เเพรวาคิรารัก - นิยาย เเพรวาคิรารัก : Dek-D.com - Writer
×

    เเพรวาคิรารัก

    ผู้เข้าชมรวม

    32

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    32

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 มิ.ย. 61 / 19:15 น.
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                เสียงเครื่องบินลงจอดไฟร์เช้า  อากาศแจ่มใสเวลาประมาณ8.00นาฬิกา  ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด  สูงโปร่ง  จมูกโด่ง  หน้าคมกริบนิ้วเรียวยาวดูสะอาดสะอ้าน กำลังคว้ากระเป๋าจากพนักงานบริเวณหน้าเคาว์เตอร์  ขายาวๆมุ่งสู่ทางออกด่านล่างของสนามบิน  ....เสียงสี่ล้อใหญ่เคลื่อนที่มาข้างหน้าชายหนุ่ม  “ไปเพชรบุรีครับ” ลมแผ่วเบาหนักแน่นผ่านริมฝีปากสีชมพูอ่อนของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าอันคมกริบ ที่ผู้ใดได้พบเห็นเป็นต้องสายพระโลหิตขาดเลยทีเดียวเชียว  เข้าเขตเพชรบุรี  ณโฮเตลรินญา  โรงแรมแห่งหนึ่ง “ คุณครับ”  เสียงเรียกจากข้างหลังชายหนุ่มที่กำลังยืนล้วงกระเป๋าอยู่ ณ มุม มุมหนึงของโฮเตลรินญา  “ขอประทานโทษนะครับใช่คุณปกรณ์รึเปล่าครับ”  เสียงเรียกพร้อมถามของชายวัยกลางคน”ครับ”เสียงตอบ  ห้วน  แข็ง  ของชายหนุ่มรูปร่างสันทัด “  เอ่อ……คุณยิ่งให้กระผมมารับคุณปกรณ์ครับ  สิ้นเสียงลมปากของชายวัยกลางคน  ที่แต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดสีดำ  ผิวดำแดง  มือใหญ่นิ้วเรียวยาวถูกยกออกจากกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างพร้อมก้าวเท้าขึ้นรถทันที  ด้วยท่วงทีและมาดที่นี่ง  ราวกับเศษก้อนหินที่ฝังตัวลึกอยู่ท่ามกลางเทือกเขาไกรราช  (ต้องขนาดนั้นเลยทีเดียวเชียว) นั่งมาได้สักพักใหญ่ๆ“ตืด....ตืด.... อีนางเอ้ยปลาคอใหญ่มาฮอดแล้ว........”เสียงสายโทรเรียกเข้าจากใครบางคนในรถตู้สีขาวเงาวับที่กำลังมุ่งหน้าสู่บ้านไร่ในเพชรบุรี”อิหยัง มีธุระอิหยังคุณยิ่งให้อ้ายมาฮับคุณเพิ่นที่มาจากเมืองนอก  นี่กะใกล้สิฮอดแล้วล่ะ “ เสียงคำพูดเร็ว  และรวน  เสียงพึมพำ ที่ไม่ค่อยดังมาก  ของชายที่จับพวงมาลัยอยู่  ซึ่งเลยคำว่ากระซิบแทบจะไม่ได้ยินเสียงเพราะกลัวคนข้างหลังรำคาญ  เสียงปรายสายถึงคนที่กำลังขับรถอยู่จะอธิบายอะไรบางอย่าง!เอียด......ตึก  เสียงรถเบรกอย่างแรงจนทำให้ปกรณ์ซึ่งนั่งอยู่แทบจะหลุดจากเบาะหลังข้ามฝั่งมาหาคนขับ  “กระผมต้องขอตัวไป  เออ.....ทำธุระด่วนก่อนนะครับ “พร้อมกลับยื่นแผ่นกระดาษยาวประมาณกระดาษA4  แผ่นกระดาษที่ชายคนนั้นยื่นให้ปกรณ์ก็คือแผนที่จุดมู่งหมายของนายปกรณ์ให้กลับชายหนุ่มที่นั่งชิดประตูด้านขวาหลังคนขับ  สิ้นลมปากของชายวัยกลางคน  เสียงเหล็กที่ติดอยู่กับประตูรถกระทบกัน  ชายวัยกลางคนเดินปนวิ่งขึ้นแท็กซี่ที่ผ่านมาแถวนั้นพอดี  ทิ้งให้  ผู้เป็นเจ้าของเรียวปากสีชมพูที่นั่งหลังคนขับงงเป็นไก่ตาแตกแต่ปกรณ์ก็ไม่แสดงอาการอะไร            บรึ่นบรื๊น    รถสี่ล้อกำลังเคลื่อนที่โดยที่ปกรณ์เป็นคนขับปกรณ์หักพวงมาลัยเลี้ยวตามแผนที่ ซ้าย  ขวาซ้ายขวา  แล้วก็โค้งเส้นทางสลับซับซ้อน  ปกรณ์ขับรถไปตามเส้นทางอย่างใจเย็นบรรยากาศในรถที่ปกรณ์ขับอยู่นอยๆ(ป่าช้าดีดีนี่เอง)   ปกรณ์เอื้อมมือขึ้นเปิด เพลงเสียงดังอีกต่างหากเขามองธรรมชาติข้างถนนในระหหว่างขับรถอย่างเพลิน  เพราะนายปกรณ์เป็นบุคคลหนึ่งที่หลงใหลในธรรมชาติมากแต่ที่เขานิ่งเงียบขลึมดูเหมือนผีดิบเป็นคนไร้ซึ่งเลือดเนื้อและหัวใจ  ไม่แคร์  ไม่สน  ไม่ใส่ใจ  ป่าเถื่อนกับคนรอบข้างเพราะอดีดที่น่ากลัวและไม่น่าจดจำทำร้ายเขาไร้ซึ่งความปรานี     ปกรณ์ขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยจนจะเข้าเขตไร่องุ่นปกรณ์กำลังเลี้ยวจเข้าไป ล้อรถทั้งสี่ล้อหน้าหลังเริ่มช้าลง ไฟอศูรย์ฉายแววอยู่ในดวงตาของปกรณ์เมื่อเขามองเห็นเส้นทางเข้าเขตไร่  ซึ่งตัวหนังสือสีขาวที่ปรากฏในป้ายเขียนว่า”ไร่ยิ่งยศ   ไร่ยิ่งยศปกรณ์ดูแผนที่แล้วพูดเบาๆ  เหมือนว่ารถปกรณ์ เคลื่อนที่เข้าไป   “โครม…..โอ้ย” เสียงดังมาจากหน้ารถของปกรณ์  รถที่ปกรณ์ขับอยู่ไปต่อไม่ได้เหมือนชนอะไรบางอย่างแต่ปกรณ์ไม่ยอมลงไปดู  ปกรณ์นั่งอยู่ในรถและยังคงเปิดเพลงดังอยู่”เฮ้ย…..ขับรถไม่มองคน  ไม่มองถนนเลยรึไงฮ่ะ  ตาบอดรึเปล่าเนี๊ย  เสียงพูดปนตะโกน(บ่งบอกถึงคำว่าอารมณ์เสียสุดสุด)ของหญิงสาววัย20ต้นๆที่กำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากการที่ต้องไปกองอยู่กับพื้น  พร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่มาด้วยกันอายุก็ประมาณ30กว่า  กำลังพยุงสองล้อที่ทั้งสองขับมาขึ้นอย่างทุลักทุเล   หร่อนที่อายุราว20ต้นๆลักษณะถักเปียสองข้างใบหน้าสวยสดใสริมฝีปากอวบอิ่มเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งการเติมแต่ง  ผิวขาวเนียนอมชมพู แต่งตัวเรียบง่ายธรรมด้าธรรมดาแต่ดูมีอะไรเฉิดฉายไร้ซึ่งเหตุผล  เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับมือสองข้างที่กำลังปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่  ถึงกับทำให้นายปกรณ์ผู้เย็นชาตกตะลึงเลยทีเดียวเชียวปกรณ์ดับเรื่องรถและเอื้อมมือเปิดประตูโดยไม่รู้ตัว “ ไป  ไป  ไปลงนรกซะเถิดที่รักฉันจะลงโทษเธอ”สายตาที่ปกรณ์มองเด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าชั่งขัดกับเสียงเพลงที่ดังออกมาระหว่างปกรณ์เปิดประตู” โอ้หมายก๊อด  หล่อ  เท่  สมาทภูมิฐานครบเว่อร์อ่ะ”เสียงหญิงสาววัยสามสิบพรรณนา  เพ้อรำพันกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า  โดยทิ้งหญิงสาวที่ปกรณ์มองอยู่ลงพื้นอย่างแรงจนทำให้ปกรณ์หลุดจากภวังหลังจากที่เด็กสาวลงกองกับพื้น “ โอ้ยฮือโอ้ยเจ็บ…….ทิ้งคิราทำไม “ ว้าย  คุณหนูคิราของแจ่มแจ่มขอโทษ ทูนหัวของแจ่มเป็นอะไรรึเปล่าค่ะแจ่มขอโทษแจ่มไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะแจ่มไม่ได้ตั้งใจค่ะสองคนสนทนากันอยู่พักหนึ่ง  ฝ่ายหนึ่งงอนฝ่ายหนึ่งอธิบายโดยไม่ได้ดูเลยว่า  ชายที่ทำให้สองล้อกับสองขาลงไปกองอยู่กับพื้น  กำลังมองอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ช่วย  ไม่ถามยืนล้วงกระเป๋าหน้าตาเฉย  เหมือนคนไม่ได้ทำอะไรผิด  ดังสุภาษิตที่ว่า  กินปูนไม่ร้อนท้อง  เพราะถ้ากินปูนร้อนท้อง  คงไม่ใช่นายปกรณ์  วงศ์เทวาสกุล  ผู้เปรียบดั่งหินผาและไร้ซึ่งวิญญาณ” เสียงสำนึกผิดของหญิงวัยสามสิบ”ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะพี่แจ่ม  มันไม่ใช่ความผิดของพี่แจ่มเลยสักนิด”สีหน้าดูเอาเรื่องเริ่มเห็นชัดบนใบหน้าเด็กสาวคิรา “เพราะ  ควาย  เอ้ยคนที่ต้องขอโทษเราคือนายคนนั้น”คิรากัดฟันพูดนิ้วเรียวยาวชี้หน้าปกรณ์แสดงถึงความโกรธอย่างหาสิ่งเปรียบไม่ได้ด้วยท่าทีไม่พอใจ  เสียงพูดเล็กบ้างใหญ่บ้าง  เบาแล้วดังเหยยหยั่นชายที่อยู่ตรงหน้าสายตาหร่อนอาคาตดุจดั่งเจ้ากรรมนายเวรที่แค้นกันมาสิบภพสิบชาติแล้วบังเอิญสปาร์คกันครั้งแรก  สายตาคิราบอกได้ไกลเกินคำบรรยายหาที่สิ้นสุดไม่ได้ จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อเซเว่น(seven)ปิดเท่านั้น  “หลีกหน่อย”ผมต้องการพบเจ้าของไร่นี้  เออ  ถ้ารู้จักตามเขามาให้ด้วย ก็ดีน่ะ”คำพูดห้วนๆเช่นเคยของปกรณ์ที่ดูเหมือนไม่รู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ปกรณ์นอกจากจะได้ฉายาว่าเหล็กใหลแล้ว  และสิ่งสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกความเป็นปกรณ์คือ  พูดไม่เข้าหูปากไม่ตรงกับใจรักก็บอกว่าไม่รัก  ทุกสิ่งอย่างที่ผ่านเรียวปากสีชมพูอ่อนของนายปกรณ์เรียกได้ว่าสุนัขไม่รับประทานเลยเชียว “นี่ไอ้หนวด   ทำผิดแล้วยังปากไม่ดีอีกนะ”คิราเรียกจิกปกรณ์เพราะเหนือใบหน้าที่ขาวใสสะอาดและเรียวปากสีชมพูอ่อนยังมีหนวดเคราครึมๆจางๆเพิ่มความเข้มบนใบหน้าของชายหนุ่ม””คุยกันให้รู้เรื่องเลยน่ะ ขอโทษสักคำก็ไม่มี”คิราใส่เสียงทุ้มหนักใส่อารมณ์ด้วยความโมโห”อย่าค่ะ….อย่าเลยค่ะคุณหนู”เสียงของแจ่มห้ามปรามอยู่ในที ปกรณ์หันหลังให้คิราก้าวเท้าขึ้นรถด้วยท่าทีนิ่งเฉย  สตาร์สเครื่องปกรณ์ใช้เท้าขวาเร่งเครื่องยนต์ส่วนข้างซ้ายเบรกอยู่ในที  คิราเห็นท่าไม่ดีดูเหมือนว่าอีตาหนวดจะพุ่งสี่ล้อเข้ามาหาเธอแต่คิราก็ทำใจแข็ง  ไม่กลัว  ไม่ถอย  ขาข้างหนึ่งของคิราที่ดูเหมือนว่าจะเจ็บจากการที่สองล้อที่เธอขับมาลอยฟ้า  ขยับกระเผลกพยายามที่จะไปหาเรื่องอีตาหนวด(อังศุมาริน  จะหาเรื่องโกโบริ)ที่หร่อนเรียกเพียงไม่กี่ครั้งแต่หร่อนจำฝ้งใจอย่างแน่นอน”เสียเวลากับยัยเด็กบ้านี่จริงๆเลย”เสียงลมปากของนายปกรณ์หลังจากก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ  สี่ล้อของปกรณ์ก็พุ่งมุ่งหน้าผ่านประตูของไร่ไปได้  โดยที่ปกรณ์ไม่ได้มองดูเลยว่าคิราที่กำลังจะเข้ามาหาเรื่องปกรณ์ที่รถ  รถของปกรณ์พุ่งผ่านเข้าไร่ไปจึงทำให้คิราเสียหลักหลุดจากการรั้งของมือแจ่มตกลงไปในบ่อโคลนข้างไร่ยิ่งยศ”ว้าย………พี่แจ่ม……เสียงร้องของคิราที่ตกลงไปในบ่อโคลนที่ทั้งเหม็นทั้งเน่า  อุตาย…..คุณคิรา   คุณหนูคิราของแจ่ม  มาแจ่มช่วยค่ะ  แจ่มพยายามจะช่วยคิรา  “พี่แจ่มช่วยคิราด้วย  ฮือ…..อี้…..แหวะเหม็นอ่ะ ไอ้หน้าหนวดนายตายแน่  อ้ายๆๆๆๆ ชาตินี้ทั้งชาติน่ะอย่าได้พบเจออีกเลยไอ้ผู้ชายบ้า  ไอ้ผู้ชายเฮ็งซวย “ คิราน้ำตาคลอขณะพยายามปีนไต่ขึ้นมาจากบ่อโคลนที่สุดแสนจะเน่าและที่สำคัญกลิ่นก็สุดแสนจะทรมานจมูก    คิราบ่นพึมพำและงอแงตามประสาเด็กๆที่ไม่ได้ดั่งใจหรือถูกขัดใจ  “ค่อยๆดึงซิพี่แจ่มอือ….อึบ....โอ้ย....เจ็บเบาๆหน่อยพี่แจ่ม >>>>เหนื่อย  กว่าจะขึ้นมาได้เลอะหมดเลยอะพี่แจ่ม”คิราเอ่ยขณะยกแขนขึ้นและสูดดมกลิ่นอันเหม็นเน่าเข้าเต็มโพรงจมูกอันโด่งเป็นสันที่ปราศจากและไร้ซึ่งมีดหมอของเธอ”แหวะ>อือ..........น่าสงสาร.จะอ๊วกอ่ะพี่แจ่ม”อาหารและมวลสารพร้อมที่จะออกมารวมตัวและกองอยู่ตรงหน้าคิราเด็กสาวผู้น่าสงสาร  “ไปค่ะ  คุณหนู   แจ่มว่าคุณหนูรีบไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนดีกว่าค่ะ  สารรูปและสารร่างของคุณหนูตอนนี้เอ่อ.......เลยจุดจุดนั้นไปไกลแล้วค่ะ”พี่แจ่ม”ยังจะมาซ้ำเติมกันอีกนะ”คิราเปรยเหมือนรู้ว่าแจ่มคงรับไม่ได้กับสภาพของคิราในตอนนี้”ไปล้างที่ไหนเลอะซะขนาดนี้”สาวน้อยพูดและแค้นอยู่ในทีขณะมองหน้าหญิงสาวที่เจ้าตัวรียกว่าพี่แจ่ม”นายหนวดไอ้หนวดไอ้หน้าหนวดโอ้ยๆๆๆๆๆๆ..........จะบ้าตายทำไมวันนี้ไอ้คิรามันซวยขนาดนี้”คิราบ่นขณะที่นำพาสังขารของหร่อนเข้าไร่  โดยมีแจ่มพยุงเคียงข้าง   “ขอโทษน่ะครับผมมาพบยิ่งยศ....เอ่อคุณยิ่งยศเจ้าของไร่นี้  ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมครับ  “เสียงปกรณ์ร้องถามแม่บ้านที่ยืนหันหลังให้เขาและกำลังทำความสะอาดอยู่  ถึงปกรณ์จะเป็นคนค่อนข้างป่าเถื่อน  คำพูดดีดีก็สามารถหลุดออกจากปากเข้าได้อยู่ที่ว่าเขาจะพูดหรือไม่พูด  และที่สำคัญบุคคลที่ปกรณ์เสวนาด้วยนั้นคือใคร  เท่านั้นเอง(ชายผู้นี้เปรียบเสมือนเจ้าหญิงพิกุลทองเขาเกรงกลัวกับการพูดดีเขากลัวและหวาดหวั่นว่าดอกพิกุลทองจะร่วงออกจากปากชายผู้นี้เลยหันหลังให้กับวงการ  การพูดดีและพุ่งโจมตีให้กับคำว่าสุนัขไม่รับประทานอย่างเห็นได้ชัด)  แม่บ้านเมื่อได้ยินเสียงปกรณ์ก็ขยับหันหน้ามา  ทั้งคู่สบตาและมองหน้ากันอย่างคุ้นเคย  จนกระทั่งลมปากของแม่บ้านเอ่ยทักท้วงขึ้นว่า”คุณปกรณ์  คุณปกรณ์ของป้า  ป้าจำคุณได้”พร้อมกับอ้าแขนกว้างวิ่งเข้ากอดปกรณ์  เสียงปกรณ์เรียกเหมือนจำได้ว่าหญิงวัยห้าสิบที่อยู่ในอ้อมกอดคือใคร”คุณปกรณ์ของป้า  ป้าคิดถึงจังเลยค่ะ  พ่อคุณทูนหัว”เสียงของหญิงสาวในออ้มกอดนายปกรณ์น้ำเสียงแสดงความรักใคร่ดั่งลูกหลานดังขึ้นหลังจากที่ผงะออกจากอ้อมแขนที่เป็นมัดมัดอันล้ำสันของชายหนุ่มตัวสูงโปร่งราวกับนายแบบแถวหน้าของเมืองไทย”ป้าเป็นไงบ้างสบายดีไหม” คำถามและรอยยิ้มเริ่มปรากฏที่หน้าของปกรณ์  แต่พลันต้องจางหายไป “ไปค่ะ ไป  เข้าไปข้างในคุณยิ่งยศท่านรอคุณอยู่นะค่ะ” แววตาดุเดือดดั่งอสุร  ราวกับพญามัจจุราชใต้ผืนแผ่นภิภพ  เดือดครั่งดั่งราวาที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า  ทันทีที่คำว่ายิ่งยศผ่านเข้าไปในเยื่อแก้วหูของปกรณ์เขาข่มอารมณ์และพยายามเก็บอาการ “ คุณเดินตามป้ามาเลยค่ะ”ปกรณ์ก้าวเท้าอย่างเยือกเย็นและหนักแน่นกระเบื้องแกะสลักสีสันสวยงามแทบจะร้าวแตกขนานเป็นเสี่ยงๆด้วยความโกรธและแค้นที่ถูกกดดันฝังอยู่ในก้อนเนื้อใต้ร่มผ้าที่ปกรณ์สวมใส่อยู่ “ คุณยิ่งค่ะ”เสียงเรียกจากข้างหลังของป้าที่เดินนำปกรณ์เข้ามา  ชายชรารูปร่างสง่าโคนผมสีค่อนข้างขาวหงอกปกคุมด้วยสีดำเล็กน้อยหันมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากข้างหลัง  ทั้งสองประสานสายตากันจังๆ” ปกรณ์  หลานรัก  ของตา”ลมปากของยิ่งยศเอ่ยขึ้นช้าๆเนิบๆเว้นวรรคชัดถ้อยถัดคำ “ ครับผมเอง”ปกรณ์ก็เช่นกัน  แววตาคนทั้งคู่เหมือนมีอะไรเป็นนัยน์ๆ  ที่ไม่สามารถล่วงรู้และอ่านสายตาคนทั้งสองได้  ยิ่งยศเข้าโอบและตบไหล่ปกรณ์เบาๆ”เป็นไงบ้าง  สบายดีไหม”ยิ่งยศถามโดยไม่ได้มองดูสีหน้าปกรณ์เลย  “ก็ไม่ได้พิการ  ตาบอดหรือหูหนวกนี่ครับ  ปกรณ์พูดเบาๆแต่ก็พอให้คนข้างๆได้ยินแต่คงจับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไร  “หลานว่าอะไรนะ  ยิ่งยศได้ยินไม่ค่อยชัดจึงถามซ้ำ  ปกรณ์รีบชักสีหน้าแล้วฉีกยิ้มมุมปากทันที  เออ.........สบายดีครับ”  อือสบายดีก็ดีแล้ว  ”มา  มา  นั่งก่อน”โซฟาตัวใหญ่สีดำในห้องรับแขก  ก็มีปกรณ์กับยิ่งยศนั่งคุยกันอยู่พักหนึ่ง  ตามประสาตาหลานคุยกันดูเผินๆค่อนข้างรักกันดี  แต่แววตาของนายปกรณ์เหมือนมีอะไรบางอย่างซ้อนอยู่  สักพักหนึ่งยิ่งยศก็หันไปพยักหน้าและพูดว่า”บอกทุกคนทำตามที่ฉันสั่ง..ไป”เหมือนเป็นการบอกอะไรบางอย่างให้คนรับใช้ที่นั่งอยู่กับพื้นซึ่งไม่ห่างจากปกรณ์มากนัก  หรือป้าที่พาปกรณ์เข้ามาพบยิ่งยศนั่นเอง  “ ค่ะคุณยิ่ง”  นี่พวกหล่อน....วันนี้นะจะมีงานเลี้ยงฉลอง  ซึ่งคุณยิ่งจัดเลี้ยงต้อนรับคุณปกรณ์กลับมา  หลานชายคนโปรดของท่านนะ  เสียงของป้าแก้วที่เดินเข้ามาบอกแม่ครัวสี่ถึงห้าคนที่กำลังทำอาหารอยู่”วันนี้จัดอาหราเป็นพิเศษนะ”  น้าใสซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของนายกรัฐมนตรีร่อนเป็นลูกเพื่อนของยิ่งยศ(ไม่ค่อยลงลอยกับเด็กสาวคิรา  อาจเป็นเพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาและผิวพรรณที่กินกันไม่ลงเลยทีเดียว  ความคิดต่างกันและอีกอย่างที่ต่างก็คือ  คนหนึ่งสวยด้วยมีดหมอ  อีกคนสวยเพราะธรรมชาติสร้าง  แต่สาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่มาพบปะกันบ่อยเนื่องมาจากความสนิทสนมของผู้ใหญ่)  ใส่เสื้อเกาะอกโชว์แผ่นหลังอันขาวเนียน  กระโปรงสั้นขาเรียวยาวริมผีปากแดงมีผ้าคุมไหล่เล็กน้อยดูมีสไตล์ในแบบแรงๆของหร่อนซึ่งเข้ากับเกลียวผมที่เป็นลอน  รับกับใบหน้าอันสวยหรูเดินผ่านมาได้ยินเข้าพอดี”ใครค่ะ.....ป้าแก้ว  น้ำใสถามด้วยน้ำเสียงสงสัยและอยากรู้ตามนิสัยของเจ้าตัว”อ้าวคุณน้ำใส.!.มาตั้งแต่เมื่อไหล่ค่ะ”เออ.....น้ำใส  อ๋อพอดีน้ำใสทำขนม  ก็เลยแวะเอาขนมมาให้คุณยิ่งลองชิม  “ป้าแก้วยังไม่ได้ตอบคำถามของน้ำใสเลยนะค่ะ  ป้าพูดถึงใครค่ะ”น้ำใสลืมเรื่องขนมไปเลย  “ค่ะ  ป้าหมายถึงคุณปกรณ์  หลานชายของคุณยิ่งที่เพิ่งกลับมาเมื่อสักครู่นี่เองค่ะ”เออคุณใสมีอะไรรึเปร่าค่ะป้าแก้วเอ่ยถาม  เปล่าค่ะเดี่ยวป้าเอาขนมใส่ชามแล้วเอาให้คุณยิ่งชิมด้วยนะค่ะ คือใสแวะเอาขนมมาให้เฉยๆหนะ หลังพูดจบน้ำใสก็เดินขึ้นรถด้วยความรีบเมื่อเธอนึกได้ว่าธุระต้องไปทำ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น