ตอนที่ 18 : คู่กัดรอบที่สิบเจ็ด : อยากอยู่ในสถานะอื่น
ผมว่าไอ้ชนินมันเริ่มจะกวนตีนผมเข้าไปทุกที โดยเฉพาะทุกเช้าทั้งวันที่มีเรียนและวันที่ไม่มีเรียน หรือบางวันที่ผมไปทำงานและกลับดึกมันก็ยังจะฝืนมาเคาะประตูทุกเช้าทำเหี้ยอะไรก็ไม่รู้!
“...มึงจะกวนกูทุกเช้าแบบนี้ไม่ได้ ไอ้ชนิน” ผมเอาตัวพิงกับขอบประตู มองไอ้คนตรงหน้าที่มันยืนยิ้มแก้มปริ แต่งตัวอาบน้ำหอมฉุยอย่างที่มันทำเป็นประจำ
“วันนี้วันเสาร์ ไปเที่ยวกัน”
“กูไม่ไป” พูดเสร็จผมก็ดึงประตูกลับแล้วทำท่าจะปิด แต่ไอ้ชนินก็ยื่นมือมากันเอาไว้กลายเป็นว่าต้องมาออกแรงดึงประตูแข่งกับมัน
“ไปเถอะ อยากให้ไป”
“อยากไปมึงก็ไปคนเดียว...ไอ้เหี้ย เจ็ดโมง!” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาที่ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงกว่า กูเพิ่งได้นอนตอนตีสาม ยังไม่ครบห้าชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
“ปล่อย” ผมกัดฟัน ถลึงตาใส่มันให้ปล่อยประตู แต่ไอ้ชนินก็ยังดื้อไม่ยอมปล่อย แถมยังเพิ่มสายตาออดอ้อนขอร้องผมอีก
“เช้า ๆ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ขอเวลาแค่หนึ่งชั่วโมง แล้วหลังจากนั้นจะมาส่งนอนที่ห้อง”
“พ่อมึงสิ กูไม่ใช่เด็ก!” ผมหมดความอดทน เพิ่มน้ำเสียงให้ดังมากขึ้นและรุนแรงมากขึ้น เรียกว่าแทบจะตะโกนใส่หน้ามันอยู่แล้ว
“ปล่อยประตู!”
ทันทีที่ผมตวาดเสร็จ มันก็ยอมปล่อยประตูแทบจะทันทีก่อนที่เสียงปิดจะดังลั่น ผมเดินกลับมาด้วยอารมณ์หัวเสียไม่ใช่เล่น ๆ จะใครก็ช่างแม่งแต่กูขอนอนเถอะ เลิกยุ่งวุ่นวายกับกูที!
ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวก่อนจะหลับตาพริ้มเมื่อคิดว่าจะไม่มีใครมากวนแล้ว...
ไลน์! ไลน์!
Rrrrrr~
ปัง ปัง!
“...”
Rrrrrrr~
ปัง ปัง!
ไลน์! ไลน์! ไลน์!
“สัด!”
เออ! กูไปให้มึงก็ได้!
ผมดีดตัวลุกขึ้นเดินไปกระชากเปิดประตูอย่างแรง มองหน้าไอ้เหี้ยแป๊ะยิ้มที่อยากจะหักคอมันมาจิ้มน้ำจิ้มให้ได้ ไม่เร็ว ๆ นี้ก็อาจจะเป็นเช้านี้ก็ได้!
“ถ้ามันเกินหนึ่งชั่วโมงจากที่มึงพูดเอาไว้...เตรียมโดนตีนกูได้เลย”
“รับทราบ”
...
ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานเท่าไหร่ก่อนจะออกมาพร้อมกับไอ้ชนิน ซึ่งเป็นรถผมที่มันขอขับมา จริง ๆ ตอนแรกมันบอกว่าไปทั้งชุดนอนก็ได้ แต่มันคงลืมไปว่าผมใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์นอน แบบนั้นมันจะอนาจารไปหน่อย
กริ๊งงง~
เสียงกระดิ่งกระทบกับขอบประตูด้านบนดังขึ้น ผมสอดสายตามองไปรอบ ๆ ร้านที่ไม่ค่อยจะต่างกับพวกร้านคาเฟ่เท่าไหร่ แต่มีโต๊ะเก้าอี้นั่ง มีมุมส่วนตัว รวมไปถึงขายของฝากด้วย
“มันต่างอะไรกับร้านคาเฟ่มึง ถามจริง”
“ก็ไม่ค่อยต่าง แต่มีอยู่สามอย่างที่ชอบ” มันตอบผม ก่อนจะเดินนำหน้าไปหาที่นั่ง จากนั้นมันก็หยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะมุมหน้าต่าง
“อะไร”
“นั่งก่อน”
ผมกลอกตามอง ถอนหายใจออกมาอย่างแรงก่อนจะเดินตามมันไปนั่ง ไม่นานก็มีพนักงานเดินมาพร้อมกับเมนูเพื่อเตรียมจดรายการอาหาร
“รับอะไรดีคะ”
“ลาเต้ครับ...เอาอะไร” มันเงยหน้าขึ้นมาถามผม ผมสบตากับด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย “มอคค่า”
“รับเป็นเซ็ตอาหารเช้าร่วมด้วยไหมคะ ราคาจะอยู่ที่...” พนักงานทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเมื่อยื่นมือไปชี้เข้าที่โปรโมชั่นของทางร้านที่กำลังเปิดขายเป็นอาหารเช้าหน้าตาน่ากิน ผมยังไงก็ได้ แต่ดูไอ้ชนินมันจะสนใจอยู่พอสมควร ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ถามผมทั้งที่ตาเป็นประกายขนาดนั้นหรอก
“เอาไหม”
“เออ”
“สองที่ครับ”
“เอาอะไรอีกไหม” มันหันมาถามผมอีกรอบ ผมไม่ได้หืออือกับมัน แค่นั่งจ้องมันนิ่ง ๆ เฉย พอมันเห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้วใส่ แล้วจากนั้นมันก็เอะใจอะไรได้ รีบก้มหน้าอ่านเมนูอีก
“รอแป๊บนะ...” ไอ้ชนินเงยหน้าถามพนักงาน “...อีกเซ็ตนึงขอเปลี่ยนขนมปังกระเทียมเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ ลูกค้าสามารถเปลี่ยนจากขนมปังกระเทียมเป็นขนมปังทาเนยแล้วก็คุ้กกี้ได้ค่ะ”
“เอาขนมปังทาเนยแล้วกันครับ” ไอ้ชนินยื่นเมนูคืนกลับ
“รอสักครู่นะคะ”
ผมรอให้พนักงานเดินออกไปก่อน ก่อนที่จะตวัดสายตากลับมาถามไอ้ชนินที่หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปกระถางกระบองเพชรเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ตรงกลางโต๊ะ “ตกลงคือมึงพากูมาร้านนี้เพราะ?”
ไอ้ชนินเลิกคิ้ว เหลือบสายตามองบนเหมือนนึกอะไรบางอย่างก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วพูด
“ร้านตกแต่งดี”
“...”
“อาหารอร่อย”
“พนักงานสวย”
“เหตุผลมึงคุ้มค่าดีไอ้สัด” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรู้เหตุผลส้นตีนมาก ไม่มีเหี้ยอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลที่ผมต้องตื่นเช้ามาจริง ๆ
“แต่ชอบที่สุดก็คนตรงหน้านะ”
ผมสบตากับมัน ก่อนจะส่งเสียงในลำคอ “...ให้มันจริงอย่างที่พูดเถอะ”
“ไม่จริง”
“มึงจะเอาไง” ผมคิ้วกระตุก เริ่มมีน้ำโหนิดหน่อยเมื่อไอ้ชนินทำหน้ายียวนใส่
“ก็มันมากกว่าคำว่าชอบไปแล้ว”
ทั้งผมกับมันต่างพากันเงียบอย่างกับต้องมานั่งฟังเสียงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นอยู่พร้อมกับสบตากับมันที่...สื่อความหมายบางอย่างออกมา และตัวผมเองก็รู้ดี
“เซ็ตอาหารเช้าสองที่ได้แล้วค่ะ” พนักงานเดินมาวางถาดอาหารเช้าตรงหน้าผม กลายเป็นว่าขัดบทสนทนาก่อนหน้าไปโดยปริยาย ไอ้ชนินเองก็ไม่ได้ผิดสังเกตอะไรนอกจากจะเอ่ยขอบคุณแล้วนั่งกินกันไปเงียบ ๆ
ตอนนี้กลายเป็นว่าผมไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับมัน เลยต้องนั่งตักเอาข้าวเข้าปากตัวเองไป สายตาสอดส่องมองคนที่เดินเข้าออกร้าน ก่อนจะมองเลยไปเห็นใครบางคนที่ผมว่าผมน่าจะคุ้นเคยอยู่...
ฉับพลันการมองเห็นของผมก็มองเห็นแค่ฝ่ามือของอีกคนที่ยื่นมือมาบังเอาไว้
“บังตากูหาอะไร” ผมยกมือขึ้นดันฝ่ามือของไอ้ชนินลง ที่ตอนนี้มันกำลังทำสีหน้าเรียบนิ่งถามผมอยู่
“มองใครอยู่”
“เพื่อนกู นั่งตรงนั้น” ผมทำหน้าเอือม พยักพเยิดหน้าไปทางไอ้หัวดำ ๆ ที่กำลังนั่งเหม่อมองไปทางด้านกระจกและกลายเป็นคนที่ตามตัวยากกว่าไอ้กานไปแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่า”
“...”
ผมมองเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ อย่างน้อยไอ้เจียมันก็ดูแลตัวเองได้ถึงจะไม่ค่อยได้เจอหน้ากันก็เถอะ
“ช่างมันเถอะ”
“ก็แล้วไป นึกว่าแอบมองใครทั้งที่นั่งอยู่ด้วยกัน...”
แอบมอง? มันสรรหาเรื่องนี้มาจากไหน ผมล่ะอยากจะหัวเราะจริง ๆ ไม่ใช่มันหรือไงที่ผมแทบจะไม่ได้คุยกับใครเลยนอกจากมันน่ะ...
“เหอะ กูจะเอาเวลาไหนไปมอง มึงเล่นมากวนกูทุกวัน” ผมพูดทีเล่นทีจริง นึกโกรธมันอยู่ที่ชอบมาปลุกตอนเช้า แต่ไอ้ชนินกลับยิ้ม...ยิ้มแบบคนกำลังมีความสุข
“ก็ดีแล้วนี่ จะได้นั่งมองกันและกันอยู่แบบนี้ไง”
...
ผมว่า...ผมติดเชื้อยิ้มจากไอ้หน้าแป๊ะยิ้มตรงหน้ามาแล้วล่ะ
“พูดอะไรให้มันเป็นภาษาคนหน่อย” ผมกระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดออกไปก่อนจะตักข้าวกินต่อ
“ถ้าฟังไม่รู้เรื่องแล้วยิ้มทำไม”
“ใครยิ้มให้มึง กูยิ้มให้พนักงานร้าน” ผมถลึงตาใส่มัน มันเอี้ยวหน้าไปมองทางด้านหลังของมันที่ปรากฏเป็นพนักงานผู้หญิงหน้าตาน่ารักกำลังหันหน้ามามองพวกผมอยู่พอดี ก่อนที่มันทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อผมเท่าไหร่
“ต้องนับว่าเป็นคู่แข่งด้วยไหม”
“มึงจะเอาอะไรไปแข่งได้ เขาน่ารักกว่ามึง”
“ลีลาบนเตียงนี่นับว่าเป็นอาวุธมัดใจได้ไหม” ไอ้ชนินว่าพร้อมกับทำหน้าทะเล้น นี่มึงคิดได้ยังไง
“ปากดี”
“หืม?...น่าสนใจ”
เสียงเหมือนคนกำลังพูดอะไรอยู่ข้างโต๊ะ ทำให้ผมกับไอ้ชนินต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง และต้องแปลกใจไปตาม ๆ กัน...
“...ไอ้เดือนบริหาร”
ไอ้เดือนบริหารอยู่ในชุดกีฬาอดิดาสที่น่าจะเป็นของแท้สีดำทั้งชุด มันทำหน้าแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่เห็นพวกผม เพราะมันก็น่าจะรู้ว่าร้านที่ผมมามันไกลจากตัวมหาลัยอยู่พอสมควร มันไม่น่าจะมาเจอกันได้
“เก้าอี้ว่างไหม ขอนั่งด้วยคน”
“เดี๋ยว” ผมพูดขัดมันที่กำลังจะดึงเก้าอี้มานั่งด้วย
“กูไม่เห็นจำได้ว่าสนิทกับมึงนะ”
“เหรอ” ไอ้เดือนบริหารครางในลำคอนิดหน่อย สายตากลอกไปมาเหมือนคนกำลังคิด ก่อนที่มันจะตอบผมกลับมา
“ดีเลย จำไม่ได้เหมือนกัน”
“...” ผมกับไอ้ชนินพากันเงียบในขณะที่นั่งมองไอ้เดือนบริหารถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ หยิบเอาเมนูขึ้นมาดูแล้วเรียกพนักงานร้านอย่างคุ้นเคยก่อนจะสั่ง ซึ่งท่าทีของพนักงานเองก็เหมือนจะรู้จักมันดีด้วย
“ขอโกโก้ร้อนครับ”
“นี่อย่าบอกว่ามึงมาร้านนี้บ่อย” ผมถามมันออกไป มันพยักหน้ารับก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มาเล่น
“อืม มาส่องผู้ชาย”
“พูดเล่น?”
“พูดจริง”
“...”
“พูดเล่นก็ได้”
สัด ไอ้พวกเดือนนี่มันมีใครปกติบ้างไหม ถามจริง
ผมนั่งเงียบไปสักพักก่อนที่พนักงานจะเดินมาเสิร์ฟน้ำของไอ้เดือนบริหาร มันรับไปนั่งซดหนึ่งอึกแล้วปรายตาไปทางไอ้ชนิน ยกนิ้วชี้ขึ้นชี้ด้วย
“เคยเรียนด้วยกันใช่ไหม จำจมูกได้”
“ประมาณนั้น”
“น่าจะชื่อ...ชบา?”
“ชนิน” ไอ้ชนินเอามือประสานกันไว้บนโต๊ะ ยกยิ้มพิมพ์ใจให้
“ออกเสียงเพี้ยนไปหน่อย”
“นี่พวกมึงรู้จักกันจริง ๆ ใช่ไหม” ผมขมวดคิ้วมองหน้าไอ้ชนินกับไอ้เดือนบริหารสลับกัน ซึ่งไอ้ชนินก็เบะปากเหมือนคนไม่รู้จะตอบว่าอะไร ส่วนไอ้เดือนบริหาร...นอกจากจะไม่สนใจคำถามผมแล้วมันยังถามกลับอีก
“...มาเดทกันเหรอ”
“ไม่/ใช่”
ผมหันกลับไปถลึงตาใส่ไอ้ชนินทันทีที่มันตอบพร้อมกับผม
“เบส”
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ด่าไอ้ชนิน ไอ้เจีย...มันก็ลุกเดินมาเจอผมพอดี
“ไงมึง” ผมพูดทักทายมัน
“มากินข้าวไกลหอดี...มากับใคร” เจียมันเลื่อนสายตามามองคนสองคนที่นั่งร่วมอยู่โต๊ะผม ผมไม่รู้จะตอบยังไงดีก็เลยตอบไปส่ง ๆ “เท่าที่เห็น”
“เป็นกลุ่มที่แปลกดีนะ...เจอกันพรุ่งนี้”
“เออ” ผมขานรับ ไอ้เจียมันปรายตามองไอ้ชนินกับไอ้เดือนบริหารเล็กน้อยก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แล้วเดินออกไปนอกร้าน เพราะงั้นผมเลยได้ทีหันไปถามไอ้เดือนบริหารบ้าง
“มึงจะลุกได้ยัง”
“...”
มันเงียบไป ก่อนจะยกเอาแก้วโกโก้ร้อนของมันขึ้นดื่มแบบรวดเดียวแล้วลุกขึ้นยืน “ขอบใจที่ให้นั่ง”
“ฝากจ่ายด้วย”
“เห้ย”
ผมร้องเรียกแต่ไอ้เดือนบริหารมันเดินหนีออกไปจากร้านแล้ว ผมเลยหันไปหรี่ตามองไอ้คนที่มันเคยบอกว่าเรียนด้วยกันมา
“น่า ไปจ่ายเงินกันเถอะ” ไอ้ชนินยิ้มรับ ลุกขึ้นเดินนำผมไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน เพราะอย่างนั้นผมเลยได้แต่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ลุกขึ้นเดินตามมันไปบ้าง แต่ในระหว่างนั้นผมก็สังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ ที่คอเสื้อไอ้ชนิน
สัด ใส่เสื้อเชิ้ตมายังไงให้คอเสื้อมันขึ้นอย่างนั้นวะ
“อย่างกับเด็ก” ผมบ่นออกมาพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ
“ว่าไงนะ?” ไอ้ชนินหันมาคุยกับผมพอดีกับที่มันกำลังคุยกับพนักงาน
“ใส่เสื้อยังไงของมึง คอเสื้อก็ไม่เอาลง”
ผมว่าแล้วขยับตัวไปใกล้มัน ใช้มือข้างหนึ่งทำคอเสื้อให้มันดี ๆ ส่วนอีกข้างก็หยิบเอาเงินออกมา
“เอ่อ...” พนักงานมองหน้าผมสลับกับไอ้ชนิน
“จ่ายหารสองครับ”
ผมวางเงินไว้บนเคาน์เตอร์ ก่อนจะหันกลับมามองคอเสื้อของไอ้ชนินที่คิดว่าน่าจะดูดีแล้ว แต่พอเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ไอ้ชนินกลับรีบยกเอามือทั้งสองข้างกุมเข้าที่อกด้านซ้ายของตัวเอง
“เป็นอะไรของมึง” ผมขมวดคิ้วมอง ดูท่าทีที่แปลก ๆ ของมัน แต่มันก็หันมามองผมพร้อมกับแย้มยิ้มกว้าง
“หัวใจมันพองโตจะระเบิดแล้ว...ทำยังไงดี”
“เรื่องของมึงเลยไอ้สัด” ผมผลักหัวมันแล้วรีบเดินออกมาจากร้านแทบจะทันที
แต่ไอ้ชนินก็เดินตามมาแล้วยัดเอาเงินทอนใส่กระเป๋าเสื้อของผมพร้อมกับดึงเอากุญแจรถผมออกไปด้วย เพราะงั้นผมเลยหันไปมองหน้ามัน
“แล้วตกลงว่าไง” มันถามขึ้นมาในขณะที่กำลังเดินมาถึงตัวรถ
“อะไร”
“ที่เราพูดกันไว้ก่อนหน้า”
“เรื่อง?”
มันอมยิ้ม เดินเข้ามาใกล้แล้วกระซิบลงที่ข้างหูผม “ตกลงอะไรมัดใจได้เหรอ”
“ไม่ใช่ไอ้ที่มึงบอกกูแล้วกัน” ผมเบี่ยงหน้าหลบ แล้วรีบเดินไปหยิบเอาหมวกกันน็อกมาใส่ แต่มันก็เดินมาประกบอยู่ข้างหลังผม และ...เกยคางบนไหล่ผมแล้วพูดเสียงกระซิบอีกครั้ง
“นี่...ไม่อยากมีคู่แข่งนะ”
“แต่ถ้ามี...”
“...ขอลัดคิวเป็นคนชนะไปเลยได้ไหม”
“อยากอยู่ในสถานะอื่นแล้ว”
...
“กลับกันเถอะ จะครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่อยากกินตีนเป็นของว่างตอนเช้า” มันถอยไปหลายก้าว ดึงมือผมไปแล้ววางกุญแจรถลงบนฝ่ามือผมทั้งรอยยิ้ม
ผมมองหน้ามันนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเดินไปขึ้นคร่อมรถแล้วขยับมันออกมา ไอ้ชนินเองก็เดินตามขึ้นมานั่งทางด้านหลังก่อนที่ผมจะสตาร์ทรถ...
“เดี๋ยวมึงได้กินตีนกูสักวันแน่ ๆ”
“กลัวจนใจสั่นเลย”
ไอ้ชนินหัวเราะออกมา ก่อนที่ผมจะบิดรถออกไปด้วยความเร็วพอ ๆ กับใจผมที่เต้นแข่งไปกับมัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบวิธีนำเสนอของไรท์ ไม่บรรยายความรู้สึกของเบสที่มีต่อชนิน แต่อ่านแล้วจะรู้ว่าเบสหลงรักชนินมากๆ อิอิ
ขอลัดคิว.เป็นคนชนะเลยได้ปะ.งื้ออออ
ไอบ้าาาา -..-