เสียงเครื่องบินลงจอดไฟร์เช้า อากาศแจ่มใสเวลาประมาณ8.00นาฬิกา ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด สูงโปร่ง
จมูกโด่ง หน้าคมกริบนิ้วเรียวยาวดูสะอาดสะอ้าน
กำลังคว้ากระเป๋าจากพนักงานบริเวณหน้าเคาว์เตอร์
ขายาวๆมุ่งสู่ทางออกด่านล่างของสนามบิน
....เสียงสี่ล้อใหญ่เคลื่อนที่มาข้างหน้าชายหนุ่ม “ไปเพชรบุรีครับ” ลมแผ่วเบาหนักแน่นผ่านริมฝีปากสีชมพูอ่อนของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าอันคมกริบ
ที่ผู้ใดได้พบเห็นเป็นต้องสายพระโลหิตขาดเลยทีเดียวเชียว เข้าเขตเพชรบุรี ณโฮเตลรินญา
โรงแรมแห่งหนึ่ง “ คุณครับ”
เสียงเรียกจากข้างหลังชายหนุ่มที่กำลังยืนล้วงกระเป๋าอยู่ ณ มุม
มุมหนึงของโฮเตลรินญา
“ขอประทานโทษนะครับใช่คุณปกรณ์รึเปล่าครับ”
เสียงเรียกพร้อมถามของชายวัยกลางคน”ครับ”เสียงตอบ ห้วน
แข็ง ของชายหนุ่มรูปร่างสันทัด
“ เอ่อ……คุณยิ่งให้กระผมมารับคุณปกรณ์ครับ สิ้นเสียงลมปากของชายวัยกลางคน ที่แต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดสีดำ ผิวดำแดง
มือใหญ่นิ้วเรียวยาวถูกยกออกจากกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างพร้อมก้าวเท้าขึ้นรถทันที ด้วยท่วงทีและมาดที่นี่ง ราวกับเศษก้อนหินที่ฝังตัวลึกอยู่ท่ามกลางเทือกเขาไกรราช (ต้องขนาดนั้นเลยทีเดียวเชียว) นั่งมาได้สักพักใหญ่ๆ“ตืด....ตืด....
อีนางเอ้ยปลาคอใหญ่มาฮอดแล้ว........”เสียงสายโทรเรียกเข้าจากใครบางคนในรถตู้สีขาวเงาวับที่กำลังมุ่งหน้าสู่บ้านไร่ในเพชรบุรี”อิหยัง
มีธุระอิหยังคุณยิ่งให้อ้ายมาฮับคุณเพิ่นที่มาจากเมืองนอก นี่กะใกล้สิฮอดแล้วล่ะ “ เสียงคำพูดเร็ว และรวน
เสียงพึมพำ ที่ไม่ค่อยดังมาก
ของชายที่จับพวงมาลัยอยู่
ซึ่งเลยคำว่ากระซิบแทบจะไม่ได้ยินเสียงเพราะกลัวคนข้างหลังรำคาญ เสียงปรายสายถึงคนที่กำลังขับรถอยู่จะอธิบายอะไรบางอย่าง!เอียด......ตึก
เสียงรถเบรกอย่างแรงจนทำให้ปกรณ์ซึ่งนั่งอยู่แทบจะหลุดจากเบาะหลังข้ามฝั่งมาหาคนขับ “กระผมต้องขอตัวไป เออ.....ทำธุระด่วนก่อนนะครับ
“พร้อมกลับยื่นแผ่นกระดาษยาวประมาณกระดาษA4 แผ่นกระดาษที่ชายคนนั้นยื่นให้ปกรณ์ก็คือแผนที่จุดมู่งหมายของนายปกรณ์ให้กลับชายหนุ่มที่นั่งชิดประตูด้านขวาหลังคนขับ สิ้นลมปากของชายวัยกลางคน เสียงเหล็กที่ติดอยู่กับประตูรถกระทบกัน
ชายวัยกลางคนเดินปนวิ่งขึ้นแท็กซี่ที่ผ่านมาแถวนั้นพอดี ทิ้งให้
ผู้เป็นเจ้าของเรียวปากสีชมพูที่นั่งหลังคนขับงงเป็นไก่ตาแตกแต่ปกรณ์ก็ไม่แสดงอาการอะไร บรึ่น…บรื๊น… รถสี่ล้อกำลังเคลื่อนที่โดยที่ปกรณ์เป็นคนขับปกรณ์หักพวงมาลัยเลี้ยวตามแผนที่
ซ้าย ขวาซ้ายขวา แล้วก็โค้งเส้นทางสลับซับซ้อน ปกรณ์ขับรถไปตามเส้นทางอย่างใจเย็นบรรยากาศในรถที่ปกรณ์ขับอยู่นอยๆ(ป่าช้าดีดีนี่เอง) ปกรณ์เอื้อมมือขึ้นเปิด เพลงเสียงดังอีกต่างหากเขามองธรรมชาติข้างถนนในระหหว่างขับรถอย่างเพลิน
เพราะนายปกรณ์เป็นบุคคลหนึ่งที่หลงใหลในธรรมชาติมากแต่ที่เขานิ่งเงียบขลึมดูเหมือนผีดิบเป็นคนไร้ซึ่งเลือดเนื้อและหัวใจ ไม่แคร์
ไม่สน ไม่ใส่ใจ ป่าเถื่อนกับคนรอบข้างเพราะอดีดที่น่ากลัวและไม่น่าจดจำทำร้ายเขาไร้ซึ่งความปรานี ปกรณ์ขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยจนจะเข้าเขตไร่องุ่นปกรณ์กำลังเลี้ยวจเข้าไป
ล้อรถทั้งสี่ล้อหน้าหลังเริ่มช้าลง ไฟอศูรย์ฉายแววอยู่ในดวงตาของปกรณ์เมื่อเขามองเห็นเส้นทางเข้าเขตไร่ ซึ่งตัวหนังสือสีขาวที่ปรากฏในป้ายเขียนว่า”ไร่ยิ่งยศ ไร่ยิ่งยศปกรณ์ดูแผนที่แล้วพูดเบาๆ เหมือนว่ารถปกรณ์ เคลื่อนที่เข้าไป “โครม…..โอ้ย”
เสียงดังมาจากหน้ารถของปกรณ์
รถที่ปกรณ์ขับอยู่ไปต่อไม่ได้เหมือนชนอะไรบางอย่างแต่ปกรณ์ไม่ยอมลงไปดู ปกรณ์นั่งอยู่ในรถและยังคงเปิดเพลงดังอยู่”เฮ้ย…..ขับรถไม่มองคน ไม่มองถนนเลยรึไง…ฮ่ะ ตาบอดรึเปล่าเนี๊ย เสียงพูดปนตะโกน(บ่งบอกถึงคำว่าอารมณ์เสียสุดสุด)ของหญิงสาววัย20ต้นๆที่กำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากการที่ต้องไปกองอยู่กับพื้น พร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่มาด้วยกันอายุก็ประมาณ30กว่า
กำลังพยุงสองล้อที่ทั้งสองขับมาขึ้นอย่างทุลักทุเล หร่อนที่อายุราว20ต้นๆลักษณะถักเปียสองข้างใบหน้าสวยสดใสริมฝีปากอวบอิ่มเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งการเติมแต่ง ผิวขาวเนียนอมชมพู แต่งตัวเรียบง่ายธรรมด้าธรรมดาแต่ดูมีอะไรเฉิดฉายไร้ซึ่งเหตุผล
เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับมือสองข้างที่กำลังปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่
ถึงกับทำให้นายปกรณ์ผู้เย็นชาตกตะลึงเลยทีเดียวเชียวปกรณ์ดับเรื่องรถและเอื้อมมือเปิดประตูโดยไม่รู้ตัว
“ ไป ไป
ไปลงนรกซะเถิดที่รักฉันจะลงโทษเธอ”สายตาที่ปกรณ์มองเด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าชั่งขัดกับเสียงเพลงที่ดังออกมาระหว่างปกรณ์เปิดประตู”
โอ้หมายก๊อด หล่อ เท่
สมาทภูมิฐานครบเว่อร์อ่ะ”เสียงหญิงสาววัยสามสิบพรรณนา เพ้อรำพันกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า โดยทิ้งหญิงสาวที่ปกรณ์มองอยู่ลงพื้นอย่างแรงจนทำให้ปกรณ์หลุดจากภวังหลังจากที่เด็กสาวลงกองกับพื้น
“ โอ้ย…ฮือ…โอ้ย…เจ็บ…….ทิ้งคิราทำไม… “ ว้าย คุณหนูคิราของแจ่มแจ่มขอโทษ
ทูนหัวของแจ่มเป็นอะไรรึเปล่าค่ะแจ่มขอโทษแจ่มไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะแจ่มไม่ได้ตั้งใจค่ะสองคนสนทนากันอยู่พักหนึ่ง
ฝ่ายหนึ่งงอนฝ่ายหนึ่งอธิบายโดยไม่ได้ดูเลยว่า ชายที่ทำให้สองล้อกับสองขาลงไปกองอยู่กับพื้น กำลังมองอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ช่วย ไม่ถามยืนล้วงกระเป๋าหน้าตาเฉย เหมือนคนไม่ได้ทำอะไรผิด ดังสุภาษิตที่ว่า กินปูนไม่ร้อนท้อง เพราะถ้ากินปูนร้อนท้อง คงไม่ใช่นายปกรณ์ วงศ์เทวาสกุล
ผู้เปรียบดั่งหินผาและไร้ซึ่งวิญญาณ” เสียงสำนึกผิดของหญิงวัยสามสิบ”ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะพี่แจ่ม
มันไม่ใช่ความผิดของพี่แจ่มเลยสักนิด”สีหน้าดูเอาเรื่องเริ่มเห็นชัดบนใบหน้าเด็กสาวคิรา
“เพราะ ควาย เอ้ยคนที่ต้องขอโทษเราคือนายคนนั้น”คิรากัดฟันพูดนิ้วเรียวยาวชี้หน้าปกรณ์แสดงถึงความโกรธอย่างหาสิ่งเปรียบไม่ได้ด้วยท่าทีไม่พอใจ เสียงพูดเล็กบ้างใหญ่บ้าง
เบาแล้วดังเหยยหยั่นชายที่อยู่ตรงหน้าสายตาหร่อนอาคาตดุจดั่งเจ้ากรรมนายเวรที่แค้นกันมาสิบภพสิบชาติแล้วบังเอิญสปาร์คกันครั้งแรก
สายตาคิราบอกได้ไกลเกินคำบรรยายหาที่สิ้นสุดไม่ได้
จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อเซเว่น(seven)ปิดเท่านั้น “หลีกหน่อย”ผมต้องการพบเจ้าของไร่นี้ เออ
ถ้ารู้จักตามเขามาให้ด้วย ก็ดีน่ะ”คำพูดห้วนๆเช่นเคยของปกรณ์ที่ดูเหมือนไม่รู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปกรณ์นอกจากจะได้ฉายาว่าเหล็กใหลแล้ว
และสิ่งสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกความเป็นปกรณ์คือ พูดไม่เข้าหูปากไม่ตรงกับใจรักก็บอกว่าไม่รัก
ทุกสิ่งอย่างที่ผ่านเรียวปากสีชมพูอ่อนของนายปกรณ์เรียกได้ว่าสุนัขไม่รับประทานเลยเชียว
“นี่ไอ้หนวด ทำผิดแล้วยังปากไม่ดีอีกนะ”คิราเรียกจิกปกรณ์เพราะเหนือใบหน้าที่ขาวใสสะอาดและเรียวปากสีชมพูอ่อนยังมีหนวดเคราครึมๆจางๆเพิ่มความเข้มบนใบหน้าของชายหนุ่ม””คุยกันให้รู้เรื่องเลยน่ะ
ขอโทษสักคำก็ไม่มี”คิราใส่เสียงทุ้มหนักใส่อารมณ์ด้วยความโมโห”อย่าค่ะ….อย่าเลยค่ะคุณหนู”เสียงของแจ่มห้ามปรามอยู่ในที ปกรณ์หันหลังให้คิราก้าวเท้าขึ้นรถด้วยท่าทีนิ่งเฉย สตาร์สเครื่องปกรณ์ใช้เท้าขวาเร่งเครื่องยนต์ส่วนข้างซ้ายเบรกอยู่ในที
คิราเห็นท่าไม่ดีดูเหมือนว่าอีตาหนวดจะพุ่งสี่ล้อเข้ามาหาเธอแต่คิราก็ทำใจแข็ง ไม่กลัว
ไม่ถอย ขาข้างหนึ่งของคิราที่ดูเหมือนว่าจะเจ็บจากการที่สองล้อที่เธอขับมาลอยฟ้า ขยับกระเผลกพยายามที่จะไปหาเรื่องอีตาหนวด(อังศุมาริน จะหาเรื่องโกโบริ)ที่หร่อนเรียกเพียงไม่กี่ครั้งแต่หร่อนจำฝ้งใจอย่างแน่นอน”เสียเวลากับยัยเด็กบ้านี่จริงๆเลย”เสียงลมปากของนายปกรณ์หลังจากก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือ
สี่ล้อของปกรณ์ก็พุ่งมุ่งหน้าผ่านประตูของไร่ไปได้ โดยที่ปกรณ์ไม่ได้มองดูเลยว่าคิราที่กำลังจะเข้ามาหาเรื่องปกรณ์ที่รถ
รถของปกรณ์พุ่งผ่านเข้าไร่ไปจึงทำให้คิราเสียหลักหลุดจากการรั้งของมือแจ่มตกลงไปในบ่อโคลนข้างไร่ยิ่งยศ”ว้าย………พี่แจ่ม……เสียงร้องของคิราที่ตกลงไปในบ่อโคลนที่ทั้งเหม็นทั้งเน่า อุตาย…..คุณคิรา คุณหนูคิราของแจ่ม มาแจ่มช่วยค่ะ
แจ่มพยายามจะช่วยคิรา
“พี่แจ่มช่วยคิราด้วย ฮือ…..อี้…..แหวะเหม็นอ่ะ ไอ้หน้าหนวดนายตายแน่ อ้ายๆๆๆๆ
ชาตินี้ทั้งชาติน่ะอย่าได้พบเจออีกเลยไอ้ผู้ชายบ้า ไอ้ผู้ชายเฮ็งซวย “ คิราน้ำตาคลอขณะพยายามปีนไต่ขึ้นมาจากบ่อโคลนที่สุดแสนจะเน่าและที่สำคัญกลิ่นก็สุดแสนจะทรมานจมูก คิราบ่นพึมพำและงอแงตามประสาเด็กๆที่ไม่ได้ดั่งใจหรือถูกขัดใจ “ค่อยๆดึงซิพี่แจ่มอือ….อึบ....โอ้ย....เจ็บเบาๆหน่อยพี่แจ่ม
>>>>เหนื่อย
กว่าจะขึ้นมาได้เลอะหมดเลยอะพี่แจ่ม”คิราเอ่ยขณะยกแขนขึ้นและสูดดมกลิ่นอันเหม็นเน่าเข้าเต็มโพรงจมูกอันโด่งเป็นสันที่ปราศจากและไร้ซึ่งมีดหมอของเธอ”แหวะ>อือ..........น่าสงสาร.จะอ๊วกอ่ะพี่แจ่ม”อาหารและมวลสารพร้อมที่จะออกมารวมตัวและกองอยู่ตรงหน้าคิราเด็กสาวผู้น่าสงสาร “ไปค่ะ
คุณหนู แจ่มว่าคุณหนูรีบไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนดีกว่าค่ะ
สารรูปและสารร่างของคุณหนูตอนนี้เอ่อ.......เลยจุดจุดนั้นไปไกลแล้วค่ะ”พี่แจ่ม”ยังจะมาซ้ำเติมกันอีกนะ”คิราเปรยเหมือนรู้ว่าแจ่มคงรับไม่ได้กับสภาพของคิราในตอนนี้”ไปล้างที่ไหนเลอะซะขนาดนี้”สาวน้อยพูดและแค้นอยู่ในทีขณะมองหน้าหญิงสาวที่เจ้าตัวรียกว่าพี่แจ่ม”นายหนวดไอ้หนวดไอ้หน้าหนวดโอ้ยๆๆๆๆๆๆ..........จะบ้าตายทำไมวันนี้ไอ้คิรามันซวยขนาดนี้”คิราบ่นขณะที่นำพาสังขารของหร่อนเข้าไร่ โดยมีแจ่มพยุงเคียงข้าง “ขอโทษน่ะครับผมมาพบยิ่งยศ....เอ่อคุณยิ่งยศเจ้าของไร่นี้ ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมครับ “เสียงปกรณ์ร้องถามแม่บ้านที่ยืนหันหลังให้เขาและกำลังทำความสะอาดอยู่ ถึงปกรณ์จะเป็นคนค่อนข้างป่าเถื่อน
คำพูดดีดีก็สามารถหลุดออกจากปากเข้าได้อยู่ที่ว่าเขาจะพูดหรือไม่พูด และที่สำคัญบุคคลที่ปกรณ์เสวนาด้วยนั้นคือใคร เท่านั้นเอง(ชายผู้นี้เปรียบเสมือนเจ้าหญิงพิกุลทองเขาเกรงกลัวกับการพูดดีเขากลัวและหวาดหวั่นว่าดอกพิกุลทองจะร่วงออกจากปากชายผู้นี้เลยหันหลังให้กับวงการ การพูดดีและพุ่งโจมตีให้กับคำว่าสุนัขไม่รับประทานอย่างเห็นได้ชัด)
แม่บ้านเมื่อได้ยินเสียงปกรณ์ก็ขยับหันหน้ามา ทั้งคู่สบตาและมองหน้ากันอย่างคุ้นเคย
จนกระทั่งลมปากของแม่บ้านเอ่ยทักท้วงขึ้นว่า”คุณปกรณ์ คุณปกรณ์ของป้า ป้าจำคุณได้”พร้อมกับอ้าแขนกว้างวิ่งเข้ากอดปกรณ์
เสียงปกรณ์เรียกเหมือนจำได้ว่าหญิงวัยห้าสิบที่อยู่ในอ้อมกอดคือใคร”คุณปกรณ์ของป้า ป้าคิดถึงจังเลยค่ะ พ่อคุณทูนหัว”เสียงของหญิงสาวในออ้มกอดนายปกรณ์น้ำเสียงแสดงความรักใคร่ดั่งลูกหลานดังขึ้นหลังจากที่ผงะออกจากอ้อมแขนที่เป็นมัดมัดอันล้ำสันของชายหนุ่มตัวสูงโปร่งราวกับนายแบบแถวหน้าของเมืองไทย”ป้าเป็นไงบ้างสบายดีไหม”
คำถามและรอยยิ้มเริ่มปรากฏที่หน้าของปกรณ์
แต่พลันต้องจางหายไป “ไปค่ะ ไป เข้าไปข้างในคุณยิ่งยศท่านรอคุณอยู่นะค่ะ”
แววตาดุเดือดดั่งอสุร
ราวกับพญามัจจุราชใต้ผืนแผ่นภิภพ
เดือดครั่งดั่งราวาที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า ทันทีที่คำว่ายิ่งยศผ่านเข้าไปในเยื่อแก้วหูของปกรณ์เขาข่มอารมณ์และพยายามเก็บอาการ
“ คุณเดินตามป้ามาเลยค่ะ”ปกรณ์ก้าวเท้าอย่างเยือกเย็นและหนักแน่นกระเบื้องแกะสลักสีสันสวยงามแทบจะร้าวแตกขนานเป็นเสี่ยงๆด้วยความโกรธและแค้นที่ถูกกดดันฝังอยู่ในก้อนเนื้อใต้ร่มผ้าที่ปกรณ์สวมใส่อยู่
“ คุณยิ่งค่ะ”เสียงเรียกจากข้างหลังของป้าที่เดินนำปกรณ์เข้ามา ชายชรารูปร่างสง่าโคนผมสีค่อนข้างขาวหงอกปกคุมด้วยสีดำเล็กน้อยหันมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากข้างหลัง ทั้งสองประสานสายตากันจังๆ” ปกรณ์ หลานรัก
ของตา”ลมปากของยิ่งยศเอ่ยขึ้นช้าๆเนิบๆเว้นวรรคชัดถ้อยถัดคำ “
ครับผมเอง”ปกรณ์ก็เช่นกัน
แววตาคนทั้งคู่เหมือนมีอะไรเป็นนัยน์ๆ
ที่ไม่สามารถล่วงรู้และอ่านสายตาคนทั้งสองได้ ยิ่งยศเข้าโอบและตบไหล่ปกรณ์เบาๆ”เป็นไงบ้าง สบายดีไหม”ยิ่งยศถามโดยไม่ได้มองดูสีหน้าปกรณ์เลย “ก็ไม่ได้พิการ ตาบอดหรือหูหนวกนี่ครับ
ปกรณ์พูดเบาๆแต่ก็พอให้คนข้างๆได้ยินแต่คงจับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไร “หลานว่าอะไรนะ ยิ่งยศได้ยินไม่ค่อยชัดจึงถามซ้ำ ปกรณ์รีบชักสีหน้าแล้วฉีกยิ้มมุมปากทันที เออ.........สบายดีครับ” อือสบายดีก็ดีแล้ว ”มา
มา นั่งก่อน”โซฟาตัวใหญ่สีดำในห้องรับแขก ก็มีปกรณ์กับยิ่งยศนั่งคุยกันอยู่พักหนึ่ง ตามประสาตาหลานคุยกันดูเผินๆค่อนข้างรักกันดี
แต่แววตาของนายปกรณ์เหมือนมีอะไรบางอย่างซ้อนอยู่
สักพักหนึ่งยิ่งยศก็หันไปพยักหน้าและพูดว่า”บอกทุกคนทำตามที่ฉันสั่ง..ไป”เหมือนเป็นการบอกอะไรบางอย่างให้คนรับใช้ที่นั่งอยู่กับพื้นซึ่งไม่ห่างจากปกรณ์มากนัก หรือป้าที่พาปกรณ์เข้ามาพบยิ่งยศนั่นเอง “ ค่ะคุณยิ่ง”
นี่พวกหล่อน....วันนี้นะจะมีงานเลี้ยงฉลอง
ซึ่งคุณยิ่งจัดเลี้ยงต้อนรับคุณปกรณ์กลับมา หลานชายคนโปรดของท่านนะ
เสียงของป้าแก้วที่เดินเข้ามาบอกแม่ครัวสี่ถึงห้าคนที่กำลังทำอาหารอยู่”วันนี้จัดอาหราเป็นพิเศษนะ” น้าใสซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของนายกรัฐมนตรีร่อนเป็นลูกเพื่อนของยิ่งยศ(ไม่ค่อยลงลอยกับเด็กสาวคิรา อาจเป็นเพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาและผิวพรรณที่กินกันไม่ลงเลยทีเดียว ความคิดต่างกันและอีกอย่างที่ต่างก็คือ คนหนึ่งสวยด้วยมีดหมอ อีกคนสวยเพราะธรรมชาติสร้าง แต่สาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่มาพบปะกันบ่อยเนื่องมาจากความสนิทสนมของผู้ใหญ่) ใส่เสื้อเกาะอกโชว์แผ่นหลังอันขาวเนียน กระโปรงสั้นขาเรียวยาวริมผีปากแดงมีผ้าคุมไหล่เล็กน้อยดูมีสไตล์ในแบบแรงๆของหร่อนซึ่งเข้ากับเกลียวผมที่เป็นลอน
รับกับใบหน้าอันสวยหรูเดินผ่านมาได้ยินเข้าพอดี”ใครค่ะ.....ป้าแก้ว น้ำใสถามด้วยน้ำเสียงสงสัยและอยากรู้ตามนิสัยของเจ้าตัว”อ้าวคุณน้ำใส.!.มาตั้งแต่เมื่อไหล่ค่ะ”เออ.....น้ำใส
อ๋อพอดีน้ำใสทำขนม
ก็เลยแวะเอาขนมมาให้คุณยิ่งลองชิม
“ป้าแก้วยังไม่ได้ตอบคำถามของน้ำใสเลยนะค่ะ ป้าพูดถึงใครค่ะ”น้ำใสลืมเรื่องขนมไปเลย “ค่ะ
ป้าหมายถึงคุณปกรณ์
หลานชายของคุณยิ่งที่เพิ่งกลับมาเมื่อสักครู่นี่เองค่ะ”เออคุณใสมีอะไรรึเปร่าค่ะป้าแก้วเอ่ยถาม
เปล่าค่ะเดี่ยวป้าเอาขนมใส่ชามแล้วเอาให้คุณยิ่งชิมด้วยนะค่ะ
คือใสแวะเอาขนมมาให้เฉยๆหนะ หลังพูดจบน้ำใสก็เดินขึ้นรถด้วยความรีบเมื่อเธอนึกได้ว่าธุระต้องไปทำ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น