ตอนที่ 20 : คู่กัดรอบที่สิบเก้า : เกือบตกหลุมพราง
“เบส ขนาดนี้แล้วมึงพูดเหอะ!”
ผมกลอกตามองบนด้วยความเอือมระอา เมื่อไอ้ลมยังคงไม่ยอมล้มเลิกความคิดที่จะคาดคั้นเอาคำตอบจากผมให้ได้ ตั้งแต่ภาพที่ไอ้หน้าแป๊ะยิ้มตัวดีถ่ายติดหน้าผมที่กำลังอ้าปากแดกแกงกะหรี่อยู่ มันก็กลายเป็นเรื่องที่โดนพูดถึงกันบ่อยมากในหมู่คนที่ติดตามทั้งผมทั้งไอ้ชนิน บางคนอาจไม่คิดอะไรคงคิดว่าเป็นการถ่ายติดมาเฉย ๆ แต่สำหรับพวกไอ้ลมมันไม่ใช่
ไม่งั้นผมคงไม่โดนมันมากวนใจขนาดนี้หรอก
“ทีเรื่องตัวเองปากแข็งจังเลยอ่ะ”
“กูปากแข็งเมื่อไหร่”
“ก็ทำอยู่ตรงนี้ไง! ยังจะถามอีกเหรอ”
ผมพ่นลมหายใจพรืด รีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินหนีมันอย่างที่เคยทำมาตลอดช่วงนี้ เอาเป็นว่ากูพร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวกูค่อยคุย
ในความรู้สึกผมมันก็อาจจะรู้สึกแปลก ๆ หน่อย จากการที่คบกับผู้หญิงมาตลอด แต่ดันมารู้สึกดีกับผู้ชายแถมไม่ใช่ใครที่ไหนอีก ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้รังเกียจหรืออะไรหรอกนะ น่าจะเรียกว่ายอมรับได้อะไรประมาณนั้น
แล้วอีกอย่างที่ผมไม่อยากจะพูดถึงในเร็ววันนี้ก็เพราะตัวมันเองนั่นแหละ ออกหน้าออกตาไม่ถามกูสักคำ แถมยังไม่มีท่าทีสะทกสะท้านอะไรเลยนะ ถึงหน้าผมจะหนาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะชอบให้คนอื่นมาถามเซ้าซี้เรื่องความรักของตัวเองหรอกนะ
แล้วดู...กลับห้องมายังไม่ทันค่ำ ผมก็ได้ยินเสียงเปิดเพลงมาแต่ไกล
แม่งมีปาร์ตี้อีกแน่ ๆ
ผมมองประตูห้องของมันด้วยสายตาเอือม ๆ เปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไปวางกระเป๋าลงแล้วเปลี่ยนชุด สงสัยคืนนี้ผมคงได้ไปอยู่ที่อื่น เพราะวันนี้พี่แรมไปต่างจังหวัดไม่ได้เปิดร้าน เลยไม่ได้ทำงาน
แต่ก่อนที่ผมจะได้ทันคิดหยิบเอาอะไรออกไปข้างนอกบ้าง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น และผมก็รู้ดีว่าเป็นใคร...
“มีอะไรจะสารภาพกับกูไหม” ผมเลิกคิ้วถามคนตรงหน้า เอามือกอดอกมองใบหน้าของมันที่มันกำลังยืนส่งยิ้มหวานให้อย่างที่เคยทำ
"เพื่อนมากินเลี้ยงวันเกิด จะรบกวนไหม"
"จะเหลืออะไรล่ะ"
"ขอโทษ" มันทำน้ำเสียงออดอ้อน สีหน้ารู้สึกผิด ผมเลยพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง
"...วันเกิดใคร"
"พิชิต เพื่อนในกลุ่ม"
ผมเลิกคิ้ว พิชิตนี่ถ้าผมจำไม่ผิด ใช่คนเดียวกับที่มันเคยโทรหาเมื่อครั้งก่อนตอนที่ผมไปส่งมันที่ตึกคณะเทคโนสินะ
"แล้วแต่มึง กูจะออกไปเที่ยวข้างนอก"
"กินด้วยกันไหม"
"กู?" แปลก ไม่คิดว่ามันจะชวนผม
"จะได้ไม่เสียงดังรบกวนไง"
"เพราะให้กูร่วมวงด้วยสินะ แผนสูงนะมึง" ผมแสยะยิ้ม กูว่าแล้วเชียวว่าทำไมถึงอยากให้ไปกิน หัวหมอจริง ๆ
"ก็ว่างไม่ใช่เหรอ"
“ว่าง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่กูต้องไปกินด้วย”
“ก็อยากให้ไป...ได้ไหม?”
“...”
เริ่มเกลียดตัวเองแล้วว่ะ ที่เริ่มทนลูกอ้อนมันไม่ไหวเข้าไปทุกที
“ตกลงว่า...”
"เออ"
...
ผมบอกไอ้ชนินว่าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวสองทุ่มจะเข้าไป ซึ่งตอนแรกมันก็อิดออด แต่พอเห็นผมทำหน้าดุใส่ก็ยอมแต่โดยดีแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง บอกให้เวลาถึงแค่สองทุ่ม แล้วพอผมใช้เวลาเลยมาห้านาทีแม่งก็โทรจี้ยิ่งกว่าทวงค่าแทงบอล
“มึงจะโทรจี้กูทำส้นตีนอะไรเยอะแยะวะ ชนิน” ผมว่าอย่างหงุดหงิดในขณะที่เดินออกมาจากห้องโดยที่มันมายืนรอรับอยู่ด้านหน้า
“เดี๋ยวจะกลายเป็นพวกไก่อ่อนเอาแต่ขี้โม้ไม่ยอมมาจริง ๆ ไง”
“อยากปากแตกเหรอ”
“แถวนี้มีกล้องวงจรปิดนะ”
ผมทำหน้าเอือมกลับ ก้าวเท้าเดินตามมันไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามากินกับไอ้ชนินก็หมายความว่าต้องเจอเพื่อนมันด้วย...
“เดี๋ยว ชนินมึง-”
“ชนิน! มึงลุกไปไหนเยอะแยะวะ!”
เสียงห้าวตะโกนออกมาเสียงดังจากห้องในจังหวะที่ผมก้าวเท้าเข้าไป เพื่อนมันเกือบสิบกว่าคนที่กำลังหัวเราะและยกแก้วขึ้นดื่มต่างหันมามองผมเป็นตาเดียว โดยเฉพาะไอ้สองคนที่เคยเดินมาเคาะห้องประตูผมแทบจะเรียกว่าตาค้าง
“นั่งลงสิ” ไอ้ชนินนั่งลงบนพื้นที่ว่างในห้อง ก่อนจะตบเข้าพื้นข้าง ๆ ตัวมันเพื่อเรียกให้ผมนั่ง
ผมลอบมองเพื่อนมันก่อนจะยอมนั่งลงโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ซึ่งบรรยากาศมันแม่งดูไม่น่าเรียกว่างานเลี้ยงกินเหล้าได้แล้ว ถ้าจะจ้องผมเขม็งขนาดนั้น
“กูกินด้วยได้ใช่ไหม” ผมถามออกไป
“ด ได้ดิ ใครห้ามล่ะ เนอะ” เพื่อนของไอ้ชนินคนหนึ่งพูดด้วยความกระอักกระอ่วน หันไปมองหน้าเพื่อนของตัวเองเพื่อขอความเห็น ซึ่งก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
“ขอแก้วหน่อย” ไอ้ชนินยื่นมือไปขอแก้วมาให้ผมใบหนึ่ง ส่วนเพื่อนมันบางคนก็กระซิบกระซาบกันโดยที่ผมได้ยินมาบางประโยคแนว ๆ ว่า ตัวผมมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ไม่ก็ ผมกับไอ้ชนินไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“แหม ชนิน มึงก็ไม่ใช่ย่อยเลยนะ”
ผมหันไปมองใครคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในที่มาเคาะห้องผมวันนั้น มันกำลังยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยออกแนวแซวเพื่อนตัวเองด้วยท่าทีกวนตีนเล็กน้อย “ไงอ่ะ อันนี้คือเอามาประกาศตัวว่างั้นเถอะ”
แต่ไอ้ชนินกลับไม่ตอบกลับอะไร...นอกจากยิ้มให้เท่านั้น
“เอาเรื่องว่ะ” แต่เหมือนเพื่อนมันเองก็เข้าใจ ไม่ต่างอะไรจากผมที่พลาดท่าแผนสูงให้มันขนาดนี้ ต้องด่าตัวเองที่ลืมคิดข้อนี้ไป
“อะไรวะ พวกมึงพูดเรื่องอะไรกัน”
...เออ ยังดีที่ไอ้ชนินยังมีเพื่อนไม่ทันเรื่องชาวบ้านเขาอยู่ตั้งหลายคน
“ไม่มีอะไร...กินต่อเถอะ”
ไอ้ชนินแอบวางฝ่ามือลงบนมือของผมที่ยันตัวเองไว้บนพื้นโดยที่ไม่ให้ใครสังเกตเห็นก่อนที่มันจะผละออกไปเพื่อกลับไปรินเหล้าเบียร์ใส่แก้วตัวเองต่อ ผมเองพอเห็นแบบนั้นก็เลือกที่จะนั่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรอีก
...
ในวงเหล้ามันมีเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ต่อให้พวกคุณจะโกรธหรือเกลียดกันมาขนาดไหน หรือไม่เคยแม้แต่จะรู้จักชื่อกัน แต่ถ้าเหล้าได้เข้าปากคนไหน คนข้าง ๆ จะกลายเป็นคนที่รู้จักกันมาชาติปางก่อนแทบจะทันที...และดูเหมือนว่าเพื่อนไอ้ชนินกำลังจะเป็นอยู่ตอนนี้ด้วย
“เดือนมนุษย์ ตกลงตอนนั้นมึงกับไอ้ชนินนี่ต่อยกันทำไมวะ”
ผมปรายตามองไอ้ชนินที่นั่งทำหน้ากรึ่ม ๆ อย่างคนเมาได้ที่อยู่ มันเองก็หันมามองผมด้วยความสนใจเหมือนกัน ก่อนที่ผมจะพ่นลมหายใจออกมายกดื่มแบบรวดเดียวก่อนจะตอบ
“หน้ามันเกี่ยวตีนกู กูเลยเดี่ยวกลับ”
“เช็ดเข้ ใจมันได้ว่ะ ชนินมึงยอมเหรอ”
“ไม่รู้สิ” ไอ้ชนินส่ายหน้าไปมาเบา ๆ
“โห่ ไรว้า บอกพวกกูหน่อยก็ไม่ได้...” เพื่อนมันที่เมาอย่างกับเมาเริ่มออกอาการความคิดพิสดารเมื่อหันไปเห็นขวดเปล่า “เฮ้ย กูว่ากูคิดอะไรดี ๆ ออกแล้วว่ะ”
“อะไร”
“เราเหลือเบียร์กี่ขวดวะ”
“เยอะอยู่ ไอ้พิชิตขนมาจากบ้านเป็นลัง”
“มันก็เกินไป”
“ดวลเปล่า กูอยากเห็นคนหัวทิ่มพื้นแล้วว่ะ” ไอ้คนเสนอว่าแล้วเอาลิ้นเลียปากอย่างกระหาย
“เวร เพิ่งจะห้าทุ่ม มึงก็เร็วไป...กูเอาด้วย”
“กูขอบาย พรุ่งนี้มีเรียนเช้า ไม่อยากน็อก” ผมยกมือบาย ไม่ค่อยชอบการแดกอะไรแบบนั้นยัดเข้าหัวในวันที่พรุ่งนี้ยังมีเรียนเช้าอยู่
“ได้ กูให้ผ่าน...ไอ้ชนินมึงลดมือมึงลงไปเลย พรุ่งนี้เราไม่มีเรียน”
ผมหันไปมองไอ้ชนินที่ยักคิ้วยักไหล่แบบเอางั้นก็ได้ ก่อนที่พวกนั้นจะเริ่มตั้งกติกากัน โดยที่จับแข่งเป็นคู่ว่าถ้าหากใครที่กินหมดก่อนจะสามารถสั่งคนที่แพ้ให้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ก่อนที่จะเริ่มที่คู่ของใครสักคนที่ผมจำชื่อไม่ได้
แต่ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งกินและดูพวกนั้นไปด้วย ไอ้ชนิน...ก็ขยับเข้ามาใกล้ผม โน้มหน้าเข้ามากระซิบข้างหู กลิ่นเหล้าและกลิ่นน้ำหอมจากตัวมันโชยออกมาจนตัวผมที่กำลังมึน ๆ อยู่ก็เริ่มรู้สึกหลงใหลไปกับมัน...
"วันนี้ไม่ตั้งดวลเหมือนปีที่แล้วเหรอ"
ผมลอบมองเพื่อนของมันที่ไม่มีใครมาสนใจพวกผม ก่อนที่ผมจะถามกลับด้วยน้ำเสียงกระซิบ
"ดวลอะไร"
“ปีก่อน”
ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าครั้งล่าสุดที่กินเหล้ากับมันก็ตอนงานวันเกิดพี่เพลง โดยที่ครั้งนั้นผมเป็นคนขอดวลกับพวกรุ่นพี่เองโดยกติกาผมตั้งเอาไว้ว่าใครชนะได้ผมไปเลย แต่ผมไม่ได้จะทำจริง ๆ แค่แกล้งเล่นเฉย ๆ
"ไร้สาระ กูแค่แกล้งเล่น"
"เหรอ แล้วถ้าอยากทำจริงล่ะ"
"หมายความว่าไง"
"ถึงปีที่แล้วจะยอมแพ้ แต่ปีนี้ไม่ยอมนะ" มันผ่อนลมหายใจใกล้หูผม น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง และแน่นอน...ว่าสายตาของมันก็ดูจะเอาจริงเสียด้วย "ถ้าชนะแล้ว...ไม่คิดจะยอมยกให้ใครง่าย ๆ ด้วย"
ผมสบสายตาคู่นั้น ร่างกายรู้สึกร้อนแปลก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เลี่ยงที่จะไม่พูดอะไรมากเพราะเพื่อนมันเองก็อยู่เยอะ
"ขี้เหล้าไอ้สัด"
“...”
“ชนิน ตามึงแล้ว!”
“เบียร์ขวดนั้น...” ไอ้ชนินปรายตาไปทางขวดเบียร์ขวดใหม่สองขวดที่กำลังหยิบขึ้นมาวางตั้งข้างกัน ก่อนจะหันกลับมาสบตากับผม “...ถือว่าเป็นขวดเมื่อปีที่แล้วแล้วกัน”
“...” ผมเงียบมองไอ้ชนินขยับตัวไปหยิบเอาขวดเบียร์มาเปิด รอเพื่อนของตัวเองนับเวลาเตรียมความพร้อม ก่อนที่มันกับเพื่อนมันอีกคนจะพร้อมใจกันยกขึ้นดื่มรวดเดียวท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนรอบข้าง...
และมันก็เป็นคนแรกที่ดื่มจนหมดขวด
“เช็ดดดดด ประธานกูเอาเรื่องว่ะ!!!”
เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังเกรียวกราว ไอ้ชนินทำเพียงวางขวด ยกมือเช็ดเข้าที่มุมปากของตัวเองโดยที่สายตาร้อนแรง...มองมาทางผม
โดยที่ผมเข้าใจความหมายที่มันกำลังจะสื่อว่ามันเป็นผู้ชนะ...และอะไรที่ผมเคยพูดไว้เมื่อปีที่แล้วก็ควรเป็นของมัน
…
เวลาล่วงเข้าสู่ตีสองจะตีสาม พวกที่เคยเฮ้ว ๆ กันอยู่ก็ทยอยยอมแพ้และล้มนอนน็อคไปกับพื้นกันทีละคนสองคน จากนั้นไม่นานพวกที่ยังมีสติอยู่ก็ขอกลับก่อน ส่วนพวกที่ไม่ไหวก็ขอนอนด้วยที่ห้องอยู่สองสามคน ก่อนจะเหลือทิ้งไว้แต่ขวดเบียร์ที่มีเจ้าของห้องต้องตามเก็บทั้งขยะและศพเพื่อนให้นอนเรียงกัน ซึ่งไม่มีผมนอนกองอยู่ในนั้นแน่นอน
"...เพื่อนมึงนี่เรื้อนใช้ได้เลยนะ" ผมว่าเสียงหอบในขณะที่ช่วยหอบเพื่อนของมันขยับให้นอนในท่าที่สะดวกบนพื้น ส่วนบนเตียงก็เหลือพื้นที่ให้ไอ้ชนินนอน
"ปกติ...” ไอ้ชนินว่าปรายตาไปทางเตียงของตัวเอง “...นอนนี่ก็ได้นะ"
"ห้องตัวเองก็มี กูจะนอนทำไม"
"ดึกแล้ว"
"พูดเหมือนอยู่ไกลกันฉิบหาย แค่ตรงข้าม" ผมเท้าสะเอวสายตาทอดมองเพื่อนของมันก่อนจะเลยมาสบตากับชนิน
"ให้เพื่อนมึงนอนเถอะ กูไม่อยากรบกวน"
"กวนเถอะ"
"มึงเมาแล้วใช่ไหม ชนิน"
"แค่กรึ่ม ๆ"
"กรึ่ม ๆ ที่หน้าสิ แดงฉิบหาย" ผมส่ายหน้าไปมาอย่างระอา หยิบเอาถุงขยะขึ้นมาเก็บขวดเบียร์ใส่ ซึ่งเหลือไม่กี่ขวด ในขณะที่ไอ้ชนินเองก็ช่วยผมและชวนผมคุยไปด้วย
"คอแข็งเหรอ"
"เปล่า แต่กูไม่ได้ยกแดกเหมือนมึง"
ผมลุกขึ้นเต็มความสูงทั้งถุงดำ มองไอ้คนที่กำลังหลอกตัวเองว่าไม่เมาแต่น่าจะใกล้เดี้ยงเต็มที "ถ้าเมาก็นอนไป เก็บนี่เสร็จกูก็กลับห้องแล้ว"
"เดี๋ยวช่วย" มันเดินมาดึงเอาถุงดำจากมือผมไป
แต่ไม่รู้ว่ามันเดินท่าไหนของมันถึงได้เดินสะดุดเซชนผมเข้าอย่างจัง ปลายจมูกของไอ้ชนินชนเข้ากับหัวของผม ก่อนที่มันจะค้างเอาไว้อยู่อย่างนั้นจนผมหันไปมอง...สบตาเข้ากับสายตาปรือหวานเยิ้ม รอยยิ้มที่หากเป็นเวลาปกติผมคงจะคิดว่ามันน่ารำคาญ แต่ในเวลาที่ผมดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้วมัน...
"หอม...ใช้แชมพูอะไร" เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างริมหู จนผมขนลุกซู่
"ชนิน...มึง" ผมกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อใบหน้าของไอ้ชนินขยับเข้ามาใกล้จนผมเห็นช่วงแพขนตาทั้งสองข้างของมันได้อย่างชัดเจน
และเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ผมขยับเข้าไปใกล้มันมากขึ้น แรงกระตุ้นจากแอลกอฮอล์ทำให้ผมพูดบางอย่างออกไปโดยที่ตัวผมเองก็รู้ตัว แต่มัน...หยุดไม่อยู่แล้ว
“มึงอ่อยกู”
สิ้นเสียงผม ปากของผมกับมันก็สัมผัสกัน สิ่งแรกที่ผมได้รับรู้จากตัวมันคือกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แรงจนต่อให้อาบน้ำก็คงไม่หาย ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะบดเบียดกันอยู่อย่างนั้น ไม่รู้เพราะว่าเมาด้วยหรือเปล่าทำให้บรรยากาศมันเริ่มรุนแรงเข้าไปทุกที ก่อนที่ผมกับมัน...จะสอดลิ้นประสานกันและกันในปาก ต่างรุกไล่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร เกี่ยวตวัดเหมือนคนหื่นกระหาย
ผมเอื้อมมือไปทางด้านหลังสอดเข้าไปใต้เสื้อของมัน ลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังร้อน ไม่ต่างกับมันที่ไม่รู้หาโอกาสไหนถึงได้กำลังลูบวนเข้ากับแผงอกผมอยู่ ส่วนมืออีกข้างของมันก็กดเข้าที่ศีรษะของผมเพื่อไม่ให้ผมได้ผละร่างกายออกไป
แต่เวลานี้ผมคงคิดไม่ได้แล้วล่ะ
แล้วดูเหมือนมันเองก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนกำลังเล่นกับผมในปากจนไม่รู้ว่าน้ำลายใสมันเป็นของใคร แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ตัวของไอ้ชนินนอนลงไปบนเตียงแล้วโดยมีผมที่กำลังขึ้นคร่อมตักของมันอยู่ โดยที่ริมฝีปากของเรายังไม่ยอมผละออกจากกัน
“มึง...” ตัวผมสะดุ้งเล็กน้อยยามที่มันจับเข้าที่ตรงเป้ากางเกงของผมที่มันพองนูนขึ้นมา ผมเลื่อนสายตามองต่ำลองมองของมันเองที่ไม่ต่างจากผม
“สนใจไหม” ไอ้ชนินถามผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แววตาร้อนแรงไปด้วยแรงอารมณ์
ผมรู้ว่ามันเป็นคำพูดเชิญชวนให้ผมตกหลุมไป แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ยอมกระโดดลงไปต่อให้ขาหักก็ไม่คิดจะปีนขึ้นมา
“รออะไรล่ะ”
ไอ้ชนินยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่เราจะเริ่มจูบกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นุ่มนวลกว่าครั้งแรกโดยที่เราค่อย ๆ สัมผัสกันอย่างช้า ๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธและไปตามเกมของมัน เสียงจากการจูบกันดังออกมาให้ได้ยิน เราผลัดกันรุกกันรับ โดยที่ฝ่ามือของเราต่างลูบไล้สัมผัสความร้อนจากร่างกายไม่ยอมหยุดในขณะที่มืออีกข้างของผมก็ทำหน้าที่ได้ดีด้วยการที่กำลังจะถอดเสื้อของมัน ส่วนมันเองก็กำลังถอดกางเกงของผม...
ปั่ก!
ฉับพลันเหมือนตื่นจากภวังค์ เมื่อฝ่าเท้าของหนึ่งในเพื่อนของไอ้ชนินที่ผมจำได้ว่าชื่อมันชื่อพิชิต ฟาดเข้าที่ช่วงแขนของไอ้ชนิน
"..."
"...”
ผมเงียบ ไอ้ชนินเองก็เงียบ ก่อนจะพร้อมใจก้มลงมองสภาพของตัวเอง
ก่อนที่ผมตัดสินใจลุกขึ้นยืนมาจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สายตามองไปทางเพื่อนของไอ้ชนินที่คาดว่าน่าจะนอนละเมอ ไม่ก็นอนดิ้น แต่ผมก็นึกขอบใจมันอยู่ในใจที่ทำให้ผมได้สติ และไม่ทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ในขณะที่อยู่ในห้องของไอ้ชนินพร้อมกับเพื่อนของมันที่ผมลืมไปเสียสนิท
“ไอ้ชนิน...”
แต่กลายเป็นว่าผมดันทำตัวไม่ถูก และสิ่งที่ผมหยุดมันไม่ได้คืออาการหัวใจเต้นแรงจนขนลุกไปหมด
“...”
ไอ้ชนินไม่ได้พูดอะไร แต่มันกลับก้มลงมองเป้าของตัวเองที่เหมือนต้องการจะปลดปล่อย ก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นทำสายตาแปลก ๆ
“จะกลับเลยไหม”
“ทำไม”
"จะไป..." มันเอียงคอไปทางหนึ่ง “...ห้องน้ำ”
ผมร้องครางในลำคอแล้วพยักหน้ารับอย่างกระอักกระอ่วน ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยของตัวเอง "งั้น...กูกลับห้องนะ"
“เดี๋ยวไปส่ง” ไอ้ชนินทำท่าจะลุกขึ้น
“ช่างกูเถอะ”
ผมรีบพูดขัดแล้วรีบเดินมาเปิดประตูห้องของมันก่อนจะหยุดชะงัก หันหน้ากลับไปมองไอ้ชนินที่ลุกขึ้นยืนแล้ว ผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะบอกมัน “ฝันดี”
"ฝันดี"
"...อืม"
จากนั้นผมก็รีบปิดประตูห้องมันแล้วรีบเดินไปเปิดประตูของตัวเองเข้าไป ก่อนจะยืนพิงประตูนิ่ง ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดไม่ถึงสิบนาทีกำลังไหลย้อนเข้ามาในหัว ก่อนจะก้มลงมองบางอย่างที่กำลังค้างเติ่ง...ให้ตายเถอะ ผมก็ไม่ต่างอะไรกับมันเลย
สุดท้ายผมก็ต้องเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำร้อนดับอารมณ์ของตัวเอง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ถ้าไปห้องของเบสท์ก็หมดเรื่องหมดราวไปแล้ว เฮ้อออออ~ เสียดายจัง เอาวะ! อย่างน้อยก็ได้จูบนัวลิ้นกันแล้ว
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดด
แต่ประเด็น ใครโพไหนกันแน่!!!
ชนินต้องผัวนะคะแงงง