ตอนที่ 23 : คู่รักรอบที่ยี่สิบสอง : แค่ถามให้แน่ใจ
ไอ้ชนินรักษาคำพูดตัวเองได้ดีพอสมควร มันไม่ได้ทำตัวรุ่มร่ามใส่ผมในที่สาธารณะอีก และผมก็ไม่คิดจะไปหามันที่ร้านพี่เดือนอีกแล้วด้วย เพราะงั้นชีวิตผมเลยไม่ค่อยมีใครเข้ามาสอดรู้เท่าไหร่ ไอ้ลมเองก็โดนพี่มังกรดึงความสนใจไปแล้ว
Rrrrr~
“ว่า”
เสียงโทรศัพท์สั่นไม่ถึงสามทีผมก็หยิบขึ้นมากดรับสายแล้วกลอกเสียงตัวเองลงไป คนที่ปลายสายเองก็รีบถามคำถามของตัวเองขึ้นมาเร็ว ๆ พอกัน
( กินข้าวไหน )
“โรงอาหาร มึงจะกินไหน”
ผมถามไอ้ชนินไปงั้น แต่จริง ๆ ตัวเองอยู่หน้าโรงอาหารเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ขอตัวจากไอ้ลมมานั่งกินข้าวที่โรงอาหารคนเดียว เพราะมันนัดกับพี่มังกรจะไปกินข้าวที่เซนทรัลกัน
( คงไม่ได้กิน ทำงานอยู่ต้องส่งก่อนบ่ายสาม )
“เออ” มันทำงานอะไรไม่คิดอยากถาม คงจะหัวฟูเหมือนครั้งก่อน
( กินเผื่อด้วยนะ เดี๋ยวเลิกเรียนเข้าไปหา )
“เออ”
ผมขานรับครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดสายทิ้งแล้วเดินเข้าไปในโรงอาหารที่กำลังมีคนพลุกพล่านได้ที่เพราะอยู่ในช่วงพักกลางวัน ผมเดินไปหยุดยืนมองป้านร้านข้าวที่ไม่รู้จะกินร้านไหนดี ล่าสุดผมกินก๋วยเตี๋ยวติดกันสามวันติด หน้าจะเป็นเส้นอยู่แล้ว...
นั่นมันพี่รหัสผม แปลกที่มาเจอกันเวลานี้ได้
ผมเลิกคิ้วมองก่อนจะเดินเข้าไปต่อแถวทางข้างหลังพี่มีนที่กำลังต่อแถวซื้อข้าวอยู่ แล้วเรียกชื่อคนร่างสูงเกือบจะเท่ากันใส่แว่นแต่หน้าไม่ตี๋ออกแนวไปทางทหารมากกว่า
“พี่มีน”
“ไม่ วันนี้กูไม่เลี้ยง” พี่มีนหันหน้ามามองก่อนจะขมวดคิ้วรีบตอบกลับ
“ผมแค่ทักเฉย ๆ รีบตอบไปไหนล่ะ” ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“มึงเห็นหน้ากูทีไรเป็นต้องให้เลี้ยง จะไม่ให้ระแวงยังไงไหว”
“เห็นผมเป็นแบบนั้นเหรอ” ผมเลิกคิ้วถาม
“มากกว่านั้นมึงก็ทำ...”
พี่มีนว่าก่อนจะเหลือบสายตามองผมแล้วถามกลับ “วันนี้มึงมากินข้าวคนเดียว?”
“ก็ปกติผม พี่ล่ะ ไม่หนีบพี่วี่มา” พูดถึงพี่วี่เองผมก็แทบจะไม่เห็นเขามากี่อาทิตย์แล้วนะ ปกติก็ไม่ค่อยได้เห็นอยู่แล้วนอกจากจะเจอกันเวลาเข้าร่วมประชุมของคณะ
“กูก็มาคนเดียว...ได้หลายวันแล้ว”
“ทำไม ทะเลาะกับพี่วี่เหรอ”
เรื่องทะเลาะกันสำหรับสองคนนี้ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะบางทีเรื่องไร้สาระอย่างวันนี้ไม่กินสุกี้ยังทะเลาะกันได้เลย เพราะงั้นผมเลยไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ แต่วันนี้พี่มีนกลับหันหน้ามาจ้องหน้าผมตรง ๆ ทำให้ผมยืนนิ่ง ก่อนที่เขาจะตอบกลับมา
“...กูเลิกกันแล้ว”
“เลิกกันเรื่องอะไร”
“วี่มันนอกใจกู”
แปลก คนอย่างพี่วี่เหรอจะนอกใจใครได้ เอาจริง ๆ ผมไม่ใช่คนวิเศษที่มองใครออกหรอก แต่แค่ดูแบบหางตาก็รู้อยู่แล้วว่าพี่วี่ติดพี่มีนแค่ไหน...แต่นอกใจเนี่ยนะ
“เสือกได้ไหม...กับใคร”
“มึงอยากรู้เหรอ”
“...” ผมเงียบ เพื่อรอฟัง
“ชนิน”
ผมเบิกตากว้างเล็กน้อย หัวใจกระตุก เมื่อชื่อของใครบางคนที่ผมรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีออกมาจากของพี่มีน ไอ้ชนินเนี่ยนะ?
แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าปกติพี่มีนมันก็ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกับไอ้ชนินมาก พี่วี่ก็เหมือนกัน วัน ๆ มันก็อยู่กับผมแล้วมันจะเอาเวลาไหนไป...
“พี่มีนมึง...กวนตีนกูเหรอ” ผมโพล่งถามออกไปแทบจะทันทีที่คิดได้
พี่มีนยืนจ้องตากับผมหน้าร้านข้าวเกือบหลายนาที ก่อนป้าคนขายจะเรียกให้พี่มีนสั่ง เจ้าตัวหันไปยืนชี้ ๆ เอาอะไรสักอย่างก่อนจะหันมาพูดกับผม
“มึงไม่เชื่อก็ไปถามมันเอาเอง กูบอกมึงได้แค่นี้”
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะจ่ายเงินค่าข้าวแล้วเดินหนีไปอีกทาง ผมเก็บประโยคนั้นมาคิด ขนาดสั่งข้าวแล้วและกินไปเกือบจะหมดจานแล้วผมก็ยังสงสัยในประโยคนั้นอยู่
ให้ผมถาม...พี่วี่เหรอ
มันเป็นไปได้สองทางว่าสองคนนั้นรวมหัวกันหลอกผม หรือไม่ว่ามันอาจเป็นเรื่องจริง ผมการันตีไม่ได้...ให้ตายเถอะ
กูไปถามคนของกูเองก็ได้งั้น
ไม่รอช้า ผมรีบหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาต่อสายไปหาใครคนหนึ่ง รอไม่นานอีกฝ่ายก็รับ และผมก็ไม่รอให้มันถามอะไรมากมาย รีบเอ่ยชื่อมันออกมา
“ชนิน”
( ครับ ว่าไง )
“มึงอยู่ไหน”
( ตึกคณะ มีอะไรหรือเปล่า )
ผมลุกขึ้นหยิบเอาจานของตัวเองขึ้นมา เดินไปวางจานทิ้งเอาไว้ในโซนที่เก็บจาน ก่อนจะดูนาฬิกาที่ข้อมือว่ายังพอมีเวลา
“เดี๋ยวกูไปหา”
( หืม? มาจริงเหรอ )
“เออ”
ผมขานรับเสียงเข้ม หยิบเอากุญแจรถออกมาจากในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง โดยในใจกำหนดเส้นทางที่จะไปเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่ตึกคณะของตัวเอง
“เตรียมล้างคอตอบคำถามกูได้เลย”
...
ผมขับเข้ามาจอดที่หน้าตึกคณะเทคโนฯ พอดับเครื่องเสร็จก็ใช้สายตาลอบมองคนในชุดเลือดหมูกำลังเดินเข้าออกตึกคณะอยู่ มีบ้างที่มีเด็กเทคโนฯ นั่งจับกลุ่มกันอยู่ที่โต๊ะหน้าคณะเป็นฝูง คุยงานหรืออะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้ที่ผมกำลังให้ความสนใจมาก ๆ อยู่ก็คือ...ไอ้ชนินมันอยู่ไหน
แต่ในจังหวะที่กำลังเลื่อนสายตามองขึ้นไปบนตึกคณะ ผมก็เห็นไอ้ชนินตัวดีกำลังนั่งสุมหัวกับเพื่อนอยู่โต๊ะเงยหน้าขึ้นมาพอดี มันหันไปพูดอะไรสักอย่างกับเพื่อนของตัวเองแล้วถึงรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาผมที่กำลังนั่งคร่อมรถมองอยู่
“กินข้าวอิ่มแล้วเหรอ”
“เออ มึงกินอะไรหรือยัง”
“ยัง ทำงานอยู่”
ก็น่าจะจริงอย่างที่ผมเห็น...ผมถอนหายใจออกมาหยิบเอากล่องข้าวที่ซื้อจากในเซเว่นขึ้นมาแล้วส่งให้มัน “เอาไป”
“ขอบคุณ” มันรับไปถือไว้ในมือ จากนั้นก็เลิกคิ้วถามผม
“แล้วมาหานี่เพราะคิดถึงเหรอ หรือว่าไง”
มาหาเพราะคิดถึงมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้ที่กำลังจะทำน่ะ ไม่รู้ผมหรือมันใครจะเจ็บตัว...
“ชนิน”
“อือฮึ” มันพยักหน้ารับ
“มึงตอบกูมาตรง ๆ”
“เรื่อง?”
“มึงนอกใจกูใช่ไหม”
ไอ้ชนินยืนนิ่งไปแล้ว หน้ามันเองก็นิ่งไปด้วย แต่สักพักมันก็รีบยกมือขึ้นมาอังที่หน้าผากผมจนต้องสะบัดมือมันออก
“ทำอะไร”
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนะ”
“กูไม่ได้ป่วย”
“คิดอะไรอยู่ถึงถาม ไม่สิ...ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน” มันถือวิสาสะยืนพิงรถของคนอื่น กอดอกมองผม ใบหน้าดูไม่พอใจเล็กน้อย
“...มึงรู้จักพี่วี่ไหม”
“รู้จัก เคยเจอกันตอนทำงานในสโมฯ...” มันเงียบไปอึดใจเดียว ก่อนจะเบิกตากว้างตกใจเล็กน้อย “นี่อย่าบอกนะว่าเข้าใจผิดเหมือนตอนก่อนหน้านี้อีก”
ผมนิ่ง ยืนจ้องตากับมัน ก่อนที่มันจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง...
“ไม่ได้มอง ไม่ได้จีบ ไม่ได้คุย โอเคไหม?”
“ไปถามสองคนนั้นจะดีกว่า เมื่อวานยังเห็นลงรูปกินหมูกระทะด้วยกันในเฟสนะ”
...สัด
“...เออ กูพอจะรู้แล้ว”
“ขอคุยโทรศัพท์แป๊บนึง” ผมว่าก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาไอ้พี่มีนคนเหี้ย
( อะไรเบส ) หลังจากที่กดรับ เจ้าตัวก็ถามผมขึ้นมาทันที
“พี่มีนมึงตอแหลกู”
( เรื่องอะไร )
“พี่ไม่ได้เลิกกับพี่วี่เพราะชนิน พี่มึงยังไม่ได้เลิกกันด้วย” ผมว่า ปรายตามองไอ้ชนินที่ยืนกอดอกฟังผมพูดอยู่ แต่คนที่อยู่ในสายกลับเงียบเหมือนคนกำลังใช้ความคิด
“พี่”
( เบส )
( ที่กูบอกว่าให้ไปถามมันคือให้ไปถามวี่ แล้วมึงไปถามใครมา )
“ถามผัวน้อยพี่วี่ ไอ้ชนินไง”
( อืม...แปลกนะ )
พี่มีนครางในลำคอก่อนจะพูดประโยคถัดไปที่ทำให้ผมถึงกับสะอึก เหมือนคนลืมตัวไปชั่วขณะ ( ปกติมึงไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวกูไม่ใช่เหรอเบส )
( แล้วเป็นอะไรถึงต้องไปถามชนินล่ะ อยากรู้เรื่องจริง ๆ มึงต้องไปถามวี่คนแรกสิ )
“...”
ผมยืนถือสายค้าง ฟังเสียงหัวเราะในลำคออย่างกับคนสะใจ ซ้ำยังพูดเยาะเย้ยผมราวกับผู้ชนะในเกมที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น
( เบส มึงโดนกูเล่นแล้วล่ะ )
( ตกลงพวกมึงเป็นอะไรกัน ยังเป็นคู่กัดกันอยู่ไหม หรือมึงใช้เวลาอื่นไปพัฒนาความสัมพันธ์กันใหม่แล้ว? )
...จี้จุดเหี้ย ๆ
ผมหันไปสบตากับชนินที่มันเลิกคิ้วมองผม มันไม่รู้ว่าผมกับพี่มีนคุยอะไรกันแน่ ๆ แต่ผมว่าต่อจากนี้มันน่าจะรู้แล้วล่ะ...
“เออ ผมกับชนินเป็นแฟนกัน” ผมพูดโพล่งออกไป ไอ้ชนินเบิกตา มันคงไม่นึกว่าผมจะเป็นคนพูดเอง
“พี่ยังอยากรู้อะไรอีกไหม”
( แมนดีว่ะ ยอมรับมาง่าย ๆ เลย )
“ต้องให้ผมโกหกหาอะไรอีกล่ะ”
( เปล่า...อยากรู้แค่นี่แหละ ขอบใจ )
“แต่พี่มีน มึงต้องไม่บอกพี่มังกรนะ” ผมว่าเสียงเข้ม มีแค่พี่มังกรนี่แหละที่ผมไม่อยากให้รู้ ไม่งั้นไอ้ลมมันได้รู้เรื่องนี้แน่
( บอกทำไม พี่มังกรตัวการมาเล่าให้กูฟังเอง เห็นมึงไปกินร้านเดือนคนเดียวเลยสงสัย แล้วถ้าวี่มันไม่เอารูปชนินที่ถ่ายรูปมึงลงเฟสกับแคปชั่นมาให้กูดูกูคงไม่รู้ )
( วันนี้มึงก็เป็นคนเดินเข้ามาทักกูเอง กูไม่ใช่คนผิด )
“พี่มีนไอ้สัด”
( ก็ถือว่าทบต้นที่มึงกินเงินกูไปแล้วกัน )
“...” ผมรู้สึกหมดคำพูด เห็นหงิม ๆ กูก็นึกว่าจะไม่ร้ายอะไร
( แค่นี้แหละ แบตจะหมด )
“ขอให้พวกมึงเลิกกันไว ๆ พี่”
ผมสบถด่าในวินาทีสุดท้าย ก่อนที่พี่มีนจะวางสายไป ทำให้ผมต้องหันไปมองไอ้ชนินที่กำลังรอคอยคำตอบอยู่ใกล้ ๆ
“ตกลงว่า?”
“เออ” ผมขานรับอย่างไม่สบอารมณ์ เก็บเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม แต่ไอ้ชนินก็เริ่มออกลายทำหน้าน้อยใจใส่ผม
“น้อยใจนะที่มากล่าวหากันว่านอกใจแบบนี้”
“กูยังไม่ได้กล่าวหา กูแค่ถาม”
“ถามก็อย่าทำหน้าเครียดสิ”
“หน้ากู กูจะทำแบบไหนก็ได้”
“ตกลงจะไม่ขอโทษ?” มันเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเรียบนิ่ง จ้องมองผมแทบจะทะลุ
“เรื่อง?”
“ที่ใส่ร้ายกัน”
“เพื่ออะไร กูไม่ได้...”
ไอ้ชนินไม่ตอบโต้กลับนอกจากทำเพียงยืนมองพร้อมกับกอดอก เหมือนเรื่องนี้ตัวเองไม่ผิดและผมต้องเป็นฝ่ายขอโทษ แถมสายตามันเหมือนคนเสียใจอยู่เล็กน้อยพอให้สังเกตเห็น ทำอย่างกับผมไม่เชื่อใจอย่างนั้นแหละ
สรุปกูต้องอธิบายถูกไหม
“...มานี่”
ก่อนที่ผมจะเรียกมัน ผมหันมองรอบด้านอยู่แล้วซึ่งมันไม่มีคนอยู่ เพราะงั้นเลยสามารถยกมือกระดิกนิ้วเรียกมันให้เดินเข้ามาหาได้ ไอ้ชนินเองก็ให้ความร่วมมือกับผมเป็นอย่างดี มันเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ผมจะใช้แขนคว้าเข้าที่ช่วงคอของมันให้เข้ามาใกล้ จนคนตรงหน้าตอนนี้กำลังใช้มือทั้งสองข้างค้ำเข้าที่ระหว่างช่วงรถกับตัวของผมเพื่อกันไม่ให้ตัวเองล้ม
และกลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังกอดคอมันและกำลังกระซิบข้างหูมันอยู่
“ขอโทษ” ผมเว้นช่องไฟไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “กูแค่มาถามให้แน่ใจ กูไม่ได้คิดว่ามึงนอกใจกู เข้าใจไหม”
“เหรอ”
“เออ”
ผมละแขนของตัวเองออก มันเองก็ดันตัวเองให้ยืนขึ้น ผมมองหน้ามันเล็กน้อยจากนั้นก็แสยะยิ้ม...
“มึงตามติดกูเป็นเจ้าของชีวิตขนาดนี้ มึงคงไม่มีเวลาไปมองคนอื่นหรอก”
“ทำไมมั่นหน้าดีจัง”
“แต่ปากแตกเพราะกวนตีนก็อีกเรื่องหนึ่ง” ผมยกมือขึ้นมาหักเตรียมรอชก แต่ไอ้ชนินก็เหมือนจะรู้ทันเพราะมันรีบวางมือของตัวเองลง
“ไม่เอาหมัดนะ เอาอย่างอื่น” มันยักคิ้วข้างหนึ่งให้ผม
ขนาดนี้แล้วไม่รู้ว่ามันกำลังจะสื่ออะไรก็คงจะโง่เต็มที
“ไม่ได้อยู่ห้องก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย”
“อยากกลับห้องแล้ว กลับเลยได้ไหม”
“ตีนสิ เพิ่งจะเที่ยง”
มันยกยิ้มด้วยความพอใจ จับมือของผมข้างหนึ่งไว้แล้วบีบมันเล่น “แล้วถ้า...”
“ประธานโว้ยยยยยยย!”
ทั้งผมกับไอ้ชนินต่างสะดุ้ง รีบหันไปมองคนรู้จักกำลังตะโกนเรียกอย่างสุดเสียงอยู่ไม่ไกล ท่าทางของไอ้พิชิตอารมณ์ไม่ดีพอสมควร หน้าตาดูเคร่งเครียด ก่อนจะตะโกนพูดต่อ “กูก็ไม่อยากขัดเวลาพวกมึงคุยกันนะ แต่งานมึงน่ะจะทำไหม หรือต้องให้กูถือริบบิ้นมาให้มึงตัดก่อน?!”
ผมหัวเราะออกมาในลำคอเบา ๆ ก่อนจะละมือของตัวเองออก
“เพื่อนมึงนี่ขัดเก่งดีนะ”
“ช่วงนี้คนที่มันตามจีบติดเรียนพิเศษน่ะ เลยอารมณ์เสียบ่อย”
“น่าเตะสักที” ผมส่ายหน้าไปมาอย่างระอา ก่อนจะหยิบเอากุญแจรถออกมา
“งั้นกูไปเรียนละ”
“อืม...” ไอ้ชนินครางในลำคอ มันยกมือจับเข้าที่บ่าผมข้างหนึ่งก่อนจะโน้มหน้ากระซิบเพียงพอให้ได้ยินกันแค่สองคน...
“ไว้ไปต่อกันที่ห้องนะ แต่จะห้องใครก็เอาไว้ค่อยเลือกระหว่างนั้นแล้วกัน”
มันผละออก ทำปากส่งจูบให้ผมหนึ่งทีแล้วรีบวิ่งไปหาเพื่อนของตัวเองที่กำลังร้อนเป็นไฟ ผมมองตามไปแค่นั้น...ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบา ๆ
เอาไว้หลังเลิกเรียนแล้วกันอย่างที่มันบอกนั่นแหละ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอยจะย้ิมต่ยอีกเรื่องไหมเนี่ย
แต่ก็ถ้าว่างจะตามอ่านนะคะ
มันคาใจจจจจจ