับมองหน้าผมกับหน้าชนินไปมา
ผมกับมันหันกลับมาสบตากันก่อนที่ผมจะยอมปล่อยคอเสื้อมันแล้วขยับถอยมายืนห่าง ๆ
“เปล่า แค่อยากเล่นน้ำ” ไอ้ชนินว่าแล้วยกยิ้มบางมองผม เอื้อมมือมาปิดก๊อกน้ำให้ ก่อนจะถอดเสื้อช็อปของตัวเองพร้อมกับเสื้อสีดำซับในเปียก ๆ ออกเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องและหุ่นดี ๆ ของมัน
“ไปกันเถอะ” มันว่าแค่นั้นพร้อมกับเอาเสื้อพาดบ่าแล้วเดินกอดคอเพื่อนมันไป
“ไปเปลี่ยนเสื้อก่อนไหมวะ แล้วมึงนึกครึ้มอะไรมาเล่นสงกรานต์กันเวลานี้...”
เสียงเพื่อนของมันยังคงดังแว่วไปไกลในระหว่างที่พวกมันสองคนเองก็เดินไปไกลอยู่พอสมควรแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังยืนมองด้วยสายตาแค้นเคือง แต่ก่อนที่มันจะเดินหายไป ไอ้ชนินกลับเอี้ยวหน้ามามองผมก่อนจะขยิบตาให้
ผมถลึงตาใส่มันแล้วยกนิ้วกลางส่งท้าย ก่อนที่มันจะหันหน้ากลับไปแล้วเดินหายไปอีกทาง
...ถุย มึงหล่อตายล่ะไอ้สัด ถอดเสื้อโชว์กล้ามหน้าท้องทำอย่างกับกูไม่มี!
...
สุดท้ายผมก็ต้องกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเพราะไอ้กางเกงยีนเปื้อนสีนั่นต้องใช้เวลาในการซักนานพอสมควร แล้วผมก็เลือกที่จะพลาดไม่ไปรับน้องวันนี้ด้วยเพราะอารมณ์เสียยังไม่หาย ไม่อยากเอาไปพาลคนอื่น
“ตัววว!”
ผมเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ที่กดเล่นในระหว่างรอยิ้มลงมาจากตึกครุศาสตร์ ซึ่งก่อนหน้านั้นผมนอนเล่นที่ห้องได้เกือบสองชั่วโมงแล้วถึงค่อยขี่รถมารอรับ เพราะเห็นเจ้าตัวบ่นเข้ามาในเฟสว่าวันนี้อาจารย์ปล่อยช้า
“รอนานไหม” ยิ้มวิ่งเข้ามากอดผมเสียแรงก่อนจะเงยหน้าถามผมพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่นานครับ”
“เค้ากลัวตัวจะรอนานเพราะวันนี้อาจารย์ปล่อยช้า”
“เค้าก็เพิ่งมา”
“เหรอ แล้วทำไมเป็นชุดธรรมดาแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าวันนี้ตัวมีรับน้องเหรอ” ยิ้มถามผมพลางใช้สายตามองชุดของผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“มี แต่สีมันเปื้อนกางเกง เลยโดนไล่กลับให้มาอาบน้ำ เค้าเลยไม่ไปรับน้องเลย” ผมว่าไปงั้น แต่จริง ๆ ไม่มีใครกล้าไล่ผมไปอาบน้ำหรอก กูไปเองไม่ไปรับน้องเองทั้งนั้น เลวจริง ๆ
“นิสัยไม่ดี” ยิ้มว่าแล้วพองแก้ม อืม น่ารักกว่าที่ไอ้กานทำฉิบหายเลย
“เออ วันนี้เค้าอยากกินหมูกระทะอ่ะ ไปกันนะ”
ยิ้มพูดขึ้นมาในขณะที่เรากำลังเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของผม ผมหันไปมองหน้าใช้สายตาที่เหมือนจะดุแต่ก็ไม่ดุ ก็ผมเพิ่งจะพานางไปกินชาบู วันนี้มาอยากกินหมูกระทะอีกแล้ว
“ไปเหอะ เค้าอยากกิน นะ ๆ ๆ ๆ กินเสร็จแล้วก็ไปซื้อเครื่องสำอางด้วย” ยิ้มว่าพลางเขย่าแขนผมไปด้วย ซ้ำยังทำสายตาออดอ้อนให้ผม แต่กินเสร็จแล้วไปซื้อเครื่องสำอางด้วยนี่คืออะไร ได้ข่าวว่าวันที่ไปกินชาบูเสร็จผมก็ซื้อให้แล้วไม่ใช่เหรอ
“แต่วันก่อนเค้าเพิ่งซื้อเป็นเซ็ตให้ไม่ใช่เหรอ”
“ก็วันนี้มันมีอีกเซ็ตมาใหม่แล้วเค้าอยากได้อ่ะ”
ความต้องการอันลิมิตจริง ๆ โดยเฉพาะเครื่องสำอาง
ผมจ้องหน้ายิ้มอยู่สักพัก จริง ๆ ผมก็อยากปฏิเสธแต่ยิ้มเป็นจำพวกที่พอโดนปฏิเสธแล้วก็ชอบงอแงเหมือนเด็ก แล้วก็ชอบเอาหน้ามาถูกับอกผมแบบโคตรน่ารัก แบบนี้ผมก็ชอบแต่ไอ้ผลที่จะตามมาทีหลังก็คือเสียงบ่นง้องแง้งนี่แหละ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แถมเจ้าตัวยังทำนานด้วย
สุดท้ายผมก็เอานิ้วชี้จิ้มเข้าแก้มตัวเองข้างหนึ่งแล้วยื่นหน้าไปใกล้ ยิ้มขมวดคิ้วมองผมเหมือนไม่เข้าใจจนต้องถาม “อะไรอ่ะ”
“หอมแก้มก่อน แล้วจะพาไป” ผมว่าพร้อมทั้งอมยิ้มให้
“ตัววว” ยิ้มครางเรียกผม เพราะตอนนี้เราอยู่ลานจอดรถ ถึงใกล้จะค่ำแล้วแต่ก็ยังมีคนเดินผ่านไปมาอยู่
“เร็วสิ ไม่หอมไม่ไปนะ” ผมแกล้งพูด ใช้นิ้วจิ้ม ๆ ที่แก้มอีกสองสามที ยิ้มเม้มริมฝีปากทำท่าเหนียมอาย ก่อนจะเขย่งขึ้นมาหอมแก้มผมหนึ่งที
“พอใจยัง”
ผมยิ้มมุมปาก ก่อนจะขยับขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ “ขึ้นรถเลยครับ”
...
ผมพายิ้มมากินหมูกระทะหน้ามหาลัยก่อน เพราะจะได้กินให้อิ่มแล้วค่อยไปเลือกเซ็ตเครื่องสำอางอะไรนั่น เอาจริง ๆ มันต้องซื้อเป็นเซ็ตขนาดนั้นเลยเหรอ แค่ซื้อใช้ตามเซเว่นผมว่ามันก็สวยดีแล้วนะ ประหยัดด้วย
“วันนี้คนเยอะจังเลยอ่ะ...” ผมมองตาม เป็นอย่างที่ยิ้มพูดนั่นแหละว่าวันนี้คนเยอะมาก ปกติก็เยอะอยู่แล้วเพราะร้านนี้มีของให้เลือกกินเยอะแยะ รวมไปถึงมีพวกอาหารทะเลด้วยเลยเป็นตัวเลือกหนึ่งที่เด็กมหาลัยชอบจะมากิน โดยเฉพาะแฟนผมนี่แหละ
“ตัว ตรงนั้น ๆ” ยิ้มชี้ไปที่โต๊ะนึงที่ยังว่างก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปนั่ง ผมเลยเดินตามมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าง
“มากันกี่คนคะ” พนักงานเดินมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สลับมามองหน้าผม ผมเลยยิ้มมุมปากตอบกลับ
“สองคนค่ะ”
“เอาน้ำอะไรดีคะ”
ยิ้มหันมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปตอบกลับพนักงาน “เอาน้ำโค้กค่ะ สองเลย”
“เดี๋ยวเค้าไปปรุงน้ำจิ้มให้นะ ส่วนตัวไปตักให้เค้าหน่อย” ยิ้มว่าอย่างยิ้มแย้มจนผมยิ้มตามแล้วพยักหน้า ลุกขึ้นไปหยิบเอาจานมาตักพวกผักพวกเนื้อให้แฟนตัวเอง ปกติมากินหมูกระทะผมจะไม่ค่อยเน้นพวกเนื้อเท่าไหร่ ส่วนมากจะเน้นผักมากกว่า
แต่พอเดินกลับมาที่โต๊ะ สายตาผมก็เหลือบเห็นถ้วยน้ำจิ้มตัวเองที่มันแทบจะไม่ต่างอะไรกับยาพิษ
“ตัว” ผมเรียกยิ้มในขณะที่เธอกำลังเล่นโทรศัพท์เหมือนตอบแชทเพื่อนตัวเองอยู่
“อะไร”
ผมเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้น “...เค้าเคยบอกไปแล้วนะว่าเค้าไม่กินกระเทียม”
ไม่ใช่ว่าผมแพ้กระเทียมแบบกินแล้วจะตายห่าอะไรแบบนั้นมันไม่ใช่ แต่ผมแค่ไม่ชอบกลิ่นกับรสชาติมันเฉย ๆ ยิ่งมีหัวหอมด้วยคือผมจะตายให้ได้ มันเป็นตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วจะให้มีใครมาบังคับฝืนกินผมคงได้ต่อยมันก่อน
“อ้าว ขอโทษ เค้าลืม”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไปตักใหม่” ผมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินกลับไปตักน้ำจิ้มใหม่ ไม่โทษยิ้มที่อาจจะลืมไปว่าผมเคยบอกไปก่อนหน้านั้นแล้วว่าไม่ชอบกระเทียมกับหัวหอม
ผมกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม ก่อนที่จะช่วยยิ้มปิ้งย่างหมู เอาผักต้ม แล้วก็พูดคุยกันตามประสาแฟน มีบ้างที่ยิ้มจะคอยตอบโทรศัพท์เป็นระยะ ๆ แล้วก็เมินคำถามผมบ้างบางที แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร
“เนี่ย ตัวดู เค้าชอบสีคิ้วนี้มากเลยอ่ะ อยากได้...” ยิ้มพูดขึ้นมาแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ภาพที่เขียนคิ้วให้ผมดู
ผมได้แต่พยักหน้าตอบรับแล้วคีบหมูมากิน ไม่ค่อยอยากสนใจมากนักเพราะพอสนใจทีไรเป็นอันต้องเสียเงินทุกที แต่จังหวะที่กำลังเคี้ยวอยู่ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเพื่อน
ควรรู้สึกยังไงดีวะ กูก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมาเจอมึงถึงร้านหมูกระทะนะไอ้สัดชนิน
มันเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเองเข้ามา แต่ชุดไม่ใช่ชุดเสื้อดำช็อปเลือดหมูแล้วแต่เป็นสีน้ำเงิน คาดว่ามันคงจะเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยมากินหมูกระทะกับเพื่อนของมันที่ทยอยเดินเข้ามาในร้านกันยกใหญ่
ผมบอกแล้วใช่ไหมล่ะว่าร้านหมูกระทะร้านนี้เป็นที่ต้องการของนักศึกษา เหี้ยเอ้ย
อยากจะสายตาออกจากมันนะ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันก็ดันเห็นผมแล้วแทบยังเลิกคิ้วแปลกใจไปอีก แต่ผ่านไปสักพักก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มมุมปากเหมือนคนพอใจ พอใจเหี้ยไรล่ะสัด
“ไปนั่งตรงนู้นกัน” ผมได้ยินเสียงเพื่อนมันแว่วเข้ามา พลางชี้มาทางโต๊ะด้านหน้าผมที่ยังว่างอยู่
ผมมองพวกมันเดินเข้ามาแล้วพากันนั่งโต๊ะตัวนั้น
“ตัวฟังอยู่หรือเปล่า!” เสียงของยิ้มดังขัดผมทำให้ต้องหันมาส่งยิ้มบางให้
“...ฟังอยู่”
“แล้วก็นะ ลิปสีนี้ก็สวย...”
เสียงของยิ้มยังคงดังอยู่ใกล้ ๆ แต่ตอนนี้ใจของผมดันไปจ้องเขม็งเข้าที่ไอ้ชนินที่มันเลือกที่จะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม และแน่นอนว่ามันเองก็มองผมอยู่เหมือนกัน
หืม
ไอ้ชนินชี้ ๆ เข้าที่ปากของตัวเองเหมือนจะสื่อว่าให้ผมอ่านปากมัน...นี่มึงจะเล่นอะไร ก่อนที่มันจะขยับริมฝีปากของตัวเองอย่างเนิบนาบเพื่อให้ผมอ่านออก
‘ริดสีดวง’
‘ไปหาหมอด้วยนะ’
‘เป็นห่วง’
“ตัว! ตะเกียบหัก!”
“...”
x
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะรอดไหมเนี่ย เจอกันทีแทบจะกินหัวกัน555
กวนพอกันทั้งคู่ ร้านหมูกระทะจะพังมั้ยคะ
รำคาญอียิ้ม จบค่ะ
พี่มังกร เอาน้องไปเก็บที